Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1433

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1433 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

จางชิงที่กำลังจะขึ้นไปยังยอดเขาต้องหยุดชะงัก เขาอ้าปากค้างด้วยความรู้สึกไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่ใช่แค่เขา ทุกคนล้วนแต่ตกตะลึงกันทั้งหมด
ทุกคนมองไปยังหลิวซื่อเหวียนที่หลายเป็นหมอกโลหิตและชำเลืองไปยังหลิงฮันที่ดึงหมัดกลับ
หลิวซื่อเหวียนคือน้องชายของหลิวจวินเทียน!
ณ ที่นี่มีคนอย่างน้อยร้อยคนที่สามารถสังหารหลิวซื่อเหวียนได้ แต่ถึงอย่างนั้นแม้จะถูกหลิวซื่อเหวียนดูถูกพวกเขาก็ต้องจำใจยอมรับอย่างไม่อาจตอบโต้เนื่องจากตัวตนของหลิวจวินเทียน
แต่ตอนนี้กลับมีใครบางคนกล้าสังหารของชายของหลิวจวินเทียน… แบบนี้ท้องฟ้าจะต้องถล่มลงมาเป็นแน่!
จบสิ้นแล้ว… มีความเป็นไปได้สูงมากที่หลิวจวินเทียนจะสังหารพวกเขาทั้งหมดเพื่อระบายความโกรธ
ใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ทีนี้พวกเขาจะทำอย่างไรดี?
“จะ จะ เจ้ากล้า!” จางชิงพูดติดอ่าง ต่อให้หลิงฮันเป็นราชาเหมือนกันก็ตาม แต่การที่เขาสังหารน้องชายของราชาอีกคนถือว่าเป็นการยั่วยุที่เหยียดหยามอย่างมาก
นี่เจ้าเป็นใครมาจากไหน เจ้าไม่ได้ยินที่พวกข้าพูดรึไงว่าหลิวจวินเทียนคือราชาระดับสอง
ระดับสอง!
ทั่วจักรวาลจะมีราชาระดับสองซักกี่คนกันเชียว?
หลิงฮันไม่แยแส หลิวซื่อเหวียนกล้าเอ่ยถึงจักรพรรดินีและสตรีนกอมตะสวรรค์ด้วยคำพูดสกปรก มีรึที่เขาจะยอมทนอยู่เฉย? อย่าว่าแต่หลิวซื่อเหวียนเลย ต่อให้เป็นหลิวจวินเทียนเขาก็ไม่ลังเลที่จะลงมือ
“ไปกันเถอะ” กลุ่มของพวกหลิงฮันมุ่งหน้าขึ้นภูเขา
สังหารน้องชายของหลิวจวินเทียนไปแล้วยังกล้าขึ้นไปบนยอดเขาอีก?
เจ้าคิดว่าตัวเองต่อกรกับหลิวจวินเทียนได้?
ถึงแม้หลิวจวินเทียนจะยังมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับดาราขั้นกลาง แต่เขาถูกขนานนามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลหลิวแถมแม้กระทั่งเซียนก็ยังเอ่ยชม พลังต่อสู้ของเขานั้นสามารถอธิบายได้เพียงคำว่า ‘ไร้พูดใดต้านทาน’
ชางจิงแน่นิ่งพูดอะไรไม่ออก ถึงแม้เขาจะต้องการจะให้หลิงฮันตาย แต่เขาก็อดไม่ที่จะนับถือหลิงฮัน ความกล้าหาญเช่นนั้นคือสิ่งที่ราชาพึงมี ‘ข้าจะทำสิ่งที่ข้าต้องการโดยไม่สนใจผู้ใด’
กลุ่มของหลิงฮันหกคนเดินขึ้นไปบนภูเขาด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“อะไร นี่ข้าเห็นผีอยู่รึเปล่า?”
“ข้าเองก็เหมือนกัน?”
“เหลือเชื่อ!”
ทุกคนอุทานด้วยน้ำเสียงหวาดผวา “พวกเขาสามารถเดินขึ้นไปบนภูเขาได้กันทั้งหกคน แถมยังดูไม่ลำบากอีกด้วย!”
“ทั้งหกคนคือราชา!”
“พระเจ้า!”
ทุกคนเอามือกุมหัว การที่ทั้งหกคนเป็นราชากันทั้งหมดคือเรื่องที่น่าเหลือเกินเชื่อไป!
แน่นอนว่าบนยอดเขานั้นมีราชาอยู่มากกว่าหกคน แต่พวกเขาล้วนแต่มาที่นี่เพียงคนเดียว อย่างมากก็มีผู้ติดตามมาด้วย ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าจักรพรรดิพิรุณและคนอื่นๆเป็นผู้ติดตามของหลิงฮัน
จางชิงเองก็ตะเกียกตะกายเดินขึ้นภูเขาไปเช่นกัน แต่ท่าทีของเขานั้นดูลำบากเป็นอย่างมาก ระยะห่างของเขากับพวกหลิงฮันเองก็ค่อยๆห่างขึ้นเรื่อยๆ
พวกเขาไม่รู้ว่ายังมีติงผิงกับจิ่วเยาอยู่อีกที่เป็นราชา แต่เนื่องจากทั้งสองยังไม่ทะลวงผ่านระดับดาราจึงไม่สามารถขึ้นไปยังยอดเขาได้ หากพวกเขารู้ล่ะก็ใบหน้าของแต่ละคนจะตกตะลึงยิ่งกว่านี้แน่นอน
“พวกเขามาจากเขตดวงดาวใดกันแน่ เขตดวงดาวนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักที่มีราชาถือกำเนิดมากมายขนาดนั้น!”
“บางทีรุ่นเยาว์ผู้นั้นก็อาจจะเป็นราชาระดับสองเช่นกัน? เพราะงั้นแล้วเขาจึงไม่เกรงกลัวหลิวจวินเทียน”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ราชาระดับสองจะโผล่มาง่ายๆได้อย่างไร ในจำนวนของราชาทั้งหมดราชาระดับสองนั้นมีไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนด้วยซ้ำ”
ผู้คนที่ตีนเขาถกเถียงกันอย่างออกรส แน่นอนว่าพวกเขาอยากเห็นการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนยอดเขาเป็นอย่างมาก ตราบใดที่จางชิงนำข่าวการตายของหลิวซื่อเหวียนไปบอกหลิวจวินเทียน การต่อสู้นองเลือดของราชาจะต้องเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่ใช่การประลองแลกเปลี่ยนแต่เป็นการต่อสู้เป็นตาย!
……
“น่าสนใจไม่เลว ลมที่พัดอยู่บนภูเขาลูกนี้ก่อให้เกิดแรงกดดันบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตวิญญาณ” หลิงฮันกล่าว
“นี่คืออำนาจของเซียน” เซียนหวู่เซียงกล่าวด้วยท่าทีทรงภูมิ “อำนาจที่ว่าได้กำหนดให้มีเพียงอัจฉริยะระดับราชาเท่านั้นถึงจะสามารถขึ้นไปบนยอดเขา”
“หากขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์จะสามารถต้านทานแรงกดดันได้ แต่ถ้าหากขัดเกลาขั้นสมบูรณ์ได้ถึงสองระดับจะสามารถเมินเฉยต่อแรงกดดันที่ว่าได้เกือบทั้งหมด”
ในกลุ่มของพวกเขา คนที่มีท่าทีผ่อนคลายที่สุดคือจักรพรรดินี นางขัดเกลาขั้นสมบูรณ์สำเร็จถึงสามระดับซึ่งแม้แต่เซียนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้ หรือก็คือต่อให้เซียนซิงฉาผนึกพลังลงไปเหลือระดับดาราเขาก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดินี
สตรีนกอมตะสวรรค์ค่อนข้างลำบากเล็กน้อยเนื่องจากระดับพลังภูผาวารีของนางไม่ได้ถูกขัดเกลาให้บรรลุขั้นสมบูรณ์
พวกเขาไม่ได้เดินทางอย่างเร่งรีบผิดกับจางชิงที่พยายามวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ระยะห่างของพวกเขาก็ค่อยๆห่างไกลขึ้นเรื่อยจนในที่สุดก็ไม่สามารถมองเห็นร่างของจางชิง
หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป กลุ่มของหลิงฮันทั้งหกคนก็ขึ้นมาถึงจุดสูงสุดของภูเขา
ยอดของภูเขาลูกนี้ถูกตัดจนเป็นพื้นราบ แต่ดูจากร่องรอยที่เหลือแล้วรอยตัดนี้มีมากนานหลายปีแล้ว บางทีอาจจะเป็นฝีมือของเซียน บนยอดเขามีคนอยู่จำนวนสามสิบคนและมีเพียงสี่คนที่เป็นสตรี แต่ไม่ว่าจะเป็นสตรีหรือบุรุษทุกคนล้วนแต่งดงามและหล่อเหลา มีบางคนที่บริเวณศีรษะมีเขางอกออกมา หรือบางคนก็มีหางงอกออกมาจากบริเวณก้น บ้างก็มีปีกคู่หนึ่งงอกมาจากแผ่นหลัง
เหล่าราชากำลังพูดคุยกับถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ธาตุเพลิง แต่เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังขึ้นมายังยอดเขา พวกเขาก็หันหน้ามองไปยังพวกหลิงฮันทันทีพร้อมกับแสดงท่าทีตกตะลึง
กลุ่มคนที่มาใหม่มีกันอยู่ถึงหกคน ทั้งหกคนยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสียด้วย
ดูจากระยะที่พวกเขาเดินด้วยกันทั้งหกคนหกเป็นสหายกัน ไม่เช่นนั้นแล้วใครบางจะยอมให้ใครที่ไม่รู้จักมาเดินใกล้ชิดเช่นนั้น
“ชื่อของข้าคือกวนเหิง เป็นข้าที่จัดงานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้ขึ้น พวกเจ้าแต่ละคนมีชื่อแซ่ว่าอะไรกันบ้าง?” รุ่นเยาว์ที่มีปีกด้านหลังก้าวเดินออกมาด้วยใบหน้าที่ประดับไว้ด้วยรอยยิ้ม
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
แต่ทันใดนั้นเอง ร่างของจางชิงก็ค่อยๆปรากฏเข้ามาใกล้ เขาอ้าปากหอบอย่างเหน็ดเหนื่อยราวกับสุนัข ใบหน้าและทั่วร่างของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด