ตอนที่ 217-2 เข้าวังน้อมสำนึกพระมหากรุณาธิคุณ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 95 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ความคิดนี้อยู่ในสมองเสิ่นเวยเพียงแค่ชั่ววูบ เหลือบมองสวีโย่วอย่างเงียบๆ ปราดหนึ่ง เจตนานั้นไม่พูดก็รู้ ไม่ใช่บอกว่าในวังหลังไม่มีคนไม่ดูตาม้าตาเรือหรอกหรือ แล้วคนตรงหน้าผู้นี้คืออะไร/n /n /n“ขอบคุณซูเฟยเหนียงเหนียงที่ชื่นชม กราบทูลเหนียงเหนียงให้ทราบว่า แม้จวนจงอู่โหวจะตั้งตระกูลจากกองทัพ แต่พี่สาวน้องสาวในตระกูลนอกจากจยาฮุ่ยแล้วก็มีทักษะหมัดเท้าปักบุปผาหลายกระบวนท่า พวกนางไม่ชำนาญวิทยายุทธ์ ผู้อาสุโสกล่าวแล้วว่า คนปกป้องแว่นแคว้นมีบุรุษก็เพียงพอแล้ว สตรีสุภาพคงความงามไว้จะดีกว่า จยาฮุ่ยฝึกยุทธ์ก็เพราะว่าตั้งแต่เล็กสุขภาพไม่ดี ผู้อาวุโสในบ้านสงสารจึงอนุญาตให้จยาฮุ่ยฝึกเล็กน้อย”/n /n /nเสิ่นเวยกล่าวด้วยความตั้งใจมากเป็นพิเศษ “ส่วนน้องชายของเหนียงเหนียง เหนียงเหนียงท่านทราบข่าวลือในเมืองหลวงของน้องชายท่านหรือไม่ ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พูดว่าคุณชายน้อยตระกูลเสนาบดีฉินศีรษะมีหนองไหลเท้ามีรอยแผลยาว จากต้นตอก็เละจนไม่มียารักษา แต่ศักดิ์ศรีของพ่อแม่พี่น้องถูกทำให้เสื่อมเสียแล้ว จยาฮุ่ยเคยบังเอิญพบเขาลวนลามหญิงสาวชาวบ้านข้างถนน จยาฮุ่ยคิดว่าคุณชายน้อยฉินอย่างไรเสียก็เป็นคุณชายน้อยของเสนาบดีฉิน เสนาบดีฉินก็เป็นขุนนางร่วมราชสำนักกับผู้อาวุโสทั้งหลายของจยาฮุ่ย ไม่ว่าอย่างไรก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันหลายส่วนมิใช่หรือ ดังนั้นจยาฮุ่ยจึงสั่งคนให้ตีบ่าวทั้งหลายที่ยุยงคุณชายน้อย ไม่ได้แตะต้องคุณชายน้อยแม้แต่นิ้วเดียว ซูเฟยเหนียงเหนียงอันที่จริงแล้วท่านต้องขอบคุณจยาฮุ่ยนะเพคะ”/n /n /nพูดถึงตรงนี้สีหน้าบนใบหน้านางก็จริงใจยิ่งนัก ขมวดคิ้วอย่างคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ “แต่ว่าซูเฟยเหนียงเหนียงน้องชายท่านไม่ค่อยกล้าหาญจริงๆ ไม่ได้แตะต้องเขาแม้แต่ปลายนิ้วเขาก็หวาดกลัวจนป่วยแล้ว ห่างไกลจากคุณชายสี่จวนอ๋องของพวกเรานัก เป็นคุณชายตระกูลร่ำรวยเหมือนกัน คุณชายสี่ของพวกเราเก่งยิ่งนัก เมื่อวันก่อนไม่รู้ว่าถูกใครต่อยตีมา บาดเจ็บสาหัส พักรักษาตัวอยู่สามวันในจวนก็กระโดดโลดเต้นออกจากบ้านไปแก้แค้นคนแล้ว เช้าวันนี้จยาฮุ่ยมอบดาบให้เขาหนึ่งเล่ม เขาไม่ตกใจ ซ้ำยังดีใจยิ่งนัก! คุณชายน้อยฉินต้องเลียนแบบคุณชายสี่ของพวกเราเสียแล้วจริงๆ!”/n /n /nในตำหนักเงียบสงัดอย่างถึงที่สุด มีเพียงเสียงดีใจของเสิ่นเวยดังสะท้อนอยู่ในหูของคนทุกคน ฮองเฮาเหนียงเหนียงมองจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ด้วยดวงตาโตที่กะพริบวาบ สีหน้าบนใบหน้าซับซ้อนอย่างยิ่ง! ครั้งก่อนที่เจอแม่นางผู้นี้ก็ปกติดีนี่!/n /n /nซูเฟยเหนียงเหนียงโมโหจนควันขึ้นศีรษะ ชี้เสิ่นเวยพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว/n /n /nเหยียนกุ้ยเฟยผู้นั้นที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายกลับหลุดหัวเราะออกมาหนึ่งครา “เป็นเด็กที่ซื่อสัตย์จริงๆ เหมือนบุตรสาวโง่เขลาผู้นั้นของเขา ถูกใจข้ายิ่งนัก มาๆๆ กำไลมุกเคลือบเงาเส้นนี้ข้าใส่มาหลายปีแล้ว วันนี้มอบให้เจ้าแล้วกัน”/n /n /nเสิ่นเวยรับเข้ามาด้วยความเคารพ “จยาฮุ่ยขอบคุณกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเพคะ”/n /n /nฮองเฮาเหนียงเหนียงด้านบนก็ได้สติกลับมา กล่าวกับกุ้ยกูกูนางกำนัลใหญ่ติดตัวประจำพระองค์ “รีบไปเอาของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้จยาฮุ่ยจวิ้นจู่มา” จากนั้นจึงหันหน้ากล่าวกับเสิ่นเวยด้วยความตำหนิ “แม้จะพูดความจริง แต่ก็ไม่อาจพูดเช่นนี้ ดูสิเจ้าทำซูเฟยตกใจแล้ว ยังไม่รีบเข้าไปขอโทษอีก”/n /n /nฮองเฮาเหนียงเหนียงตั้งใจเปลี่ยนคำว่าโกรธเป็นตกใจ นางดีใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นซูเฟยเสียหน้า หลายปีมานี้ซูเฟยอาศัยพ่อผู้เป็นท่านเสนาบดีของนาง ต่อหน้าลับหลังขัดขาตนไปมากน้อยเพียงใด องค์ชายรองที่นางให้กำเนิดแย่งรัศมีไท่จื่อของตนไปมากน้อยเพียงใด ประโยคเดียวของจยาฮุ่ยจวิ้นจู่ช่างทำให้คนมีความสุขมากจริงๆ! สายตาที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงมองเสิ่นเวยก็ยิ่งเมตตามากขึ้น/n /n /nเสิ่นเวยย่อมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น “ซูเฟยเหนียงเหนียงท่านอย่าได้โมโห จยาฮุ่ยโง่เขลา พูดจาดีๆ ไม่เป็น ท่านอย่าได้โกรธจยาฮุ่ยเลยเพคะ! แต่จยาฮุ่ยพูดล้วนเป็นความจริงทั้งหมด ไม่พูดเท็จแม้แต่ประโยคเดียว แม้น้องชายของท่านจะไม่ได้ความ แต่ฟังว่าองค์ชายรองมีอนาคตอย่างยิ่ง ว่ากันว่าเขามีความสามารถยิ่งกว่าท่านไท่จื่อเสียอีก”/n /n /nใครบอกว่าจยาฮุ่ยของพวกเราพูดจาไม่เป็น ดูสิ ประโยคเดียวไม่เพียงแต่ทำให้ซูเฟยเหนียงเหนียงตกใจ ยังทำให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงพูดไม่ออกอีกด้วย แต่คนก่อเรื่องยังมีท่าทางจริงใจอย่างถึงที่สุดอยู่เลย/n /n /n“เจ้า เจ้าบังอาจนัก! องค์ชายรองกับท่านไท่จื่อเป็นคนที่เจ้าจะวิจารณ์ได้หรือ” ซูเฟยเหนียงเหนียงตะโกนเสียงต่ำ/n /n /nเสิ่นเวยตกใจในชั่วขณะ เบ้าตาแดงก่ำทันที “ข้า ข้า จยาฮุ่ยไม่ได้วิจารณ์ เพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง” นางหลบไปอยู่ข้างหลังสวีโย่วทันที ก้มหน้าไม่กล้าออกมาแล้ว/n /n /nคิ้วของฮองเฮาขมวดมุ่นแล้ว “ซูเฟยทำอะไร เจ้าถือสาอะไรกับเด็กคนหนึ่ง จยาฮุ่ยเพียงแค่พูดความจริง เจ้าขู่นางทำไม”/n /n /nสวีโย่วเองก็ไม่มีความสุขแล้ว แม้จะรู้ว่าภรรยาของเขาเล่นละคร แต่ดวงตาที่แดงก่ำ ท่าทางขลาดกลัวนั้นยังคงทำให้เขาสงสารอย่างถึงที่สุด/n /n /n“ซูเฟยเหนียงเหนียงทะนงตนยิ่งนัก! ทูลถามฮูหยินของกระหม่อมพูดผิดตรงไหน แม้ว่าองค์ชายรองกับท่านไท่จื่อจะสูงศักดิ์ แต่ในทางส่วนตัวแล้วก็ยังต้องเรียกกระหม่อมว่าพี่มิใช่หรือ ภรรยาของกระหม่อมเป็นถึงพี่สะใภ้พูดความจริงหนึ่งประโยคเหตุใดถึงกลายเป็นวิจารณ์ไปเสียเล่า ข้อกล่าวหานี้ใหญ่เกินไปเล็กน้อย กระหม่อมคงทำได้เพียงให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”/n /n /nแววตาที่เย็นเยียบของสวีโย่วทำให้ซูเฟยได้สติกลับมาอย่างว่องไว คิดว่าหากเรื่องนี้วุ่นวายไปจนถึงหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ด้วยระดับความโปรดปรานที่คุณชายใหญ่ผู้นี้ได้รับ ตนจะต้องไม่มีจุดจบที่ดีแน่นอน แต่หากจะให้นางก้มหัว นางก็ลดตัวไม่ลง ตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างไม่อาจเลือก เสียใจขึ้นมาเงียบๆ ต้องโทษแม่นางคนเดียว เข้าวังมาร้องทุกข์ว่าน้องชายถูกรังแกมากเพียงใด ทำให้ตนโมโหจนขาดสติไปชั่วขณะ/n /n /nฮองเฮาหวังว่าจะให้เรื่องวุ่นวายไปถึงหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท จะได้ฆ่าความกำแหงของซูเฟยเสีย อย่างดีที่สุดก็จะได้โยงไปถึงตัวองค์ชายรอง/n /n /n“เอ๋ คุยอะไรถึงได้เสียงดังเพียงนี้ บ่าวถวายความเคารพฮองเฮาเหนียง กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ซูเฟยเหนียงเหนียงพะยะค่ะ” จางเฉวียนขันทีใหญ่ประจำองค์จักรพรรดิยงเซวียนยิ้มแย้มเดินเข้ามา คล้ายมองไม่เห็นบรรยากาศตึงเครียดในตำหนัก “คุณชายใหญ่ จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ บ่าวคารวะท่านทั้งสอง”/n /n /nแววตาของฮองเฮากะพริบวาบ กล่าวถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ฝ่าบาทมีเรื่องอันใดหรือไม่”/n /n /n“มีสิพะยะค่ะ ฝ่าบาทร้อนใจอยากดื่มชาของภรรยาหลานชาย จึงให้บ่าวมาเร่งรัด ให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงปล่อยคนเร็วหน่อย” จาวเฉวียนกล่าวพลางหัวเราะ/n /n /n“ตายจริง ฝ่าบาทใจร้อนยิ่งนัก อาโย่ว จยาฮุ่ย พวกเจ้ารีบไปเถอะ” ฮองเฮากล่าวกับสวีโย่วเสิ่นเวย/n /n /nด้วยเหตุนี้ สวีโย่วกับเสิ่นเวยจึงคำนับแล้วกล่าวลา ตามจางเฉวียนไปพบจักรพรรดิยงเซวียนแล้ว/n /n /nเมื่อเขาไป คิ้วของฮองเฮาก็ขมวดมุ่น มองซูเฟยแล้วกล่าว “ซูเฟย ไม่ใช่ข้าว่าเจ้า นิสัยใจร้อนของเจ้าก็ควรแก้ได้แล้ว เจ้าว่าพระชายาที่ยิ่งใหญ่เช่นเจ้า โมโหเด็กคนหนึ่งทำไมกัน จยาฮุ่ยเพิ่งจะอายุสิบห้า เด็กกว่าองค์ชายรองหลายปี เจ้าคิดว่าเจ้า… เฮ้อ!” นางถอนหายใจอย่างหนักหน่วง/n /n /nซูเฟยลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เชิดหน้า “ขออภัยท่านพี่ฮองเฮา ในวังข้ายังมีเรื่องให้ต้องจัดการ ขอตัวลา” พูดจบก็หันหลังกลับเดินออกไป/n /n /nทำฮองเฮาโมโห หายใจหอบถี่กระชั้น/n /n /nมุมปากเหยียนกุ้ยเฟยปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยาม ลุกขึ้นกล่าวลาเช่นกัน “ไม่มีอะไรแล้ว ข้าเองก็ขอตัวลา” ประคองมือนางกำนัล บิดสะโพกเดินออกไปแล้ว/n /n /nฮองเฮาโกรธจนกัดฟันกรอด แต่ละคนวางมาดใหญ่ยิ่งนัก ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน! นางกำหมัดแน่น/n /n /n“เด็กคนนั้นพูดเช่นนั้นจริงๆ หรือ” จักรพรรดิยงเซวียนที่เดินไปเดินมาในห้องหนังสือส่วนพระองค์หยุดฝีเท้า/n /n /n“พะยะค่ะ!” ทหารลับขานรับเสียงเบา/n /n /nมุมปากของจักรพรรดิยงเซวียนกระตุก คุณหนูสี่แซ่เสิ่นผู้นี้เป็นคนที่เสียเปรียบไม่ได้ ดูสิพูดเช่นนั้น ราวกับเหล็กแหลม แทงเข้าไปในจิตใจคน ซูเฟยก็เหมือนกัน อาโย่วพาภรรยาเข้ามาในวังครั้งแรกนางก็สร้างความรำคาญใจให้แล้ว โตเพียงนี้แล้วยังไปทำให้เด็กลำบากใจ ถูกตอกกลับเป็นอย่างไรเล่า สมน้ำหน้า!/n /n /nเทียบกับฮองเฮาเหนียงเหนียงและคนอื่นๆ จักรพรรดิยงเซวียนรู้ธาตุแท้ของเสิ่นเวย นั่นคือเด็กน้อยที่ฉลาดซุกซน มิเช่นนั้นหลานชายที่ไม่เห็นใครในสายตาผู้นั้นของเขาจะให้ความสำคัญจนอดใจรอแต่งกลับบ้านไม่ได้เช่นนั้นหรือ สตรีใสซื่อไร้เดียงสางั้นหรือ เหอะๆ เด็กคนนี้แสดงเก่งจริงๆ/n /n /nเข้าห้องหนังสือส่วนพระองค์แล้ว สวีโย่วก็พาเสิ่นเวยไปโขกศีรษะคำนับจักรพรรดิยงเซวียน ยกน้ำชาหนึ่งแก้ว หลังจากนั้นจักรพรรดิยงเซวียนก็โบกมือให้พวกเขาลุกขึ้น/n /n /n“จยาฮุ่ยจวิ้นจู่ ฟังว่าเจ้าไปเล่นซนที่ตำหนังคุนหนิงมาหรือ ทำซูเฟยโมโหแล้ว ทั้งยังวิจารณ์องค์ชายรองกับไท่จื่อของเราอีก ควรลงโทษอย่างไรดี” จักรพรรดิยงเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม/n /n /nเสิ่นเวยใจเต้นเล็กน้อย โอ้โห เรื่องที่เกิดที่ตำหนักคุนหนิงฝั่งนั้น ฝ่าบาทฝั่งนี้ก็ทราบแล้ว ดูท่าแล้วจักรพรรดิยงเซวียนจะไม่เหมือนพ่อของมารตนนี้ที่ไอคิวต่ำกว่าระดับตลอดทั้งปีเช่นนั้นจริงๆ/n /n /nนางลอบมองสีหน้าของจักรพรรดิยงเซวียนอย่างระมัดระวังปราดหนึ่ง เห็นว่าแม้เขาจะทำหน้าดุ แต่ในแววตากลับมีรอยยิ้มเล็กน้อย จึงวางใจลง กล่าวด้วยความมั่นใจ “นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณชายใหญ่หรอกหรือ ก่อนเข้าวังเขาก็รับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเหนียงเหนียงแต่ละคนในวังหลังนิสัยดีอย่างยิ่ง ประพฤติตนเมตตาเฉลียวฉลาด ไม่มีคนที่หัวใหญ่ไร้สมองเหล่านั้น ใครจะรู้ว่าจู่ๆ ซูเฟยเหนียงเหนียงจะก่อกบฏ จยาฮุ่ยไหนเลยจะทำนางโกรธ เห็นชัดๆ ว่าพูดความจริง แม้ว่าฝ่าบาทจะอยู่ต่อหน้าจยาฮุ่ยก็จะพูดเช่นนี้ น้องชายของซูเฟยเป็นคนหื่นกามรังแกบุรุษข่มขู่สตรี จยาฮุ่ยเองก็ไม่ได้ตีเขาจริงๆ ท่านก็รู้ความสามารถของจยาฮุ่ย หากอยากฆ่าเขาให้ตาย หญ้าหน้าหลุมศพของเขาก็คงยาวหมดแล้ว”/n /n /nเสิ่นเวยเบ้ปากกล่าวต่อ “จยาฮุ่ยต้องโต้เถียงก็เพราะว่าหลานชายท่านปกป้องภรรยาไม่ได้มิใช่หรือ เขาพูดจาโง่เขลา ในใจมีคำพูดแต่พูดไม่ออก ทำได้เพียงใช้สายตาถลึงมองคน มีประโยชน์อะไร ดูสิ ดูสิ ร่างกายก็ผอมแห้ง หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าได้รับความไม่เป็นธรรมากน้อยเพียงใด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว คุณชายใหญ่แต่งงานกับข้าจยาฮุ่ย ท่านก็รู้ จยาฮุ่ยร้ายกาจ ทั้งยังรักพวกพ้อง คุณชายใหญ่ปกป้องภรรยาไม่ได้ เช่นนั้นภรรยาก็จะปกป้องเขาเอง! ฝ่าบาทวางใจ มีจยาฮุ่ยอยู่ ไม่ว่าใครก็กลั่นแกล้งคุณชายใหญ่ไม่ได้”/n /n /nเสิ่นเวยรับปากสาบาน จักรพรรดิยงเซวียนแทบจะพ่นชาออกมา ชี้เสิ่นเวย ครู่ใหญ่กว่าจะหาเสียงตัวเองกลับมาได้ “เจ้ามันเด็กแก่น คุณชายใหญ่ปกป้องภรรยาไม่ได้อะไรกัน เขาปกป้องเจ้าไม่ได้หรือ” แม้ปากจะพูดเช่นนี้ ในใจกลับชื่นชมยิ่งนัก ดี! ภรรยาผู้นี้ของอาโย่วนับได้ว่าแต่งมาไม่เสียเปล่า รู้จักปกป้องผู้ชายของตัวเองจึงจะถือว่าเป็นภรรยาที่ดี!/n /n /nดวงตาจักรพรรดิยงเซวียนกะพริบวาบ นึกถึงภรรยาคนแรกขึ้นมา ชั่วพริบตานางก็จากไปสิบกว่าปีแล้ว!/n /n /nบนใบหน้าของสวีโย่วสะเทือนใจเล็กน้อย หลายปีเพียงนี้แล้ว มีใครคิดจะทำอะไรเพื่อเขาบ้าง/n /n /nมีเพียงนาง มีนางผู้เดียวเท่านั้น!/n /n /nปากบอกรังเกียจ บอกว่ารำคาญเขา ให้เขาออกไปห่างๆ แต่ทุกครั้งที่มีเรื่องกลับแยกเขี้ยวยิงฟันพุ่งขึ้นมาข้างหน้า ปกป้องเขา!/n /n /nในใจสวีโย่วร้อนผ่าว ไม่รู้ว่าควรจะแสดงความรู้สึกของตนอย่างไร เขารู้สึกว่า ชั่วชีวิตนี้หากไม่มอบของดีๆ ทั้งหมดไว้ตรงหน้านาง ในใจตนก็คงจะไม่สงบสุข/n /n /nน้องสี่แซ่เสิ่น เวยเวย เจ้าก็คือผู้กอบกู้ที่เทพเทวัญทั้งสวรรค์ส่งมาให้ข้าใช่หรือไม่/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด