War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1833

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1833 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1833 : โกหก?
 
“เรื่องนี้ค่อนข้างส่วนตัวนัก…ข้าเพียงสะดวกกล่าวยามพบจ้าวตำหนักต้วนเท่านั้น”
 
ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบคำสือฟูฉาง
 
แม้จะอยู่ในตำหนักเมฆาครามแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ยังคงระวังตัวไม่น้อย ไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนออกไปง่ายๆ
 
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้เขาเปิดเผยตัวตนออกไปก็ไม่ใช่ว่าพวกมันจะเชื่อ!
 
เกรงว่าตอนนี้คนตำหนักเมฆาครามคงมีน้อยคนนัก ที่ล่วงรู้ว่าในตำหนักยังมีนายน้อยเช่นเขาดำรงอยู่!
 
เกิดเขาทะลึ่งบอกไปว่าเขาคือนายน้อยตำหนักเมฆาคราม น่ากลัวอีกฝ่ายคงคิดว่าเขามาล้อเล่นโป้ปด เกรงว่าคงได้ซัดเขากระเด็นโดยที่ยังไม่ทันพูดกันให้รู้เรื่อง…
 
ต้วนหลิงเทียนที่ตอนนี้อยากพบหน้าครอบครัวเป็นที่สุด ย่อมไม่อยากมีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เช่นนั้นจึงค่อนข้างระมัดระวัง
 
“เช่นนั้นข้าจักส่งคนเข้าไปรายงานเบื้องบน…อย่างไรก็ตามข้าต้องการรับทราบนามของเจ้าก่อนว่าเจ้าที่แท้เป็นใคร ข้าถึงจะส่งคนเข้าไปรายงาน”
 
สือฟูฉางกล่าวถามอีกรอบ
 
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนนิ่งเงียบไป คล้ายไม่อยากเปิดเผยตัวตน สือฟูฉางพลันขมวดคิ้ว กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม “อะไร? อย่าได้บอกข้าว่ากระทั่งเอ่ยนามบอกมาว่าเป็นผู้ใด เจ้ายังไม่สะดวก?”
 
“สือฟูฉางข้ามีสิ่งของบางสิ่งเพื่อยืนยันตัวตน ท่านโปรดให้คนของท่านนำมันไปมอบให้จ้าวตำหนักเถอะ สิ่งนี้คือสิ่งยืนยันว่าข้ารู้จักกันกับจ้าวตำหนักของพวกท่าน…ยามเห็นมันต้องจดจำได้ทันที และหากจ้าวตำหนักของท่านยังไม่คิดพบข้าอีก ถึงตอนนั้นท่านค่อยจับข้าโยนออกไปก็ยังไม่สายไปไม่ใช่หรือ?”
 
ต้วนหลิงเทียนยังคงยิ้มกล่าว ก่อนที่จะสะบัดมือส่งกล่องหยกวิจิตรหรูหราที่บิดาไม่เอาไหนเหลือทิ้งไว้ให้
 
แน่นอนว่าภายในกล่องหยกวิจิตรนั้นว่างเปล่าไร้สิ่งใด ป้ายวรยุทธ์เซียนกับแผ่นหยกบันทึกเสียงเขาเอาออกมาแล้ว
 
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังคงยิ้มแย้มไม่คล้าย ‘คนโกหก’ กระทั่งมอบ ‘สิ่งของแทนตัว’ ออกมาแบบนี้สือฟูฉางอดไม่ได้ที่จะงุนงง
 
เพราะตราบใดที่มีสิ่งของแทนตัว เพื่อเอาไว้ระบุตัวตนเช่นนั้นหมายความว่าต้องมีสัมพันธ์อันดีกับจ้าวตำหนักของมัน! และถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพื่อโกหกล้อเล่นจริงๆ..
 
นั่นหมายความว่า คนผู้นี้…ไม่ใช่ใครที่พวกมันจะล่วงเกินได้!
 
“เช่นนั้น ขอท่านรออยู่ตรงนี้ก่อน”
 
เมื่อกล่าวออกมาอีกครั้ง น้ำเสียงทั้งถ้อยคำของสือฟูฉางจึงอ่อนลง ทั้งเผยความสุภาพออกมาหลายส่วน
 
เพราะในสายตาของมัน คนผู้นี้ไม่คล้ายมาล้อเล่นกับพวกมันจริงๆ
 
นอกจากนี้ยังมีใครกล้ามาล้อเล่นถึงหน้าประตูตำหนักเมฆาคราม?
 
หลังจากเอื้อมมือไปรับกล่องหยกวิจิตรแล้ว สือฝูฉางก็ส่งมันไปให้องครักษ์เกราะทมิฬคนหนึ่งอย่างระมัดระวังกับมือ “เจ้านำสิ่งนี้ไปให้ท่านจ้าวตำหนัก และบอกว่ามีแขกจากแดนไกลมาขอพบ”
 
“ทราบแล้ว ท่านสือฟูฉาง!”
 
องครักษ์เกราะทมิฬที่รับกล่องหยกมาขานรับอย่างสุภาพ ก่อนที่จะกระตุ้นสัตว์ร้ายใต้เท้าให้พุ่งเข้าไปยังส่วนลึกของทะเลสาบผานหลง
 
ครู่ต่อมาก็เหลือเพียงต้วนหลิงเทียนกับ องครักษ์ 9 คน
 
ต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างอย่างที่เดิมอย่างสงบ สองตาหลับลงสำรวมจิตใจรอคอยเวลาอย่างเงียบงัน
 
สือฝูฉางกับองครักษ์เกราะทมิฬอีก 9 คนได้แต่ยืนเฝ้าระวังอยู่ข้างๆ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
 
ด้วยทีท่าสงบเยือกเย็นของอีกฝ่าย หนุนเสริมสภาวะคนให้แลดูลึกลับขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทำให้พวกมันทั้งหมดบังเกิดความรู้สึกเชื่อในใจ…ว่าชายหนุ่มผู้นี้สมควรมีความสัมพันธ์กับท่านจ้าวตำหนักของพวกมันจริงๆ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงสงวนท่าทีนัก!
 
เพราะในสายตาของพวกมัน ท่านจ้าวตำหนักเมฆาครามคือตัวตนอันยิ่งใหญ่ เป็นที่เคารพนับถือมากที่สุด! เสมือนเทพเจ้าของพวกมัน!!
 
ผู้ที่มีสัมพันธ์อันดีท่านจ้าวตำหนัก ย่อมไม่ใช่ใครที่พวกมันจะหยาบคายเสียมารยาทด้วยได้
 
ส่วนอีกด้านนั้น องครักษ์เกราะทมิฬที่นำกล่องหยกวิจิตรของต้วนหลิงเทียน ก็รุดมาถึงตำหนักหลัก และรายงานเรื่องราวออกไปแก่ผู้ดูแลหน้าโถง
 
แน่นอนว่ามันไม่ได้เข้าพบจ้าวตำหนักโดยตรง
 
อันที่จริงตั้งแต่อยู่มามันยังไม่เคยพบเจอจ้าวตำหนักของมันด้วยซ้ำ!
 
ในตำหนักเมฆาคราม มีเพียงชนชั้นอาวุโสระดับสูงเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าพบจ้าวตำหนัก
 
และในกองพันองครักษ์เกราะทมิฬของพวกมัน ก็มีเพียง 11 คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเข้าพบจ้าวตำหนัก!
 
สำหรับคนอื่นๆที่มีตำแหน่งต่ำกว่านั้น ท่านจ้าวตำหนักประหนึ่งมังกรเทพยาดาเห็นหัวไม่เห็นหาง!
 
ด้วยเหตุนี้ในสายตาของผู้ที่มีระดับต่ำ ท่านจ้าวตำหนักเมฆาครามของพวกมัน จึงแลดูลึกลับสูงส่งเป็นที่สุด!
 
“อาวุโสหรง!”
 
หน้าโถงหลักของตำหนักเมฆาคราม องครักษ์เกราะทมิฬที่เร่งรุดเดินทางมา ย่อตัวลงไปนั่งชันเข่าข้างหนึ่งพร้อมโค้งคารวะชายชราที่พึ่งออกมาจากห้องโถงด้วยความสุภาพเคารพ
 
ชายชราคนนี้เปรียบดั่งแขนซ้ายแขนขวาของท่านจ้าวตำหนักเมฆาครามของพวกมัน ฐานะเพียงด้อยกว่าท่านจ้าวตำหนักผู้สูงส่งเท่านั้น!
 
กระทั่งต่อให้เป็นผู้บัญชาการกองพันองครักษ์เกราะทมิฬของพวกมัน ยามพบหน้าชายชราคนนี้ยังต้องโค้งคารวะ!
 
“มีใครบางคนต้องการพบท่านจ้าวตำหนักงั้นหรือ?”
 
อาวุโสหรงคนนี้ก็คือ หรงหยวน นั่นเอง มันมององครักษ์เกราะทมิฬเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้มค่อยกล่าวถาม
 
ทุกผู้คนในตำหนักเมฆาครามล้วนรู้กันดีว่าอาวุโสหรงหยวนนั้นใจดีและเป็นมิตรกับผู้คนนัก แลดูไม่คล้ายมีพิษมีภัยกับผู้ใด
 
อย่างไรก็ตามแม้อีกฝ่ายจะแลดูใจดีไร้พิษภัย แต่องครักษ์เกราะทมิฬก็ไม่กล้าหย่อนท่าที “เรียนท่านอาวุโสหรง มีชายหนุ่มคนหนึ่งบุกเข้ามาในเขตพื้นที่ตำหนักเมฆาครามของเรา และพอดีว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องลาดตระเวนช่วงนี้พอดี พวกเราจึงออกไปหยุดชายหนุ่มผู้นั้น และอีกฝ่ายแจ้งว่ารู้จักกันกับท่านจ้าวตำหนัก กระทั่งยังส่งมอบของแทนตัวออกมาชิ้นหนึ่ง ยังกล่าวทำนองว่าหากท่านจ้าวตำหนักได้เห็นของสิ่งนี้ต้องจดจำได้แน่”
 
องครักษ์เกราะทมิฬมอบกล่องหยกวิจิตรที่ต้วนหลิงเทียนฝากมาออกไป
 
เมื่อเห็นกล่องหยกวิจิตรดังกล่าว หรงหยวนก็พยายามพลิกไปพลิกมาเพื่อตรวจสอบดูอย่างละเอียด หากแต่ก็ไม่พบว่ามันจะมีอะไรผิดปกติ เป็นแค่กล่องหยกวิจิตรกล่องหนึ่งเท่านั้น…
 
“เจ้ารอข้าที่นี่ครู่หนึ่ง ข้าจะนำสิ่งนี้ไปมอบให้ท่านจ้าวตำหนัก”
 
หลังกล่าวบอกองครักษ์เกราะทมิฬแล้ว หรงหยวนก็ถือกล่องหยกเดินเข้าไปในห้องโถงหลัก
 
ด้านองครักษ์เกราะทมิฬก็ลุกขึ้นยืน รอคอยหน้าห้องโถงอย่างเรียบๆร้อยๆ
 
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน
 
หรงหยวนเข้าไปเป็นเวลากว่า 1 เค่อ ทว่ายามออกมาสีหน้ากลับแลมิค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่
 
เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ของหรงหยวน ใจองครักษ์เกราะทมิฬดิ่งวูบลงทันใด ‘บัดซบ…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเจ้าหนุ่มนั่นมันมาล้อเล่นกับพวกเราจริงๆ นี่มันไม่กลัวตายหรืออย่างไร!?’
 
“กล่องหยกร้ายๆใบนั้นท่านจ้าวตำหนักมิเคยเห็นมาก่อน…ไม่เพียงเท่านั้น คนผู้นั้นสมควรเสแสรงว่ารู้จักกันกับท่านจ้าวตำหนัก! ไปบอกเรื่องนี้ให้หัวหน้าหมู่ของพวกเจ้ารู้ มันรู้ดีว่าต้องจัดการอย่างไร!!”
 
หลังจากกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอารมณ์ไม่ดี หรงหยวนยังสะบัดแขนเสื้อดังฟั่บค่อยหันหลังเดินกลับเข้าห้องโถงไปด้วยท่าทางโมโห
 
‘เจ้าบ้านั่น…หากมันล้อเล่นกับพวกเราอย่างเดียวก็ไม่นับเป็นอะไร แต่มันกล้าล้อเล่นกับท่านจ้าวตำหนัก!!’
 
สีหน้าขององครักษ์เกราะทมิฬนั้นบิดเบี้ยวไปด้วยความโมโหร้าย มันเร่งรุดย้อนกลับไปริมทะเลสาบด้วยความเกรี้ยวกราด ปะทุพลังออกมาราวกับจะเร่งไปหักคอศัตรูฆ่าบิดา เช่นนั้นไม่ทันไรมันก็บรรลุถึงริมทะเลสาบผานหลง!
 
“เจ้ากลับมาแล้ว…”
 
ต้วนหลิงเทียนที่สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมคลี่ยิ้ม
 
พอได้คิดว่าเขากำลังจะได้พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ได้เห็นหน้ามารดาลี่เฟยรวมกับลูกน้อยที่สมควรรู้ความแล้ว รวมถึงบิดาไม่เอาไหน ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นยินดีนัก
 
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาแลเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความโมโห รวมถึงสายตาที่มองมายังเขาด้วยความโกรธแค้นขององครักษ์เกราะดำที่เข้าไปรายงาน หว่างคิ้วพลันขมวดยู่ย่นเป็นปมทันใด ใจยังสะท้านไปด้วยความกังวล ‘ดูเหมือนเรื่องราวจะมีอะไรผิดท่าแล้ว! แต่นี่เป็นไปไม่ได้ กล่องหยกนั่นท่านพ่อขี้ตืดเป็นคนทิ้งไว้ให้ข้าที่ทวีปเมฆาล่องชัดๆ แค่เห็นก็ต้องจำได้ทันทีสิ!’
 
ขณะเดียวกัน ตอนนี้สือฟูฉางก็ได้รับรายงานจากองครักษ์เกราะทมิฬที่ย้อนกลับมาเรียบร้อยแล้ว พอรู้ตัวว่าพวกมันถูกล้อเล่น สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันใด
 
“ตัวบัดซบ! เจ้ามันช่างกล้านัก คิดล้อเล่นกับตำหนักเมฆาครามงั้นหรือ หาที่ตาย!!”
 
เมื่อสือฝูฉางมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตากลายเป็นเยียบเย็นไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ความสุภาพก่อนหน้าไม่มีเหลือ ตอนนี้ยังคล้ายมันอยากฉีกร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็นชิ้นๆ
 
“ล้อเล่น?”
 
หน้าต้วนหลิงเทียนเองก็เปลี่ยนไปทันใด
 
เขาไปล้อเล่นอะไรที่ไหน?
 
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?
 
“สือฝูฉาง ข้าว่าเรื่องนี้ต้องเกิดเหตุผิดพลาดออะไรสักอย่างแน่…ข้าเชื่อว่าไม่มีปัญหากับสิ่งของแทนตัวที่ข้ามอบให้ เพราะนั่นเป็นของที่จ้าวตำหนักของพวกท่านมอบไว้ให้ข้า…จ้าวตำหนักเมฆาครามสมควรรู้ได้ทันที ให้ข้าถามองครักษ์เกราะดำที่นำของไปส่งมอบก่อนสักคำ…ว่าได้ส่งมันถึงมือจ้าวตำหนักเมฆาครามหรือไม่?”
 
ต้วนหลิงเทียนเร่งอธิบายให้สือฟูฉางฟัง ขณะเดียวกันก็หันไปมององครักษ์เกราะดำที่เร่งรุดเข้าไปรายงานก่อนหน้า
 
“เฮอะ! กล่องหยกนั่นข้ามอบมันให้กับอาวุโสหรงกับมือ ท่านอาวุโสหรงก็สมควรนำไปมอบให้ถึงมือท่านจ้าวตำหนัก…แต่ท่านผู้อาวุโสหรงบอกข้าว่าท่านจ้าวตำหนักไม่รู้จักกล่องร้ายๆนั่น! และเจ้ากำลังโกหกพวกเราอยู่ว่ารู้จักกันกับท่านจ้าวตำหนัก!!”
 
องครักษ์เกราะดำตะคอกออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
 
“อาวุโสหรง?”
 
คิ้วต้วนหลิงเทียนขมวดเป็นปม ครู่หนึ่งจึงคลี่คลายออกมา “ไม่ผิดแน่! อาวุโสหรงคนนี้สมควรมีปัญหา เจ้าพาข้าไปพบจ้าวตำหนักเมฆาครามของพวกเจ้าเถอะ ทันทีที่ข้าได้พบคนเรื่องราวทั้งหมดล้วนคลี่คลายทันที และถ้าข้าโกหกพวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวล เพราะจ้าวตำหนักของพวกเจ้าก็คงลงมือสังหารข้าทันที!!”
 
“เหอะ! ท่านผู้อาวุโสหรงน่ะหรือมีปัญหา?”
 
เมื่อได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน แววตาขององครักษ์เกราะดำทั้ง 10 รวมถึงสือฝูฉางยิ่งเยียบเย็นลงทันใด ทั้งหมดมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง จิตสังหารยังตลบคลุ้งไปในบรรยากาศ
 
ในตำหนักเมฆาครามยังมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า อาวุโสหรงหยวน เป็น ‘โฆษก’ ของท่านจ้าวตำหนัก?
 
ทว่าชายหนุ่มผู้นี้กลับกล้าพูดว่าอาวุโสหรงมีปัญหา?
 
วาจานี้ใช่อะไรที่ผู้ใดก็ไม่รู้ที่มาอ้างตัวว่ารู้จักกับจ้าวตำหนักสามารถกล่าวออกได้หรือ?
 
“ฆ่า!”
 
สือฟูฉางตะคอกคำสั่งออกมาเสียงเย็น องครักษ์เกราะดำทั้ง 9 ที่เตรียมพร้อมมานานพลันปะทุพลังเคลื่อนร่างทันที!!
 
สภาวะของพวกมันประหนึ่งฝูงหมาป่าหิวโหยที่ไม่ได้ดื่มกินเลือดเนื้อมาสิบวันครึ่งเดือน ได้พบพานเหยื่ออันโอชะ!
 
ร่างในเกราะดำทะมึน 9 คนเหินทะยานออกมาอย่างพร้อมเพรียง มองไปยังคล้ายเมฆฝนเคลื่อนตัว!
 
ปง! ปง! ปง! ปง!
 
……
 
เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นไปทั่วคุ้งน้ำ ร่างองครักษ์เกราะทมิฬทั้ง 9 ที่ทะยานออกจากร่างสัตวร้ายตัวเขื่องยามนี้ออกกระบวนท่าซัดพลังไปอย่างไม่คิดจะออมรั้งยั้งมือ!!
 
ลักษณะพลังหลากสีสันปานสายรุ้งเปี่ยมล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน โถมถันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนมืดฟ้ามัวดิน!
 
แต่ละท่าเรียกได้ว่าเป็นกระบวนท่าสังหารอย่างแท้จริง คล้ายพวกมันแต่ละคนอยากจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายในกระบวนท่าเดียว!
 
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดไม่ฝันเลยว่าองครักษ์เกราะดำจะกลายเป็น ‘คนเถื่อน’ ได้ในพริบตา วาจาสนทนากันยังไม่ทันรู้ความก็ลงมืออย่างไร้อารยะแล้ว!? แถมแต่ละคนยังดุร้ายปานสุนัขบ้า…หมายกรูกันเข้ามาฉีกทึ้งร่างเขาให้เป็นชิ้นๆ! เรื่องนี้ทำให้เขาพูดไม่ออกจริงๆ!
 
อาวุโสหรงอะไรนั่นเป็นบิดาของพวกมันหรืออย่างไร?
 
พูดแตะต้องอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ?!
 
ต้องกล่าวเลยว่าองครักษ์เกราะดำของสือฟูฉางหมู่นี้แข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว!
 
นอกเหนือจากตัวสือฟูฉางที่ยังไม่ได้ลงมือแล้ว ในบรรดา 9 คนที่ออกกระบวนท่าสังหารเข่นฆ่าเข้ามา พลังฝึกปรือด้อยสุดก็ยังบรรลุถึงขอบเขตอริยะเซียนขั้นกลาง และก็มี 6 คนที่อยู่ในขอบเขตพลังนี้ ส่วนอีก 3 คนนั้นเป็นอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ!
 
อย่างไรก็ตามการกลุ้มรุมกันของคนกลุ่มนี้ ก็ไม่นับว่าเป็นภัยอะไรกับต้วนหลิงเทียน
 
เขาสามารถเคลื่อนร่างหลีกหลบกระบวนสังหารของพวกมันได้อย่างไม่ยากเย็น คนแผ่วพลิ้วไปด้วยสภาวะดั่งเมฆเคลื่อน มองเห็นแต่มิอาจจับต้อง สีหน้าท่าทางยังคงความสงบไร้ซึ่งความกดดันอะไร
 
“อริยะเซียนขั้นสูงสุด!?”
 
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเพียงพลิ้วกายไม่กี่ครั้งก็หลบกระบวนท่าสังหารขององครักษ์เกราะดำทั้ง 9 ที่เป็นลูกน้องของมันได้หมดจด ปราณแรกกำเนิดอันสุดไพศาลเริ่มโคจรไหลเชี่ยวไปทั่วร่างสือฝูฉางทันใด พร้อมระเบิดปะทุออกมาได้ทุกเวลา!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด