War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2186

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2186 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,186 : ความแข็งแกร่งของเหลิ่งอิง!
 
เดิมทีต่งหยวนจิ้นคิดว่า พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนสมควรแข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนชนชั้นสุดยอดฝีมือ ซึ่งแข็งแกร่งพอๆกันกับจ้าวหอคุมกฏอย่างเหลิ่งอิงของมัน…
 
เช่นนั้นแล้ว พอมันพบว่าจ้าวหอคุมกฏอย่าง เหลิ่งอิง ประสบความสำเร็จในการทะลวงไปยังขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน มันจึงคิดไปว่าเหลิ่งอิงสมควรกำราบต้วนหลิงเทียนได้อย่างง่ายดาย!
 
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนเรื่องที่มันคิดไว้จะผิดถนัด!
 
ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แค่เทียบได้กับสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเท่านั้น!
 
หากกความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนมีเท่านั้นจริงๆ ไฉนอีกฝ่ายถึงสะบั้นแขนมันต่อหน้าต่อตาเหลิ่งอิงได้อย่างง่ายดาย?
 
ถึงขั้นที่กระทั่งเหลิ่งอิงยังไม่แม้แต่จะทันได้ตอบสนอง!!
 
“ใต้เท้าจ้าวหอ!!”
 
ชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ ต่งหยวนจิ้นไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบแขนที่ขาดสะบั้นกลับมามันทำได้แค่ห้ามเลือดแล้วเร่งทะยานร่างออกไปด้วยความเร็วสุดชีวิต!
 
จนเมื่อมันไปหลบอยู่ด้านหลังเหลิ่งอิงได้แล้ว จึงค่อยระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
 
สำหรับมัน…
 
จ้าวหอคุมกฏ เหลิ่งอิง คือฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย!
 
หากกระทั่งจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงยังช่วยมันไม่ได้ วันนี้มันได้ตายแน่!!
 
“ต้วนหลิงเทียน!!”
 
ทันใดนั้นเหลิ่งอิงก็คำรามออกมาด้วยโทสะดังลั่น เรียกว่าตอนนี้มันโกรธถึงขีดสุดแล้วจริงๆ!
 
ครู่ต่อมาพลังเซียนต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลของเหลิ่งอิงก็ระเบิดออกมาปานฟ้าฟาด กลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงทะลักทลายออกจากร่าง! ก่อให้เกิดคลื่นพลังอันน่าหวั่นหวาดกวาดซัดออกไปดั่งพายุ โถมกระหน่ำใส่ทุกผู้คนเหนือฟ้า!!
 
บางคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยก็ถูกพัดปลิวละลิ่วปานเส้นฟางบางเบาต้องพายุ! จำต้องล่าถอยออกไปไกลห่าง!!
 
“นะ…นี่น่ะหรือ พลังความแข็งแกร่งของเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!”
 
หลังจากที่ทุกคนไม่ว่าจะกระเด็นไปหรือล่าถอยออกไปเอง…อยู่ห่างออกมาพอสมควรแล้ว ทั้งหมดก็หันไปมองจ้องเหลิ่งอิงจ้าวหอคุมกฏกอีกครั้ง! ในแววตานอกจากความเคารพยำเกรง ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!!
 
“ท่านจ้าวหอ…โมโหแล้วจริงๆ!”
 
จังหวะนี้พวกมันย่อมรับทราบอารมณ์ของจ้าวหอคุมกฏของพวกมันได้ชัดเจน
 
เหลิ่งอิงถลึงตามองต้วนลิงเทียนด้วยสายตาที่เย็นลงทุกขณะ
 
ต้วนหลิงเทียนหาญกล้าตัดแขนรองจ้าวหอคุมกฏต่อหน้าต่อตาจ้าวหอคุมกฏเช่นมัน เรื่องนี้นับว่าทำให้มันมีโทสะอย่างถึงขีดสุด!
 
ถึงแม้กระบี่บินเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจมาก แต่ก็ยังไม่ถึงจุดที่ทำให้มันหวาดกลัวจนไม่กล้าสู้!
 
หากเป็นก่อนหน้าวันนี้ หากมันต้องเผชิญหน้ากับกระบี่บินเมื่อครู่ของต้วนหลิงเทียน เกรงว่ามันคงหวาดกลัวจนไม่กล้าสู้ด้วยแล้วจริงๆ!
 
แต่วันนี้ด่านพลังฝึกปรือของมัน ได้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว!
 
ด้วยเวทย์พลังที่มันเชี่ยวชาญ ทั้งความมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเอง มันเชื่อว่า ณ เวลานี้ มันกระทั่งยังเหนือล้ำกว่าผู้พิทักษ์หงอวิ๋น 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์เสียอีก!
 
และมันมั่นใจว่าสามารถต่อกรรับมือยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้อย่างไม่เสียเปรียบ!
 
สำหรับเรื่องที่ไฉนเมื่อครู่มันอาจตอบสนองต่อกระบี่ของต้วนหลิงเทียนได้ทัน เป็นเพราะมันไม่คิดไม่ฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าลงมืออุกอาจแบบนี้!
 
พอมันรู้ตัว คิดจะช่วยต่งหยวนจิ้นก็สายไปเสียแล้ว…
 
ซู่มมม!!
 
หลังคำรามออกมา ร่างเหลิ่งอิงก็วูบหายไปทันที!!
 
ปงงง!!
 
และทันทีที่ร่างของมันอันตรธานหายไป เสียงสนั่นปานอุกกาบาตถล่มโลกพลันอุบัติขึ้น เป็นมันพุ่งร่างแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงล้ำจนอากาศแตกระเบิด!
 
สำหรับผู้ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย บัดนี้ปรากฏโลหิตไหลออกจากหู ท่าทางแก้วหูของพวกมันทั้ง 2 ข้างถึงกับแตกเพราะเสียงนั่น!
 
และในขณะที่ทะยานร่างออกไปด้วยความเร็วปานฟ้าผ่า เหลิ่งอิงยังใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนทันที! กลิ่นอายพลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างของมันพลันยกระดับ ทวีความร้ายกาจขึ้นในชั่วพริบตา!!
 
หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการยกระดับเพิ่มพูนพลังแล้ว บัดนี้กลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างเหลิ่งอิง แม้จะยกไปเปรียบเทียบกับเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยน ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากนัก!
 
นอกจากนั้นไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ในมือของเหลิ่งอิง ยังปรากฏหอกยาว 7 ฉื่อขึ้นมา! พลังเซียนต้นกำเนิดอันสุดไพศาลยังหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวหอกปานน้ำเชี่ยว…
 
ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง! ฮึง!
 

 
ตัวหอกเริ่มสั่นสะท้านไปอย่างแรง ความถี่ในการสั่นสะเทือนยังรวดเร็วจนบังเกิดเสียงอื้ออึงดังฝูงผึ้ง!
 
พริบตากลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าพรั่นพรึง ยังเริ่มกำจายออกมาสะท้านในบรรยากาศ!
 
“หอกพันอาคมเซียน!”
 
ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเล็กน้อย เขาทราบได้ทันทีว่าหอกในมือเหลิ่งอิงเป็นศาสตราพันอาคมเซียนเล่มหนึ่ง
 
“ต้วนหลิงเทียน แม้ข้ามิทราบว่าไฉนเจ้าถึงได้ถือครองพลังความแข็งแกร่งขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนได้ในเวลาไม่กี่ปี…แต่หากเจ้าคิดว่าอาศัยพลังฝีมือนี้ของเจ้า จักสามารถวางท่าไม่เห็นหัวหอคุมกฏของข้าได้ เจ้านับว่าผิดแล้ว!!”
 
วาจาของเหลิ่งอิงที่กล่าวช่างเย็นเยียบนัก ผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเสมือนมีไอเย็นวาบผ่านร่างจนทำให้ร่างคล้ายจะกลายเป็นน้ำแข็ง!!
 
บางคนที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อย ยังตื่นตระหนกไป ด้วยคิดว่ากฤดูหนาวมาเยือนเสียแล้ว!
 
และพร้อมกันกับที่วาจาเยียบเย็นดังขึ้น ท่าร่างของมันก็แปรเปลี่ยนเป็นลี้ลับปานภูตผี หอกยังทิ่มแทงออกมาด้วยสภาวะดุดันอหังการประหนึ่งมังกรเกรี้ยวกราด!!
 
ซู่มมม! วู้มมม!!
 
หอกพันอาคมเซียนยามทิ่มทะลวงเข้ามา สภาวะมันนับว่าไม่ต่างมังกรพิโรธที่กำลังเกรี้ยวกราดแล้วจริงๆ! กระบวนหอกอันเปี่ยมล้นไปด้วยความกระหายเลือด ทั้งอำมหิตถาโถมไปดั่งคลื่นทะเลหมายกลืนกินร่างต้วนหลิงเทียน!!
 
ฉากลักษณ์พลังฉาบหอกที่ไม่ต่างใดจากมังกรพิโรธทะยานข้ามฟ้าจี้เข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด พาลให้สีสันในโลกคล้ายจะหม่นหมองลงถนัดตา!
 
‘ไม่แปลกเลยที่จ้าวหอคุมกฏจะมั่นใจในตัวเองขนาดนี้…ถึงจะยกไปเทียบกับผู้พิทักษ์หงอวิ๋น ก็มีเพียงแต่จะแข็งแกร่งไม่มีอ่อนด้อยกว่า!’
 
‘สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเวทย์พลังสนับสนุนนั่นของมันดูท่าจะร้ายกาจกว่าเวทย์พลังสนับสนุนของผู้พิทักษ์หงอวิ๋น!’
 
‘บางทีตอนที่มันยังไม่ทันได้ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน พลังฝีมือของมันยังห่างชั้นเกินกว่าจะเทียบหงอวิ๋นได้…แต่ตอนนี้มันทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว ดูท่าหากมันเอาจริงแม้แต่หงอวิ๋นก็ไม่ใช่คู่มือมัน!’
 
ทันทีที่เหลิ่งอิงจู่โจมเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็ทราบต้นตอความมั่นใจของอีกฝ่ายทันที
 
เขาวัดพลังฝีมือของเหลิ่งอิงจากพลังฝีมือของหงอวิ๋น 1 ใน 3 ผู้พิทักษ์ที่เขาประมือด้วยก่อนหน้านี้และเอาชนะมาได้ เขาก็ทราบได้ทันทีว่าพลังฝีมือของเหลิ่งอิงสมควรเหนือกว่าหงอวิ๋น!
 
อย่างน้อยๆจากสภาวะร่างของเหลิ่งอิงตอนนี้ พลังอานุภาพก็นับว่ากล้าแข็งกว่าหงอวิ๋นไม่น้อย!!
 
‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงได้กล้าลงมืออยู่อีก หลังจากที่เห็นข้าใช้กระบี่บินอันมีพลังอำนาจทัดเทียมกับพลังสูงสุดของเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนตัดแขนต่งหยวนจิ้น…ที่แท้เพราะมันมั่นใจในพลังอำนาจของเวทย์พลังสนับสนุนนี้นี่เอง’
 
ห้วงเวลาเสี้ยวพริบตานี้ ความสงสัยมากมายในใจของต้วนหลิงเทียนล้วนได้รับกการเฉลยหมดสิ้น
 
พลังความแข็งแกร่งของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับเวทย์พลังที่เชี่ยวชาญ!หากเวทย์พลังที่เพาะสร้างเอาไว้ร้ายกาจ ก็ย่อมทำให้พลังฝีมือร้ายกาจขึ้นตามไปอย่างเห็นได้ชัด
 
และหากจะเทียบกันจนถึงรากฐานแล้ว ดูเหมือนเวทย์พลังทุกชนิดที่เหลิ่งอิงเพาะสร้าง น่ากลัวว่ายังมีระดับสูงยิ่งกว่าเวทย์พลังที่หงอวิ๋นเพาะสร้างเสียอีก
 
‘ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่ไฉนก่อนหน้านี้ จ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงถึงได้รับการกล่าวขานว่า ต่ำกว่าเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนไม่แพ้ สามารถถือครองอันดับ 1ขอบเขตเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนได้อย่างไร้ข้อกังขา…มันไม่ธรรมดาจริงๆ!’
 
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
 
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
 

 
ยิ่งร่างเหลิ่งอิงโจนทะยานแทงหอกเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ หอกพันอาคมเซียน ในมือของมัน ก็ยิ่งลี้ลับพิสดารมากขึ้นเท่านั้น แถมยังให้ความรู้สึกเสมือนตั้งอยู่ตรงหน้าแต่ไม่อาจจับต้อง! ความเร็วยิ่งมาก็ยิ่งกลายเป็นน่าสะพรึงกลัวนัก!!
 
ทุกที่ทางที่หอกทะลวงผ่าน ความว่างเปล่าราวกับถูกทะลวงจนระเบิดดังสนั่น!
 
เรียกว่าสภาวะร่างยามเหลิ่งอิงโจนทะยานจ้วงหอกออกมาเช่นนี้ ประหนึ่งมีเทพหอกจุติลงมายังโลกมนุษย์เพื่อเข่นฆ่าผู้คนแล้วจริงๆ!
 
ในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาดั่งอัสนีวาบฟ้า ประกายหนึ่งพลันแล่นผ่านความคิดต้วนหลิงเทียน แววตาแปรเปลี่ยนเป็นคมกล้าหาใดเปรียบ
 
‘วรยุทธ์หอกที่เหลิ่งอิงสำแดง ต่อให้ไม่ใช่วรยุทธ์เซียนที่ร้ายกาจที่สุดในระนาบโลกียะแต่ก็ยังคงห่างอีกไม่ไกล เข้าถึงความเรียบง่ายแต่ร้ายกาจ…พอผนวกเข้ากับเวทย์พลังจู่โจมรูปแบบเน้นเสริมพลังทะลวง ทำให้อานุภาพหอกถูกเสริมจุดเด่นไปถึงขีดสุด! เรียกว่าหอกนี้คงมีผู้ที่อยู่ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแค่ไม่กี่คนที่กล้ารับมันตรงๆ…’
 
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลง ในตาซ้ายยังปรากฏประกายแสงให้ความรู้สึกลี้ลับพิสดาร
 
แสงดังกล่าวนั้นมองไปคล้ายมังกรเทพยดากำลังหมุนวนรอบม่านตาเร็วจี๋ไม่รู้เหนื่อย
 
เป็นพลังอำนาจของม่านตาพิสดาร! สรรพสิ่งเสมือนกลายเป็นเชื่องช้าลงจนแทบหยุด ดั่งตกอยู่ในห้วงเวลาจักรพรรดิ! หอกที่ทิ่มทะลวงมาดั่งมังกรพิโรธอันเกรี้ยวกราด กลับช้าลงจนต้วนหลิงเทียนมีเวลามองออกถึงกลพลัง!!
 
“จ้าวหอเหลิ่ง ลงมือเต็มกำลังแล้ว!!”
 
ขณะเดียวกันด้านรองจ้าวหอคุมกฏ เจียงฉิน ไม่เว้นรองจ้าวหอคนอื่นๆ ก็เผยความเคร่งเครียดจริงจังออกมา ทั้งหมดแม้จะมองเรื่องราวตรงหน้าแทบไม่ทัน แต่จากกลิ่นอายพลัง พวกมันก็บอกได้ทันทีว่าบัดนี้จ้าวหอคุมกฏของพวกมันสมควรลงมือเต็มกำลัง!!
 
หากเป็นเมื่อก่อนมีใครมาบอกพวกมันว่า…
 
กับศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง แต่ เหลิ่งอิง จ้าวหอคุมกฏ ของพวกมันถึงกับต้องลงมือเต็มกำลังใช้ออกด้วยทุกสิ่งล่ะก็…
 
ให้เอามีดมาปาดคอพวกมันจนใกล้ตาย พวกมันก็ไม่มีทางเชื่อเรื่องราวเหลวไหลพรรค์นั้นเด็ดขาด!
 
ทว่าบัดนี้ความจริงตั้งอยู่ตรงหน้า ต่อให้พวกมันไม่อยากเชื่อเพียงใด แต่ก็ต้องเชื่อ!
 
“ใต้เท้าจ้าวหอ…”
 
ลอยร่างอยู่ด้านหลังเหลิ่งอิงที่โจนทะยานออกไปไม่ไกลนัก รองจ้าวหอคุมกฏ ต่งหยวนจิ้น บัดนี้มองฉากเรื่องราวเบื้องหน้าด้วยทีท่าเคร่งเครียดทั้งเป็นกังวลถึงขีดสุด ในใจยังลอบภาวนาให้จ้าวหอคุมกฏหล่งอิง สยบต้วนหลิงเทียนให้ได้ กระทั่งให้พลั้งมือแทงต้วนหลิงเทียนจนตายไปเลยได้ยิ่งดี!!
 
เพราะหากจ้าวหอเหลิ่งอิงชนะ มันก็รอด…
 
ถ้าต้วนหลิงเทียนชนะ มันตายสถานเดียว!!
 
‘ข้าเกลียดมันนัก! ไฉนก่อนหน้านี้ข้าไม่ลงมือฆ่ามันให้ตายๆไปเสีย! ทำไม!!’
 
วินาทีนี้ในใจของต่งหยวนจิ้นเต็มไปด้วยความเสียใจถึงที่สุด
 
ในกาลก่อนต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นตัวตนที่ไม่คู่ควรให้มันกล่าวถึง ไม่แม้แต่จะอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
 
กระทั่งในตอนนั้นมันยังคิดว่า การต้องลงมือกับต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง ยังเป็นความเสื่อมเสียอย่างถึงที่สุด!
 
ทว่าตอนนี้อดีต มด ตัวกระจ้อยในสายตาของมัน กลับมีพลังอำนาจที่สามารถบดขยี้มันจนแหลกได้อย่างง่ายดาย!
 
หากสวรรค์มอบโอกาสให้มันอีกสักครั้ง เพื่อให้มันย้อนกกลับไปในไม่กี่ปีที่แล้วล่ะก็…
 
มันจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นี้ โดยไม่สนว่าจะต้องจ่ายราคาออกไปมากมายเพียงใด! เพื่อตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้อีกฝ่ายกลายเป้นภัยคุกคามในอนาคต อย่างตอนนี้!!
 
อนิจจาใต้หล้าไม่มีโอสถรักษาอาการเสียใจ…โอกาสทั้งกาลเวลาก็เป็นดั่งสายน้ำที่ผ่านเลยไปแล้วไม่มีวันหวนคืน
 
และตอนนี้มันก็ทำได้แค่หวัง…ยังถึงกับต้องฝากความหวังทั้งหมดไว้กับจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิง! หวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถสยบต้วนหลิงเทียนลงได้ หาไม่แล้ววันนี้มันคงยากจะรอดพ้นชะตาดับอนาถ!!
 
“ท่านจ้าวหอเหลิ่ง กระบวนหอกท่านี้ของท่านนับว่าร้ายกาจจริงๆ…ข้าเชื่อว่าภายใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนคงมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่หาญกล้ารับกระบวนท่านี้ของท่าน…”
 
ทันใดนั้นเอง เสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นเข้าหูทุกผู้คน…
 
“น่าเสียดาย…ที่ในบรรดาตัวตนใต้เซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนที่ไม่อาจรับกระบวนท่านี้ของท่านได้ ไม่รวมข้า…”
 
สองประโยคนั้น ดังขึ้นแทบจะติดกันในห้วงเวลาชั่วพริบตา
 
และทันทีที่วาจาดังจบคำ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดอันได้รับการยกระดับเพิ่มพูนด้วยปฐมเวทย์กลืนกินทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนจนบรรลุถึงจุดสูงสุด พลันไหลเชี่ยวปานน้ำหลากผ่านชีพจรเซียน 99 สายถ่ายทอดลงสู่กระบี่พันอาคมเซียน…ที่ไม่ทราบหวนกลับสู่มือของเขาตั้งแต่ตอนไหน!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด