ตอนที่ 222-1 สองปู่หลานซุบซิบ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 86 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

นายท่านผู้เฒ่าโหวเห็นสวีโย่วเข้ามาคนเดียว บนใบหน้าก็มีความผิดหวังหลายส่วน ใครอยากเจอเจ้าเด็กคนนี้ ที่เขาอยากเจอคือหลานสาวแสนดีของเขาต่างหากเล่า/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวปั้นหน้าตายรับการคำนับจากลูกชายและหลายเขยสี่ เห็นคุณชายใหญ่ที่แต่ไหนแต่ไรเย็นชายิ้มบางๆ เป็นธรรมชาติอย่างคาดไม่ถึง แม้จะพูดไม่เยอะ แต่กลับควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดไว้ได้เงียบๆ/n /n /nหลานเขยคนอื่นๆ ไม่เป็นไร ยังพูดได้ว่าพวกเขาอายุน้อยประสบการณ์น้อย แต่ลูกชายคนโง่ทั้งสามที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงขุนนางกว่าครึ่งชีวิตนั้นของเขาคาดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมผู้หนึ่งจูงจมูกไปด้วย ซ้ำยังพยักหน้าด้วยความชื่นชมทั้งใบหน้า/n /n /nนี่ทำให้นายท่านผู้เฒ่าโหวเจ็บใจอย่างถึงที่สุด เห็นลูกชายผู้นั้นของคนอื่น แล้วกลับมามองลูกชายเหล่านี้ของตนเอง อยากจะยัดพวกเขากลับไปในครรภ์มารดาแล้วหลอมใหม่อีกครั้งจริงๆ/n /n /nทั่วทั้งเมืองหลวงมีใครไม่รู้บ้างว่าจิ้นอ๋องเป็นคนโง่ หากไม่ติดที่เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของฝ่าบาท ก็คงจะถูกฝังตายไปนานแล้ว ไผ่แย่แตกหน่อออกมาดี เหตุใดคนโง่เช่นนั้นถึงได้มีบุตรที่ยอดเยี่ยมเพียงนี้เล่า ช่างทำให้คนตาร้อนจริงๆ!/n /n /nด้วยเหตุนี้นายท่านผู้เฒ่าโหวจึงยิ่งไม่ชอบหน้าลูกชายของตน มองสวีโย่วก็ยิ่งไม่เข้าตา ทั่วทั้งจวนมีหลานสี่ที่ถูกชะตาเพียงคนเดียว ซ้ำยังถูกทิ้งไว้ที่เรือนหลังเจอไม่ได้ ทำให้เขาโมโหอย่างยิ่งจริงๆ/n /n /nไม่ได้ เขาต้องไปพูดคุยกับหลานสาวแสนดีของเขา เด็กผู้ชายหนึ่งกลุ่มมีอะไรให้น่าดู/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว เรียกพ่อบ้านมาถามว่าเวยเอ๋อร์อยู่ไหน ไม่นานนักพ่อบ้านก็มารายงาน “เรียนนายท่านผู้เฒ่าโหว กูไหน่ไนสี่กลับเรือนเฟิงหวาไปพักผ่อนแล้วขอรับ”/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวไม่พอใจแล้ว “กูไหน่ไนสี่อะไร ไม่น่าฟังเลย เรียกคุณหนูสี่เหมือนเมื่อก่อนยังดีเสียกว่า”/n /n /nพ่อบ้านตอบรับด้วยสีหน้าเคารพ ทว่าในใจกลับวิจารณ์ นายท่านผู้เฒ่าโหวท่านลำเอียงเช่นนี้จะดีจริงๆ หรือ ท่านไม่ชอบเรียกว่ากูไหน่ไนสี่เพราะไม่น่าฟัง ท่านเคยใคร่ครวญความรู้สึกของกูไหน่ไนรองและคนอื่นๆ บ้างหรือไม่/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวไม่ใคร่ครวญความรู้สึกใครทั้งสิ้น หลานสี่ของเขาจึงจะไม่ใช่กูไหน่ไน หลานสี่ของเขาคือคุณหนูของจวนจงอู่โหวตลอดกาล หากเสิ่นเวยอยู่ที่นี่ จะต้องแสยะปากอย่างเหยียดหยาม อาการใจแคบของปู่นางกำเริบอีกแล้ว/n /n /nเสิ่นเวยกลับไปถึงเรือนเฟิงหวา ไม่ว่ามองไปทางใดก็สบายตามากเป็นพิเศษ อันที่จริงจะว่าไปแล้วนางกลับจวนโหวมายังไม่ถึงหนึ่งปี ช่วงเวลาที่อยู่ในจวนก็ยิ่งมีจำกัด แต่นางก็ยังรู้สึกว่าเรือนเฟิงหวาเป็นความสบายใจ แม้แต่โต๊ะหินที่หักไปมุมหนึ่งในลานบ้านยังดูดีกว่าที่อื่น/n /n /nได้ยินสาวใช้รายงานว่านายท่านผู้เฒ่าโหวมาแล้ว เสิ่นเวยก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้เห็นว่าเขามาเพียงคนเดียวก็ยิ่งประหลาดใจ/n /n /n“มองอะไร มองแล้วจะมีดอกไม้บานออกมาหรือ” นายท่านผู้เฒ่าโหวมองหลานสาวที่มองไปข้างหลังเขาไม่ละสายตา กล่าวด้วยความไม่พอใจอย่างถึงที่สุด เพิ่งจะแยกกันได้ไม่นานก็หาแล้วหรือ นางแต่งออกไปหลายวันแล้วยังไม่เห็นนางคิดถึงปู่ผู้นี้ของตนสักเท่าไรเลย นายท่านผู้เฒ่าโหวปวดใจยิ่งนัก ราวกับลูกท้อที่ลำบากลำบนปลูกมา ตนยังไม่ทันได้กินก็ถูกคนเด็ดไปแล้ว/n /n /nเสิ่นเวยมองใบหน้าที่แทบจะดองหัวไช้เท้าได้ใบนั้นของปู่นาง สนุกแล้ว ไอหยา ปู่นางหึงงั้นหรือ ด้วยเหตุนี้นางจึงกระโดดเข้าไปประคองแขนของเขาอย่างสนิทสนมกล่าว “ท่านปู่ท่านมาแล้ว! หลานคิดถึงท่านจะแย่แล้ว”/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวแค่นเสียงอย่างเหยียดหยามหนึ่งครา “คิดถึงข้าหรือ คิดถึงข้าแต่ไม่รู้จักไปหาข้า! ยังต้องให้คนชราเช่นข้าลากขาแก่ๆ มาหาเจ้า อกตัญญู เจ้ามันอกตัญญู”/n /n /nเสิ่นเวยก็ยิ่งสนุก ไอหยา เหตุใดปู่นางถึงช่างอดทนเพียงนี้ “หลานกำลังจะไปหาพอดี ไม่ใช่ว่าถูกท่านปู่แซงหน้าแล้วหรือ นี่หมายความว่าอย่างไร หมายความว่าพวกเราปู่หลานมีใจเดียวกันอย่างไรเล่า แหะๆ ยังคงเป็นท่านปู่ที่รักข้าที่สุด” เสิ่นเวยตั้งใจประจบ ปั้นหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส/n /n /n“เจ้าโกหกข้า! เด็กเช่นเจ้าอ้าปากก็ขู่ขวัญคนได้แล้ว” นายท่านผู้เฒ่าเป่าหนวดถลึงตา แต่แววตากลับมีรอยยิ้มลึกซึ้งชัดเจน ยังคงเป็นหลานสี่ที่ดี ไม่ว่าเมื่อไรก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างสนิทสนม ใส่ใจยิ่งกว่าลูกสาวลูกชายแท้ๆ เสียอีก/n /n /nเสิ่นเวยแสดงท่าทีน้อยใจ “ที่หลานพูดเป็นความจริงทั้งนั้น! ท่านปู่หากท่านตัดใจทิ้งหลานไม่ได้จริงๆ วันนี้หลานก็ไม่กลับไปแล้ว อยู่ที่จวนโหวเป็นเพื่อนท่านอีกหลายๆ วันเลย” เสิ่นเวยเสนอด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดนี้ดี ลักพาตัวสวีโย่วมารตนนั้นให้อยู่ที่จวนโหวด้วยกัน อย่างดีที่สุดก็จะได้ยั่วโมโหพระชายาจิ้นอ๋องนางมารแก่ตนนั้นให้อกแตกตายได้/n /n /nเฮ้อ ฟังว่ามีบางพื้นที่กลับบ้านฝั่งมารดาได้เป็นเดือน แต่เมืองหลวงดันไม่มีกฎข้อนี้ คิดๆ ดูแล้วนางก็รู้สึกเสียดาย/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวชายตามองนาง “สามีเจ้าเล่า”/n /n /n“ไล่เขาออกไปสิ!” เสิ่นเวยแบมือทั้งคู่ พูดอย่างสบายใจ/n /n /n“ไร้สาระ!” นายท่านผู้เฒ่าโหวถูกหลานสาวหยอกเล่นจนหัวเราะ “อยู่อะไรกัน อยู่ในจวนยั่วโมโหข้างั้นหรือ รีบไสหัวตามสามีเจ้าไป ไม่แน่ว่าปู่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสองปี”/n /n /nอะไรที่เรียกว่าปากอย่างใจอย่าง ก็คือแบบที่ปู่นางเป็น วันนี้เสิ่นเวยนับว่าได้เห็นแล้ว เห็นชัดๆ ว่าคิดถึงนาง คิดถึงก็คิดถึงสิ นางไม่หัวเราะเขาหรอก ยังจะทำสีหน้ารังเกียจเสียให้ได้ เสแสร้งเกินไปแล้ว! เสิ่นเวยตำหนิในใจ/n /n /n“ท่านปู่ หลานคิดถึงท่านจริงๆ” เสิ่นเวยบุ้ยปากกล่าวเสียงเบา ในจวนนี้คนที่นางคิดถึงที่สุดก็คือปู่กับน้องชายนาง สำหรับพ่อของนาง หากพูดแบบไม่มีความกตัญญู ปล่อยให้เขาไปอยู่ในที่ที่สบายใจเถอะ/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวมองหลานสาวแสนสวยที่ราวกับบุปผางาม ในใจก็อบอุ่น ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์เป็นบุพเพสันนิวาส ลูกหลานของเขารวมถึงหลานสาวของเขานอกจากจะเคารพยำเกรงแล้ว ก็ไม่สนิทสนมเลย มีเพียงเวยเอ๋อร์หลานสี่ที่เห็นเขาเป็นปู่อย่างคนธรรมดาทั่วไป อยู่ต่อหน้าเขาควรร้องไห้ก็ร้องไห้ ควรหัวเราะก็หัวเราะ มีอะไรก็พูด ต่อให้จะยื่นมือขอสิ่งของก็มีเหตุมีผล เจอปัญหายากๆ สร้างเรื่องอะไรมาก็รู้จักวิ่งมาหาปู่/n /n /n“อยู่ที่จวนจิ้นอ๋องสบายดีหรือไม่” นายท่านผู้เฒ่าโหวนั่งลงบนเก้าอี้สานพูดกับเสิ่นเวย/n /n /nเสิ่นเวยท่าทางเกียจคร้าน เท้าข้างหนึ่งเตะม้านั่งตรงหน้า ไม่มีมาดของสตรีเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนนายท่านผู้เฒ่าโหวก็ทำเป็นมองไม่เห็น/n /n /nเหตุผลที่ไม่ถามว่าเด็กหนุ่มดูแลนางดีหรือไม่ ก็เพราะนายท่านผู้เฒ่าโหวรู้ว่าเด็กหนุ่มนั่นหวงแหนหลานสาวของเขา ครั้นอยู่ที่ซีเจียงก็จับจ้องตลอดทั้งวัน จะปฏิบัติต่อนางไม่ดีได้อย่างไร อีกทั้งนายท่านผู้เฒ่าโหวก็เชื่อมั่นในฝีมือการคุมสามีของหลานสาวอย่างยิ่ง อย่ามองว่าเด็กหนุ่มนั่นเย็นชาท่าทางหยิ่งผยอง เหอะ เอาจริงขึ้นมาแล้วก็ยังเชื่อฟังหลานสาวเขามิใช่หรือ สำหรับเรื่องนี้ นายท่านผู้เฒ่าโหวพอใจยิ่งนัก!/n /n /n“ยังพอได้! ก็เป็นแบบนั้น ท่านจิ้นอ๋องเป็นคนโง่ จิ้นหวงเฟยหน้าเนื้อใจเสื้อ อู๋ซื่อฉลาดแต่ทะนงตน หูซื่ออวดตนว่าฉลาดขี้เหนียวจิตใจคับแคบ คุณชายสี่เป็นลูกคุณหนูจริงๆ คุณชายห้าเป็นคนพูดจริงทำจริง ซื่อจื่อกับคุณชายสามตอนนี้เห็นเพียงแค่ด้านเดียว มองไม่ค่อยออกนัก” เสิ่นเวยเท้าคางวิจารณ์ทีละคนๆ/n /n /n“คุณชายใหญ่เล่า” นายท่านผู้เฒ่าโหวมองหลานสาวปราดหนึ่ง/n /n /n“คุณชายใหญ่หรือ” เสิ่นเวยตาลุกวาว กล่าว “คุณชายใหญ่เป็นคนหน้าตาดี” อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีที่สุดที่นางเคยเห็น นางคิดว่าเพียงแค่มีใบหน้านั้นนางก็สามารถใช้ชีวิตที่เหลือได้แล้ว/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวแทบพ่นชาออกจากปาก “เจ้าเด็กคนนี้! อย่าได้พูดจาเหลวไหล” ผู้ชายมักมากในกาม หลานสาวเขาเป็นเด็กผู้หญิงคาดไม่ถึงว่าจะพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ได้/n /n /nทว่าเสิ่นเวยกลับแสยะปาก โบราณก็ไม่ดีตรงนี้ ยากที่นางพูดความจริงแล้วจะมีคนเชื่อ/n /n /n“สามีเจ้าบอกหรือไม่ว่าจะย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องเมื่อไร สวนชิงหยวนนั้นไม่ใช่ซ่อมเสร็จนานแล้วหรือ” นายท่านผู้เฒ่าโหวถามต่อ เรือนหลังจวนจิ้นอ๋องไม่ค่อยสงบสุขนัก หลานสาวของเขาเป็นเหยี่ยวที่โผบินอยู่บนท้องฟ้า ขังอยู่ในเรือนหลังมานานแล้ว ยากจะเลี่ยงไม่ให้กระทบต่อมุมมองของนาง นายท่านผู้เฒ่าโหวไม่อยากให้หลานสาวของเขาหักปีกกลายเป็นนกกระจอก/n /n /nเสิ่นเวยกล่าว “เขาเคยพูดครั้งหนึ่ง รอให้เดือนสมรสผ่านไปก่อนแล้วค่อยย้ายเข้าไป แต่ข้าคิดว่าน่าจะย้ายไม่ได้ พระชายาจิ้นอ๋องไม่ยอมปล่อยคนไปง่ายๆ เพียงนั้นหรอก” นางแต่งเข้าไปได้เพียงกี่วัน ก็ปะทะกับนางไม่รู้กี่รอบแล้ว ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าพระชายาจิ้นอ๋องผู้นั้นไม่ได้เป็นคนแบบที่นางแสดงออกมา จะยอมปล่อยพวกเขาออกไปใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างไร/n /n /n“เช่นนั้นเจ้าวางแผนไว้ว่าอย่างไร” คิ้วของนายท่านผู้เฒ่าโหวขมวดมุ่น เขาไม่พอใจคู่สมรสของเวยเอ๋อร์ก็ตรงนี้ หากหาตระกูลธรรมดาให้เวยเอ๋อร์ หรือว่าหาคู่หมั้นที่พ่อแม่ตายหมดแล้วให้เสีย ชีวิตก็จะหมดความยุ่งยากไปมาก แต่ว่านี่เป็นการสมรสพระชาทานจากฝ่าบาท เขาอับจนหนทาง/n /n /n“ทหารมาใช้ขุนพลต้านน้ำมาก็ใช้ดินต้านสิ ท่านปู่วางใจ อย่างไรเสียข้าก็ไม่เสียเปรียบ” เสิ่นเวย/n /n /nกล่าวอย่างไม่สนใจ หลายครั้งที่ปะทะนางไม่เสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว กลับเป็นพระชายาจิ้นอ๋องที่โยนหินทับเท้าตัวเอง ทำให้ในใจนางสบายอารมณ์อย่างยิ่ง/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนอย่างเสิ่นเวย “เจ้าเองก็อย่าประมาท น้ำมือของสตรีเรือนหลังเลวร้ายยิ่งกว่าที่เจ้าจินตนาการ มีแต่เจ้าจะคิดไม่ถึง ไม่มีอะไรที่พวกนางทำไม่ได้ อันตรายยิ่งกว่าสนามรบ อย่างไรเสียเจ้าก็อายุน้อย อย่าได้ตกหลุมพรางคนอื่น”/n /n /nนายท่านผู้เฒ่าโหวยิ่งพูดก็ยิ่งไม่วางใจ “นางเป็นแม่สามีเจ้า ครอบครองความชอบธรรมต่างๆ ทั้งยังถืออำนาจในเรือนจวนอ๋อง ทั่วทั้งจวนล้วนแต่เป็นคนของนาง หากนางอยากทำอะไรกับเจ้า เจ้าก็ยากจะปกป้อง! ในเมื่อพวกเจ้าไม่อาจย้ายไปจวนจวิ้นอ๋องได้ชั่วคราว วันนี้เจ้ากลับไปก็นำกำลังคนกลับไปให้มากหน่อย โดยเฉพาะของที่ทางเข้า ต้องระมัดระวัง” แม้เขาจะเป็นผู้ชาย แต่อย่างไรเสียประสบการณ์ชีวิตก็มีอยู่ เพียงแค่เรื่องลับที่มองดูอยู่ข้างๆ ก็มีไม่น้อยแล้ว/n /n /nเขาเห็นหลานสาวไม่ค่อยเก็บคำพูดของเขามาใส่ใจ อดกล่าวอย่างจริงจังไม่ได้ “ข้างกายเจ้ามีเพียงหมอหลิวคนเดียวไม่ได้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่อาจตามอยู่ข้างกายเจ้าตลอดเวลาได้ ต้องมีสาวใช้ชำนาญแพทย์ด้วยจึงจะถูก เจ้าถามสามีเจ้า ใต้บังคับบัญชาเขามีคนแบบนี้หรือไม่ หากไม่มี ปู่จะช่วยเจ้าหาสักหนึ่งคน เจ้าอย่าเมินเฉย อาจารย์ซูผู้นั้นข้างกายเจ้าก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดแล้ว หากไม่ใช่อุบายลับเรือนหลัง ด้วยความรู้ความสามารถของเขาอย่างน้อยก็คงได้เป็นอธิการบดีสำนักราชบัณฑิตแล้ว”/n /n /nในใจเสิ่นเวยซาบซึ้งแล้วจริงๆ คำพูดเหล่านี้ควรจะเป็นผู้อาวุโสเพศหญิงที่กำชับนาง แต่ตอนนี้ ชายฉกรรจ์ที่นำทัพสู้รบผู้หนึ่งเช่นปู่นางกลับสั่งสอนเรื่องลับภายในบ้านแก่นาง จะไม่ให้นางซาบซึ้งได้อย่างไร/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด