ตอนที่ 230-2 ฉีกหน้าจนถึงที่สุด!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 69 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

สวีโย่วหยุดฝีเท้าชะงัก แม้ว่าเขาจะตัดใจปล่อยให้เสิ่นเวยลำบากไม่ได้ แต่ก็รู้นิสัยของเด็กคนนั้นเช่นกัน ในเมื่อนางพูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นก็จะต้องมีแผนการแน่นอน หากตนดึงดันตามอำเภอใจทำเด็กคนนั้นเสียเรื่อง นางก็จะกางกรงเล็บใส่ตน/n /n /nทนแล้วทนอีกสวีโย่วจึงยอมไม่ไปเรือนของพระชายาจิ้นอ๋อง นอนอยู่บนเตียงห้องหอของคนทั้งสองหลังนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็นอนไม่หลับ ปลายจมูกล้วนแต่เป็นกลิ่นหอมที่น่าหลงใหลของนาง แต่กลับรู้สึกว่าทั้งห้องเงียบเหงา ข้างกายขาดหายไปหนึ่งคน ในใจกลับคล้ายขาดหายไปหนึ่งช่องใหญ่ แม้แต่จันทร์ดวงนั้นบนฟากฟ้ายังดูเกียจคร้าน/n /n /nสวีโย่วยิ้มเจื่อนอย่างอดไม่ได้ นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันน้องสี่แซ่เสิ่นก็ยึดครองตำแหน่งที่สำคัญเพียงนั้นในใจเขาไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรเขาที่ตัวคนเดียวจนเคยตัวคาดไม่ถึงว่าไม่ชินกับการอยู่คนเดียวแล้ว นึกถึงน้องสี่แซ่เสิ่นที่บางครั้งก็ฉลาด บางครั้งก็เกียจคร้าน บางครั้งก็ไร้เหตุผล บางครั้งก็เจ้าเล่ห์ผู้นั้น ดวงตาของสวีโย่วก็มีความรักใคร่ที่ตัวเขาเองยังไม่รู้ตัวปรากฏขึ้นมา น้องสี่ เวยเวย สตรีที่เดินเคียงคู่เขาไปตลอดชีวิตผู้นี้!/n /n /nเขาคิดนู่นคิดนี่พลิกกลับไปกลับมาเช่นนี้ทั้งคืน ฟ้าเพิ่งจะสางเขาก็ลุกจากเตียงแล้ว เรียกเจียงไป๋เข้ามาก่อน ให้เขาไปบอกครัวใหญ่ สั่งข้าวเช้าที่เสิ่นเวยชอบทานมาหนึ่งชุด หลังจากนั้นก็เดินไปเดินมาอยู่ในห้องรอคอยด้วยความร้อนใจ หากไม่ใช่เพราะห่วงศักดิ์ศรีจริงๆ เขาก็คงจะไปต้อนรับคนที่หน้าประตูเรือนแล้ว/n /n /nคนที่นอนหลับไม่สนิทเหมือนกันยังมีหลีฮวา ฮูหยินสั่งให้นางกลับจวนมารายงานและไม่อนุญาตให้นางกลับไปอีก ต่อให้ในใจนางจะไม่ยินยอมก็ไม่อาจขัดขืนคำสั่งของนายท่านได้ แต่เมื่อนางคิดว่าฮูหยินต้องดูแลพระชายา แม้แต่นอนหลับยันเช้ายังอาจจะไม่ได้นอน ไหนเลยจะยังมีอารมณ์นอนหลับอยู่อีก นอนอยู่บนเตียงพลิกไปมาราวกับปิ้งขนมปัง ทำให้เหอหวาที่อยู่ห้องเดียวกับนางเป็นกังวลไปด้วย กระทั่งหลังระฆังยามสามตีบอกเวลาจึงนอนหลับไปอย่างสะลึมสะลือ เช้าตรู่ตื่นขึ้นมาใต้ตาก็ล้วนแต่เหนื่อยล้าหนักหน่วง/n /n /n“โอ้โห ของอร่อยมากมายขนาดนี้ ข้าหิวจะตายแล้วจริงๆ คุณชายใหญ่ ท่านดีต่อข้าจริงๆ ข้าซาบซึ้งยิ่งนัก!” เสิ่นเวยเห็นว่าทั้งโต๊ะล้วนแต่เป็นอาหารที่นางชอบกิน ชั่วขณะก็เข้าใจความตั้งใจอันแรงกล้าของสวีโย่ว ในใจพอใจยิ่งนัก! นางหยิบตะเกียบคีบฮะเก๋าไส้กุ้งหนึ่งชิ้นเข้าปาก ยิ้มแย้มเบิกบาน “เรื่องที่มีความสุขที่สุดในชีวิตคนก็คือการได้กินฮะเก๋าไส้กุ้งทุกเช้า เรื่องที่มีความสุขที่สุดในชีวิตคนก็คือไม่เพียงแต่ได้กินฮะเก๋าไส้กุ้งทุกเช้า แต่ยังมีชายหนุ่มรูปงามอยู่เคียงข้าง” นางคุยโวโอ้อวดด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาจ้องมองสวีโย่ว ท่าทางลึกซึ้งจริงใจ/n /n /nสวีโย่วมองเสิ่นเวยออดอ้อน จิตใจที่ร้อนรนเปล่าเปลี่ยวก็ร้อนรุ่มขึ้นทันที “รีบไปล้างหน้าบ้วนปากเถอะ ข้ารอกินข้าวกับเจ้า” ร่างกายเด็กคนนี้มักจะมีแรงดึงดูดชนิดหนึ่ง ขอเพียงแค่เป็นที่ที่นางอยู่ก็มักจะมีพลังเช่นนั้น แม้นางจะนอนหลับอยู่บนตั่งอย่างเกียจคร้าน แต่มองนางแล้ว ในใจก็รู้สึกสบายอย่างไม่อาจเทียบ/n /n /nเสิ่นเวยบ่นพึมพำ “รอก่อน รอก่อน ให้ข้ากินอีกชิ้น” นางคีบฮะเก๋าไส้กุ้งอีกหนึ่งชิ้นเข้าปากจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องด้านใน/n /n /nส่วนเหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เห็นฮูหยินของพวกนางทำตัวอันธพาลใส่คุณชายใหญ่อยู่บ่อยครั้งจนชินตาแล้ว แม่นมมั่วบอกว่านี่เองก็เป็นความรักใคร่ของสามีภรรยาชนิดหนึ่งเช่นกัน ฮูหยินกับคุณชายใหญ่รักใคร่กลมเกลียวกับคุณชายใหญ่ได้ เป็นสิ่งพวกนางปรารถนาที่สุด/n /n /nกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว สวีโย่วก็ไปเดินย่อยในลานบ้านเป็นเพื่อนเสิ่นเวย เสิ่นเวยสาธยายด้วยความร่าเริงเบิกบานว่าเมื่อคืนนางฝึกสมองประลองปัญญากับพระชายาจิ้นอ๋องอย่างไร “ท่านไม่เห็นสีหน้าของพระชายา ซีดเซียวราวกับดอกไม้สีเหลืองเมื่อวาน ข้าคิดว่าท่านอ๋องเห็นนางก็คงจะจำไม่ได้แล้ว”/n /n /nแขวะพระชายาจิ้นอ๋องรหนึ่งอบแล้ว เสิ่นเวยก็หันหน้ายกยอตัวเองอย่างหน้าไม่อาย “เฮ้อ จะไปหาลูกสะใภ้ที่กตัญญูเช่นข้าได้อีกที่ไหน สะใภ้ตระกูลใดจะดูแลแม่สามีทั้งคืนได้ ข้าคิดว่าการกระทำนี้ควรค่าให้ป่าวประกาศยกย่อง คุณชายใหญ่ท่านคิดว่าอย่างไร” เสิ่นเวยจ้องมองสวีโย่วตาเขม็ง เสมือนกับว่าขอเพียงแค่เขากล้าปฏิเสธแม้แต่คำเดียวนางก็จะหยิกเขาตายทันที/n /n /nสบสายตาที่ดุร้ายของเสิ่นเวย สวีโย่วก็กระแอมหนึ่งครา กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าเองก็คิดว่าฮูหยินสามารถเป็นแบบอย่างของสตรีมีคุณธรรมในเมืองหลวงได้ เจียงไป๋ ได้ยินที่นายพูดแล้วหรือยัง ยังไม่รีบไปจัดการอีก!”/n /n /nเจียงไป๋ที่อยู่ห่างออกไปสิบก้าวแทบจะร้องไห้แล้ว คุณชายใหญ่ ใครกันที่รังเกียจบ่าวที่ขวางหูขวางตาให้บ่าวเดินห่างออกไปหน่อย ตอนนี้กลับหาว่าบ่าวไม่ได้ยินที่นายพูด คุณชายใหญ่ ท่านช่างรับใช้ยากเสียจริง โชคดีที่หูเขาดี มิเช่นนั้นคงจะไม่ได้ยินที่นายท่านพูดจริงๆ “ขอรับ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”/n /n /nก็แค่ไปแพร่ข่าวไม่กี่ประโยคข้างนอกมิใช่หรือ เรื่องพรรณ์นี้ตอนนี้เขาทำจนชำนาญแล้ว!/n /n /nพระชายาจิ้นอ๋องนอนหลับทั้งวัน แม้แต่ข้าวยังทานบนเตียง ตอนพลบค่ำในที่สุดนางก็มีกำลังวังชาแล้ว สั่งสาวใช้ “ไปดูสิว่าฮูหยินใหญ่มาแล้วหรือยัง ให้นางรีบมาดูแลข้าได้แล้ว” ในน้ำเสียงมีความดีใจแฝงอยู่ เด็กชั่ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าแข็งแกร่ง ดูสิว่าคืนนี้ข้าจะทรมานเจ้าตายได้หรือไม่/n /n /nสาวใช้ยังไม่ทันออกจากห้อง เสียงของเสิ่นเวยก็ดังขึ้นมาแล้ว “เสด็จแม่ ลูกมาดูแลท่านแล้ว! ท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”/n /n /nพระชายาจิ้นอ๋องเห็นเสิ่นเวยที่ก้าวเท้าเข้ามาช้าๆ ทันใดนั้นก็ราวกับพ่อไก่ที่เข้าสู่สถานะเตรียมรบ ขนทั่วทั้งร่างก็ลุกชัน เค้นคำสองคำออกมาจากช่องฟัน “ไม่ดีแล้ว”/n /n /nเสิ่นเวยถามอย่างมีน้ำจิตน้ำใจ “เสด็จแม่ท่านไม่สบายตรงไหนหรือ”/n /n /n“ข้าไม่สบายไปทั่วทั้งร่าง เวียนหัว ปวดเอว ขาก็เจ็บ เสิ่นซื่อยังไม่รีบมาทุบขาให้ข้าอีก” พระชายาจิ้นอ๋องเองก็ไม่แต่งหน้าแล้ว เรียกเสิ่นซื่อเข้ามาทันที/n /n /nเสิ่นกล่าวในใจ อยู่ดีๆ ก็นอนหลับทั้งวันจนปวดหลังปวดเอว เจ้าไม่สบายก็ถูกแล้วมิใช่หรือ/n /n /n“เสด็จแม่แน่ใจหรือว่าจะให้ลูกช่วยทุบขา ลูกไม่เคยปรนนิบัติคนมาก่อน แรงที่มือไม่เบาไม่หนัก ท่านต้องให้อภัยด้วยนะเพคะ” เสิ่นเวยกล่าวเตือนอย่างหวังดี/n /n /n“ครั้งแรกเพิ่งเริ่มครั้งที่สองชำนาญ ฝึกหลายๆ ครั้งก็เป็นแล้ว วางใจ แม่ไม่ตำหนิเจ้าหรอก” พระชายาจิ้นอ๋องกัดฟันกล่าว นางไม่ยมอปล่อยโอกาสหยามหน้าเสิ่นเวยไปจริงๆ/n /n /n“เสด็จแม่พูดมีเหตุผล ลูกฝึกให้มากแล้วกัน เมื่อฝึกดีแล้วจะได้ไปปรนนิบัติคุณชายใหญ่ของพวกข้า” เสิ่นเวยยิ้มหวาน/n /n /nมองเสิ่นเวยที่ค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ พระชายาจิ้นอ๋องก็หวาดกลัวในใจอย่างไม่มีสาเหตุ “ช่างเถอะ ไม่ต้องให้เจ้าทุบแล้ว เลี่ยงไม่ให้คุณชายใหญ่หาว่าข้าไม่เห็นใจเจ้า หวาเยียน เจ้ามาทุบขาให้ข้าแทน” นางไม่ลืมว่าเมื่อคืนเสิ่นซื่อเกือบจะนวดจนกระดูกนางหักแล้ว/n /n /nเสิ่นเวยไม่อยากล้มเลิก “เสด็จแม่ ให้ลูกช่วยท่านทุบดีกว่า แม้ลูกจะไม่มีประสบการณ์ แต่ก็จริงใจยิ่งนัก”/n /n /n“ไม่ต้อง” พระชายาจิ้นอ๋องปัดมือที่ยื่นเข้ามาของนางออกอย่างอารมณ์ไม่ดี “ให้หวาเยียนมาทุบดีกว่า”/n /n /n“เช่นนั้นก็ขอบคุณเสด็จแม่ยิ่งนักที่เห็นใจ” สีหน้าบนใบหน้าเสิ่นเวยเสียดายยิ่งนัก ซ้ำยังบ่นพึมพำเสียงเบาอีกหนึ่งประโยค “ยังคิดว่าจะได้ฝึกฝนกลับไปเอาใจคุณชายใหญ่เสียอีก” แม้เสียงจะเบา แต่คนทั้งหมดภายในห้องล้วนได้ยินหมดแล้ว/n /n /nมือที่วางอยู่ข้างลำตัวของพระชายาจิ้นอ๋องกำแน่นทันที เด็กชั่วเจ้าคอยดูเถอะ ค่ำคืนยังอีกยาวไกล เจ้าสบายใจได้ นางคิดว่าตนนอนมาทั้งวันสะสมกำลังวังชาเต็มเปี่ยมกำลังชูมีดฉับพลันอยู่ แต่ไม่เคยคิดว่าเสิ่นเวยเองก็บำรุงกำลังวังชามารับศึกเช่นเดียวกัน/n /n /n“สาวใช้ผู้นี้ไม่คุ้นหน้าเล็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงไม่พาเย่ว์กุ้ยกับหลีฮวามา” พระชายาจิ้นอ๋องเห็นว่าสาวใช้ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเสิ่นเวย ท่าทางอายุสิบสามสิบสี่ปี สวมชุดกระโปรงสีส้มอมแดง หน้าตาก็งดงาม หากโตกว่านี้อีกสองสามปีก็งามไม่ต่างจากหวาเยียนข้างกายนางเลย/n /n /nเสิ่นเวยกล่าว “เรียนเสด็จแม่ เมื่อวานเย่ว์กุ้ยอดนอนมาทั้งคืนแล้ว ลูกจึงให้นางไปพักผ่อน บ่าวรับใช้ก็เป็นคนเหมือนกัน พวกเราเป็นนายไม่อาจปฏิบัติอย่างทารุณเกินไปได้ใช่หรือไม่ กลางวันหลีฮวากับเหอฮวาทำงานลำบากยิ่งนัก มีเพียงลั่วเหมยที่ไม่มีงาน ลูกจึงพานางมา ลูกมาที่เรือนเสด็จแม่ทั้งที จะขาดสาวใช้เรียกใช้ไปได้อย่างไร” อันที่จริงหลีฮวากับเหอฮวาไม่ได้มีงานอะไร ไม่ใช่เพราะนางสองคนนอนหลับไม่ดีเหมือนกันหรอกหรือ ตามนางมาก็ต้องอดนอนอีกหนึ่งคืน นางจึงเลือกลั่วเหมยที่ฉลาดหัวดีสามารถอดหลับอดนอนได้ผู้นี้มาแทน/n /n /nคำพูดหนึ่งชุดทำให้พระชายาจิ้นอ๋องสำลักจนไม่สบายตัว และยังทำให้หวาเยียนกับหวาอวิ๋นอัดอั้นในใจจนสับสน อดตำหนิไม่ได้/n /n /nฮูหยินใหญ่รู้จักเห็นอกเห็นใจคนรับใช้ พระชายากลับไม่ เรียกใช้พวกนางทั้งสองราวกับเป็นคนเหล็ก กลางวันแม้ว่านางทั้งสองจะสับเปลี่ยนกันนอนพัก แต่ขอเพียงพระชายาตื่นก็จะเรียกพวกนางมารับใช้ บวกกับงานในเรือนก็รอพวกนางไปดูแล ด้วยเหตุนี้พวกนางที่อดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืน กลางวันก็ต้องยุ่งทั้งวัน จนถึงตอนนี้พระชายาก็ยังไม่เอ่ยปากให้พวกนางบ่าวรับใช้ไปพักผ่อนเลย ดูท่าแล้วคืนนี้คนที่รับใช้ก็ยังคงเป็นพวกนางสองคน/n /n /nสำหรับแม่นมซือ หึ วันนี้ยายแก่ผู้นั้นลาป่วยแต่เช้าแล้ว บอกว่าถูกลมเย็น กลัวว่าจะทำให้พระชายาติดหวัด จึงไม่มาเสีย คิดว่าใครไม่รู้บ้างว่านางแกล้งป่วย โชคดีที่พระชายาเชื่อใจนางเพียงนั้น ทั้งสองจึงคับแค้นในความไม่เป็นธรรม/n /n /nเป็นสาวใช้รับใช้คนเหมือนกัน แต่เหตุใดชีวิตของเย่ว์กุ้ยถึงได้ดีเพียงนั้น หวาเยียนหวาอวิ๋นสบตากันปราดหนึ่ง มองเห็นความกลัดกลุ้มในดวงตาสองฝ่ายพร้อมกัน/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด