ตอนที่ 242-1 ฉินมู่หรานคนห่วยแตก

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 45 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

อีกสองวันก็จะย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องได้แล้ว เสิ่นเวยนับวันรอประหนึ่งกระรอกที่ดีใจ นางยืนอยู่ล่างระเบียงทางเดินมองท้องฟ้าสูงๆ รู้สึกเพียงฟ้าดินกว้างใหญ่ไพศาล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดีงามอย่างถึงที่สุด/n /n /nขณะที่เสิ่นเวยกำลังเฝ้ารอที่จะได้ย้ายออกจวกจวนจิ้นอ๋องทั้งจิตทั้งใจ ในเมืองหลวงกลับเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น มีคนฟ้องร้องฉินมู่หรานคุณชายเล็กตระกูลท่านเสนาบดีฉินแล้ว ฟ้องร้องว่าเขาฉุดตัวหญิงชาวบ้าน อีกทั้งศาลต้าหลี่ยังรับคำฟ้องอีกด้วย/n /n /nคราวนี้ในเมืองหลวงอึกทึกขึ้นมาแล้ว พากับสืบสาวว่าตระกูลใดที่ไม่กลัวอำนาจเช่นนั้น คาดไม่ถึงว่าแม้แต่ลูกคนเล็กของท่านเสนาบดีฉินก็กล้าฟ้องร้อง ฉินมู่หรานเป็นคนไม่เอาไหน แต่เบื้องหลังเขาก็แข็งแกร่ง! พ่อเขาเป็นอัครเสนาบดีในราชสำนัก พี่สาวเขาคือซูเฟยเหนียงเหนียงในพระราชวัง หลานชายเขาคือองค์ชายรองผู้เป็นที่น่าจับตามองที่สุดในราชสำนัก/n /n /nมีคนใหญ่คนโตที่มีกำลังเหล่านี้ปกป้อง ใครจะกล้าผิดใจเขากัน รู้อยู่แก่ใจว่าเขาชอบรังแกชายลวนลามหญิง ทุกๆ แห่งที่เดินผ่านทุกคนยังต้องพยักหน้าโค้งตัวยิ้มแย้มสรรเสริญ แต่ตอนนี้ดันมีคนไม่กลัวตายฟ้องเขาแล้ว จะไม่ให้คนจับตามองได้อย่างไร พากันทายว่าเบื้องหลังตระกูลที่ฟ้องร้องนี้แข็งแกร่งกว่าหรือไม่/n /n /nตอนที่เสิ่นเวยได้ยินข่าวนี้ก็อ้าปากค้าง ฮ่า หมอนี้ออกมาสร้างหายนะอีกแล้วหรือ ไม่ใช่ว่าถูกนางขู่จนหางหดไปแล้วหรือ ไม่กี่วันบาดแผลหายก็ลืมความเจ็บไปแล้วหรือ ซ้ำยังพัฒนา เมื่อก่อนแค่ลูบๆ คลำๆ พูดจาลวนลามอยู่ข้างถนน ตอนนี้ฉุดคนเข้าจวนแล้ว เด็กเลวสมควรตายคนนี้/n /n /n“แม่นางที่ถูกฉุดเป็นคนในตระกูลใด” เสิ่นเวยถามเสี่ยวตี๋ เสี่ยวตี๋เป็นคนสืบข่าวในกลุ่มทหารลับโดยเฉพาะ ช่วงนี้ข่าวลือต่างๆ ข้างนอกที่เกี่ยวกับจวนจิ้นอ๋องล้วนเป็นนางที่ดูแล เรื่องนี้ถามนางไม่ผิดแน่นอน/n /n /nเสี่ยวตี๋กล่าว “เป็นบุตรสาวคนเล็กของตระกูลจางซิ่วไฉทางตะวันออกของเมือง ชื่อจางย่วนเหนียง ปีนี้เพิ่งจะอายุสิบหกปี มีพี่ชายสองคน นางเป็นลูกคนสุดท้อง อยู่ในจวนได้รับความรักความโปรดปรานอย่างยิ่ง/n /n /n“หน้าตาเป็นอย่างไร ใช่สวยอย่างยิ่งหรือไม่” เสิ่นเวยถามต่อ แววตาเต็มไปด้วยความสนใจ/n /n /nเสี่ยวตี๋พยักหน้า “แม้จะพูดไม่ได้ว่างามล่มเมือง แต่ก็นับได้ว่าเป็นคนงามสะสวย” ตามที่ลูกน้องบอกในพื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของเมืองจางย่วนเหนียงผู้นี้เป็นสตรีที่โดดเด่นที่สุด หน้าตาดี นิสัยดี คนขยันทั้งยังรู้อักษร/n /n /nเสิ่นเวยคิดดูแล้วก็ใช่ หากขี้เหร่เหมือนยักษ์ ก็คงไม่ถูกฉินมู่หรานเด็กคนนั้นฉุดเข้าจวนหรอก/n /n /n“สิบหกแล้ว หมั้นหมายแล้วหรือยัง” จู่ๆ เสิ่นเวยก็นึกถึงปัญหาข้อนี้/n /n /n“หมั้นแล้ว เป็นลูกชายของสหายจางซิ่วไฉ คนผู้นั้นแซ่ซั่ง บิดาตระกูลซั่งเองก็เป็นซิ่วไฉ นับว่าเป็นคู่กิ่งทองใบหยก สองตระกูลอาศัยอยู่บนถนนสายหนึ่ง จางย่วนเหนียงกับชนรุ่นหลังผู้นั้นมีใจให้กันมาตั้งแต่เด็ก ปีก่อนหมั้นหมายการสมรส ฤกษ์สมรสคือวันที่หกเดือนหน้า อีกแค่สิบกว่าวัน” เสี่ยวตี๋เล่าเหตุการณ์ที่สืบถามมาอย่างละเอียด/n /n /n“ทำกรรมจริงๆ นี่ไม่ใช่ทำลายสองตระกูลหรือ ผู้แซ่ฉินสมควรถูกฟ้าผ่าตาย” แววตาเสิ่นเวยเต็มไปด้วยความรังเกียจ เสียใจที่คราวก่อนไม่ได้ทำให้เขาพิการ “จริงสิ แม่นางผู้นั้นจะแต่งงานเดือนหน้าแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงไม่เตรียมตัวอยู่ในบ้านเล่า ออกมาได้อย่างไร” สตรีที่หมั้นหมายแล้วไม่ใช่ควรปักสินเดิมอยู่ในบ้านหรอกหรือ/n /n /nเสี่ยวตี๋กล่าว “คนตระกูลเล็กตระกูลน้อยไม่ได้เคร่งครัดเพียงนั้น ทั้งยังเป็นเรื่องบังเอิญ แม่นางผู้นั้นไปซื้อด้ายที่ร้ายขายด้าย ระหว่างทางกลับมาถูกฉินมู่หรานพบเข้า ฉินมู่หรานก็เป็นคนบ้าตัณหา เห็นแม่นางหน้าตาดี ก็หยอกเย้าหลายประโยค แม่นางผู้นั้นมีนิสัยรุนแรง ก่นด่าเขาไปหลายประโยค ฉินมู่หรานเห็นสตรีสุภาพเรียบร้อยจนชิน เห็นคนผู้นี้นิสัยรุนแรงแวบแรกก็รู้สึกสนใจ ชั่วขณะก็เกิดความต้องการ ฉุดคนเสีย ยังคงเป็นตระกูลจางที่เห็นว่าอาทิตย์ตกดินแล้วบุตรสาวยังไม่กลับบ้าน จึงออกไปหา หาทั่วทุกหนทุกแห่งแล้วก็ไม่เห็นเงาบุตรสาว แทบจะไปแจ้งที่ว่าราชการแล้ว ท้ายที่สุดยังคงเป็นพ่อค้าที่วางแผงขายของข้างถนนนั้นเห็นคุณชายจวนเสนาบดีฉินฉุดคนจึงไปบอกตระกูลเขา มารดาแซ่จางเป็นลมไปทันที”/n /n /nตอนนั้นเสี่ยวตี๋ได้รับข่าวที่ลูกน้องส่งกลับมาก็รีบตามไปทันที เบียดอยู่ในฝูงชนมองเห็นได้ ภาพเหตุการณ์นั้นน่าเวทนายิ่งนัก มารดาตระกูลจางหลังจากถูกช่วยจนฟื้นก็ร้องไห้หาลูกสาว คนที่มุงดูต่างก็วิจารณ์กันเซ็งแซ่ สงสารจางย่วนเหนียงและตระกูลจางตระกูลซั่งทั้งสองตระกูล ทอดถอนใจว่าบุตรสาวดีเพียงใด ถูกทำลายเช่นนี้ บุตรชายบุตรสาวเหมาะสมกันเพียงใด ถูกแยกออกจากกันเสียอย่างนั้น/n /n /nคู่หมั้นผู้นั้นของจางย่วนเหนียง ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำถือดาบจะวิ่งไปจวนเสนาบดีฉินอย่างสุดชีวิต ถูกคนในตระกูลห้ามไว้อย่างแทบเป็นแทบตาย เด็กหนุ่มที่มีท่าทางเป็นปัญญาชนสุภาพเรียบร้อยโมโหจนทุบพื้น บนมือเลือดเนื้อพร่าเลือน กุมศีรษะนั่งอยู่บนพื้นจิกผมตัวเอง ภาพนั้นทำให้คนฟังปวดใจ คนเห็นน้ำตาไหลจริงๆ!/n /n /n“เช่นนั้นใครเสนอความคิดเห็นให้พวกเขาไปฟ้องร้องศาลต้าหลี่เล่า” จู่ๆ เสิ่นเวยก็กล่าวถาม ชาวบ้านธรรมดาจะฟ้องร้องล้วนแต่ไปยังที่ว่าการเมืองหลวง เหตุใดตระกูลจางถึงคิดไปที่ศาลต้าหลี่เล่า ซิ่วไฉเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่น่าจะมีความรู้เช่นนี้ได้ น่าจะมีคนไปชี้ทางให้ตระกูลเขา/n /n /nเป็นดังคาด เสี่ยวตี๋ยิ้ม กล่าวอย่างเคอะเขินเล็กน้อย “เริ่มแรกตระกูลจางไปที่ว่าการเมืองหลวงมาแล้ว แต่ที่ว่าการเมืองหลวงเห็นว่าคนที่พวกเขาฟ้องคือคุณชายเล็กตระกูลท่านเสนาบดีฉิน ไหนเลยจะกล้ารับเรื่อง ผู้น้อยเห็นพวกเขาน่าสงสารจริงๆ และรู้ว่าใต้เท้าจ้าวผู้พิพากษาศาลต้าหลี่เป็นขุนนางดีที่ซื่อสัตย์ จึงสั่งคนไปชี้แนะให้พวกเขาเล็กน้อย”/n /n /n“ข้าก็ว่าอยู่แล้วเชียว ด้วยตระกูลของพวกเขาจะต้องคิดถึงศาลต้าหลี่ไม่ได้แน่ๆ ที่แท้แล้วเสี่ยวตี๋เจ้าก็ชี้ทางนี่เอง ทำดีมาก” เสิ่นเวยเข้าใจถ่องแท้ “ใต้เท้าจ้าวเป็นคนที่ไม่กลัวอำนาจที่สุด คราวนี้ท่านเสนาบดีฉินมีปัญหาแล้ว!” บนใบหน้าเสิ่นเวยเต็มไปด้วยความดีใจบนความทุกข์ของผู้อื่น เสนาบดีฉินตาเฒ่านั่นเห็นท่าทางสุภาพเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงเห็นเขาไม่เข้าตานัก ไม่มีความรู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว/n /n /n“ใช่แล้วๆ พรุ่งนี้สาส์นกราบทูลยื่นเรื่องไม่ไว้วางใจท่านเสนาบดีฉินของผู้ตรวจการคงจะกองสูงเท่านี้” เสี่ยวตี๋เทียบด้วยความตื่นเต้นดีใจ นางเองก็ชอบดูเรื่องสนุกไม่กลัวอำนาจ มิหนำซ้ำเด็กหื่นกามผู้นั้นของตระกูลพวกเขายังคิดเพ้อฝันถึงจวิ้นจู่มิใช่หรือ บัญชีเก่านี้นางยังไม่ลืม/n /n /nเสิ่นเวยกะพริบตา กระดิกนิ้วเรียวเสี่ยวตี๋อย่างมีลับลมคมนัย “เรื่องนี้พวกเราก็แกว่งเท้าเข้าไปหน่อยดีหรือไม่ พัดลม เติมไฟ ราดน้ำมันเข้าไปอีก พวกเราจุดไฟให้ลุกโชน” อย่างไรเสียคู่อริทางการเมืองในราชสำนักของท่านเสนาบดีฉินก็น่าจะเยอะ พวกนางหลบอยู่หลังม่าน ท่านเสนาบดีฉินจะรู้หรือว่าเป็นใคร/n /n /nเสี่ยวตี๋เองก็ตื่นเต้นทั้งใบหน้า “ได้เจ้าค่ะ” ช่วงนี้กลับเมืองหลวงมาทุกวันมีแต่เรื่องเล็กน้อยหยุมหยิม นางอัดอั้นจะแย่อยู่แล้ว ไหนเลยจะฮึกเหิมสนุกสนานอย่างตอนที่อยู่ซีเจียงที่ทั้งปราบโจรทั้งเข่นฆ่า ตอนนี้จวิ้นจู่อุส่าเกิดความสนใจพานางไปเล่นสนุก นางจะโง่ปฏิเสธได้อย่างไร/n /n /n“มาๆๆ พวกเรามาวางแผนกันก่อน” เสิ่นเวยกับเสี่ยวตี๋หันหัวชนกันปรึกษาหารือ/n /n /nสวีโย่วที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้หน้าต่างก็มองหญิงสาวที่อยู่ใกล้กันแม้แต่ฟ้าก็กล้าพลิกด้วยความจนใจ ช่างเถอะ น้องสี่เองก็อัดอั้นจะแย่แล้ว ให้นางได้เล่นสนุกเถอะ อย่างมากเขาก็ช่วยเก็บหางให้เรียบร้อยก็พอ อีกทั้งเมื่อคืนเขาคล้ายผิดใจนาง ตั้งแต่เช้าเด็กคนนี้ก็ไม่ทำหน้าดีๆ ให้เขาเลย/n /n /nเสิ่นเวยกับเสี่ยวตี๋กำลังกระซิบกระซาบเสียงเบา/n /n /n“จวนเสนาบดีฉินยังมีคนของพวกเราหรือไม่” เสิ่นเวยถาม/n /n /nเสี่ยวตี๋พยักหน้า “ยังมีอยู่สามคน คนหนึ่งเป็นคนสวน คนหนึ่งเป็นสาวใช้เล็กทำความสะอาดเรือนนอก อีกคนหนึ่งดูแลเครื่องหอมในเรือนฉินมู่หรานพอดี”/n /n /nเยอะเพียงนี้เชียวหรือ เสิ่นเวยประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีนางคิดว่าแฝงตัวเข้าไปได้คนเดียวก็ไม่เลวแล้ว ไม่คิดว่าจะมีถึงสามคน ยอดเยี่ยมอย่างยิ่งจริงๆ เสิ่นเวยยกนิ้วโป้งให้เสี่ยวจี๋/n /n /n“กลับไปเจ้าก็ไปส่งข่าว ให้พวกเขาใส่ใจหน่อย อย่าให้แม่นางผู้นั้นตาย หากคนถูกบีบบังคับจนตาย ใครจะกล่าวหาฉินมู่หรานเล่า ถึงตอนนั้นท่านเสนาบดีฉินกับซูเฟยเหนียงเหนียงลงมืออีกรอบ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้ฉินมู่หรานพ้นผิด อืม ทางที่ดีคือสามารถเปลี่ยนตัวแม่นางผู้นั้นออกมาได้ ในกลุ่มทหารลับของพวกเจ้ามียอดฝีมือเปลี่ยนโฉมหรือไม่” เสิ่นเวยเสนอความคิดเห็นของตนเอง/n /n /n“มีเจ้าค่ะ” เสี่ยวตี๋พยักหน้าถี่ บนใบหน้าเล็กๆ ที่ปกติเรียบเฉยเต็มไปด้วยประกายความตื่นเต้น “จวิ้นจู่ความคิดนี้ดี ผู้น้อยจะไปจัดการ” ให้ตายเถอะ ช่างฮึกเหิมดีจริงๆ หากไม่ใช่ว่านางยังต้องกลับมาฟังคำสั่งของจวิ้นจู่ นางก็อยากจะลงสนามเปลี่ยนตัวเป็นจางย่วนเหนียงผู้นั้นเองจริงๆ/n /n /nหลังเสี่ยวตี๋ไปแล้ว เสิ่นเวยก็ลุกขึ้นยืนหาว สายตาสบกับสวีโย่วที่อยู่ใต้หน้าต่างพอดี เสิ่นเวยกลอกตาเขาใส่เขาอย่างไม่เกรงใจ บวกกับแค่นเสียงหนึ่งครา คนผู้นี้จะต้องเป็นผีทะเลกลับชาติมาเกิดแน่นอน เมื่อคืนไม่สนว่านางจะคัดค้านทรมานนางทั้งคืน นางมีแรงมากเช่นนี้ยังถูกหมอนี่ทรมานจนทนไม่ไหวต้องร้องขอ หลังจากนี้หากใครบอกนางอีกว่าหมอนี่ร่างกายอ่อนแอ นางจะต้องถุยน้ำลายใส่หน้าเขาแน่นอน/n /n /nสวีโย่ววางหนังสือลงเดินเข้ามา กล่าวอย่างเอาใจ “เหนื่อยหรือ ข้านวดให้เจ้า”/n /n /nเสิ่นเวยปัดมือของเขาออก บิดตัวหันหลังให้เขา ทำอะไรไว้เล่า เมื่อคืนตอนที่นางขอให้เขาหยุดเขาทำอะไร ตอนนี้เพิ่งจะมาเอาอกเอาใจ สายไปแล้ว!/n /n /nสวีโย่วเองก็ไม่ถอดใจ กล่าวต่อ “หรือให้ข้าพาเวยเวยออกไปเดินเล่น เจ้าซื้ออะไรก็จดไว้ในบัญชีข้าให้หมดเลยดีหรือไม่”/n /n /nเสิ่นเวยตาลุกวาว ใจเต้นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็คิดอีก ทรัพย์สมบัติของหมอนี่อยู่ที่นางหมดแล้ว จดไว้ในบัญชีเขาตนก็ต้องคืนมิใช่หรือ ดังนั้นนางจึงแค่นเสียงหนึ่งคราหันหลังให้เขาต่อ/n /n /nสวีโย่วลูบจมูกพยายามต่อ “เวยเวยไม่ใช่สนใจจวนเสนาบดีฉินยิ่งนักหรือ หรือว่าคืนนี้พวกเราไปหาเรื่องเล่นดีหรือไม่”/n /n /nดวงตาเสิ่นเวยเป็นประกายทันที ยังคงนิ่งเฉย บ่นเสียงเบา “ไปหาเรื่องเล่นข้าไปคนเดียวก็ได้ ใครจะให้ท่านไปด้วย”/n /n /nสวีโย่วทำได้เพียงโยนเหยื่อออกไป “หรือว่าข้าให้เวยเวยใช้คนใต้บังคับบัญชาอีกดี”/n /n /n“จริงหรือ” ครั้งนี้ในที่สุดเสิ่นเวยก็ตอบสนองแล้ว เหยื่อล่อนี้ดึงดูดใจคนจริงๆ หมอนี้เป็นพระราชาแห่งราตรีมืด ผู้ใต้บังคับบัญชาเขาก็เป็นราชาแห่งราชาความมืด แข็งแกร่งกว่าทหารลับที่ท่านปู่ให้นางมาก/n /n /n“จริงสิๆ ข้าก็เป็นของเวยเวยมิใช่หรือ เรียกตามสบาย ใช้ตามสบาย” เพื่อที่จะเอาใจภรรยา อย่าว่าแต่ให้ยืมทหารเงา แม้แต่ทหารมังกรเขาก็ไม่ขี้เหนียว/n /n /n“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะฝืนใจให้อภัยท่าน หากมีอีกครั้ง นู่น หันหลัง เดินไป ออกประตู เดินต่อ เดินไปให้ไกลๆ ห้ามกลับมาอีก” เสิ่นเวยเชิดคางสูง ท่าทางเป็นราชินีเผด็จการอย่างถึงที่สุด/n /n /n“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณจวิ้นจู่เหนียงเหนียงที่เมตตา ผู้น้อยจะจำไว้” เพื่อเอาใจภรรยา คุณชายสูงส่งที่เย็นชากลายเป็นคุณชายเจ้าชู่กะล้อนในชั่วพริบตา/n /n /nท่านเสนาบดีฉินเพิ่งจะรู้ว่าลูกชายคนเล็กของตนฉุดหญิงสาวชาวบ้านเข้าจวนก็ตอนที่เจ้าหน้าที่จากศาลต้าหลี่มาจับตัวคนถึงที่ ชั่วขณะก็โมโหใหญ่ “ลูกทรพีนั่นเล่า ให้เขามาหาข้าเดี๋ยวนี้”/n /n /nท่านเสนาบดีฉินสั่งด้วยตัวเอง ย่อมมีเด็กรับใช้วิ่งไปหาฉินมู่หรานอย่างรวดเร็ว/n /n /nเจ้าหน้าที่ศาลต้าหลี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง หากเป็นไปได้ ใครจะยอมผิดใจอัครเสนาบดีของราชสำนักที่มีอำนาจค้ำฟ้าเล่า “ท่านเสนาบดีโปรดอภัย ผู้น้อยทั้งหลายต้องทำตามคำสั่ง ในตระกูลเจ้าทุกข์ยื่นคำร้อง ใต้เท้าพวกข้าเองก็ลำบากใจยิ่งนัก!”/n /n /nหันหลังกลับมาท่าทีของท่านเสนาบดีฉินเป็นมิตรอย่างถึงที่สุด “ความประพฤติของใต้เท้าจ้าวข้าเองก็ทราบดี ไม่มีทางปล่อยให้คนดีถูกเอาเปรียบ และไม่มีทางปล่อยคนชั่วไปได้แม้แต่คนเดียว บุตรข้าเรื่องนี้ข้าไม่ทราบจริงๆ รอข้าถามเขาก่อน หากมีเรื่องนี้จริง ไม่ต้องให้พวกเจ้าลงมือ ข้าจะลากเขาไปศาลต้าหลี่เอง”/n /n /nคำพูดหลายประโยคพูดได้อย่างเด็ดเดี่ยวและห้าวหาญ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ถอนหายใจอย่างโล่งอกก็ย่อมกล่าวเห็นด้วยถี่ๆ เขาเป็นอัครเสนาบดีของราชสำนัก ต่อให้ขัดขวางไม่ให้พวกเขาจับคน พวกเขาก็หมดหนทางเช่นกัน/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด