War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2200

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2200 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,200 : ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
 
 
สมบัติเทวะนั้น เป็นสมบัติที่สามารถก่อเกิดจิตวิญญาณที่มีความนึกคิดขึ้นมาได้เอง! เรียกว่ามันสามารถก่อเกิดสำนึกเทวะขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง!!
 
และเนื่องจากอุบัติขึ้นมาจากสมบัติเทวะ เช่นนั้นจึงเรียกขานกันว่าจิตวิญญาณสถิตย์เทวสมบัติ!
 
ส่วนยอดสมบัติสวรรค์นั้น ในฐานะที่เป็นเพียงแค่สมบัติสวรรค์ จึงไม่อาจอุบัติสำนึกเทวะหรือจิตวิญญาณอะไรขึ้นมาเองได้ หากจะให้ยอดสมบัติสวรรค์มีจิตวิญญาณสถิตย์อยู่ ก็ทำได้แค่ไปจับผู้ใดมากักขังเอาไว้ในสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นเท่านั้น
 
เช่นเดียวกับผู้เฒ่าหั่ว ที่ถูกกักขังไว้ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ สุดท้ายจึงเป็นดั่งจิตวิญญาณของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
 
วิญญาณที่สถิตย์อยู่ในยอดสมบัติสวรรค์อย่างผู้เฒ่าหั่ว เรียกอีกอย่างว่า จิตวิญญาณประจำสมบัติ
 
ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณประจำสมบัติเดิมทีจะไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับสมบัติสวรรค์ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกตัววออกจากสมบัติสวรรค์ เว้นเสียแต่เจ้าของสมบัติสวรรค์ชิ้นนั้นๆ จะทำการปลดปล่อยออกมา…
 
ส่วนจิตวิญญาณสถิตย์เทวสมบัตินั้น เป็นวิญญาณที่ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยตัวเอง มีอิสระที่จะออกจากสมบัติเทวะ กระทั่งยังสามารถไปได้ทุกที่ๆอยากไป
 
ถึงแม้ทั้งสองจะคล้ายๆกันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันเลย
 
เมื่อจิตวิญญาณประเภทแรกเจอกับประเภทหลัง ก็มีแต่จะถูกสะกดข่มเอาไว้ทุกทาง
 
เช่นเดียวกับผู้เฒ่าหั่ว ที่เป็นเพียงจิตวิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแห่งนี้ ต่อหน้าวิญญาณกระบี่กวงหลิง ที่เป็นจิตวิญญาณสถิตย์ ‘กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญ’ ก็ไม่มีแม้แต่พลังอำนาจจะต่อต้านอะไร ยังถูกสะกดกข่มให้หวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งของวิญญาณ!
 
“ใต้เท้า…ท่าน…ท่านคือจิตวิญญาณของกระบี่ผลาญฟ้าอาสัญจริงๆหรือ!?”
 
เมื่อคิดถึงต้นกำเนิดของตัวตนเบื้องหน้า ผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะลอบสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ มองไปยังวิญญาณกระบี่กวงหลิงเบื้องหน้าอีกครั้ง ในส่วนลึกของใจนอกจากหวาดกลัวแล้ว ยังบังเกิดความอิจฉาขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
 
“ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็เคยได้ยินเรื่องของข้ามาบ้าง…”
 
ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนก ผู้เป็นจิตวิญญาณสถิตย์กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญ กล่าวออกเสียงเบา
 
“ใต้เท้าเป็นถึงจิตวิญญาณสถิตย์กระบี่เทวะอันดับหนึ่งในระนาบเทวโลก…ข้าน้อยจักไม่รู้ได้อย่างไร?”
 
ผู้เฒ่าหั่วได้แต่เผยยิ้มเจื่อนๆ
 
กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญนั้น ให้มองไปทั่วทั้งระนาบเทวโลกทั้งมวลก็นับเป็นหนึ่งในสมบัติเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด
 
“กระบี่เทวะอันดับ 1 ในระนาบเทวโลก?”
 
ได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ชายหนุ่มในชุดแดงเลือดนกวิญญาณกระบี่กวงหลิงหยีตาลงเล็กน้อย ค่อยส่ายหัวไปมาพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้าจะออกจากระนาบเทวโลกมานานแล้วจริงๆ…จึงไม่รู้ว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้าได้ประมือกับ กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง สุดท้ายก็ได้แต่เสมอกัน”
 
“เช่นนั้นจึงไร้ซึ่งกระบี่เทวะอันดับ 1 อีกต่อไป มีเพียงกระบี่เทวะที่แข็งแกร่งที่สุด 2 เล่มเท่านั้น…”
 
กล่าวถึงจุดนี้ น้ำเสียงของวิญญาณกระบี่กวงหลิงก็เผยความทอดถอนออกมา
 
เดิมที่มันก็คือกระบี่เทวะอันดับ 1 ทว่าบัดนี้มีกระบี่เทวะอีกเล่มที่มีพลังอำนาจทัดเทียมกับมันแล้ว….
 
ยิ่งไปกว่านั้นศักยภาพของอีกฝ่ายยังเหนือล้ำกว่ามันมาก
 
หากมันยังไม่อาจก้าวหน้าอะไร เกรงว่าวันที่อีกฝ่ายจะก้าวข้ามมันไปก็คงอีกไม่นาน
 
“กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง?”
 
ได้ยินวาจานี้ของชายหนุ่มชุดแดงผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะตกใจ
 
กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง นั่นไม่ใช่ ‘กระบี่เซียนหยวน’ ของ ‘กงซุนเซียนหยวน’ จากอวี้หวงเทียนรึไง?!
 
แต่ไม่ใช่ว่า…
 
กระบี่เซียนหยวนนั้นเป็นแค่ยอดสมบัติสวรรค์หรือไร!?
 
แล้วไฉนอยู่ดีๆถึงกลายเป็นกระบี่เทวะได้เล่า? แถมยังเรียกกระบี่เซียนหยวนเหยียนหวงอีก?
 
“หากข้าจำไม่ผิด…กงซุนเซียนหยวน กับกระบี่เซียนหยวนเหยียนหวงในมือของมัน ก็มาจาก อวี้หวงเทียน ของเจ้าไม่ใช่หรือไร?”
 
เสียงของวิญญาณกระบี่กวงหลิงดังขึ้นอีกครั้ง
 
“มิผิด”
 
ได้ยินคำของวิญญาณกระบี่กวงหลิง ผู้เฒ่าหั่วพลันรู้สึกตัว ก่อนที่จะเร่งพยักหน้าตอบกลับ ขณะเดียวกันในใจก็คล้ายจะบังเกิดมรสุมปั่นป่วน
 
เพราะมันสามารถตระหนักได้ถึงเรื่องราวประการหนึ่งจากอีกฝ่าย…
 
กระบี่เซียนหยวนเหยียนหวง ก็คือกระบี่เซียนหยวนที่มันรู้จักจริงๆ!
 
ผู้เฒ่าหั่วไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตระดับนี้ขึ้นในตอนที่มันออกจากระนาบเทวโลก
 
ยอดสมบัติสวรรค์ของกงซุนเซียนหยวน…กระบี่เซียนหยวนนั้น ไม่เพียงแต่จะยกระดับจากยอดสมบัติสวรรค์กลายเป็นสมบัติเทวะไปแล้ว แต่ยังสามารถประชันขันแข่งกับกระบี่เทวะอันดับ 1 อย่างกระบี่ฟ้าอาสัญได้อีก! ถึงขั้นใช้นามกระบี่เทวะที่แข็งแกร่งที่สุด 2 เล่มในระนาบเทวโลกร่วมกัน!
 
“ตอนนี้ใช่เจ้ากำลังอยากรู้หรือไม่…ว่าไฉนข้าถึงมาปรากฏในระนาบโลกียะแห่งนี้?”
 
ทันใดนั้นเองวิญญารกระบี่กวงหลิงพลันกล่าวถามออกมา
 
ผู้เฒ่าหั่วก็เร่งพยักหน้ารับทันที
 
มันเองก็อยากรู้เรื่องงนี้นัก
 
กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญ จะอย่างไรก็เป็นกระบี่เทวะที่ไม่เป็นรองกระบี่เทวะเล่มใดในระนาบเทวโลกทั้งมวล ถึงแม้ตอนนี้จะมีกระบี่เซียนหยวนเหยียนหวงทัดเทียม ก็ไม่ใช่ว่าพลังอำนาจของมันจะอ่อนด้อยลงแต่อย่างใด
 
ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ใช้กระบี่ผลาญฟ้าอาสัญด้วยซ้ำ ลำพังแค่จิตวิญญาณสถิตย์กระบี่เทวะอย่าง วิญญาณกระบี่กวงหลิงผู้นี้ ก็นับเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างยิ่งในระนาบเทวโลก
 
ตัวตนระดับนี้มาปรากฏกายในระนาบโลกียะแสนต้อยต่ำ ไหนเลยผู้เฒ่าหั่วจะไม่บังเกิดความอยากรู้ได้?
 
แน่นอนว่าผู้เฒ่าหั่วไม่ได้แปลกใจเลยว่าไฉนอีกฝ่ายสามารถมาปรากฏตัวในระนาบโลกียะเช่นนี้ได้
 
ตัวตนอันเป็นวิญญาณสถิตย์เทวสมบัติ อย่างวิญญาณกระบี่กวงหลิงผู้เป็นจิตวิญญาณของกระบี่ผลาญฟ้าอาสัญนั้น…ทรงพลังนัก! แข็งแกร่งจนถึงขั้นฉีกมิติทลายความว่างเปล่าได้ง่ายดาย สามารถท่องไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งระนาบโลกียะทั้งมวลได้อย่างอิสระ….
 
“ที่ข้ามาที่นี่ครั้งนี้…เพราะเจ้านายคนปัจจุบันของเจ้า”
 
วิญญาณกระบี่กวงหลิงกล่าว
 
ฟืด!
 
แทบจะพร้อมกันกกับที่ชายหนุ่มในชุดสีแดงเลือดนกกล่าว ผู้เฒ่าหั่วอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก ยังแผ่สำนึกเทวะออกไปหยุดอยู่บนร่างชายหนุ่มชุดม่วงด้านนอกเจดีย์อย่างไม่รู้ตัว
 
ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้คือเจ้านายคนปัจจุบันของมัน
 
ต้วนหลิงเทียน!
 
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้ภายในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเกิดเรื่องอะไรขึ้น
 
เพราะตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มคนของลัทธิอารามทมิฬ พร้อมกับผู้พิทักษ์อีก 4 คนของลัทธิบูชาไฟ
 
กลุ่มคนของลัทธิอารามทมิฬที่นำโดยมหาธรรมราชาทั้ง 2 ก็กำลังมองมายังร่างต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง!
 
แววตาของพวกมันไม่ปกปิดจิตสังหารแม้แต่น้อย!
 
เรียกว่าบรรยากาศระหว่าง 2 ฝ่ายช่างคลุ้งกลิ่นดินปืนนัก!
 
ราวกับพร้อมจะปะทุระเบิดฆ่าฟันกันได้ทุกเวลา!
 
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
 
เสียงแหวกฝ่าสายลม 2 เสียงดังขึ้นจากด้านหลังกกลุ่มต้วนหลิงเทียน ไม่นานก็ปรากฏร่าง 2 ร่างที่พึ่งเหินมาถึง
 
“ท่านผู้พิทักษ์ทั้ง 5 ให้พวกเราช่วยพวกท่านอีกแรง!”
 
สองคนที่พึ่งมาถึงนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นรองจ้าวลัทธิบูชาไฟทั้ง 2 หลังจากที่พวกมันมาถึง สายตาก็จับจ้องไปยังรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬ 2 คนเขม็ง!
 
การปรากฏตัวของรองจ้าวลัทธิบูชาไฟทั้ง 2 ด้านมหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬไม่ได้ให้ความสนใจอะไรแม้แต่น้อย
 
ทว่าสำหรับรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬแล้ว พวกมันสองคนบังเกิดความโล่งใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
 
เพราะถ้ารองจ้าวลัทธิบูชาไฟไม่ปรากฏตัวขึ้น เช่นนั้นพวกมันก็ได้แต่ประมือกับผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟแล้ว ทว่าพลังฝึกปรือของพวกมันนั้นก็เพียงแค่เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน จะไปสู้รบปรบมืออะไรกับชนชั้นผู้พิทักษ์ได้?
 
แค่นึกพวกมันก็ละเหี่ยใจแล้ว!
 
ทว่าตอนนี้พอรองจ้าวลัทธิบูชาไฟปรากฏตัวขึ้นมา พวกกมันรู้สึกเสมือนได้ยกหินออกจากอก! มีคู่มือที่เหมาะสม!!
 
แน่นอนว่าในสายตาของมหาธรรมราชาทั้ง 2 ของลัทธิอารามทมิฬเอง รองจ้าวลัทธิบูชาไฟที่พึ่งมาก็ไม่ได้อยู่ในสายตาพวกมันเลยเช่นกัน
 
การประมือระหว่างตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น ไม่ใช่อะไรที่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนอย่างรองจ้าวลัทธิบูชาไฟที่พึ่งมาทั้ง 2 จะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้
 
เผชิญหน้ากับเรื่องราวที่บังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปเหนือคาดตรงหน้า สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนก็ยังสงบไม่แยแส ไม่ได้แลดูทุกข์ร้อนอะไรราวกับต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าเขาก็ไม่ขยับ
 
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ตอนนี้หล่างเชียนจินไม่อยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ ต่อให้มันอยู่เขายังต้องกลัวด้วยหรือ?!
 
ที่จริงตอนแรกเขาได้เตรียมรับมือสถานการณ์เลวร้ายที่สุด อย่างการต้องเจอกับหล่างเชียนจินเอาไว้แล้ว…
 
แต่ทว่าจ้าวลัทธิบูชาไฟได้ล่อมันออกไป ทำให้เขาเพียงเผชิญหน้ากับชนชั้นมหาธรรมราชาและรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬเท่านั้น!
 
ต้องทราบด้วยว่าในตอนที่เขาวางแผนว่าอาจจะเจอสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด! เขาถึงกับจินตนาการไปว่าถ้าเจอหล่างเชียนจินกับที่เหลือกลุ้มรุมเขาจะหนีอย่างไรด้วยซ้ำ…
 
จากคำโกหกหลอกลวงก่อนหน้าที่หล่างเชียนจินประกาศออกมา ทำให้เขารู้ดีว่าหล่างเชียนจินมันหมายตาสมบัติในตัวเขาขนาดไหน
 
แน่นอนต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าหล่างเชียนจินไม่ได้มุ่งหวังจะครอบครองตราผนึกมารของเขา และเรื่องนี้เขาทราบจากเรื่องที่มันกล่าวว่าจะสาบานกับถังซวนก่อนหน้านี้…
 
สิ่งที่อีกฝ่ายสนใจสมควรเป็นกระบี่นิลสวรรค์ของเขา ที่มันเข้าใจว่าเป็นกระบี่ไร้ลักษณ์!
 
เทียบกับตราผนึกมารที่ใช้ได้แต่กับผู้ฝึกมารและเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว กระบี่ไร้ลักษณ์เป็นอะไรที่ครอบคลุมกว่ามาก เช่นนั้นหากเลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็สมควรเลือกกระบี่ไร้ลักษณ์ก่อนทั้งสิ้น!
 
‘หากถังซวนเลือกละทิ้งข้า เดิมทีก็จะคิดใช้ความโลภของหล่างเชียนจินเพื่อจัดการตัวมันเอง..เพียงกล่าวหลอกว่าซุกซ่อนของดีไว้ที่อื่นแล้วหาโอกาสใช้เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติให้ดีเหมือนครั้งตี้ยง ไม่พ้นแพะชราที่ละความโลภไม่ได้อย่างมันต้องหลงกลแน่…’
 
‘และหากล่อลวงมันเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้จริง ผู้เฒ่าหั่วคงสามารถฆ่ามันให้ตายได้อย่างง่ายดาย…’
 
‘ขอเพียงมันตายไปสักคน…ที่เหลือในลัทธิอารามทมิฬยังจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้อีก…’
 
นี่คือสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนตระเตรียมไว้ตั้งแต่แรก
 
ทันทีที่เขาได้ยินว่าผู้ที่มาเรียกร้องหาตัวเขาคือหล่างเชียนจินอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ เขาก็ได้เริ่มวางแผนรับมือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว
 
ใช้ความโลภของมันเองหลอกล่อมันให้เข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!
 
ไฉนเขาถึงมั่นใจว่าจะสำเร็จน่ะหรือ? กระทั่งแค่กระบี่ไร้ลักษณ์นั่นมันยังกล้าลดตัวมาประกาศหลอกคนทั้งแผ่นดิน! แล้วถ้ามันเจอสิ่งที่เหนือล้ำกกว่ากระบี่ไร้ลักษณ์ไปคนละโลกกอย่างกระบี่นิลสวรรค์เล่า? ไหนจะยังยอดสมบัติชิ้นอื่นในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ กระทั่งตัวเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเองอีก?
 
ต่อให้หล่างเชียนจินจะระแวงไม่กล้าเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติในตอนแรก แต่ถ้าเขาใส่ของไว้ในเจดีย์แล้วกล่าวสาบานว่าไม่มีวันที่มันจะได้สิ่งใดหากไม่เข้าไปในเจดีย์ล่ะ? ถึงตอนนั้นมันจะไม่คิดเข้าไปจริงหรือ? กระทั่งด้วยฐานะยอดฝีมืออันดับ 2 เช่นมัน มันยังต้องกลัวเขาเล่นตุกติกทำร้ายมันด้วยหรือ?
 
ทุกขั้นตอนต้วนหลิงเทียนได้คำนวณเอาไว้หมดแล้ว
 
ดังนั้นเขาไม่กลัวแม้กระทั่งหากถังซวนกับผู้พิทักษ์ทั้ง 4 จะละทิ้งเขาแล้วไม่ออกมาช่วยเหลือด้วยซ้ำ
 
และหากหล่างเชียนจินยังอยู่ตอนนี้ บางทีเขาอาจจะยังบังเกิดอากการหวั่นเกรงอยู่บ้างว่ามันอาจจะไม่โลภอะไร แล้วคิดฆ่าเขาอย่างเดียว…
 
ทว่าตอนนี้ไม่เพียงหล่างเชียนจินยังเผยความโลภออกชัดแถมมันกลับไม่อยู่ที่นี่! รวมถึงยังมีผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟอยู่ช่วยเหลือเขาด้วยซ้ำ กับอีแค่คนของลัทธิอารามทมิฬยังจะนับเป็นอะไรได้?
 
ให้มีเขาคนเดียวสู้กับพวกมันยังไม่กลัว แล้วตอนนี้เขายังต้องกลัวอะไร?!
 
“ผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว ผู้พิทักษ์หงอวิ๋น และผู้พิทักษ์เหลิ่งอิง…”
 
ตอนนี้เอง จ้าวลัทธิอารามทมิฬพลันหันมองไปยังผู้พิทักษ์อีก 4 คนยกเว้นต้วนหลิงเทียนด้วยประกายตาคมกล้า
 
“วันนี้พวกเราลัทธิอารามทมิฬคิดสะสางความแค้นระหว่างพวกเรากับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น…ข้าหวังว่าผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ท่านจะไม่สอดมือ…”
 
“หาไม่แล้วข้าเองก็มิอาจรับประกันความปลอดภัยของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ได้…”
 
วาจาของจ้าวลัทธิอารามทมิฬนั้น ท้ายประโยคเรียกว่ายกตนข่มท่านอย่างแรง ทำราวกับมันสามารถลิขิตความเป็นตายของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ได้…
 
“ฮ่าๆๆๆ…!!!”
 
เหลิ่งอิงอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น หลังได้ยินคำจ้าวลัทธิอารามทมิฬ
 
ต้วนหลิงเทียนเองก็เอียงคอโค้งคิ้วด้วยสงสัย ด้วยไม่ทราบจริงๆว่าจ้าวลัทธิอารามทมิฬไปเอาความมั่นใจมาจากไหน…
 
คนอื่นๆก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน
 
จ้าวลัทธิอารามทมิฬผู้นี้ มีพลังอำนาจถึงขั้นลิขิตความเป็นตายพวกมันได้ด้วย?
 
ถึงแม้ว่าลัทธิอารามทมิฬจะมี 2 มหาธรรมราชาผู้เป็นขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน และลัทธิบูชาไฟมีเพียงผู้พิทักษ์สื่อเฟิงที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแค่คนเดียวแถมอ่อนด้อยกว่าพวกมันทั้งคู่เล็กน้อย…
 
ทว่าลัทธิบูชาไฟของพวกมันยังมี ผู้พิทักษ์หลิงเทียน!!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด