Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 771

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 771 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

อี้ชวงชวงใช้คำเรียกโลกทั้งสองว่าสุนัขอย่างไม่แยแส
อี้ชวงชวงเค้นเสียงและกล่าว “ถ้าเจ้าเปิดสวรรค์ได้สำเร็จจริงๆ ขุมอำนาจแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะต้องบังคับให้เจ้าเข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อเป็นกำลังในการรุกรานดินแดนใต้พิภพเป็นแน่”
หลิงฮันขมวดคิ้ว “แม้ข้าจะทำได้ แต่ในตอนนั้นพลังของข้าก็คงเทียบกับใครที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั่นไม่ได้ แล้วพวกเขาจะให้ข้าเข้าร่วมสงครามกับดินแดนใต้พิภพงั้นรึ?”
“ถูกต้อง!” อี้ชวงชวงกล่าว “พวกเขาจะเจ้าเป็นเพียงวัตถุทางสงคราม พวกเขาก็จะยึดครองอาณาจักรที่เจ้านำขึ้นไปบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดว่ามีอาณาจักรไหนบ้างที่ไม่คิดจะขยายอาณาเขตของตนเอง? เมื่อเจ้าตายไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นของของเจ้าพวกเขาก็สามารถยึดครองได้”
หลิงฮันอดหัวเราะเยาะเย้ยไม่ได้ “ผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็น่าไม่อายเหมือนกันสินะ”
“เหอะ เจ้าคิดว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีเพียงพระเจ้าที่ดีรึไง?” อี้ชวงชวงแสยะยิ้ม “นอกจากทักษะบ่มเพาะกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับดินแดนใต้พิภพ”
หลิงฮันพยักหน้า ไม่ว่าที่ไหนๆก็ย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดี
“งั้นข้าก็ต้องวางแผนให้ดี หลังจากเปิดสวรรค์ได้สำเร็จก็ยังมีปัญหาใหญ่อยู่” หลิงฮันพึมพำ “แต่ว่าปัญหานั่นก็ยังอีกนานกว่าจะมาถึง ที่ต้องทำก่อนคือการรวมภูมิภาคต่างๆ”
อี้ชวงชวงไม่สามารถเดินทางไปกับเขาได้ เพราะนางต้องเป็นผู้คุ้มกันอาณาจักรต้าหลิง นางเป็นถึงพระเจ้า แม้จะไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริง ณ โลกเบื้องล่างได้ แต่นางก็ยังต่อกรกับจอมยุทธทลายมิติระดับเก้าได้อยู่ดี
หลิงฮันเรียกรวมกำลังพล ครั้งนี้เขาจะเป็นคนนำทัพด้วยตนเอง
หลังจากเตรียมพร้อมเสร็จกองทัพก็เดินหน้ามุ่งไปยังกำแพงกั้นภูมิภาคตะวันตก
นอกจากเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน หลิวอู๋ตง หลี่ซื่อฉางและครอบครัวของเขาที่ยังอยู่ในปราสาทจักรพรรดินอกจากเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน หลิวอู๋ตง หลี่ซื่อฉางและครอบครัวของเขาที่ยังอยู่ในปราสาทจักรพรรดิ คนอื่นๆได้เข้าร่วมกองทัพทุกคน โดยเฉพาะกว่างหยวนและชูหวู่จิว พวกเขาทั้งสองบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว หนึ่งคนคือระดับบุปผาผลิบานขั้นเก้า ในขระที่อีกคนอยู่ที่ระดับบุปผาผลิบายขั้นห้า ด้วยเม็ดยาจากหลิงฮัน ไม่ว่าจะเป็นหมูที่โง่เง่าขนาดไหนก็สามารถทะยานสู่สวรรค์ได้
กองทัพของเขามีจำนวนประมาณหนึ่งล้านคน หากพูดถึงจำนวนประชากรของภูมิภาคเหนือแล้ว จำนวนแค่นี้นับว่าน้อยมาก แต่สิ่งที่หลิงฮันต้องการไม่ใช่จำนวนแต่เป็นคุณภาพ โดยเฉพาะหากต้องต่อกรกับภูมิภาคตะวันตกที่มีระดับวรยุทธสูงกว่าภูมิภาคเหนือแล้ว แม้จะมีทหารที่อ่อนแอจำนวนมากก็ไม่ช่วยอะไร
ในจำนวนทหารนับล้าน มีหนึ่งแสนคนที่อยู่ในระดับห้วงจิตวิญญาณ ส่วนอีกเก้าแสนคนที่อยู่มีระดับพลังที่อ่อนแอกว่านั้น แต่ด้วยจำนวนคนและรูปแบบการรบเป็นหน่วยที่เขาได้เรียนรู้มาจากจักรวรรดิจันทราม่วง พลังต่อสู่ของกองทัพเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
“ขอรายงาน!” เมื่อกองทัพอยู่ห่างจากกำแพงกั้นภูมิภาคไม่ไกลมาก สายลับที่เขาส่งไปก็ปรากฏตัวเพื่อแจ้งรายงาน
“พูดมา” หลิงฮันกล่าว
“ขอแจ้งองค์จักรพรรดิ ภูมิภาคตะวันได้ได้เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว พวกเขาตั้งขบวนกันอยู่ที่บริเวณกำแพงภูมิภาค โดยคร่าวๆแล้วพวกเขามีกันอยู่ประมาณหนึ่งแสนคน และทุกคนล้วนแต่เป็นระดับหัวกะทิ” สายลับกล่าว
หลิงฮันพยักหน้า สายลับนั้นมีความสามารถที่จำกัด สายลับไม่สามารถรับรู้พลังบ่มเพาะของจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณขึ้นไปได้ แต่การที่ภูมิภาคตะวันตกส่งกองทัพมาเตรียมรับมือถึงกำแพงกั้นภูมิภาคได้เร็วขนาดนี้นั้น เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดเลยจริงๆ
“องค์จักรพรรดิ ข้ายินดีที่จะนำทัพเข้าบุก!” เหยียนเฮิงเหอเอ่ยกล่าว ในหลายวันมานี้เขาขัดเกลาระดับพลังบ่มเพาะของตนจนถึงขีดจำกัดและทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาแล้วเมื่อสิบวันก่อน ซึ่งนั่นทำให้ตัวเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
จากพลังบ่มเพาะเดิมของเขาแล้ว การจะทะลวงผ่านระดับก้าวสู่เทวาได้สมควรใช้เวลาอย่างน้อยห้าปี แต่หลังจากติดตามจักรพรรดิปรุงยา การพัฒนาของเขาก็ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์เอาไว้อีกต่อไป
“โฮกกก!” จิตวิญญาณศิลาคำรามและทุบอกตนเองราวกับจะบอกว่ามันพร้อมรบแล้ว
เทียบกับคนอื่นๆ จิตวิญญาณศิลาพัฒนาได้เร็วมาก นั่นเป็นเพราะมันไม่มีคอขวดเหมือนกับจอมยุทธทั่วไป ทุกๆเดือนมันจะได้รับแก่นศิลาจากหอคอยทมิฬ ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้ระดับพลังของมันเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้มันบรรลุระดับสวรรค์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเรื่องยากหากมันต้องสู้ข้ามระดับกับจอมยุทธระดับทลายมิติ
เฉียนหวูย่งและหู่เฟิงเยว่เองก็เต็มไปด้วยความกะตือรือร้น ในเวลาหลายปีที่พวกเขาอยู่ในนิกายจันทราเหมันต์ พวกเขาก็ติดคอขวดอยู่ในระดับห้วงจิตวิญญาณเป็นเวลานาน แต่หลังจากเข้าร่วมกับกองทัพ พลังบ่มเพาะของพวกเขาก็บรรลุระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้ในระยะเวลาอันสั้น
เย่วไค่หยู่เองก็พัฒนาขึ้นมา เขาปรารถนาที่จะร่วมรบครั้งนี้ ตอนนี้เขาบรรลุระดับบุปผาผลิบานแล้ว พลังต่อสู้ของเขาเองก็เหนือกว่าจอมยุทธคนอื่นๆในระดับเดียวกัน
หลิงฮันยิ้มและโบกมือ “ไว้รอไปถึงที่กำแพงกั้นภูมิภาคแล้วดูสถานการณ์ก่อนว่าพวกเขาส่งจอมยุทธระดับสูงมากี่คน”
กองทัพของหลิงฮันมุ่งหน้าเดินทางต่อ สองวันต่อมาพวกเขาก็มาถึงกำแพงกั้นภูมิภาค ที่ด้านหน้าพวกเขามีแคมป์ที่พักมากมายตั้งอยู่ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้มาจากกองทัพหรือขุมอำนาจเดียวกัน แต่พลังบ่มเพาะของพวกเขาก็คือระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเป็นอย่างน้อย
เมื่อเห็นกองทัพที่มีคนจำนวนมากมาถึง เหล่าจอมยุทธของภูมิภาคตะวันตกก็ตื่นตัวทันที ทุกคนเดินออกมาจากแคมป์ที่พักและยืนอย่างแข็งขัน แต่ละกลุ่มยืนเว้นระยะกันซึ่งสามารถเดาได้ไม่ยากว่ามีหลายขุมอำนาจที่ไม่คิดจะรวมพลังกัน
ในทางตรงกันข้าม กองทัพของอาณาจักรต้าหลิงได้รวมขุมอำนาจทั้งหมดให้เป็นหนึ่งเดียว พวกเขาสามารถร่วมมือกันได้อย่างสามัคคี
หลิงฮันเดินนำออกมาจากกองทัพโดยมีจูเสวียนเอ๋อ ฮูหนิวและจิตวิญญาณศิลาเดินตามหลังมา พวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังเขตแดนของกำแพงกั้นภูมิภาค เมื่อใดที่เขาชักดาบสังหารและลงมือ สงครามก็จะเริ่มต้นทันที
แต่ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นรุ่นเยาว์ห้าคนเดินออกมาจากแคมป์ที่พักของฝั่งภูมิภาคตะวันตก ออร่าของรุ่นเยาว์เหล่านั้นทั้งน่าเกรงขามและไร้เทียมทาน
สามในห้าคนคือ ฉือชิ่วเหริน เจี่ยหมิง ตงหลิงเอ๋อ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด