ตอนที่ 234-1 สั่งสอนพ่อไม่ได้ความ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 61 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

มองแผ่นหลังของสองพ่อลูกคู่นั้นที่หายไปจากนอกประตู ใบหน้าของจางจี้ก็เย็นเยียบลง ขว้างแก้วสุราในมือลงพื้นอย่างแรง แววตาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง/n /n /nเด็กรับใช้นอกประตูใจสั่นอย่างอดไม่ได้ ขาอ่อนแทบจะล้มนั่งลงบนพื้น/n /n /nผ่านไปครู่หนึ่งผู้จัดการร้านก็รีบเข้ามา เห็นแก้วที่แตกละเอียดบนพื้น หัวใจก็เต้นเช่นกัน “ใต้เท้าจ่างสื่อ นี่…นี่”/n /n /nจางจี้กวาดสายตามองเขาปราดหนึ่ง ในใจไม่พอใจเขาอย่างยิ่ง “รู้อยู่แก่ใจว่าข้าอยู่ที่นี่ เหตุใดเจ้าถึงไม่ห้ามสักหน่อย” ถูกสตรีพังประตูเข้ามาในอาณาเขตของตนเอง ไร้ประโยชน์จริงๆ แม้จะห้ามไม่ได้ ก็รายงานสักหน่อยไม่ได้หรือไร/n /n /nผู้จัดการรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก “ผู้น้อยไหนเลยจะกล้าขวาง ท่านหนึ่งเป็นจวิ้นจู่ท่านหนึ่งเป็นจวิ้นอ๋อง ผู้ใดบ้างที่ผู้น้อยจะผิดใจได้” เมื่อนึกถึงสายตาที่ผิงจวิ้นอ๋องมองเขาเมื่อครู่นี้ ตอนนี้เขาก็ยังคงหวาดกลัวอยู่/n /n /nจางจี้อัดอั้นอย่างอดไม่ได้ แม้จะรู้ว่าที่ผู้จัดการพูดเป็นความจริง แต่ในใจก็ยังอยากพาลอย่างเลี่ยงไม่ได้ “พอแล้ว เรื่องนี้ก็ปล่อยให้เป็นเช่นนี้เถิด ข้ากลับก่อน”/n /n /nนึกถึงคำพูดเสียดสีแต่ละประโยคนั้นของจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ เบื้องลึกในจิตใจจางจี้ก็โมโหอย่างห้ามไม่อยู่ ก็แค่สตรีคนหนึ่ง ยังกล้ามาชี้มือชี้ไม้กับเขา ช่างเจ็บใจเสียจริงๆ/n /n /nแม้เขาจะไม่กลัวจวิ้นจู่ต่างเพศผู้นี้ แต่ผิงจวิ้นอ๋องข้างหลังนางกลับยังคงหวาดกลัว นั่นคือหลานชายที่ฝ่าบาทโปรดปรานที่สุด! ดูท่าแล้วแผนการที่จะลงมือจากเสิ่นหงเซวียนคงจะดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว ในใจจางจี้รู้สึกเสียใจยิ่งนัก/n /n /nหลังจางจี้ไป ผู้จัดการก็บ้วนน้ำลายใส่หลังเขา รับใช้องค์ชายรองเหมือนกัน ทำเหมือนตนสูงส่งเป็นอันดับหนึ่งไปได้ มาอยู่ในอาณาเขตของเขาแล้วยังชี้ไม้ชี้มือกับเขา ไม่ทันไรก็ว่ากล่าว คิดว่าเขาเป็นสวะหรือไร แม้เจ้าจางจี้จะเป็นใต้เท้าจ่างสื่อ ข้าเหล่าหลี่ด้อยกว่าหรือไร ทุกปีหาเงินจำนวนมากให้องค์ชายรอง มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าข้าอยู่ต่ำกว่าเจ้า ช่างน่าโมโหจริงๆ!/n /n /nกลับไปถึงจวนองค์ชายรอง จางจี้ก็ไปเข้าเฝ้าองค์ชายรอง/n /n /n“เป็นอย่างไร เหตุใดถึงถูกจยาฮุ่ยจวิ้นจู่พบเข้าแล้วเล่า” องค์ชายรองได้รับข่าวที่จางจี้ส่งกลับมาล่วงหน้าแล้ว/n /n /n“คงจะบังเอิญกระมัง” จางจี้ขมวดคิ้วกล่าว “เรื่องในวันนี้จะต้องดังไปถึงหูนายท่านผู้เฒ่าโหวตระกูลเสิ่นแน่นอน ดูท่าแล้วเสิ่นหงเซวียนคงจะติดต่อต่อไปไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นจะเป็นการยั่วโมโหนายท่านผู้เฒ่าโหวตระกูลเสิ่น” บนใบหน้าของจางจี้มีความไม่ยินดีหลายส่วน เส้นๆ นี้เขาวางมานานแล้ว ทุ่มเทกำลังประจบประแจงเสิ่นหงเซวียนมากมายอย่างยิ่ง ตอนนี้ทั้งหมดที่ทำมาก่อนหน้านี้สูญเปล่าหมดแล้ว เขาดีใจสิถึงแปลก/n /n /nองค์ชายรองพยักหน้า “ล้มเลิกเถิด พวกเราค่อยคิดหาวิธีอื่น” สำหรับแผนการนี้ของจางจี้เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากอยู่แล้ว สำเร็จก็ชื่นชม ล้มเหลวก็ไม่รู้สึกผิดหวัง หากนายท่านผู้เฒ่าโหวตระกูลเสิ่นลงเรือรบของเขาได้ง่ายเพียงนั้น เขาก็คงไม่ใช่ตัวจริง/n /n /n“จางจ่างสื่อคิดว่าจยาฮุ่ยจวิ้นจู่เป็นคนอย่างไร” จู่ๆ องค์ชายรองก็ถาม/n /n /n“นางหรือ” คิ้วของจางจี้ขมวดมุ่นยิ่งขึ้น บนใบหน้ามีความรังเกียจหลายส่วน “เป็นคนร้ายกายไร้มารยาท” สตรีตระกูลใดบ้างไม่รับใช้สามีเลี้ยงลูกอยู่ในบ้าน มีแต่นางที่เสนอหน้าสร้างความวุ่นวายไปทั่ว เห็นชายอื่นก็ไม่หลบ กลับเขยิบเข้าไปข้างหน้า วาจาที่พูดทำให้คนสำลักตายได้ ราวกับหญิงบ้านนอกในชนบท เหตุใดผู้ที่สง่าผ่าเผยเช่นผิงจวิ้นอ๋องถึงได้คู่กับคนแบบนี้ ช่างเสียคนดีไปเปล่าๆ จริงๆ/n /n /nองค์ชายรองประหลาดใจเล็กน้อย ร้ายกาจหรือ เขาเคยพบจยาฮุ่ยจวิ้นจู่เพียงครั้งเดียว จำได้เพียงแค่ว่านางหน้าตาสละสลวยอย่างยิ่ง เดินตามอยู่ข้างหลังท่านอาจิ้นอ๋องกับลูกผู้พี่ใหญ่เงียบๆ ก้มหน้า ไม่พูดมาก เขายังคิดว่านางเป็นคนขี้ขลาดเสียอีก/n /n /nแต่เมื่อหวนคิด องค์ชายรองก็เข้าใจเล็กน้อยแล้ว ฟังว่าจยาฮุ่ยจวิ้นจู่เติบโตในชนบท ยากจะเลี่ยงไม่ให้ติดนิสัยคนในชนบทมาด้วย เมื่อคิดเช่นนี้ เขาก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป เปลี่ยนมาหารือเรื่องอื่นกับจางจี้ต่อ/n /n /nเสิ่นเวยกับสวีโย่ว รวมถึงเสิ่นหงเซวียนกลับจวนจงอู่โหวพร้อมกัน ไปยังเรือนของนายท่านผู้เฒ่าโหวตระกูลเสิ่นทันที นายท่านผู้เฒ่าโหวตระกูลเสิ่นกำลังรำมวยอยู่ในลานบ้าน ได้ยินคนรับใช้รายงาน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย/n /n /nสวีโย่วรู้ว่าภรรยาของเขาจะต้องบันดาลโทสะเป็นแน่ เพื่อเลี่ยงไม่ให้พ่อตาเขาลำบากใจ จึงไม่ได้เข้าไปในลานบ้าน แต่กลับเดินไปยังเรือนเฟิงหวาแทน/n /n /nเสิ่นหงเซวียนมองเห็นพ่อเขาถือกระบี่ล้ำค่ายืนอยู่ในลานบ้าน ก่อนอื่นใดก็ประหลาดใจขึ้นมาก่อน “ท่านพ่อ ไม่ใช่บอกว่าท่านป่วยหรอกหรือ เหตุใดถึงไม่พักอยู่ในห้องแต่กลับลุกขึ้นมาเสียแล้วเล่า”/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวเลิกคิ้ว “เจ้าลูกเนรคุณ พูดจาดีๆ ไม่เป็นใช่หรือไม่ ใครบอกเจ้าว่าข้าป่วย พ่อเจ้าร่างกายแข็งแรง เจ้าตั้งใจสาปแช่งข้าหรือ” หลายวันมานี้นายท่านผู้เฒ่าโหวเห็นลูกชายคนเล็กผู้นี้ไม่เข้าตานัก ดังนั้นตอนนี้จึงหงุดหงิด ส่งกระบี่ล้ำค่าให้บ่าวรับใช้ข้างๆ ทักทายเสิ่นเวย “เวยเอ๋อร์วันนี้เหตุใดเจ้าถึงมีเวลาว่างกลับมาได้ สามีเจ้าเล่า”/n /n /nเสิ่นเวยยิ้มแย้มกล่าว “คิดถึงท่านปู่น่ะสิ หลานเขยท่านก็มาเหมือนกัน อ้อ บอกว่าจวนพวกเราทิวทัศน์สวย เขาจึงไปเดินเล่นก่อนแล้ว อีกประเดี๋ยวค่อยมาเคารพท่าน”/n /n /nสายตาที่เสิ่นหงเซวียนมองเสิ่นเวยมีความไม่พอใจ “เวยเอ๋อร์เจ้าไม่ได้บอกหรือว่าปู่เจ้าป่วย เจ้าพูดโกหกได้อย่างไร”/n /n /nเสิ่นเวยกลอกตาขาว “หากข้าไม่บอกว่าท่านปู่ป่วย ท่านพ่อจะกลับมาหรือ คงจะยังดื่มสุราพูดคุยกับจางจ่างสื่อผู้นั้นของจวนองค์ชายรองอยู่สิท่า ท่านพ่อท่านจะต้องสร้างหายนะให้จวนโหวให้ได้เลยใช่หรือไม่”/n /n /n“เวยเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงพูดกับพ่อเช่นนี้” สีหน้าเสิ่นหงเซวียนไม่ดีอย่างยิ่ง/n /n /nเสิ่นเวยแค่นเสียงสองครา เมินเขา/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวตระกูลเสิ่นจะยังไม่เข้าใจอะไรอีก ใบหน้าเคร่งขรึมลงในชั่วขณะ “เจ้าลูกอกตัญญู ตามข้าเข้ามา” พูดจบก็เดินนำเข้าไปในห้อง/n /n /nเสิ่นหงเซวียนไม่กล้าขัดคำสั่งของบิดา ถลึงตามองเสิ่นเวยปราดหนึ่ง จากนั้นจึงตามเข้าไปในห้อง/n /n /nเสิ่นเวยไม่คิดจะหลบเลี่ยงใดๆ อย่างสิ้นเชิง ปู่นางสั่งสอนลูกชาย ละครถึงอกถึงใจเช่นนี้ นางไม่อยากพลาดเลยแม้แต่นิดเดียว ไอหยา ลืมไปเลย ระหว่างทางกลับมานางน่าจะซื้อเมล็ดแตงโมสักสองจิน แทะเมล็ดแตงโมไปพลางชมการแสดงไปพลาง/n /n /n“ว่ามา เกิดเรื่องอะไรขึ้น” นายท่านผู้เฒ่าโหวเอ่ยปากมาดเคร่ง/n /n /nแต่ไหนแต่ไรเสิ่นหงเซวียนกลัวบิดาเขา บวกกับตอนนี้ก็ใจฝ่อเล็กน้อย ความมั่นใจก็ยิ่งมีไม่พอ “ท่านพ่อ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร วันนี้ลูกไปพบปะกับสหาย บังเอิญเจอเวยเอ๋อร์เข้า เวยเอ๋อร์บอกว่าเมื่อคืนท่านถูกลมหนาว ลูกร้อนใจจึงกลับมา เห็นท่านพ่อยังสบายดีอยู่ ลูกก็วางใจแล้วขอรับ” เขาหัวเราะแห้งสองครา/n /n /n“ใช่แล้วๆ ท่านปู่ ตอนที่หลานเจอท่านพ่อเขากำลังดื่มสุราพูดคุยกับผู้อื่นอยู่ พูดคุยกันถูกคนยิ่งนัก อีกทั้งสหายผู้นั้นของท่านพ่อยังเป็นใต้เท้าจางจี้จ่างสื่อจวนองค์ชายรองอีกด้วย” เสิ่นเวยกล่าวเสริมอย่างอารมณ์ดี/n /n /n“เวยเอ๋อร์” เสิ่นหงเซวียนรีบตะโกน/n /n /nเสิ่นเวยเบิกตาโตไร้เดียงสา “ท่านพ่อ หรือว่าลูกพูดผิดหรือ หรือว่าคนที่พบปะท่านพ่อไม่ใช่จางจ่างสื่อจวนองค์ชายรอง เห็นอยู่ชัดๆ ว่าท่านแนะนำเช่นนี้”/n /n /n“เวยเอ๋อร์เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้” เสิ่นหงเซวียนถูกลูกสาวโต้เถียง ใบหน้าก็เก็บอารมณ์ไม่อยู่เล็กน้อย/n /n /nทว่านายท่านผู้เฒ่าโหวกลับตบโต๊ะอย่างแรง “ข้าว่าคนที่ควรหุบปากก็คือเจ้ามิใช่หรือ” เขามองลูกชายคนเล็กของตน ในดวงตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง “พ่อไม่ใช่สั่งเจ้าแล้วหรือว่าอย่าผูกมิตรมั่วซั่ว เหตุใดเจ้าถึงยังไปคบค้าสมาคมกับจางจ่างสื่อผู้นั้นอยู่อีก”/n /n /nสีหน้าเสิ่นหงเซวียนเหยเก “ท่านพ่อ ลูกกับจางจ่างสื่อเพียงแค่ผูกมิตรจากบุ๋น เป็นเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ราบเรียบ” ปากกล่าวอธิบาย แต่ในใจกลับไม่ยอมรับ คิดว่าบิดาเขาทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จางจ่างสื่อเป็นขุนนางใต้บังคับบัญชาของจวนองค์ชายรองแล้วอย่างไร หรือว่าจะไม่สามารถสร้างสัมพันธ์ผูกมิตรได้เลย/n /n /n“ใช่แล้ว ผูกมิตรจากบุ๋น หากเป็นด้านบู๊จะผูกได้หรือไร” เสิ่นเวยประชดประชัน ผูกมิตรจากบุ๋นคำสี่คำนี้ลากเสียงยาวอย่างยิ่ง “ท่านพ่อท่านเองก็แค่อ่านบทกลอนหลายเล่ม คนอื่นยกยอท่าน หยอกท่านเล่น ท่านยังคิดจริงๆ หรือว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถมาก” หากไม่ใช่ท่านโชคดี ข้างหลังมีท่านปู่ผู้อาวุโสค้ำยันอยู่ ใครจะรู้จักว่าท่านเป็นใคร/n /n /nบางทีความเหยียดหยามบนใบหน้าของเสิ่นเวยอาจจะชัดเจนเกินไป เสิ่นหงเซวียนทั้งอึดอัดทั้งโมโห มือที่ชี้เสิ่นเวยสั่นระริก “เจ้า เจ้าลูกอกตัญญู มีอย่างหรือมาพูดกับผู้อาวุโสเช่นนี้”/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวไม่พอใจแล้ว คว้าไม้เกาหลังบนโต๊ะตีเสิ่นหงเซวียนทันที “เจ้าบอกว่าใครอกตัญญู พ่อว่าเจ้านั่นแหละที่เป็นลูกอกตัญญู เจ้าใส่ใจคำพูดของพ่อบ้างหรือไม่ เจ้า เจ้ายังอยู่ห่างชั้นกับเวยเอ๋อร์” กล้าพูดว่าหลานสาวแสนดีของเขาอกตัญญูงั้นหรือ ลูกคนนี้จัดการไม่ได้แล้วจริงๆ/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวปาไม้เกาหลังนี้เจ็บจริงๆ เสิ่นหงเซวียนกุมแขนแทบจะสะดุ้งขึ้นมา มองพ่อเขาด้วยความไม่พอใจ “ท่านพ่อ ท่านดูสิว่าเวยเอ๋อร์เปลี่ยนไปเช่นไร ท่านยังตามใจนาง เป็นสตรีที่ออกเรือนแล้ว ยังไม่เคารพบิดาตนเช่นนี้อีก ช่าง ช่างไร้มารยาทเกินไปแล้ว” เขาตำหนิเสียงดัง/n /n /nสีหน้านายท่านผู้เฒ่าโหวก็ยิ่งไม่ดี อยากจะตีลูกชายคนเล็กที่สร้างความรำคาญใจผู้นี้ให้ตายจริงๆ “เจ้าตำหนิว่าก่อนหน้านี้เวยเอ๋อร์ไม่เคยพิจารณาตัวเองงั้นหรือ แล้วที่เจ้าเสียงดังโวยวายต่อหน้าข้าเรียกว่ามีมารยาทนักหรือ ข้ามองว่าเวยเอ๋อร์ไม่ผิด คนที่ผิดก็คือเจ้า เวยเอ๋อร์เจ้าพูดต่อ”/n /n /nเสิ่นเวยย่อมคล้อยตาม มองพ่อนางอย่างเย็นชาแล้วกล่าว “ท่านพ่อ ท่านคงไม่ได้คิดว่าจางจ่างสื่อผูกมิตรกับท่านจากใจจริงใช่หรือไม่ ท่านรับราชการไม่ถึงยี่สิบปีแต่ก็รับมาสิบกว่าปีแล้ว เหตุใดถึงได้ไร้เดียงสาเพียงนั้น ต่อให้มัดท่านรวมกันสิบคนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางจ่างสื่อผู้นั้น ลูกจะบอกท่านตรงๆ เขาเป็นจ่างสื่อจวนองค์ชาย เรื่องที่ต้องทำมีเยอะอย่างยิ่ง เหตุใดถึงยังวิ่งมาดื่มสุราสนทนาบทกลอนกับท่าน ไม่ใช่คิดจะลงมือกับท่าน จากนั้นก็บีบบับคับท่านปู่หรือไร…/n /n /n…ท่านปู่แสดงตนชัดเจนแล้วว่ายืนอยู่ฝั่งฝ่าบาท ท่านกลับไม่สำนึก ไปผูกมิตรตีสนิทกับจ่างสื่อจวนองค์ชายรอง ท่านกำลังเลื่อยขาเก้าอี้ท่านปู่ ซ้ำยังคิดจะตบหน้าท่านปู่อีกหรือ เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือท่านจะให้ฝ่าบาทมองท่านปู่อย่างไร มองจวนจงอู่โหวของพวกเราอย่างไร…/n /n /n…ท่านพ่อ ท่านเองก็อย่าได้อ้างความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ราบเรียบพูดจาไม่เข้าท่าหลอกคนเหล่านั้นอีกเลย เป็นเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วเหตุใดพวกท่านถึงได้พบกันที่หอไท่ไป๋เล่า ไม่ใช่เป็นเพราะว่าหอไท่ไป๋เป็นกิจการของจวนองค์ชายรองหรอกหรือ ทำตัวลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ไม่ใช่กันไม่ให้ท่านปู่ได้ข่าวหรอกหรือ แม้แต่การเปิดเผยตัวยังทำไม่ได้ บอกว่าผูกมิตรจริงใจใครจะเชื่อเล่า มีเพียงท่านพ่อนั่นแหละที่เชื่อ เขาพูดสรรเสริญความสามารถ การวางตัวของท่าน ท่านก็หลงทิศแล้วหรือ ในใจภูมิใจในตัวเองก็ดีใจสุดขีดแล้วใช่หรือไม่ มิน่าเล่าเขาถึงได้หลอกท่านได้ หลิวซื่อคนหนึ่งก็หลอกท่านมาสิบกว่าปี นับประสาอะไรกับผู้มีประสบการณ์ในแวดวงขุนนางที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่งเล่า” เสิ่นเวยเสียดสีอย่างไร้ความปรานี/n /n /n“เวยเอ๋อร์!” เสิ่นหงเซวียนโมโหจนหน้าแดงคอแข็งแล้ว/n /n /nเสิ่นเวยไม่สนว่าเขาเป็นผู้อาวุโสอะไร นางยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห เจ้าว่าเหตุใดพ่อนางถึงได้โง่เขลาเพียงนี้ พ่อที่โง่เช่นนี้หาเรื่องมาให้นางได้อย่างไร ชาติที่แล้วนางทำกรรมอะไรไว้/n /n /nคนโง่ก็ไม่เท่าไร แต่ตนจะอยู่นิ่งๆ หน่อยไม่ได้หรือ ยังจะทำตัวอวดฉลาด แม้คำตักเตือนของปู่นางยังไม่ใส่ใจ ช่าง ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด