War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1717

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1717 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1,717 : การคัดเลือก
 
มีทั้งสิ้น 8 คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน…
 
ในบรรดาคนทั้ง 8 มีคนนำมา 4 ซึ่งเป็นทั้งชายชราหรือวัยกลางคน ส่วนอีก 4 ที่ติดตามอยู่ด้านหลังล้วนเป็นชายหนุ่มทั้งหมด
 
“ข้าคือรองจ้าววังนภาของตำหนักฟ้าลี้ลับ”
 
“ข้าคือรองจ้าววังปฐพี”
 
“ข้าคือรองจ้าววังลี้ลับ”
 
“ข้าคือรองจ้าววังเหลือง”
 
ภายใต้ความสนใจของต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ 4 คนในกลุ่มผู้นำก็เริ่มกล่าวแนะนำตัวออกมา
 
ทันใดนั้นคล้ายมีพลังกดดันไร้สภาพขุมหนึ่งสะกดแผ่ไปทั่วบรรยากาศ!
 
เป็นที่ทราบกันดีว่าขุมพลังกึ่งชั้น 3 อย่างตำหนักฟ้าลี้ลับนั้นแยกย่อยออกเป็น 4 วัง และทั้ง 4 วังก็อยู่ในภาวะแข่งขัน!
 
ทั้ง 4 วังล้วนมีชนชั้นจ้าววังเป็นผู้นำ ส่วนรองจ้าววังก็เป็นตัวตนที่มีอำนาจรองลงมา
 
ทว่าวันนี้ผู้ที่มาคัดเลือกกลับเป็นถึงรองจ้าววังทั้ง 4! ไม่ว่าจะวังนภา วังปฐพี วังลี้ลับ วังเหลือง ล้วนมาหมด! การปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันของรองจ้าววังทั้ง 4 …ย่อมทำให้ผู้คนธรรมดาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว เพราะโอกาสได้พบพานทั้ง 4 พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นอะไรที่หาได้ยากนัก!!
 
“อัจฉริยะที่บรรลุขอบเขตเซียนก่อนอายุ 40 ปีให้เหินลอยขึ้นมาในอากาศ ส่วนที่เหลือให้รออยู่ที่พื้น”
 
รองจ้าววังของวังนภาอันเป็นชายชรา ว่ายตามองลงไปยังฝูงชนเบื้องล่าง ก่อนที่จะกล่าวออกมาเสียงขรึม
 
ทันใดนั้นเหล่ารุ่นเยาว์มากมายก็เริ่มเหินลอยขึ้นไปบนอากาศ ต้วนหลิงเทียนเองก็เช่นกัน
 
ส่วนคนอื่นๆ ก็ยืนรอบนพื้นอย่างสงบ
 
บนท้องฟ้านับรวมต้วนหลิงเทียนแล้วปรากฏรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น 37 คน ทั้งหมดคืออัจฉริยะที่บรรลุขอบเขตเซียนก่อนมีอายุ 40 ปี…เหล่านี้แม้จะให้ไปอยู่ในตำหนักฟ้าลี้ลับก็ถือเป็นชนชั้นอัจฉริยะ!
 
“ทั้งสิ้น 37 คนหรือ…เช่นนั้นวังนภาของข้าต้องการ 10 คน ส่วนพวกเจ้าก็แบ่งกันไปวังละ 9 คนแล้วกัน เห็นด้วยหรือไม่?”
 
ตอนนี้เองรองจ้าววังนภาก็หันไปว่ายตามองถามรองจ้าววังที่เหลือทั้ง 3
 
วังนภาเป็นวังที่แข็งแกร่งที่สุดในตำหนักฟ้าลี้ลับ พลังอำนาจนับว่าสะกดข่มครอบงำทั้ง 3 วังชัดเจน ด้วยเหตุนี้แม้จะเผชิญหน้ากับความเผด็จการของรองจ้าววังนภา อีก 3 วังที่เหลือแม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าคัดค้าน ทำได้แค่พยักหน้ารับ
 
“เช่นนั้นก็ใช้กฏเดิมเถอะ ให้แต่ละวังผลัดกันเลือกผู้ที่จะเข้าร่วม”
 
รองจ้าววังนภายังกล่าวสืบต่อ “อย่างไรก็ตาม วันนี้ในเมื่อวังนภาของข้าจะได้รับคนมากกว่าวังอื่นๆ 1 คน เช่นนั้นการคัดเลือกคน จะเริ่มจาก วังปฐพี วังลี้ลับ วังเหลือง และวังนภาของข้าเป็นลำดับสุดท้าย”
 
สำหรับเรื่องนี้รองจ้าววังที่เหลือทั้ง 3 ไม่มีใครคัดค้าน
 
“แต่ละวังผลัดกันเลือกศิษย์?”
 
ต้วนหลิงเทียนรวมถึงคนอื่นๆที่ได้ฟังคำของรองจ้าววังนภา อดไม่ได้ที่จะงุนงงอยู่บ้าง
 
เพราะพอได้ฟังแล้วทั้งหมดก็สงสัยว่าทั้ง 4 วัง จะเลือกคนตามเกณฑ์อะไร
 
ในขณะที่ทุกคนกำลังสับสนด้วยไม่รู้ว่าจะถูกคัดเลือกอย่างไร พลังกดดันไร้สภาพขุมหนึ่งพลันโถมถันลงมาจากเบื้องบนกดทับลงบนหัวของทุกคนพาลให้ทุกคนรู้สึกคล้ายหนังศีรษะชาด้าน แถมพลังไร้สภาพดังกล่าวราวจะกดดันพวกมันให้ร่วงตกจากฟ้า!!
 
อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญกับพลังกดดันไร้สภาพนี้ เพียงแค่ทุกคนเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดออกมา ก็สามารถต้านทานได้อย่างไม่ยากเย็น
 
‘อ้อ…คัดคนด้วยวิธีนี้อีกแล้ว ง่ายดีนะ’
 
ต้วนหลิงเทียนที่ยังไม่แม้แต่จะเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิด ลอบคิดในใจหลังจากที่สัมผัสได้ว่าพลังกดดันไร้สภาพยิ่งมายิ่งมีมาก
 
อย่างไรก็ตามพลังกดดันระดับนี้ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านอะไรเลย เรียกว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขายังลอยร่างอยู่เฉยๆเพียงรู้สึกเหมือนสายลมพัดผ่าน…
 
“นี่มันอะไรกัน?!”
 
“ดูเหมือนยิ่งมาพลังกดดันยิ่งมีมาก…อีกมินานพวกเราต้องถูกพลังน่ากลัวนี่สยบแน่!”
 
“ดูเหมือนว่าพลังกดดันไร้สภาพนี่จักเป็นวิธีทดสอบพวกเรา…อาวุโสสมควรเลือกจากคนที่ทานรับพลังกดดันได้มากที่สุด”
 
……
 
ต้องกล่าวเลยว่าในบรรดากลุ่มคนก็ฉลาดกันไม่น้อย เพียงพริบตาก็ฉุกคิดกันได้ว่าไฉนถึงต้องมาทนรับพลังกดดันไร้สภาพแบบนี้ ทั้งหมดจึงพยายามต้านทานกันเต็มที่
 
อย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนแม้จะกัดฟันเร่งเร้าปราณแรกกำเนิดเต็มกำลังแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้านไม่ไหว ถูกพลังกดดันไร้สภาพสะกดปราบ จนร่างหล่นร่วงตกพื้น
 
พลังกดดันไร้สภาพยังคงเพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ…
 
คนนี้ผู้ที่สามารถลอยร่างอยู่บนฟ้าได้ รวมต้วนหลิงเทียนแล้วก็มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
 
และยังมีเรื่องที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจไม่น้อย เพราะศิษย์ของคฤหาสน์ดาบทรราชที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้าย กลับเป็นอิสตรีนางนั้น…นั่นหมายความว่าพลังฝีมือของนางไม่เลวเลยทีเดียว
 
‘สาวน้อยนี่ใช้ได้เลยนี่’
 
กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดลอบชมนางในใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่าสตรีของคฤหาสน์ดาบทรราชยังคล้ายไม่เป็นอะไรเท่าไหร่
 
“ดูเหมือนคราวนี้พวกเราจักได้ต้นกล้าชั้นดีมากมาย…”
 
รองจ้าววังปฐพีมองต้วนหลิงเทียนและอีกไม่กี่คนที่ตอนนี้ยังคงเฉยๆอยู่ สองตาของมันถึงกับส่องประกายสว่างจ้า คล้ายตัดสินใจได้แล้วว่ามันจะเลือกใคร
 
ทว่าไม่นานก็มีคนที่ทนไม่ไหว และยังทยอยกันร่วงตกไปทีละคนๆ
 
ต่อมาไม่นาน แม้นับรวมต้วนหลิงเทียนแล้ว ก็เหลือแค่ 3 คนที่ยังลอยนิ่งอยู่บนฟ้า…
 
นอกจากต้วนหลิงเทียน และศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราช อีกคนก็เป็นผู้ฝึกตนพเนจรคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาแลดูธรรมดาๆ
 
เรียกว่าผู้ฝึกตนพเนจรคนนี้ช่างแลดูไม่โดดเด่นเอาเสียเลย หากจับมันไปปล่อยท่ามกลางฝูงชนคงยากที่จะแยกแยะ…แต่อาศัยความจริงที่ว่ามันยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้จนถึงตอนนี้ ก็เผยให้เห็นว่าพลังฝีมือของมันไม่ใช่ธรรมดา!
 
“สวรรค์! ศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราชผู้นั้น ช่างทรหดยิ่ง! มิคิดเลยว่าถึงขนาดนี้แล้วนางยังทานทนรับไหว!!”
 
ตอนนี้เองสายตาของผู้คนก็เบนไปตกยังร่างศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราชคนนั้น ต่างไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในบรรดา 3 คนสุดท้ายที่ยืนหยัดอยู่ได้จะมีอิสตรี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราช!
 
ต้องทราบด้วยว่าศิษย์ของคฤหาสน์ดาบทรราชอีก 2 คน อันเป็นบุรุษรูปร่างใหญ่โตปานยักษ์ปักหลั่นนั้น…ถึงกับร่วงไปกองกับพื้นด้วยสภาพน่าเวทนา หลังไม่อาจทานทนรับพลังกดดันไร้สภาพได้ไหว…
 
ผู้ใดยังกล้าพูดอีก…ว่าอิสตรีอ่อนด้อยกว่าบุรุษ!?
 
ศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราชนางนี้ นับว่าให้คำตอบแก่ทุกคนชัดเจน!!
 
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราชยังแลดูเฉยๆ และผู้ฝึกตนพเนจรก็ไม่มีวี่แววว่าจะร่วงตก แม้พลังกดดันไร้สภาพตอนนี้นับว่าเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อย รางจ้าววังนภาก็อดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ
 
3 คนนี้คือผู้ที่โดดเด่นที่สุด!
 
แต่มันพึ่งกล่าวไปหยกๆว่าจะให้สิทธิ์วังอื่นเลือกคนก่อน….
 
เช่นนั้น 3 คนที่โดดเด่นที่สุดนี้ คงยากจะเหลือมาถึงวังนภาของมันแล้ว!
 
เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน พลังกดดันไร้สภาพก็ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นทุกขณะ
 
ไม่นานผู้ฝึกตนพเนจรก็ไม่อาจทานทนรับไหวสืบไป มันถูกพลังกดดันไร้สภาพกดทับจนหล่นร่วงจากฟ้า ทำให้ตอนนี้กลางอากาสคงเหลือแค่ต้วนหลิงเทียนกับศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราช
 
และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ยังแลดูเฉยๆ ราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
 
ส่วนทางด้านศิษย์สตรีของคฤหาสน์ดาบทรราชตอนนี้ เริ่มปรากฏเม็ดเหงื่อผุดซึมบนหน้าผากกระจ่างแล้ว…
 
ผู้ใดทรงพลังมากกว่าย่อมเห็นได้ชัดเจน
 
และทันใดนั้นเอง ขณะที่ถึงช่วงสำคัญ อยู่ๆพลังกดดันไร้สภาพอันหนักอึ้งพลันสลายหายไปทันใด ยังคล้ายไม่เคยมีมาก่อน…
 
ต้วนหลิงเทียนก็รู้ตัวทันทีที่พลังกดดันหายไป
 
แน่นอนว่าสำหรับเขาแล้วพลังกดดันดังกล่าวจะมีหรือไม่มีก็ค่าเท่ากัน เพราะมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรู้สาอะไรแม้แต่น้อย
 
ต่อให้พลังกดดันไร้สภาพจะเพิ่มพูนมากกว่านี้เป็นเท่าตัว เขาก็เพียงรู้สึกเสมือนมีสายลมแรงซัดปะทะร่างเท่านั้น ไม่ต้องสนพลังฝึกปรืออะไรด้วยซ้ำ ลำพังแค่ร่างกายอันแข็งแกร่งก็ต้านทานรับได้สบายๆ
 
เพราะต้องอย่าลืมด้วยว่า…ร่างกายของเขาตอนนี้มันแข็งแกร่งยิ่งกว่ามังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บเสียอีก!
 
“เจ้า มาเข้าร่วมวังปฐพีของข้า!!”
 
รองจ้าววังปฐพี อันเป็นชายวัยกลางคนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาลุกวาว กล่าวเรียกต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยรอยยิ้มพึงพอใจถึงขีดสุด
 
“ฮึ่ม! วังปฐพีของเจ้ามีดีอันใด…เจ้าหนู เจ้ามาเข้าร่วมกับวังฟ้าลี้ลับของข้าเถอะ! รับรองวังฟ้าลี้ลับของข้าจักไม่มีวันทำให้เจ้าผิดหวังเด็ดขาด!”
 
ทันใดนั้นเอง รองจ้าววังลี้ลับพลันโพล่งกล่าวแทรกขึ้นมา!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด