Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1386

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1386 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

นี่ยังไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดในการเก็บเกี่ยวบุปผามกร
ตามที่เคยเห็นในตำราภาพสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ กลีบของดอกไม้จะต้องเป็นสีม่วงเข้มอย่างสมบูรณ์ถึงจะสามารถปลดปล่อยพิษออกมาได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพสูงสุด
ดังนั้นจึงพอเข้าใจได้ว่าทำไมคนเหล่านี้ถึงมาคุ้มกันที่นี่
สีของกลีบดอกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกมันเป็นสีแดง แต่จู่ๆสีของมันก็เริ่มเปลี่ยนป็นสีม่วงอ่อน หากเป็นอัตราการงอกเงยเช่นนี้ อีกอย่างมากครึ่งชั่วโมงสีของมันคงเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม
หลิงฮันกวาดสายตามอง ทุกคนในที่นี้มีพลังบ่มเพาะระดับดารา หลินอวีฉีเองก็อยู่ที่นี่
ดูจากอัตราการไหลของนาฬิกาทรายบนหัวพวกเขา คนที่อยู่ที่นี่ในน้อยที่สุดคืออีกสองวัน ส่วนคนที่อยู่ได้นานที่สุดคือเจ็ดวัน
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แล้วมุ่งหน้ามาที่นี่โดยตรงเพื่อเก็บเกี่ยวบุปผามกร
หลิงฮันยังไม่เปิดเผยตัวออกไปจาเลือกที่จะยืนอยู่บนยอดของหุบเขาเพื่อดูสถานการณ์
ที่หลินจื่อหงมาที่นี่ก็คงเป็นเพราะบุปผามกรเช่นกัน ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องบังเอิญที่เขานำกลองรบติดตัวมาด้วย และในเมื่อสาขาอังหยวนนำสมบัติทรงพลังเช่นนั้นมา ตำหนักสาขาอื่นและอีกสามตระกูลก็คงเช่นกัน
เกรงว่าคงจะมีสมบัติมากมายที่ทรงพลังเหมือนกับกลองรบ
หากเป็นสมบัติที่ทรงพลังเหมือนกลองรบจริงๆ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าคนนับร้อยเหล่านี้จะนำสมบัติเช่นนั้นมาทุกคนรึเปล่า แต่แค่ครึ่งนึงของจำนวนคนนับร้อยก็เพียงพอที่จะสังหารหลิงฮันแล้ว
เพราะงั้นเขาถึงเลือกรอดูสถานการณ์ก่อน
จะอย่างไรเขาก็ไม่มีความต้องการสมุนไพรมีพิษนั่นอยู่แล้ว เขามันใจว่าตนเองนั้นไร้เทียมทาน อย่างมากก็ในอีกไม่เกินร้อยกว่าปี เจขามั่นใจว่าจะต้องทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้แน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นพลังต่อสู้ของเขาก็จะยกระดับขึ้นหลายพันหลายหมื่นเท่า เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะต้องการสมุนไพรพิษไปทำไม?
และถึงแม้หลิงฮันจะไม่ซ่อนตัว ปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดก็ย่อมสามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาอยู่แล้ว
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ได้เวลาเก็บเกี่ยวบุปผามกรในที่สุด
ไม่มีใครลงมือเก็บเกี่ยวเนื่องจากใครที่เปิดก่อนย่อมตกเป็นเป้าหมายของปรมาจารย์ทุกคนในที่นี้
แต่สถานการณ์เช่นนี้ก็คงอยู่ได้แค่ชั่วคราว ผ่านไปครู่หนึ่งชายวัยกลางคนผมขาวก็ก้าวเดินออกมาพร้อมกับกระบี่เล่มใหญ่ในมือ หากไม่ใช่เพราะผิวที่เรียบเนียบของเขา ทุกคนคงจะเป็นว่าเขาคือชายชราเป็นแน่
“เหอๆ ในเมื่อไม่มีใครคิดจะเปิด งั้นข้าขอเป็นคนรับบุปผามกรไปเอง!”
เขาก้าวเดินโดยมีปรมาจารย์อีกนับสิบคนเดินตามมาสนับสนุนทำหน้าที่คุ้มกัน เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้ทำข้อตกลงกันมาก่อน
เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้ทำข้อตกลงกันมาก่อน
“สมบัติแห่งสวรรค์และปฐพีที่ล้ำค่าเช่นนั้น เจ้าไม่คู่ควร!” ใครบางคนก้าวเดินออกมา เบื้องหลังของเขามีปรมาจารย์เดินตามมานับสิบเช่นกัน
ดูเหมือนว่ากลุ่มที่ทำข้อตกลงกันเอาไว้จะไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว
“งั้นก็ต้องปะทะ!”
ทั้งสองกลุ่มเข้าปะทะห่ำหั่นกันทันที การต่อสู้ขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว คนที่ร่วมวงเข้าต่อสู้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้ายแล้วทั่วทั้งหุบเขาก็เต็มไปด้วยความปั่นป่วน ปรมาจารย์มากกว่าร้อยคนสู้กันเพื่อแย่งชิงบุปผามกร
สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่ามีกลุ่มอยู่สี่กลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าใครอื่น พวกเขาสี่กลุ่มคือคนของสี่ตระกูลใหญ่ที่แบ่งกลุ่มกันตามตระกูลและก่อตั้งเป็นพันธมิตร
หลิงฮันพยักหน้า คนเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ด้วยขีดจำกัดของระดับพลัง ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถปลดปล่อยพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดหรือก็คือระดับวารีนิรันดร์ได้
ทั่วทั้งหุบเขาส่องสว่างไปด้วยแสงกระแทกของอาวุธ คลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวบอกให้หลิงฮันรู้ว่าต่อให้เป็นกายหยาบของเขา หากรับการโมตีเหล่านั้นโดยตรง เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจกล้ามเนื้อคงฉีกขาด แม้กระทั่งกระดูกก็ตกแตกหักอย่างรวดเร็ว
‘ครืนน’ จู่ๆก็เกิดเสียงสั่นสะเทือนของปฐพีพร้อมกับมีสายธารไหลมาตามหุบเขา ตอนแรกหลิงฮันนึกว่าลำธารเกิดขึ้นจากการโจมตีที่รุนแรงของคนเหล่านี้ แต่ผ่านไปสักพักเขาก็พบว่าตนเองคิดผิด
ลำธารที่ไหลผ่านมานี้ อบอวลไปด้วยออร่าสีดำทมิฬ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวโอบล้อมทั่วทั้งหุบเขาอย่างรวดเร็ว
ปัง!
หอกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาจากลำธาร หลังจากนั้นร่างขนาดมหึมาก็ปรากฏตัวขึ้นตามมา ทั่วทั้งร่างของมันเป็นสีดำสนิท
ร่างยักษ์นี้คือตั๊กแตนขนาดใหญ่ หอกที่เห็นแท้จริงแล้วคือขาหน้าของมัน นอกจากผิวที่ดำสนิทของมันแล้ว รอบตัวของมันยังปลดปล่อยออร่าสีดำที่ดูชั่วร้ายเกินพรรณนาออกมา
“สัตว์อสูรของดินแดนใต้พิภพ!” ทุกคนตกตะลึง
ที่นี่ไม่ใช่สนามรบสองดินแดน เหตุใดถึงมีสัตว์อสูรใต้พิภพปรากฏออกมาได้?
‘ฉัวะ’ สัตว์อสูรตนนี้ไม่สนใจเหล่าปรมาจารย์ที่กำลังตกตะลึง มันสะบัดขาอันแหลมคมโดยไม่รีรอ อย่ามองว่ามันตัวใหญ่เพียงอย่างเดียว ตรงกันข้ามกันขนาดตัวของมัน ขาหน้าอันแหลมคมถูกสะบัดอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวปรมาจารย์หนึ่งคนก็ถูกมันสังหาร
โพล๊ะ!
โลหิตสาดกระจาย เหตุผลที่ปรมาจารย์คนนั้นตายอย่างง่ายดายเช่นนี้เป็นเพราะหนึ่งเขากำลังตกตะลึง และสองคือเพราะขาอันแหลมคมของมันจู่โจมได้ไวเกินไป ความเร็วของขาหน้ามันนั้นเทียบเท่ากับทักษะดาบฟ้าคำรามของหลิงฮัน ปรมาจารย์คนนั้นยังไม่ทันจะตอบโต้ก็ถูกหั่นร่างออกเป็นสองส่วนแล้ว
ปรมาจารย์คนนั้นร้องโอดครวญ โลหิตที่พุ่งออกจากร่างของเขาค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ ร่างกายที่ถูกหั่นเป็นสองท่อนของเขาเองก็มีออร่าสีดำลอยออกมา พริบตาเดียวกล้ามเนื้อและโลหิตของเขาก็เน่าสลาย
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพคือตัวแทนของอำนาจทำลายล้าง
วิญญาณของเขาลอยออกมาและรีบเผ่นหนี หากดวงวิญญาณถูกขาหน้าอันแหลมคมนั่นโมตีอีกครั้ง ชีวิตของเขาคงจบสิ้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ทุกคนในที่นี้เป็นปรมาจารย์ระดับดาราแน่นอนว่าพวกเขาสามารถสงบสติได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาโจมตีสัตว์อสูรตั๊กแตน
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสู้กันเอง สัตว์อสูรตั๊กแตนตนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก หากพวกเขาไม่ร่วมมือกันเกรงว่าทุกคนที่นี่คงถูกสังหารกันหมด
ซึ่งสัตว์อสูรตั๊กแตนก็แข็งแกร่งอย่างที่ว่าจริงๆ พลังบ่มเพาะของมันสมควรบรรลุขั้นสูงสุดของระดับดารา มันสามารถต่อกรกับปรมาจารย์นับร้อยด้วยตัวตนเดียวโดยไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นว่าพลังต่อสู้ของมันน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด