ตอนที่ 213-2 พระราชพิธีเสกสมรส

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 103 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“อ่านอะไรอยู่ถึงได้ตั้งใจเพียงนั้น” จู่ๆ ข้างหูก็ได้ยินเสียงๆ หนึ่ง เสิ่นเวยซ่อนหนังสือเล่มเล็กไว้ใต้แขนเสื้ออย่างลนลานตามจิตใต้สำนึก “ไม่…ไม่ได้อ่านอะไร”/n /n /nเมื่อเห็นว่าคนที่มาคือสวีโย่ว ชั่วขณะก็โมโหอย่างถึงที่สุด ไม่ใช่บอกไว้หรือว่าก่อนวันแต่งงานคนทั้งสองไม่ควรพบหน้ากัน กลางดึกหมอนี่วิ่งมาหานางที่นี่ทำไม ทั้งยังทำนางสะดุ้งตกใจ เสิ่นเวยทำหน้าดีๆ ใส่เขาได้ก็แปลกแล้ว นางหยิบหมอนบนเตียงโยนออกไปทันที กล่าวอย่างโมโห “ท่านรู้หรือไม่ว่าทำคนตกใจแทบตาย ท่านเป็นผีหรือมาไม่ให้สุ้มให้เสียง ท่านไม่อยู่ในจวนวิ่งมาที่นี่ทำไม ท่านไม่อยากได้ชื่อเสียงแต่ข้ายังมีศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงอยู่”/n /n /nเสิ่นเวยกล่าวอย่างมีเหตุผลและสัจธรรม อันที่จริงในใจกำลังคิด ศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง นั่นมันอะไรกัน ใครเคยเห็นช่วยเอามาให้นางดูหน่อย/n /n /nสวีโย่วหมดความมั่นใจเล็กน้อย กล่าวอย่างอึกอัก “ก็แค่มาดูเจ้ามิใช่หรือ”/n /n /nพูดยังไม่ทันขาดคำก็ถูกเสิ่นเวยกดเสียงต่ำตะโกนแล้ว “ข้ามีอะไรให้น่าดู พรุ่งนี้ก็ได้เจอแล้วไม่ใช่หรือ ท่านรีบกลับไปดีกว่า หากทำคนอื่นแตกตื่นจะแย่เอา”/n /n /nสวีโย่วคิดๆ แล้วก็ถูก เขาอยู่ในจวนเพียงแค่คิดถึงพิธีสมรสแล้วดีใจจนนอนไม่หลับ จึงมาดูเสิ่นเวย ตอนนี้คนก็เห็นแล้ว ความต้องการได้รับการสนอง เขาย่อมไม่ยืดเยื้อเสียเวลา/n /n /n“อ้อจริงสิ เมื่อครู่เจ้าอ่านอะไรอยู่กันแน่” สวีโย่วเดินไปแล้วสองก้าว คล้ายจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้จึงหันหลังกลับมาถาม/n /n /nเสิ่นเวยใจเต้น ชูหนังสือเล่มเล็กขึ้นอย่างไม่สนใจ “ท่านหมายถึงเล่มนี้หรือ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่านี่คืออะไร ท่านป้าสะใภ้ใหญ่เพิ่งจะให้ข้ามา ให้ข้าอ่านให้ดี บอกว่าต้องใช้ แปลกใจจริงๆ เหตุใดคนในรูปนี้เหมือนกำลังพัวพันกันอยู่เลย คุณชายใหญ่สวีท่านรู้หรือไม่คนที่เปลือยก้นผู้นี้กำลังทำอะไรอยู่” ท่าทางของเสิ่นเวยสงสัยอย่างยิ่ง ท่าทางไม่รู้สึกอายที่จะถาม/n /n /nสายตาของสวีโย่วมองเห็นคนในหนังสือเล่มเล็ก ชั่วขณะใบหน้าก็ร้อนราวกับไฟเผา กล่าวในใจ นี่ก็คือการพัวพันกับราคะอยู่มิใช่หรือ เขาโตกว่าเสิ่นเวยหลายปี ซ้ำยังเป็นผู้ชาย ย่อมต้องเข้าใจว่าหนังสือเล่มนั้นคืออะไร ไม่ใช่หนังสือภาพเปลือยหรอกหรือ เขาพูดได้หรือว่าอันที่จริงเขาก็เคยซ่อนไว้หลายเล่ม/n /n /nยิ่งสวีโย่วอึดอัด เสิ่นเวยก็ยิ่งไล่ถาม “คุณชายใหญ่ นี่คืออะไรกันแน่” ท่าทางเหมือนเด็กโง่ขี้สงสัย อันที่จริงในใจหัวเราะหงายหลังแล้ว/n /n /nสวีโย่วกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง ละสายตาออกไปอย่างอึดอัด แม้แต่ดวงตาของเสิ่นเวยก็ไม่กล้ามอง กล่าวอย่างคลุมเครือ “ไม่มีอะไร ของเหล่านี้ข้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก รออีกไม่นานเจ้าก็รู้เอง” พูดจบ ก็หนีไปราวกับว่าข้างหลังมีคนไล่ตามเขา/n /n /nเสิ่นเวยชายตามองหัวเราะเยาะ พ่อหนุ่ม ข้าไม่เชื่อว่าจะจัดการเจ้าไม่ได้ นางโบกหนังสือเล่มเล็กในมือ คิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยัดมันลงก้น**บ เข้านอนเร็วหน่อยดีกว่า ฟังว่าแต่งงานเหนื่อยยิ่งนัก/n /n /nเดิมคิดว่าจะนอนไม่หลับ ไม่คิดว่าเสิ่นเวยจะนอนหลับจนฟ้าสาง อ้อไม่ วันนี้นางไม่มีโอกาสได้นอนจนฟ้าสาง ฟ้ายังไม่สาง หลีฮวาก็เรียกนางแล้ว เสิ่นเวยง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น ปากขานรับแต่คนกลับไม่ขยับ ดึงดันจะนอนต่ออีกครึ่งชั่วยาม หลีฮวาและคนอื่นๆ ร้อนใจจนอยากจะเข้าไปแบกนางขึ้นมา/n /n /nเสิ่นเวยลงจากเตียงอย่างสะลึมสะลือ ปล่อยให้สาวใช้หลายคนอาบน้ำแต่งตัวให้นาง จากนั้นก็กินข้าว ทรมานต่อไปจนนางกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย/n /n /n“เรียบร้อยแล้วหรือยัง เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วหรือยัง” ข้างนอกมีเสียงของป้าสะใภ้ใหญ่ฮูหยินสวี่ดังเข้ามา/n /n /nเสิ่นเวยตื่นตัว ได้สติกลับมาทันที จากนั้นก็ได้ยินหลีฮวาขานรับ “เรียนฮูหยิน เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ รอหวีผมอยู่”/n /n /nไม่นานนัก ก็เห็นป้าสะใภ้ใหญ่เดินเข้ามาพร้อมฮูหยินมีหน้ามีตาผู้หนึ่ง เสิ่นเวยก็เข้าใจว่าคนผู้นี้คือผู้มีวาสนาครบที่มาหวีผมให้นาง/n /n /nสมัยโบราณ สตรีออกเรือนต้องหาผู้มีวาสนาครบมาช่วยกวาดเกี้ยว จุดธูปในเกี้ยว วางกระจกในเกี้ยว ผู้มีวาสนาครบก็ไม่ใช่ว่าจะหาใครมาก็ได้ ต้องเป็นสตรีผู้มีวาสนาครบที่ในบ้านพ่อแม่ยังอยู่ สามีภรรยารักใคร่ มีทั้งลูกชายลูกสาว พี่น้องปรองดองกลมเกลียวจึงจะได้/n /n /n“เวยเอ๋อร์ นี่คือจ้าวฮูหยินจวนเจี้ยนอั้นโหว พี่จ้าว วันนี้รบกวนท่านแล้ว” ฮูหยินสวี่มองจ้าวฮูหยินแล้วอมยิ้มกล่าว/n /n /nเสิ่นเวยรีบทำความเคารพ จ้าวฮูหยินผู้นั้นคล้ายมีความสัมพันธ์ไม่เลวกับท่านป้าสะใภ้ใหญ่ เห็นนางจับมือของเสิ่นเวยด้วยท่าทีเอ็นดู ยิ้มอย่างสบายๆ “ได้หวีผมหญิงที่สวยเพียงนี้ ข้าก็ดีใจ ข้าน่ะยังต้องขอบคุณเจ้าที่ให้โอกาสนี้แก่ข้า ให้ข้าได้สัมผัสความสุขจากจวิ้นจู่เหนียงเหนียงของพวกเรา” นางกล่าวหยอกล้อ/n /n /nบุตรสาวออกเรือน ล้วนแต่เป็นมารดาที่ช่วยหวีผม หร่วนซื่อไม่อยู่แล้ว ถือโอกาสให้จ้าวฮูหยินผู้มีวาสนาครบรับหน้าที่หวีผมแทนเสียเลย/n /n /nเสิ่นเวยนั่งตัวตรงหน้ากระจก จ้าวฮูหยินหวีผมจากยอดศีรษะลงมาช้าๆ หวีไปพลางเอื้อนเอ่ยไปพลาง “หนึ่งหวีหวีถึงต้น ร่ำรวยไร้กังวล สองหวีหวีถึงต้น ไม่บาดเจ็บไม่ทุกข์ใจ สามหวีหวีถึงต้น มีบุตรมากอายุยืน อีกหวีหวีถึงปลาย เคารพกันซึ่งสามีภรรยา สองหวีหวีถึงปลาย ไม่มีวันแยกจากกัน สามหวีหวีถึงปลาย รักใคร่กลมเกลียวชั่วนิจนิรันดร์ มีต้นมีปลาย ร่ำรวยเงินทอง”/n /n /nในคำพูดอวยพรแต่ละครั้ง เสิ่นเวยรู้สึกเศร้าอย่างไม่มีสาเหตุ นางกำลังคิด หากหร่วนซื่อยังอยู่ ได้เห็นนางออกเรือนก็คงจะดียิ่งนัก จากนั้นจึงคิดถึงแม่ที่อยู่ไกลออกไปในอีกมิติ วันนี้เป็นวันที่ลูกออกเรือน ท่านเห็นหรือไม่/n /n /nไม่เพียงแต่เสิ่นเวยเสียใจ แม่นมกู้ก็ปาดน้ำตาอยู่นานแล้ว กลัวคนเห็นแล้วจะไม่ดี จึงหลบไปอยู่ข้างๆ เงียบๆ ฮูหยิน ท่านเห็นแล้วหรือยัง คุณหนูโตแล้ว วันนี้ออกเรือนแล้ว หากท่านมีชีวิตอยู่ถึงตอนนี้ก็คงจะดียิ่งนัก/n /n /nจ้าวฮูหยินมองเด็กสาวโฉมงามที่เบ้าตาแดงก่ำในกระจก ดวงตามีความสงสารแวบผ่าน กล่าวเกลี้ยกล่อมอย่างเป็นมิตร “วันนี้เป็นวันดีของคุณหนูสี่ ไม่อาจร่ำไห้เป็นเม็ดถั่วทองคำได้ หากจะร้องไห้เป็นถั่วทองคำก็ต้องรอพี่น้องเจ้าหาเครื่องเรือนมารับก่อน”/n /n /nคำพูดติดตลกทำให้เสิ่นเวยยกมุมปากเบาๆ ยิ้มให้นางด้วยความซึ้งใจ/n /n /nแต่งหน้าแน่นอนว่ามีผู้ชำนาญการ เรื่องนี้มีสี่เหนียง[1]มาทำ ก่อนหน้านี้เสิ่นเวยบอกนางแล้ว ไม่ต้องแต่งหน้าเข้มจนเหมือนก้นลิง เดิมนางก็มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แต่งเบาๆ ก็พอ ภายใต้การชี้แนะของเสิ่นเวย สี่เหนียงแต่งหน้าแบบธรรมชาติให้นาง มองไม่เห็นร่องรอยการแต่งหน้า แต่กลับรู้สึกว่างามไปหมดทุกส่วน/n /n /nเมื่อเสิ่นเวยหันหน้ากลับมา ทุกคนก็รู้สึกเพียงในห้องสว่างไสวสามส่วนในชั่วพริบตา เสิ่นเวยที่สวมชุดแต่งงานสีแดงฉานแต่งหน้าแต่งตัว งดงามจนราวกับนางฟ้าตกลงมาจากสวรรค์ชั้นเก้า ทำให้คนละสายตาไม่ได้/n /n /n“ท่านพี่สี่งามเกินไปแล้วจริงๆ เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดที่ข้าเคยเห็น” เหอหลินหลินอ้าปากกล่าวอย่างโง่เขลา/n /n /nทุกคนพากันพยักหน้า นี่คือเสียงในใจของคนทั้งหมด ในใจเสิ่นเสวี่ยที่ยืนอยู่ตรงมุมอิจฉามากเป็นพิเศษ เทียบกับความเย็นชาในวันที่ตนออกเรือน เสิ่นเวยออกเรือนกลับครื้นเครงอย่างถึงที่สุด นี่จะให้นางสงบจิตสงบใจได้อย่างไร นางกำหมัดแน่น แค่นเสียงหึหมุนตัวออกจากห้องไป/n /n /nนางกลับอยากพูดจาถากถางหลายประโยค แต่นางไม่กล้า ก่อนหน้านี้นางแค่ปรายตามองเสิ่นเวย/n /n /nสองครา ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ก็เตือนให้นางอยู่นิ่งๆ มิเช่นนั้นจะส่งนางกลับจวนหย่งติ้งโหว อีกทั้งยังให้พี่รองดูนางไว้ นางในตอนนี้ไม่อยากบุ่มบ่ามเหมือนเช่นแต่ก่อน นางรู้ดีว่าหากนางเสียบ้านฝั่งมารดาที่พึ่งนี้ไป อวี้ซื่อแม่สามีผู้ชั่วร้ายคนนั้นของนางก็สามารถกัดนางได้ ดังนั้นต่อให้นางจะไม่ยินดี ก็ไม่กล้าก่อเรื่องก่อราวที่นี่/n /n /nทุกคนออกมาหมดแล้ว ในห้องมีเพียงแม่นมมั่วกับหลีฮวาและสาวใช้คนอื่นๆ อยู่เป็นเพื่อนเสิ่นเวย เสิ่นเวยนั่งอยู่หน้าเตียง ในใจเคียดแค้นอย่างถึงที่สุด พิธีแต่งงานของคนโบราณเหตุใดจะต้องจัดขึ้นตอนพลบค่ำให้ได้ เช้าตรู่ปลุกนางมาทรมานไม่ใช่เป็นทุกข์หรอกหรือ นางไม่ต้องตื่นเช้าเพียงนั้นก็ยังได้/n /n /n“คุณหนู ท่านหิวแล้วหรือยัง บ่าวไปทำอะไรท่านกินเสียหน่อย พอท่านเขยมาท่านก็กินไม่ได้แล้ว” หลีฮวาพูดพลางถอยออกไป/n /n /nผ่านไปอีกครู่หนึ่ง นอกประตูก็มีเสียงฝีเท้าพักหนึ่ง เสิ่นเวยคิดว่าหลีฮวากลับมาแล้ว เงยหน้ามอง กลับเห็นเสิ่นเจวี๋ยน้องชายแม่เดียวกันยืนอยู่ตรงหน้านาง เห็นเพียงเขาก้มศีรษะต่ำ ดวงตาแดงก่ำ/n /n /n“เป็นอะไร น้องเจวี๋ย” เสิ่นเวยกวักมือเรียกเสิ่นเจวี๋ยเข้ามา/n /n /n“ท่านพี่ ข้าไม่อยากเสียท่านไป” เสิ่นเจวี๋ยกอดเอวของเสิ่นเวยด้วยความอาลัย แนบศีรษะลงบนขานาง ในจวนนี้มีเพียงท่านพี่ที่ดีต่อเขาที่สุด เขาไม่อยากให้ท่านพี่ออกเรือน/n /n /nหนึ่งประโยคทำให้หัวใจของเสิ่นเวยอ่อนลง “เด็กโง่ มีอะไรให้อาลัย จวนจิ้นอ๋องก็อยู่ไม่ไกล เจ้าคิดถึงข้าก็ไปหาข้าสิ”/n /n /n“จริงหรือ” เสิ่นเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นฉับพลัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความดีใจ ทันใดนั้นบนใบหน้าก็มีความไม่แน่ใจหลายส่วนปรากฎอยู่ “จวนจิ้นกั๋วกงจะไม่ว่าใช่หรือไม่” แม้เขาจะอายุน้อย แต่กลับรู้ว่าเป็นพี่น้องบ้านฝั่งมารดาก็ไม่ควรไปเยี่ยมบ้านบ่อยๆ/n /n /nทว่าเสิ่นเวยกลับไม่สนใจ “จะเป็นอะไรไป พี่ไม่ได้อยู่จวนจิ้นอ๋องไปตลอด พี่เขยเจ้าได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นจวิ้นอ๋อง อย่างมากสามถึงห้าเดือนก็ย้ายไปที่จวนจวิ้นอ๋องแล้ว พี่เป็นเจ้านายดูแลบ้าน ต่อให้เจ้าจะเข้าไปพักก็ยังได้ ไม่มีใครว่า”/n /n /n“อืมๆ” เสิ่นเจวี๋ยพยักหน้าตาลุกวาวไม่หยุด จากนั้นจึงวางศีรษะลงบนขาของพี่สาว ในใจอาวรณ์อย่างถึงที่สุด/n /n /nหลีฮวาเข้ามาแล้ว ในมือถือเกี๊ยวหนึ่งถ้วย แต่ละชิ้นต่างก็มีขนาดเล็ก เสิ่นเวยอ้าปากก็กินได้หนึ่งตัว “คุณหนู เหลือเวลาไม่มากแล้ว บ่าวคาดว่าท่านเขยใกล้ถึงแล้ว ท่านรีบกินเถอะ” หลีฮวาคีบเกี๊ยวตัวเล็กส่งเข้ามาในปากเสิ่นเวย/n /n /nเพิ่งจะกินไปได้สองชิ้น ก็เห็นเถาฮวาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “คุณหนู คุณหนู ท่านเขยมาแล้ว ใกล้จะถึงหน้าประตูใหญ่แล้ว”/n /n /nเสิ่นเวยมองเกี๊ยวตัวเล็กในชามปราดหนึ่ง ชั่วขณะก็ร้อนใจเล็กน้อย ผลักเสิ่นเจวี๋ยกล่าว “น้องเจวี๋ยรีบไปกั้นประตู พี่จะกินอิ่มหรือไม่ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” จากนั้นก็สั่งเถาฮวา “เถาฮวาเด็กดี เจ้าแรงเยอะ ไปดันประตูอย่าให้ปิดออก ขอเงินอั่งเปาพวกเขา พอเมื่อไรก็เปิดประตูเมื่อนั้น”/n /n /nเสิ่นเจวี๋ยกับเถาฮวาไปกั้นประตูด้วยความกระตือรือร้น เสิ่นเวยพอใจอย่างยิ่ง พ่อหนุ่ม ให้เจ้าปีนกำแพงบ้านข้าอยู่บ่อยๆ วันนี้ไม่ให้เจ้าฝ่าห้าด่านสังหารหกขุนพลก็อย่าได้คิดจะเข้ามาเลย/n /n /nเสิ่นเวยกินเกี๊ยวตัวเล็กของนางอย่างไม่รีบไม่ร้อน สวีโย่วข้างนอกสวมชุดสีแดงขี่ม้าตัวสูงใหญ่นำขบวนรับเจ้าสาวมาถึงหน้าประตูใหญ่จวนจงอู่โหว สวีโย่วที่แต่ไหนแต่ไรเย็นชา วันนี้บนใบหน้ามีความสุขจางๆ ทำให้เขามองดูแล้วไม่ได้สูงส่งเกินเอื้อมเพียงนั้น/n /n /nเขามองเห็นประตูใหญ่จวนโหวที่ปิดอย่างรวดเร็วมีศีรษะเล็กๆ ทั้งสองชะโงกออกมา จำได้ว่าเป็นน้องภรรยาที่เจอไม่บ่อยนักกับเถาฮวา ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในชั่วขณะ พิธีวันนี้คล้ายใหญ่เล็กน้อย แต่ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดเขาก็จะต้องรับคุณหนูสี่แซ่เสิ่นกลับจวนให้จงได้/n /n /n
 
 

 
 
[1] สี่เหนียง สตรีที่คอยทำหน้าที่ชี้แนะเจ้าสาว
/n /n /n
 
 
[1] สี่เหนียง สตรีที่คอยทำหน้าที่ชี้แนะเจ้าสาว
/n /n /n[1] สี่เหนียง สตรีที่คอยทำหน้าที่ชี้แนะเจ้าสาว/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด