ตอนที่ 251-1 ข่าวดี

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 26 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“จวิ้นจู่ ให้นายท่านขึ้นมาเถิด เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายท่านจริงๆ หากท่านไม่หายโกรธ บ่าวจะไปแช่น้ำแทนนายท่าน” เจียงไป๋มองเจ้านายที่จมๆ ลอยๆ อยู่ในแม่น้ำ น่าสงสารยิ่งนัก/n /n /nเสิ่นเวยชายตามองเขาปราดหนึ่ง แค่นเสียงหนึ่งครา ไม่เอ่ยปาก/n /n /nเจียงเฮยกับเจียงไป๋ร้อนใจจนกระสับกระส่าย อยากจะกระโดดลงน้ำแทนเจ้านายของพวกเขาทันที แต่จวิ้นจู่ไม่เอ่ยปาก พวกเขาก็ไม่กล้า! นิสัยของจวิ้นจู่เหนียงเหนียง คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขาสองพี่น้องเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด ตั้งแต่พระราชโองการพระราชทานสมรสออกมา จวิ้นจู่ก็กินเจ้านายของพวกเขาจนเรียบ ได้ทุกอย่างตามใจจริงๆ!/n /n /n“จวิ้นจู่ บ่าวขอท่านล่ะ รีบให้นายท่านขึ้นมาเถิด! ร่างกายของนางท่านไม่ค่อยแข็งแรงนัก หากโดนความหนาวโดนลมเย็น คนที่สงสารก็ยังคงเป็นท่านมิใช่หรือ ท่านวางใจ หลังจากนี้บ่าวจะจับตาดู อย่าว่าแต่สตรี แม้แต่ยุงตัวเมียก็อย่าได้คิดจะเข้าใกล้นายท่าน” เจียงไป๋ร้องขอ/n /n /nเสิ่นเวยแค่นเสียงอีกครา มองสวีโย่วที่ถีบขาอยู่ในน้ำ/n /n /nสวีโย่วเห็นเสิ่นเวยมองมา ก็รีบส่งรอยยิ้มเอาใจที่น่าสงสารกลับมาให้นาง ท่าทางจนตรอกนั้นทำให้จิตใจของเสิ่นเวยอ่อนลงเล็กน้อย ถลึงตาใส่เจียงไป๋อย่างอารมณ์ไม่ดี “ยังไม่รีบเอานายของเจ้าขึ้นมาอีก รอข้าลงมือหรือไร”/n /n /nเจียงเฮยเจียงไป๋ดีใจใหญ่ “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” ทั้งสองกระโดดลงไปในน้ำช่วยสวีโย่วขึ้นมา/n /n /nสวีโย่วเปียกชุ่มไปทั่วทั้งร่าง เขาเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าหนึ่งครั้ง ขานชื่อด้วยท่าทีน่าสงสาร “เวยเวย” คิดอยากจะเข้าไปแต่กลับกังวลว่าจะทำให้เสื้อผ้าของนางเปียก/n /n /nเสิ่นเวยถลึงตามองเขาปราดหนึ่ง ชี้ไปข้างใน กล่าวอย่างปากแข็ง “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนชุดอีก ไม่สบายขึ้นมาอย่าหวังว่าข้าจะเชิญหมอมาให้ท่าน”/n /n /n“ที่แท้แล้วเวยเวยก็เป็นห่วงข้าเช่นนี้นี่เอง!” สวีโย่วยิ้มอย่างซื่อๆ ในใจดีใจยิ่งนัก! ยังคงเป็นเจียงเฮยเจียงไป๋สองพี่น้องที่กลัวว่าจะทำให้เสิ่นเวยเดือดดาลอีก จึงรีบพยุงเขาเดินเข้าไปข้างใน/n /n /nเมื่อสวีโย่วแช่น้ำร้อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาแล้ว หลีฮวาก็ยกน้ำขิงที่ต้มดีแล้วเข้ามาโดยไม่ต้องสั่ง เสิ่นเวยรับเข้ามาแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าสวีโย่ว กล่าวด้วยสีหน้าเฉยเมย “ดื่มซะ”/n /n /nสวีโย่วไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ยกน้ำขิงเข้ามาดื่มลงไปอย่างเชื่อฟัง ประหนึ่งกินน้ำหวาน/n /n /n“เวยเวย” สวีโย่วหน้าหนาเขิบเข้ามาใกล้เสิ่นเวย หลังจากถูกเสิ่นเวยผลักออกไปแล้วก็เขยิบเข้ามาอีก ผ่านไปหลายครั้ง เสิ่นเวยก็ปล่อยเขา ในที่สุดสวีโย่วก็กอดหญิงงามได้อย่างสมใจ “เวยเวย ไม่โกรธแล้วใช่หรือไม่”/n /n /nเสิ่นเวยแค่นเสียงหนึ่งครั้ง ชี้จมูกเขาแล้วกล่าว “ห้ามมีครั้งหน้าอีก” หากมีอีกครั้งนางจะไม่ถือสาให้เขามองดูวิธีที่โหดเ**้ยมยิ่งกว่านี้/n /n /nสวีโย่วรับปากด้วยความตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง “เชื่อฟังเวยเวย เจ้าให้ข้าไปขวา ข้าจะไม่ไปซ้าย เจ้าให้ข้าตีหมา ข้าจะไม่ไล่ไก่”/n /n /nเหล่าทหารคุ้มกันได้ยินคำสัญญาที่ชัดเจนของท่านผิงจวิ้นอ๋องผู้องอาจผ่าเผยที่ไม่กี่วันก่อนยังโหดเ**้ยมจนพวกเขากลัว ร่างทั้งร่างก็ลนลานทำตัวไม่ถูกอยู่ท่ามกลางสายลม/n /n /nซูหว่านหญิงนางโลมหอเสพสำราญที่ถูกเจียงไป๋ไล่ไปก็กัดริมฝีปากแน่น เล็บยาวๆ จิกเข้าไปในฝ่ามือ ดวงตาเต็มไปด้วยพยับเมฆที่หนาแน่น/n /n /nนึกถึงคำประณามที่ไม่เหลือเยื่อใยของบ่าวคนสนิทท่านจวิ้นอ๋องเมื่อครู่นี้ ดวงตาของซูหว่านก็แทบจะมีโลหิตหยดออกมา/n /n /nอันที่จริงนี่ก็โทษเจียงไป๋ไม่ได้จริงๆ เพราะว่าซูหว่านหอเสพสำราญอะไรผู้นี้ จวิ้นจู่จึงบันดาลโทสะกับนายของเขา ต่อให้ซูหว่านผู้นี้จะสวยดั่งนางฟ้า เจียงไป๋ก็ไม่ไว้หน้านางอยู่ดี!/n /n /nอับอาย นางไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน ขุนนางชั้นสูงผู้สูงศักดิ์มากน้อยกอบเงินมหาศาลเพียงเพื่อจะได้พบหน้านาง แต่วันนี้บ่าวเล็กๆ คนหนึ่งยังดุด่านางตามอำเภอใจ ไล่นางไปไกลๆ ได้นี่จะให้นางผู้ที่โอ้อวดทะนงตนยอมรับได้อย่างไร/n /n /n“คุณหนู!” อวี้เอ๋อร์สาวใช้ประจำตัวของซูหว่าน มองนางด้วยความกังวล คิดจะก้าวเข้าไป แต่กลับไม่กล้า “คุณหนู บ่าวว่าเรือสำราญลำนั้นจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ก็อยู่ อาจจะไม่ใช่เจตนาของผิงจวิ้นอ๋องก็ได้เจ้าค่ะ…”/n /n /nสบสายตาที่น่ากลัวของคุณหนู อวี้เอ๋อร์ก็ขนหัวลุก พูดไม่ออกแล้ว/n /n /n“ข้ารู้ เพราะจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ผู้นั้นใช้อำนาจบาตรใหญ่เกินไป นางคิดว่าทำเช่นนี้แล้วข้าจะพบผิงจวิ้นอ๋องไม่ได้งั้นหรือ” ในดวงตาคู่งามของซูหว่านมีความบ้าคลั่งแวบผ่าน/n /n /nเมื่อพบชายหนุ่มแซ่สวีก็อยากจะอยู่เคียงคู่ไปชั่วชีวิต ตั้งแต่ปีก่อนที่นางได้ยลโฉมหน้าอันโดดเด่นของผิงจวิ้นจู่ เบื้องลึกในใจก็มีเงาร่างที่งามสง่าเป็นราศีเงานั้นคืบคลานเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรก็ลืมไม่ลง เป็นถึงนางโลมหอเสพสำราญ นางมีใบหน้าที่งามเพริศแพร้ว ฝีมือด้านศิลปะโดดเด่น โดยเฉพาะดีดฉินได้ดีเป็นที่หนึ่ง บุตรหลานผู้มีอำนาจในเมืองหลวงต่างก็เข้ายึดพื้นที่ในหอเสพสำราญกว่าครึ่งปี เพื่อที่จะฟังบทเพลงของนาง/n /n /nดังนั้นนางจึงมีคุณสมบัติที่จะทะนงตน นางคิดว่าภรรยาเอกของผิงจวิ้นอ๋องนางเป็นไม่ได้ เป็นอี๋เหนียงอนุภรรยาก็คงเกินพอ ขอเพียงแค่นางสามารถเข้าใกล้ผิงจวิ้นอ๋องได้ นางก็มีวิธีทำให้ผิงจวิ้นอ๋องโปรดปรานนางเพียงคนเดียว เช่นนั้นเรือนหลังของผิงจวิ้นอ๋องไม่ใช่นางที่เป็นใหญ่หรอกหรือ นี่ดีกว่าชีวิตที่ต้องรับแขกส่งแขกที่หอเสพสำราญของนางเป็นหมื่นเท่า/n /n /nสำหรับคุณหนูสี่แซ่นเสิ่นของจวนจงอู่โหวผู้นั้นที่ได้รับพระราชทานสมรสกับผิงจวิ้นอ๋อง นางเองก็สืบข่าวมาแล้ว ก็แค่หญิงชาวบ้านที่เติบโตในชนบท ไหนเลยจะมีบุคลิกมารยาทได้เท่านาง แม้ว่าคุณหนูสี่แซ่เสิ่นผู้นี้จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นจวิ้นจู่ แต่นางก็ไม่ได้เห็นนางอยู่ในสายตา/n /n /nวันนี้นางอุส่าสืบได้ว่าผิงจวิ้นอ๋องจะมาล่องแม่น้ำไป๋เหอ นางทุ่มเทความคิดมากมายกว่าจะกล่อมให้แม่นมหยางพาออกมาจากหอ กุมหัวใจที่ตื่นเต้นดีใจหนึ่งดวงคิดจะถวายตัวเองให้ชายผู้นั้นที่เลื่อมใส แต่ใครจะรู้…นางคิดถึงสถานการณ์ที่ต้องเจอนับไม่ถ้วน สิ่งเดียวที่ไม่ได้คาดการณ์ก็คือผิงจวิ้นอ๋องคาดไม่ถึงว่าจะสั่งคนมาขับไล่นาง!/n /n /nไม่ นางไม่เชื่อ! นางไม่เชื่อเด็ดขาดว่าผิงจวิ้นอ๋องจะไร้เยื่อใยเช่นนี้!/n /n /nบุรุษผู้มีเรือนร่างที่สูงตระหง่านราวกับต้นสนเขียว ดวงตาดำลึก สว่างราวกับดาราบนนภา ไม่มีทางทำเช่นนี้ต่อนางแน่นอน ไม่ว่าชายคนใดที่เคยเห็นใบหน้าอันงดงามของนางล้วนไม่มีทางทำเช่นนี้ต่อนาง/n /n /nใช่แล้ว เป็นจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ที่หยาบคายผู้นั้นขวางผิงจวิ้นอ๋องไม่อนุญาตให้เจอนาง สตรีไร้คุณธรรมจริงๆ! เหอะ นางขวางตนได้หนึ่งครั้ง แต่จะขวางตนไปได้ตลอดงั้นหรือ/n /n /nสำหรับผิงจวิ้นอ๋องนางมีจิตใจปรารถนาแรงกล้า ดวงตาของซูหว่านมีประกายความแน่วแน่แวบผ่าน/n /n /n“มา เวยเวยลองชิมนี่สิ!” สวีโย่วยื่นเนื้อเสียบไม้ที่ย่างเสร็จแล้วในมือไปให้เสิ่นเวยด้วยความกระตือรือร้น เมื่อครู่เห็นเสิ่นเวยไม่มีความสุข เขาปวดใจยิ่งนัก วันนี้เป็นวันเกิดของเสิ่นเวย แต่กลับเป็นเพราะสตรีไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาทำให้เสิ่นเวยอามรมณ์ไม่ดี ในใจเขาเสียใจ/n /n /nเสิ่นเวยปรายตามองเขาปราดหนึ่ง กลับไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากอารมณ์กลุ่มนั้นผ่านไป สติปัญญาของเสิ่นเวยก็กลับมาอีกครั้ง รู้ตัวว่าว่าเมื่อครู่ตนงี่เง่าไร้เหตุผล แต่ตอนนั้นนางก็ควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่จริงๆ/n /n /nสวีโย่วเห็นเสิ่นเวยยอมสนใจเขาแล้ว ดีใจอย่างยิ่ง ปรนนิบัติด้วยความกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม ส่วนจิตใจที่เป็นกังวลของเจียงเฮยกับเจียงไป๋สองพี่น้องในที่สุดก็วางลงแล้ว และไม่คิดว่าพฤติกรรมทาสภรรยาของนายท่านพวกเขาจะขัดหูขัดตาอีกต่อไป รู้สึกเพียงขอแค่จวิ้นจู่ไม่ทรมานนายท่านพวกเขาอย่างสุดแรงเกิดก็พอแล้ว/n /n /nกินเนื้อย่างเสร็จเสิ่นเวยก็พิงอยู่บนร่างสวีโย่วอย่างเกียจคร้าน สายลมเบาพัดโชย สะลึมสะลืออยากจะหลับ/n /n /nสวีโย่วยกมือ หลีฮวาก็ส่งพรมหนาเข้ามาทันที สวีโย่วสะบัดออกคลุมลงบนร่างคนทั้งสอง เสิ่นเวยลืมตามองเล็กน้อยจากนั้นจึงกลับตาลงอีกครั้ง ไม่นานนัก เสียงลมหายใจที่เสมอกันก็ดังเข้าไปในหูสวีโย่ว สวีโย่วกอดหญิงงามในอ้อมอกแน่น สังเกตใบหน้าที่งดงามของนาง รู้สึกว่าชีวิตที่ราวกับเทพเทวดาก็เป็นเช่นนี้นี่เอง/n /n /nเสิ่นเวยนอนหลับคราวนี้ก็หลับไปหนึ่งชั่วยามกว่า ตอนที่นางตื่นขึ้นมาก็พบว่าสวีโย่วยังคงอยู่ในท่านั้นก่อนหน้านี้ ดวงตาของนางกะพริบวาบ เลียริมฝีปากกล่าว “เอาล่ะ ข้าให้อภัยท่านแล้ว” รู้ว่านางใจอ่อนจึงใช้แผนทรมานร่างกายกับนาง ไม่ใช่คนดีจริงๆ! “วันนี้โดยรวมแล้วข้ายังคงมีความสุขยิ่งนัก ออกมาเกินครึ่งวันแล้ว กลับกันเถอะ”/n /n /nสวีโย่วพยักหน้า หอมแก้มเสิ่นเวยเล็กน้อย “ได้ ตามใจเวยเวย” ขึ้นเสียงสั่งเจียงเฮยเจียงไป๋สองพี่น้องให้เปลี่ยนทิศหัวเรือ/n /n /nเรือสำราญเปลี่ยนทิศแล้ว เพิ่งจะออกมาได้สิบกว่าจั้ง ก็ได้ยินว่าข้างหลังมีเสียงคนตะโกนดัง “สวีโย่ว คนขี้โรค สวีโย่วเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้” เสียงกระหืดกระหอบ/n /n /nใครกล้าเรียกสวีโย่วว่าคนขี้โรคเช่นนั้น เสิ่นเวยมองไปข้างหลังอย่างอดสงสัยไม่ได้ เห็นเรือสำราญหนึ่งลำข้างหลังกำลังไล่ตามมา หัวเรือมีชายวัยหนุ่มสวมชุดสีฟ้าอ่อนยืนอยู่ ในมือโบกพัดพับได้ “นั่นใคร” เสิ่นเวยถามสวีโย่ว/n /n /n“ไม่ต้องสนใจ” สวีโย่วสั่งเจียงเฮยเจียงไป๋ให้ขับไปข้างหน้าต่ออย่างไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับ จากนั้นก็ก้มหน้าตอบคำถามของเสิ่นเวย “แค่คนไม่สำคัญก็เท่านั้น”/n /n /nเสิ่นเวยย่อมไม่เชื่อ แต่ว่านางก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเช่นกัน ขอเพียงแค่คนที่ตามมาข้างหลังไม่ใช่สตรีที่หมายปองสามีนางก็พอแล้ว ส่วนผู้ชายน่ะหรือ เสิ่นเวยรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้านั่นของสวีโย่วหันไปทางปกติจนไม่อาจปกติได้มากกว่านี้แล้ว/n /n /n“หยุด หยุด เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ได้ยินหรือไม่” คนผู้นั้นบนเรือสำราญข้างหลังก็ยิ่งกระหืดกระหอบ พลางสั่งคนขับเรือให้ไล่ตามโดยเร็ว พลางโมโหจนกระทืบเท้า/n /n /nทว่าฝั่งสวีโย่วกลับทำหูทวนลม เรือสำราญยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ราวกับคนที่ถูกตะโกนไม่ใช่เขา/n /n /n“สวีโย่ว ตัวข้าซื่อจื่อเรียกเจ้าไม่ได้ยินหรือ” ในที่สุดเรือสำราญข้างหลังก็ตามทันแล้ว ขนาบข้างกับเรือนสำราญลำที่เสิ่นเวยอยู่ พัดพับได้ในมือชายวัยหนุ่มผู้นั้นชี้ด่าสวีโย่ว/n /n /nคราวนี้เสิ่นเวยก็ยิ่งเห็นชายวัยหนุ่มผู้นี้ชัดเจนแล้ว นอกจากสวมชุดสีฟ้าอ่อนดึงดูดใจแล้ว บนสายรัดเอวยังเลี่ยมอัญมณีหยกงามที่เปล่งประกาย บนศีรษะสวมกวนหยก มือข้างนั้นที่ถือพัดพับได้ยังสวมแหวนวงใหญ่ที่ทอประกายแวววับสามอัน/n /n /nไอ๊หยา คนผู้นี้เป็นใครกัน รวยยิ่งนัก! เสิ่นเวยมองใบหน้าเขาอีกครั้ง หน้าตาไม่เลวอย่างยิ่ง เพียงแต่ราศีไม่ค่อยดีนัก มองดูก็รู้ว่าเมามายในรสสุรามาเป็นเวลานาน/n /n /nสวีโย่วเพิ่งจะเหลือบตาขึ้นอย่างไม่สนใจ กล่าวอย่างไม่ยอมรับไม่ปฏิเสธ “อ้อ เรียนถามญาติผู้พี่เลี่ยมีเรื่องอันใดหรือ”/n /n /nญาติผู้พี่เลี่ยหรือ หูของเสิ่นเวยจับใจความสำคัญได้ทันที สวีโย่วเรียกเขาว่าญาติผู้พี่ ดูท่าแล้วน่าจะเป็นบุตรชายของท่านอ๋องสักคนหนึ่ง/n /n /nสวีโย่วเห็นดวงตาของเสิ่นเวยกะพริบ ก็กล่าวเสียงเบา “นั่นคือสวีเลี่ยท่านซื่อจื่อจวนกงอ๋อง”/n /n /nสวีเลี่ยถูกท่าทางเฉยเมยนั่นของสวีโย่วยั่วโมโหจนเป่าหนวดถลึงตา ในกลุ่มลูกพี่ลูกน้องทั้งหมด คนขี้โรคผู้นี้สร้างความรำคาญใจให้เขามากที่สุด มักจะวางมาดสูงส่ง เสมือนคนอื่นเทียบเขาไม่ได้/n /n /n“สวีโย่ว คืนเรือสำราญมาให้ข้า” สวีเลี่ยตะโกนด้วยเสียงโกรธ/n /n /nเรือสำราญหรือ คืนหรือ นี่หมายความว่าอย่างไร เรือสำราญลำนี้เป็นของซื่อจื่อกงอ๋องผู้นี้หรือ ในดวงตาเสิ่นเวยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด