ตอนที่ 248-1 เลี้ยงแขก

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 32 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

คนที่มางานเลี้ยงของจวนผิงจวิ้นอ๋องย่อมเยอะอย่างถึงที่สุด มีราชนิกุล มีขุนนางผู้สร้างคุณูปการ และยังมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนัก ที่เยอะยิ่งกว่าคือขุนนางบุ๋นบู๊ระดับล่าง ถนนสายนี้ที่ตั้งจวนผิงจวิ้นอ๋องชั่วขณะก็เบียดเสียด ปิดถนนจนไม่อาจเคลื่อนตัว คนจำนวนมากยังห่างอยู่อีกไกลก็ลงจากรถลงจากเกี้ยวลงจากม้า สั่งให้ผู้ติดตามขับรถและม้ากลับไป ตนเดินเท้าเข้าไปเอง/n /n /nแรกเริ่มเสิ่นเวยยังไม่คิดว่าคนจะเยอะเพียงนี้ ใคร่ครวญเล็กน้อยก็เข้าใจแล้ว สวีโย่วเป็นหลานชายแท้ๆ ของฝ่าบาท อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานอย่างยิ่ง เหล่าราชนิกุลต้องไว้หน้าเขาหน่อยมิใช่หรือ ตัวนางเองก็มีฐานะเดิมจากจวนจงอู่โหว ไม่ต้องพูดถึงบรรดาศักดิ์จวิ้นจู่ของนาง เพียงแค่ปู่นาง ขุนนางผู้สร้างคุณูปการและขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักก็ต้องมาแล้ว และไม่ใช่ว่าจะได้ผลประโยชน์อะไร แต่คนอื่นมาแล้วเจ้าก็ไม่อาจไม่ตอบแทนได้ นั่นไม่ใช่เป็นการผิดใจคนหรอกหรือ/n /n /nสำหรับความคิดของขุนนางบุ๋นบู๊ระดับล่างเหล่านั้นก็เดาง่ายอย่างยิ่ง ปกติก็ถวายของขวัญอยากประจบประแจงผิงจวิ้นอ๋องแต่เข้าประตูใหญ่ไม่ได้ นี่เป็นโอกาสดียิ่งนัก! แม้ว่าจะไปปรากฎตัวตรงหน้าผิงจวิ้นอ๋องกับจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ไม่ได้ อย่างไรเสียก็ยังได้พูดคุยสนทนากับขุนนางคนอื่นๆ!/n /n /nแขกผู้ชายกับญาติผู้หญิงแยกกันต้อนรับ ฝั่งแขกผู้ชายมีอาจารย์ซูกับเจี่ยงปั๋วจัดการ ฝั่งญาติผู้หญิงเพราะว่ามีป้าสะใภ้ใหญ่สวี่ซื่อผู้มากความสามารถและอู๋ซื่อซื่อจื่อฮูหยินจวนจิ้นอ๋องช่วยเหลือ ทั้งหมดจึงจัดการได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ทำให้เสิ่นเวยทุกข์ใจเลยแม้แต่นิดเดียว นางเองก็พูดคุยเป็นเพื่อนผู้อาวุโสที่สูงกว่านางไม่กี่คนก็พอแล้ว/n /n /nกูไหน่ไนหลายคนของจวนจงอู่โหวก็มาด้วยเช่นกัน ในนั้นมีเสิ่นซวงที่ตั้งท้องใหญ่ โหลวซื่อแม่สามีของนางจ้องมองไม่ให้คลาดสายตา เสิ่นเวยเข้าไปพยุงนางทันที ขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วยกล่าว “พี่รอง ท่านท้องโตเช่นนี้แล้วไม่พักผ่อนอยู่ในบ้านดีๆ แต่กลับวิ่งออกมาข้างนอกได้อย่างไร น้องจะตำหนิท่านได้หรือ”/n /n /nเสิ่นซวงยิ้ม “ไม่เป็นไร ผ่านสามเดือนแรกแล้ว หมอสั่งแล้วว่าต้องขยับตัวให้มากหน่อยจึงจะดี งานมงคลในจวนน้องสี่ ข้าที่เป็นพี่สาวจะไม่มาอวยพรด้วยตัวเองได้อย่างไร”/n /n /nเสิ่นเวยมองท้องที่นูนขึ้นของนาง ในดวงตาแฝงความกังวล “พี่รอง ท่านยังตั้งครรภ์ไม่ถึงสี่เดือนไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงท้องโตเพียงนี้แล้วเล่า ท่านอย่าบำรุงจนเกินไป ถึงตอนนั้นจะคลอดยาก!” นี่เป็นยุคโบราณ ซ้ำยังไม่มีการผ่าท้องคลอด ทารกในครรภ์ตัวใหญ่เกินไปคลอดออกมาไม่ได้จะทำให้เกิดภาวะคลอดยากได้ง่ายอย่างยิ่ง ทำให้พรากทั้งสองชีวิตไป/n /n /nเสิ่นซวงได้ยินดังนั้นก็เม้มปากยิ้ม โหลวซื่อข้างๆ ก็มีท่าทางยิ้มแย้มเบิกบาน “เรียนให้จวิ้นจู่เหนียงเหนียงทราบ หมอหลวงในวังตรวจดูแล้ว ท้องนี้ของซวงเอ๋อร์เป็นท้องแฝด”/n /n /n“จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีจริงๆ!” เสิ่นเวยดีใจ ทันใดนั้นสายตาที่มองเสิ่นซวงก็ยิ่งไม่เห็นด้วย “ท้องแฝดแล้ว ก็ยิ่งต้องระมัดระวัง หากท่านอยากเจอข้า ก็สั่งบ่าวมาบอกก็ได้ ข้าจะไปเยี่ยมท่านที่จวนเลขาธิการทันที ท่านดูท่านสิ หากท่านป้าสะใภ้ใหญ่รู้จะต้องว่าท่านอีกแน่นอน”/n /n /n“ก็ว่าน่ะสิ” สวี่ซื่อที่ได้ข่าวรีบตามมาใบหน้าดำคร่ำเครียด นิ้วมือจิ้มหน้าผากของเสิ่นซวง “เจ้าเด็กแสบของข้า เจ้าให้ข้าทุกข์ใจน้อยหน่อยไม่ได้หรือ เจ้าเองก็ถูกแม่สามีเจ้าตามใจเจ้า! พี่สะใภ้ใหญ่ หากนางไม่เชื่อฟังเช่นนี้อีกท่านก็หยิกนางให้ข้าที” ทว่าในแววตากลับปิดบังความเป็นห่วงไว้ไม่อยู่/n /n /n“ข้าทำไมลงน่ะสิ” โหลวซื่อยิ้มอย่างสบายใจ ทว่าดวงตากลับไม่ห่างตัวเสิ่นซวง “นางยอมขยับร่างกายก็เป็นเรื่องดี หมอหลวงบอกแล้วว่า ตอนที่ตั้งท้องแฝดเดิมก็ลำบากเล็กน้อย นางขยับเขยื้อนตัวให้มาก ร่างกายแข็งแรง ถึงตอนนั้นก็จะคลอดง่าย แขนขาแก่ๆ ของข้าเองก็ได้โอกาสขยับบ้าง ดูแลนางให้มากหน่อย” ดูออกว่านางชอบหลานสาวลูกสะใภ้ผู้นี้ยิ่งนัก”/n /n /n“พี่สะใภ้ท่านตามใจนางไปเถอะ! ดูสิว่านางถูกตามใจจนเป็นเช่นไรแล้ว” ปากสวี่ซื่อกล่าวตำหนิ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสุข/n /n /n“ลูกสะใภ้ข้าข้าไม่ตามใจนางแล้วจะไปตามใจใคร” โหลวซื่อตอบกลับอย่างมีเหตุมีผล/n /n /nเสิ่นเวยเห็นท่าทีก็รีบกล่าว “อย่ามัวยืนกันอยู่เลย รีบเข้าไปเถอะ พี่รองข้ายังตั้งท้องอยู่ หลีฮวา หลีฮวา เจ้านำท่านน้าสะใภ้ใหญ่กับพี่รองเข้าไป หาที่เงียบๆ หน่อย อย่าให้รบกวนพี่รองข้า”/n /n /nหลีฮวาสับขาวิ่งเข้ามานำเสิ่นซวงกับโหลวซื่อไปนั่ง สวีซื่อมองแผ่นหลังบุตรสาวของตน ถอนหายใจยาวๆ เสิ่นเวยกล่าวปลอบ “วางใจเถิดท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านน้าสะใภ้ใหญ่ดีต่อพี่รองไม่ใช่เรื่องดีหรอกหรือ ท้องแฝดลำบากหน่อย แต่สุขภาพพี่รองก็ดีมาโดยตลอด ถึงตอนนั้นเชิญหมอหลวงมาอยู่ดูแลในจวน จะต้องคลอดได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”/n /n /n“ขอให้เป็นอย่างที่เวยเอ๋อร์บอก” สวี่ซื่อยังคงเป็นกังวลอย่างยิ่ง ฝืนยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว ชั่วชีวิตนี้ของนางมีบุตรสาวสองคน เสิ่นอิ่งแต่งงานออกไปไกล ต่อให้นางเป็นกังวลก็ทำอะไรไม่ได้ ซวงเอ๋อร์อยู่ใกล้ แต่นางก็ยังคงทุกข์ใจไม่เลิก เฮ้อ บุตรสาวบุตรชายล้วนแต่เป็นหนี้!/n /n /n“เวยเอ๋อร์รีบเข้าไปพูดคุยกับฮูหยินอาวุโสทั้งหลายเถิด ข้างนอกมีป้าดูแลอยู่” สวี่ซื่อเก็บความกังวลบนใบหน้ากล่าวกับเสิ่นเวย/n /n /n“เช่นนั้นก็ลำบากท่านป้าสะใภ้ใหญ่แล้ว” บนใบหน้าเสิ่นเวยมีความซาบซึ้ง ไม่ใช่ว่านางดูแลไม่ได้ เพียงแต่ไม่ชอบเรื่องจุกจิกเช่นนี้จริงๆ มีท่านป้าสะใภ้ใหญ่ช่วย นางก็เบาลงไปเยอะ/n /n /n“ดูเจ้าพูดสิ เกรงใจป้าทำไมกัน!” สวี่ซื่อบ่นเสิ่นเวยหนึ่งประโยคจากนั้นก็ติดลมใต้เท้าไปยุ่งงานต่อแล้ว/n /n /nญาติผู้หญิงอยู่ด้วยกันจะคุยอะไรได้ นอกจากเรื่องมโนสาเร่ก็ชื่นชมเสิ่นเวย ตั้งแต่หน้าตาไปจนถึงนิสัยกระทั่งยังมีวาสนา คนหน้าหนาเช่นเสิ่นเวยยังรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ที่พูดนี่หมายถึงนางหรือ เป็นพระพุทธเจ้าในวัดมากกว่ากระมัง! คนที่เอาแต่ใจถือหางให้ท้ายพรรคพวกทั้งยังไม่ยอมเสียเปรียบเช่นนางจะมีความเกี่ยวข้องกับสตรีดีมีคุณธรรมได้อย่างไร ตาของทุกคนบอดแล้วใช่หรือไม่/n /n /nที่นั่งอยู่ยังมีสองคนที่รู้สึกว่าตาของทุกคนบอดด้วยเช่นกัน คนหนึ่งคือฉินอิงอิง คนหนึ่งคือเสิ่นเสวี่ย/n /n /nนายหญิงผู้เฒ่าฉินกับต่งซื่อฮูหยินเสนาบดีจวนเสนาบดีฉินไม่มีความรู้สึกดีต่อเสิ่นเวยเลยแม้แต่นิดเดียว กระทั่งพูดได้ว่าเกลียดเข้ากระดูกดำ แต่อย่างไรเสียก็ไม่ได้ฉีกหน้าอย่างเป็นทางการ จึงทำได้เพียงปิดจมูกเอา/n /n /nฉินอิงอิงก็ยิ่งขัดแย้ง นางไม่อยากมาอวยพรที่จวนเลยแม้แต่น้อย อดทนเถียงแม่นางไม่ได้ มารดาตระกูลฉินพูดเช่นนี้ ‘เจ้าต้องแต่งเข้าจวนจิ้นอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือว่าพี่ใหญ่ของสามีกับพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า เป็นคนตระกูลเดียวกัน งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของพวกเขาเจ้าไปอวยพรถึงที่ คนนอกเห็นแล้วก็มีแต่จะพูดว่าเจ้ารู้ประสา’ ส่วนการทะเลาะของลูกสาวกับจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ผู้นั้น นางไม่สนใจอย่างสิ้นเชิง/n /n /nฉิงอิงอิงมองทุกคนยกยอเสิ่นเวยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในใจเหยียดหยามอย่างยิ่ง สตรีดีมีคุณธรรมอะไร ฉลาดอ่อนโยนอะไร ก็แค่หญิงชั่วที่เติบโตในชนบทก็เท่านั้นเอง/n /n /nมารดาตระกูลฉินที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าที ก็รีบดึงแขนเสื้อของลูกสาว ถลึงตาใส่นางปราดหนึ่ง/n /n /nฉินอิงอิงจึงเก็บสายตากลับมาหลุบตาลง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้เสียกิริยา นี่เองก็ทำให้มารดาตระกูลฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดด้วยความโมโหอย่างอดไม่ได้ ลูกคนนี้นี่ นางพูดจนน้ำลายแห้งแล้ว เหตุใดนางถึงยังไม่รู้ประสาเช่นนี้เล่า/n /n /nความรู้สึกของเสิ่นเสวี่ยก็ยิ่งซับซ้อนอย่างมาก ผ่านเรื่องคราวก่อนมานางก็ตระหนักได้อย่างชัดแจ้งแล้วว่ามีบ้านฝั่งมารดาที่มีอำนาจสำคัญเพียงใด สามีมารับนางกลับจวนด้วยตัวเอง กลับไปถึงจวนแล้วแม่สามีก็ยิ้มแย้มให้นาง แม้แต่พ่อสามีที่แต่ไหนแต่ไรเคร่งขรึมก็ปลอบนางหลายประโยคด้วยสีหน้าอ่อนโยน/n /n /nนางรู้ดีแก่ใจ นี่ล้วนเป็นเพราะว่านางคือคุณหนูของจวนจงอู่โหว ปู่นางคือราชครูที่ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญ/n /n /nงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของจวนผิงจวิ้นอ๋องคราวนี้ ไม่ต้องให้คนอื่นเร่งรัดนางก็กระตือรือร้นเตรียมตัวด้วยตัวเอง นางไม่ถูกกับเสิ่นเวย แต่กลับจำใจต้องพึ่งพาอำนาจของเสิ่นเวย แม่สามีผู้นั้นของนางหวาดกลัวอดทนต่อนางก็เพราะว่านางมีพี่สาวที่เป็นจวิ้นจู่แต่งงานกับผิงจวิ้นอ๋องไม่ใช่หรือ ต่อให้ในใจสะอืดสะเอียนแทบตาย ภายนอกก็ยังต้องแสดงท่าทียินดีออกมา/n /n /nหลักการเหล่านี้นางเข้าใจดี แต่เมื่อเห็นเสิ่นเวยที่เป็นดั่งดาวล้อมเดือนจริงๆ นางก็ยังอดกระอักกระอ่วนในใจอย่างอดไม่ได้ มิหนำซ้ำหลี่ซินหรุ่ยเพื่อนสนิทยังกระซิบข้างหูนางไม่หยุด บ้างก็ว่าอาเสวี่ยพี่สาวเจ้าสวยจริงๆ บ้างก็ว่าพี่สาวเจ้าวาสนาดีจริงๆ ไม่เพียงแต่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นจู่แต่ยังได้แต่งสามีดีที่ใครๆ ต่างก็อิจฉา…/n /n /nเสิ่นเสวี่ยยิ่งฟังก็ยิ่งแค้น มีพ่อเดียวกันแท้ๆ เหตุใดนางถึงต้องเจอแม่สามีแบบนั้นใช้ชีวิตลำบากเช่นนั้น แต่เสิ่นเวยกลับได้รับการยกยอปอปั้นที่สูงลิ่วจากทุกคน/n /n /nนางมาเช้าเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ก็ได้เห็นกับตาแล้วว่าผิงจวิ้นอ๋องผู้นั้นปฏิบัติต่อเสิ่นเวยเช่นไร ในดวงตาของเขามีความอบอุ่นและความรักแบบที่สามารถทำให้คนอกแตกตายได้! ส่วนพี่จิ่นอวี้ที่นางใช้ทุกวิถีทางกว่าจะแต่งมาได้น่ะหรือ ปฏิบัติต่อนางแย่ลงทุกวันๆ แม้เขาจะยังพูดจากอ่อนโยนเช่นนั้น แต่เสิ่นเสวี่ยกลับสัมผัสถึงความห่างเหินของเขาได้อย่างชัดเจน/n /n /nนึกถึงตรงนี้เสิ่นเสวี่ยก็อดกำผ้าเช็ดหน้าไม่ได้ แค่นเสียงหนึ่งคราอย่างทนไม่ไหว/n /n /nเสียงๆ นี้ดังชัดมากเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่เสิ่นเวยได้ยิน ญาติผู้หญิงที่นั่งอยู่ยังได้ยินทั้งหมด อดมองจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ที่นั่งเป็นเจ้าภาพไม่ได้ จากนั้นจึงมองเสิ่นเสวี่ยที่นั่งอยู่ต่ำกว่า/n /n /nพี่น้องไม่ถูกกกันหรือ นี่คือโอกาสที่จะต้องแปรพักตร์หรือไม่ ในดวงตาเหล่าญาติผู้หญิงกะพริบวาบ เบื้องลึกในใจตื่นเต้นอยู่เงียบๆ/n /n /nเสิ่นเวยไม่แม้แต่จะชายตามองเสิ่นเสวี่ย เปลี่ยนเรื่องคุยด้วยความเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ญาติผู้หญิงที่นั่งอยู่ไม่มีใครโง่แม้แต่คนเดียว ย่อมต้องพูดไปตามหัวข้อสนทนาของเสิ่นเวย แม้ว่าในใจจะสงสัยก็ไม่กล้าสืบถาม!/n /n /nเสิ่นเวยไม่เห็นเสิ่นเสวี่ยอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง วันนี้เป็นวันขึ้นบ้านใหม่ของพวกเขา นางไม่อาจทะเลาะกับเสิ่นเสวี่ยให้คนอื่นหัวเราะเยาะได้ ไม่ว่าอย่างไรพวกนางก็เป็นพี่น้อง หนึ่งโรจน์ล้วนโรจน์ หนึ่งร่วงล้วนร่วง แต่เสิ่นเสวี่ยไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้นางเห็นเสิ่นเสวี่ยมาแต่เช้ายังคิดว่านางพัฒนาแล้ว ไม่คิดว่าจะยังคงมีนิสัยไม่ได้ความเช่นนี้อยู่/n /n /nจากมุมมองของเสิ่นเวย เสิ่นเสวี่ยเป็นเพียงแค่ตัวตลก ไม่สนใจนางก็กระโดดโลดเต้นไม่ได้ หากเกินไปจริงๆ นางย่อมมีวิธีจัดการนางเช่นกัน/n /n /nฝั่งแขกผู้ชาย สวีโย่วกำลังทักทายเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักอยู่ คนทั้งหมดตกใจเนื่องจากได้รับความโปรดปราน แม้จะบอกว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นขุนนางระดับสามขึ้นไป แต่เมื่อก่อนผิงจวิ้นอ๋องผู้นี้ก็ทะนงตนยิ่งนัก เห็นพวกเขาแล้วก็เพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้น ตอนนี้ดูแล้ว ใครกันบอกว่าผิงจวิ้นอ๋องผู้นี้เย็นชา ดูความช่างพูดนั่นสิ แม้การแสดงออกบนใบหน้าจะน้อยไปหน่อย แต่มีที่พึ่งก็นำมาซึ่งโอกาสมิใช่หรือ/n /n /nองค์ชายรองก็มาด้วยเช่นกัน เมื่อเขามาทุกคนก็พากันเข้าไปถวายความเคารพ องค์ชายรองยังคงมีท่าทางถ่อมตัวและอบอุ่นเช่นนั้น “ทุกท่านรีบลุกขึ้นเถิด วันนี้ข้าเหมือนกับทุกท่าน เป็นแขกที่มาเยี่ยมบ้าน ผิงจวิ้นอ๋องยังคงเป็นเจ้าภาพหลัก”/n /n /nแม้เขาจะพูดเช่นนี้ แต่ขุนนางในราชสำนักที่ล้อมตัวเขาก็ยังคงมีไม่น้อย โดยเฉพาะขุนนางที่มีระดับล่างอย่างยิ่งเหล่านั้น วันปกติไหนเลยจะเห็นองค์ชายรอง ตอนนี้กว่าจะมีโอกาส จะไม่กุมไว้ได้อย่างไร/n /n /nองค์ชายรองยิ้มอย่างรู้สึกผิดต่อสวีโย่ว “ยินดีกับญาติผู้พี่ที่ได้ขึ้นบ้านใหม่” ทว่าในใจกับพอใจอย่างยิ่ง/n /n /nสวีโย่วกระตุกมุมปากเล็กน้อย กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ขอบคุณองค์ชายรองยิ่งนัก”/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด