Divine Soul Emperor ระบบเจ้าสำนัก ตอนที่ 456 : ศิลามีชีวิต

อ่านนิยายจีนเรื่อง Divine Soul Emperor ระบบเจ้าสำนัก ตอนที่ 456 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 456 : ศิลามีชีวิต
ลั่วซู่หยางมองไปยังชายแก่ที่บอกว่าตัวเองชื่อฝางมู่ เขาครุ่นคิดและมั่นใจในความทรงจำของตัวเอง เมื่อเขารู้สึกว่ามันคุ้นหู แน่นอนว่าเขาต้องเคยได้ยินชื่อนี้มา
 
“อย่ามัวคิดต่อเลย ข้าเก็บตัวกว่า 6,000 ปีมาแล้ว เจ้าไม่รู้จักข้าหรอก” ฝางมู่ยิ้มออกมาและส่ายหน้า
 
ทวีปป่าแห่งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากเมื่อเทียบกับหกพันปีก่อน ยอดฝีมือระดับสูงสุดเมื่อ 6,000 ปีก่อนได้จางหายไปกับประวัติศาสตร์ ตามที่ฝางมู่บอกมา เขาคือคนที่อยู่ในยุคเมื่อ 6,000 ปีก่อน ยอดฝีมือระดับสูงสุดนอกจากตัวเขาแล้วก็มีฉินอู่ตี้ แต่ฉินอู่ตี้นั้นอายุน้อยกว่าเขามากนัก ต่อหน้าเขาแล้วฉินอู่ตี้เป็นแค่เด็กน้อย
 
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือในอดีตนั้น เขายังอยู่แค่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง เขาก็คล้ายกับยอดฝีมือทั่วไปที่ในแต่ละยุคนั้นจะมีคนแบบนี้อยู่จำนวนมาก เขาแค่เป็นหนึ่งในนั้น แม้ว่าตัวตนจะพิเศษอยู่บ้างแต่มันก็ยังด้อยกว่ายอดฝีมือระดับสูงสุด ลั่วซู่หยางไม่อาจจะจำเขาได้ก็เป็นเรื่องที่ให้อภัยได้
 
เมื่อได้ยินแบบนั้นลั่วซู่หยางก็ส่ายหน้าและพูดขึ้น  “ไม่ ข้าต้องเคยได้ยินชื่อท่านมาแน่ๆ!”
 
เขาครุ่นคิดหนักกว่าเดิม พร้อมกับความทรงจำในหัวที่ชัดเจนขึ้น
 
อยู่ๆลั่วซู่หยางก็หรี่ตาลงและเงยหน้าขึ้นมองฝางมู่ “ข้าจำได้แล้ว! ท่านฝางมู่ ท่านคือ ท่านฝางมู่!”
 
ในฐานะหนึ่งในยอดฝีมือระดับสูงสุดที่แข็งแกร่งของมนุษย์ มันยากที่จะทำให้ลั่วซู่หยางไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้ กระทั่งยอดฝีมือระดับสูงสุดหน้าใหม่กำเนิดขึ้นมา เขาก็ยังดูใจเย็นดังเดิมได้อยู่ แต่เมื่อรู้ตัวตนของชายแก่ เขากลับไม่อาจที่จะควบคุมตัวเองได้ สีหน้าเขาแสดงความตะลึงออกมา
 
ฝางมู่ชะงัก เขาแปลกใจ  “เจ้ารู้จักข้าจริงๆรึ?”
 
เขาแปลกใจ มันมีเหตุผลที่จะบอกว่านอกจากฉินอู่ตี้แล้ว ไม่มีใครรู้จักเขาได้  ราชาสัตว์อสูรอาจจะเคยเห็นเขามา แต่เฉินกูมักจะทำตัวเหินห่างจะมารู้จักคนแบบเขาได้ยังไง ?
 
เขาสนใจขึ้นมา  “งั้นเจ้าบอกมาว่าข้าเป็นใคร?”
 
ชื่อเป็นแค่คำเรียก ไม่ว่าใครก็ใช้ชื่อนี้ได้แต่ตัวตนนั้นเป็นเอกลักษณ์ ไม่มีใครมาแทนที่ได้
 
“ศิษย์สายตรงของท่านเป้ยหลง ท่านฝางมู่!” ลั่วซู่หยางมองไปที่ฝางมู่ด้วยสายตาเคารพ  “คนทั่วไปอาจจะไม่เคยได้ยินเรื่องราวของท่าน แต่ข้าเคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงท่าน  ท่านยังมีชีวิตอยู่และทะลวงผ่านขึ้นเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางได้!”
 
คนอื่นๆรู้จักแค่เป้ยหลง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า เป้ยหลงมีศิษย์สายตรงอยู่คนหนึ่ง แต่ศิษย์คนนั้นไม่ค่อยปรากฏตัวออกมาให้คนอื่นเห็น พรสวรรค์เขามีจำกัดไม่อาจจะขึ้นมาเป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดได้ ดังนั้นน้อยคนนักจึงจะรู้จักเขา
 
บังเอิญว่าเป้ยหลงคือคนที่อาจารย์ของลั่วซู่หยางชื่นชม บอกได้ว่าอาจารย์ของลั่วซู่หยางนั้นยึดถือเอาเป้ยหลงเป็นต้นแบบ เขาเรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเป้ยหลง คนแบบนั้นจะไม่รู้จักศิษย์ของเป้ยหลงได้ยังไง?
 
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ฝางมู่มีอายุมากว่าเก้าพันปีแล้ว !
 
มากกว่าเก้าพันปี !
 
คนแบบนี้ถือว่าเป็นศิลาที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ยังไม่เกินไปด้วยซ้ำ !
 
“มีหลายอย่างเปลี่ยนไปใน 6,000 ปีมานี้ ข้าไม่คิดว่าจะมีคนในโลกที่จำข้าได้อยู่” ฝางมู่ตื้นตัน  “ใช่ ข้าคือคนที่เจ้าพูดถึง โชคร้ายที่เมื่อเทียบกับท่านอาจารย์แล้ว ข้าเป็นศิษย์ที่ล้มเหลว  ตลอดหลายปีมานี้ข้าติดอยู่ที่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง ข้าไม่มีทางเลือกอื่นมีแต่ทำให้อาจารย์เสียหน้า!”
 
เป้ยหลงถือว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งในรอบหมื่นปี ตอนที่เป้ยหลงยังมีชีวิต อัจฉริยะทั้งหมดยกย่องเขาเป็นเทพ ลองคิดดูว่ามันจะยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน?
 
ในฐานะศิษย์สายตรงเพียงคนเดียว ฝางมู่ไม่ใช่ขยะแต่แค่ด้อยกว่าเป้ยหลงก็เท่านั้น
 
คนหนึ่งคือยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุด อีกคนคือยอดฝีมือขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง มันต่างกันหลายระดับ ไม่แปลกเลยว่าทำไมฝางมู่ถึงได้กดดันแบบนี้…
 
ในความเห็นของเขาแล้ว อาจารย์คาดหวังกับเขาสูงเกินไป เพื่อที่จะได้สั่งสอนเขาอย่างเต็มที่ อาจารย์จึงไม่ได้รับศิษย์คนที่สอง แต่ผลตอบแทนที่เขามอบให้กับอาจารย์นั้นช่างน่าผิดหวัง อาจารย์สั่งสอนเขามาหลายพันปี แต่เขาก็ยังติดอยู่ที่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสูง ประตูสู่ยอดฝีมือระดับสูงสุดนั้น ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจจะฝ่าเข้าไปได้ มันทำให้อาจารย์ผิดหวัง
 
“เจ้าหนู ข้าซาบซึ้งอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้ากลัวว่าข้าคงไม่เข้าใจพลังของยอดฝีมือระดับสูงสุด” ฝางมู่ถอนหายใจออกมา
 
ตามรุ่นแล้ว การที่ฝางมู่เรียกลั่วซู่หยางว่าเจ้าหนู คงไม่มีใครกล้าคัดค้านอะไร
 
ลั่วซู่หยางส่ายหน้า “ทักษะจี๋อู่ขั้นต่ำนี้คือสิ่งที่เจ้าสำนักมอบให้กับมนุษย์ ผู้น้อยไม่อาจจะรับคำชมนี้ได้” แม้ว่าเขาจะไม่ได้อ่อนแอกว่าฝางมู่มากนัก แต่เขาก็ยังเรียกตัวเองว่าผู้น้อย อย่างแรกเลยก็คือฝางมู่นั้นแข็งแกร่งจนน่ากลัว อย่างที่สองคือเป็นผลจากอาจารย์ของเขา คนที่เกี่ยวข้องกับเป้ยหลงคู่ควรจะได้รับความเคารพ
 
“เจ้าสำนัก?” ฝางมู่ยักคิ้ว  “เจ้าหมายความว่าทักษะจี๋อู่นี้ สร้างขึ้นโดยเจ้าสำนักรึ ? เขาให้เจ้ามาเผยแพร่ให้กับมนุษย์รึ?”
 
ฝางมู่ยากที่จะเข้าใจได้ ลั่วซู่หยางนั้นคือยอดฝีมือระดับสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์ เจ้าสำนักแบบไหนกันที่สั่งให้เขามาทำงานแบบนี้ได้?
 
“มีอัจฉริยะหน้าใหม่ในหมู่มนุษย์ตอนที่ข้าเก็บตัวงั้นรึ?” ฝางมู่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง  “เจ้าสำนักที่ยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นกลางบอกมา ต้องอยู่อย่างน้อยขั้นสูงสุดไม่ใช่รึ ? ความแข็งแกร่งของเขาไม่ใช่ว่าเทียบกับอาจารย์ได้รึ?”
 
ฝางมู่ภูมิใจในอาจารย์ของตัวเองอย่างมาก ในความเห็นของเขาแล้วเป้ยหลงคือหนึ่งในคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ ไม่ใช่แค่ยอดฝีมือระดับสูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์ แต่ยังทัดเทียมกับราชามังกรได้ อัจฉริยะแบบนี้หากมองทั้งทวีป แม้แต่ในประวัติศาสตร์ก็มีนับนิ้วได้
 
มันยากที่จะคิดว่าแค่ 6,000 ปี แต่มนุษย์กลับมีคนแบบนั้นกำเนิดขึ้นมา อัจฉริยะที่น่ากลัว !
 
ฝางมู่สูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามยับยั้งอารมณ์ของตัวเอง ก่อนจะพึมพำออกมา  “เจ้าบอกได้หรือไม่ว่า เจ้าสำนักนั่นเป็นใคร?”
 
“ขอโทษด้วย หากไม่ได้รับอนุญาต ผู้น้อยก็ไม่มีสิทธิบอกข้อมูลของเขา”  ลั่วซู่หยางขอโทษออกมา “ข้าบอกได้แค่ว่าเขาแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่มีใครในโลกนี้ที่เป็นคู่มือเขาได้” เขาไม่ได้บอกว่าเจ้าสำนักก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนไปได้เพราะข่าวนี้มันน่าตกใจเกินไป หากไม่เห็นกับตาตัวเอง มันคงไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้
 
ฝางมู่ตะลึงจนอึ้งไป  “แม้แต่ราชามังกรก็ไม่ใช่คู่มือของเขารึ?”
 
ตามที่ทุกคนรับรู้มา ราชามังกรคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นยุคไหนราชามังกรก็ยังคงครองบัลลังก์นี้ บัลลังก์แห่งความไร้เทียมทาน
 
“ไม่ได้” ลั่วซู่หยางไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
 
“เจ้าเคยเห็นเขาสู้กับราชามังกรหรือยัง?” ฝางมู่สงสัย เขารู้ดีว่าราชามังกรแข็งแกร่งแค่ไหน แม้แต่เป้ยหลงยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดก็ไม่อาจจะเป็นคู่มือของราชามังกรได้ เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนที่จะเอาชนะราชามังกรได้จริงๆ
 
ลั่วซู่หยางชะงักและส่ายหน้าทันที  “ ข้าไม่เคยเห็นเจ้าสำนักสู้กับราชามังกร แต่ข้าเคยเห็นเจ้าสำนักลงมือ ราชาสัตว์อสูรที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงและผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่ามังกร อ้าวเยว่ ที่เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงสุดต่างก็ใช้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ออกมา แต่ไม่อาจจะทลายการป้องกันของเจ้าสำนักได้….ราชามังกรอาจจะแข็งแกร่ง ท่านคิดว่าราชามังกรสามารถรับมือกับเคล็ดวิชาของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงและสูงสุดได้รึ?”
 
ฝางมู่ตะลึง  “ทลายการป้องกันไม่ได้รึ?”
 
พระเจ้า นี่มันความแข็งแกร่งแบบไหนกัน ?
 
เขามั่นใจว่าเป้ยหลงไม่อาจจะต้านรับเคล็ดวิชาของยอดฝีมือระดับสูงสุดขั้นสูงและขั้นสูงสุดได้ นี่ไม่ต้องนับ…การที่ไม่อาจจะทลายการป้องกันเลย !
 
นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของคนที่อยู่ขอบเขตตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์รึ!
 
“คนนั้นก้าวข้ามขอบเขตตุ้นซวนไปแล้วรึ?” ฝางมู่ตะลึงไปกับความคิดที่โผล่มาในหัวตัวเอง
 
เหนือกว่าขอบเขตตุ้นซวน มันคือสิ่งที่เป้ยหลงไม่อาจจะทำได้ ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมานั้นไม่มีใครทำได้ มีคนที่มีพรสวรรค์มากกว่าอาจารย์ของเขา แต่พวกนั้นก็ไม่อาจจะทำได้
 
เมื่อเห็นว่าฝางมู่ตะลึง  ลั่วซูหยางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
 
แม้ว่าเขาจะรู้ถึงตัวตนของฝางมู่จากคำพูดของอาจารย์เขา แต่เขาก็ไม่ได้รู้จักอีกฝ่ายจริงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าฝางมู่เป็นคนยังไง  อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนทะเยอทะยานหรือเป็นคนที่ไม่สนใจโลกนั้นเขาไม่อาจจะตัดสินได้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่บอกข้อมูลบางส่วนให้กับฝางมู่ได้ฟัง  เขาไม่รู้ว่าฝางมู่จะเป็นคนทะเยอทะยานหรือไม่ แต่หลังจากที่รู้ว่ามีตัวตนแบบเจ้าสำนักอยู่ในเผ่ามนุษย์ แน่นอนว่าความคิดเกินเลยในหัวของเขาก็ต้องหายไป
 
ตอนนี้มันเหมือนจะได้ผลตอบรับที่ดี ฝางมู่ถึงกับตกตะลึง
 
“เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าสำนักที่เจ้าพูดถึงเป็นยังไง?” ฝางมู่ลังเลและพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงใจ  “ข้าอยากขอบคุณเขาด้วยตัวเอง!” ท่าทีของฝางมู่ดูจริงใจอย่างมาก ลั่วซู่หยางบอกได้ด้วยสัญชาตญาณของเขา
 
ลั่วซู่หยางอดไม่ได้ที่จะเงียบ เรื่องเกี่ยวกับเจ้าสำนักนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เขาไม่รู้จริงๆว่าจะต้องพูดยังไง
 
เขาอยากที่จะบอก แต่เขาไม่เข้าใจนิสัยของฝางมู่ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะบอกเรื่องเจ้าสำนักออกไปง่ายๆ
 
“ข้าเข้าใจว่าเจ้ากังวลอะไร” ฝางมู่เห็นว่าลั่วซู่หยางกังวล เขาอดไม่ได้ที่จะเปิดปากพูดขึ้นมา “แต่ข้าอายุกว่า 9,000 ปีแล้ว ข้ามีชีวิตต่อได้อีกไม่นาน เจ้าคิดว่าด้วยอายุของข้าแล้ว ข้าจะมีอะไรให้ไล่ตามอีกหรือไง?” เมื่อพูดถึงเรื่องอายุ สายตาของฝางมู่ก็แสดงความเศร้าออกมา  “ข้าแค่ต้องการแสดงความขอบคุณต่อเจ้าสำนัก ขอบคุณที่ทำให้ความหวังตลอดหลายปีของข้าเป็นจริงสักที ทำให้อาจารย์ข้าไม่ต้องอับอาย….” ฝางมู่เงียบไปชั่วครู่และพูดต่อ “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องภัยที่ข้ามีต่อตำแหน่งของเจ้าเพราะ…หลังจากที่ได้พบกับเจ้าสำนักแล้ว ข้าจะเข้าไปยังโพรงหมื่นปิศาจตามอาจารย์…”
 
ลั่วซู่หยางแปลกใจขึ้นมา  “ท่านเป้ยหลง เข้าไปในโพรงหมื่นปิศาจรึ?”
 
ทุกคนต่างก็รู้ว่าเป้ยหลงหายตัวไปเมื่อ 7,000 ปีก่อนและคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะเข้าไปยังโพรงหมื่นปิศาจ มันคือเขตหวงห้าม!
 
“แปลกรึ? ใครบ้างที่ไม่สงสัยเกี่ยวกับเขตหวงห้ามทั้งสาม? คนทั่วไปไม่กล้าเข้าไปที่นั่น แต่สำหรับคนที่อายุขัยกำลังจะหมดลง เขตหวงห้ามทั้งสามคือสิ่งที่เย้ายวนของพวกเขา อาจารย์ข้าก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น” ฝางมู่พูดขึ้นอย่างใจเย็น  “มันผ่านมาเนิ่นนานแล้วที่มนุษย์, สัตว์อสูรและมังกรได้เข้าไปยังเขตหวงห้ามทั้งสาม แม้แต่เจ้า เจ้าก็อาจจะเข้าไปที่นั่นในอนาคต แล้วจะมาแปลกใจอะไรกับเรื่องนี้กัน?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด