Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 507

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 507 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“หลิงฮัน!” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมากมายคำรามด้วยความโกรธ หลิงฮันยังเยาว์วัยเกินไป ทำให้เป็นเรื่องยากที่พวกมันจะยอมเคารพเขาในฐานะนักปรุงยาระดับสวรรค์
หลิงฮันยิ้มและทำตัวราวกับไม่ได้ยินพวกมัน
อสูรศิลามีสีหน้ามืดมน เสาหินนั้นรสชาติไม่อร่อยแม้แต่นิดเดียว มันหันไปมองหลิงฮันและหวังว่าเจ้านายของมันจะอนุญาติให้มันเลิกแทะเสาหินเหล่านี้
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากจะพบเยว่ฮงฉางข้าก็จะให้เจ้าพบนาง!” อ้าวเฟิงพูด มันเป็นทายาทของตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณ ดังนั้นคำพูดของมันจึงมีน้ำหนักมากกว่าจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานทั่วไป มันโบกมือเพื่อออกคำสั่งกับคนคนหนึ่ง
หลิงฮันขมวดคิ้ว สีหน้าของอ้าวเฟิงดูแล้วไม่ได้เกรี้ยวกราดอะไรนักแถมยังปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกด้วย หรือว่ามันจะรู้ความสัมพันธ์ของเขากับเยว่ฮงฉางแล้ว?
เรื่องนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างไรนักปรุงยาระดับสวรรค์ก็เป็นตัวตนที่ผู้คนในภูมิภาคเหนือไม่เคยพบเห็นมาก่อน แถมหลิงฮันยังสั่งให้พวกเขาปล่อยตัวนักโทษอย่างไร้เหตุผลอีก จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะสืบค้นข้อมูลเบื้องลึกของหลิงฮัน
หลิงฮันแสยะยิ้ม ที่เขาบุกมาที่นี่นั้นไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบ เขาเองก็มีไพ่ลับอยู่เช่นกัน!
ผ่านไปไม่นาน จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณคนหนึ่งก็คุมตัวสตรีคนหนึ่งเดินเข้ามา สตรีนางนั้นดูมีอายุประมาณสี่สิบปี แม้สีหน้าของนางจะเศร้าหมองแต่ก็ไม่อาจปกปิดความงดงามของนางได้ หากมองดูให้ดี มีหลายส่วนที่ใบหน้าของนางดูคล้ายหลิงฮัน
นางคือเยว่ฮงฉาง!
หลิงฮันไม่จำเป็นต้องเอ่ยถาม ความสัมพันธ์ของสายเลือดทำให้เขามั่นใจว่านางต้องเป็นมารดาของเขาแน่นอน
“ปรมาจารย์หลิง ตอนนี้นางถูกพาตัวมาที่นี่แล้ว ท่านมีอะไรจะกล่าวรึไม่?” อ้าวเฟิงพูดอย่างไม่แยแสราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของมัน
หลิงฮันยืนตรงพาดมือไว้ด้านหลังและพูด “ปล่อยตัวนาง!”
“ศิษย์น้องฮงฉาง เจ้าไม่คิดว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้ดูคุ้นตาบ้างรึ?” อ้าวเฟิงหันไปพูดเยว่ฮงฉางแทน
ตั้งแต่ตอนที่นางถูกพาตัวมา เยว่ฮงฉางก็จดจ้องไปยังหลิงฮันย่างไม่อาจละสายตา ร่างกายของนางสั่นเครือและไม่สนใจคำถามของอ่าวเฟิงแม้แต่น้อย นางจ้องมองหลิงฮันไม่วางตาราวกับว่าแม้จะมองเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ
“ปรมาจารย์หลิง ดูเหมือนว่าท่านจะมาจากแคว้นพิรุณแห่งดินแดนทางเหนืออันโดดเดี่ยวในเมืองเล็กๆที่ถูกปกครองโดยเมืองต้าหยวน บิดาของท่านมีชื่อว่าหลิงอะไรนะ?” สีหน้าของอ้าวเฟิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาและถามหลิงฮันอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเยว่ฮงฉางก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยิ่งขึ้น แต่นางก็รีบพูดแทรกขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “ข้าไม่รู้จักรุ่นเยาว์ผู้นั้น พาตัวข้ากลับ!”
“ศิษย์น้องฮงฉาง หลังจากแยกห่างกับบุตรมาถึงสิบแปดปี ทำไมเจ้าถึงได้ทำตัวเย็นชาเช่นนี้?” อ้าวเฟิงยิ้ม ในที่สุดมันก็พูดเรื่องนี้ออกไป
‘ฮึ่ม!’ เมื่อใดยินคำพูดของอ้าวเฟิง ผู้คนของนิกายจันทราเหมันต์ก็สั่นไหว ที่แท้มารดาของหลิงฮันก็เป็นหนึ่งในศิษย์ของนิจันทราเหมันต์นี่เอง! ยิ่งกว่านั้นสถานะของนางดูเหมือนจะไม่ธรรมดาอีกด้วย เพราะอย่างนี้เองหลิงฮันถึงได้ออกคำสั่งให้ปล่อยตัวนาง
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอันใด” เยว่ฮงฉางยังคงมีท่าทีสงบนิ่ง
กลับกัน หลิงฮันเปิดเผยรอยยิ้มและพูดออกไป “ท่านแม่ ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไปแล้ว วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อพาตัวท่านกลับไปพบกับท่านพ่อ!”
ทันใดนั้นทั่วทั้งนิกายจันทราเหมันต์ก็ตกอยู่ในความโกลาหล ก่อนหน้านี้พวกเขายังไม่แน่ใจนัก แต่ตอนนี้หลิงฮันเป็นคนยืนยันด้วยตัวเองแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่านักปรุงยาระดับสวรรค์ที่สูงส่งจะมีความสัมพันธ์อันลึกซึ่งกับนิกายจันทราเหมันต์!
แต่ความสัมพันธ์ที่ว่าดูเหมือนจะไม่ใช่ในทางที่ดี
เมื่อหลิงฮันเรียกนางว่าท่านแม่ น้ำตาของเยว่ฮงฉางก็พรั่งพรูออกมา ที่นางปฏิเสธบุตรของนางเป็นเพราะนางไม่อยากให้นิกายจันทราเหมันต์ใช้ตัวนางเป็นตัวประกันในการบีบบังคับหลิงฮัน แต่นางไม่เคยนึกเลยว่าบุตรของนางจะเรียกนางว่ามารดาต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้!
“ฮ่าๆๆๆ!” อ้าวเฟิงหัวเราะอย่างชั่วร้าย มันไม่เคยนึกเลยว่ามดปลวกที่มันไว้ชีวิตเมื่อหลายปีก่อนจะกลับกลายมาเป็นนักปรุงยาระดับสวรรค์ได้ สถานะเช่นนี้อยู่เหนือกว่าผู้นำนิกายของมันเสียอีก
ตอนนี้เป็นเรื่องยากมากที่มันจะลงมือสังหารหลิงฮัน โดยเฉพาะหลิงฮันที่มีมรดกของสิบสองพระราชวังอยู่ในครอบครอง ซึ่งเป็นมรดกที่เกี่ยวข้องกับขุมทรัพย์ของพระเจ้า ถ้านิกายจันทราเหมันต์สังหารหลิงฮันและขโมยสมบัตินั่นมา ทั่วทั้งภูมิภาคเหนือจะต้องร่วมมือกันโจมตีนิกายจันทราเหมันต์โดยอ้างว่าเป็นการแก้แค้นให้กับนักปรุงยาระดับสวรรค์แน่นอน
แต่หากบีบบังคับให้หลิงฮันอาศัยอยู่ในนิกายจันทราเหมันต์นั้นมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตราบใดที่หลิงฮันยินยอมที่จะพำนักอยู่ที่นี่ ใครกันจะสามารถเข้ามาก้าวก่ายได้? การบีบบังคับให้หลิงฮันอยู่ที่นี่นั้นไม่ใช่เรื่องยาก ตราบใดที่มีพวกมันยังมีเยว่ฮงฉาง
หากใช้ชีวิตของเยว่ฮงฉางเป็นตัวประกัน มันยังต้องกลัวว่าหลิงฮันจะไม่ยอมเชื่อฟังอีกรึ?
แต่ถึงอย่างไรอ้าวเฟิงก็มีท่าทีไม่มีความสุขแม้แต่นิดเดียว สตรีที่สมควรจะเป็นภรรยาของตนกลับคลอดบุตรให้กับชายอื่น เมื่อเห็นหน้าหลิงฮันทำให้มันรู้สึกเหมือนกับถูกหลอกลวง
ช่างโชคร้ายยิ่งนักที่การสังหารหลิงฮันไม่ใช่สิ่งที่มันสามารถตัดสินใจเองได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่ามันต่อต้านความประสงค์ของปีศาจเฒ่าระดับตัวอ่อนวิญญาณทั้งเก้าของนิกายจันทราเหมันต์
“ปรมาจารย์หลิง ในเมื่อท่านได้พบเจอกับมารดาแล้ว ในอนาคตต่อจากนี้ท่านจะต้องอาศัยอยู่ในนิกายแห่งนี้ ส่วนบิดาของท่านนั้น ข้าจะเชิญชวนเขามาที่นี่เพื่อให้ครอบครัวได้พบหน้ากันอีกครั้ง!” อ้าวเฟิงพูดอย่างเหี้ยมโหด คิดรึว่ามันเป็นคนใจดีถึงขนาดที่จะยอมพาชายที่แย่งภรรยาของมันไปให้มาอยู่ที่นี่เพื่อเกะกะสายตา?
ตัวประกันนั้นมีแค่คนเดียวก็พอแล้ว ส่วนคนที่เหลือก็แค่สังหารทิ้งให้หมด
“ปรมาจารย์หลิง ในเมื่อพวกเราแสดงความจริงใจขนาดนี้ ท่านจะไม่แสงความจริงใจกับพวกเราบ้างรึ?” อ้าวเฟิงพูดพร้อมกับแสยะยิ้ม “ได้ยินว่าท่านได้รับสมบัติมากมายจากสิบสองเขตแดนลี้ลับสวรรค์ ช่วยนำมันออกมาให้พวกเราได้เห็นหน่อยจะเป็นอะไรไป!”
หลิงฮันยิ้มอย่างเย็นชา “หูของเจ้ามีปัญหารึไง? ข้าบอกว่าวันนี้ข้าจะพาตัวนางกลับไป!”
“ถ้าปรมาจารย์หลิงต้องการกลับไปก็เชิญ!” จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานอีกคนหนึ่งพูด ชื่อของมันคือหลีเป้ยหยวน ตระกูลหลีของมันเองก็มีตัวตนระดับตัวอ่อนวิญญาณอยู่เช่นกัน “แต่ไม่ว่าอย่างไรศิษย์น้องฮงฉางก็เป็นคนของนิกายจันทราเหมันต์ เพราะงั้นนางจะต้องอยู่ที่นี่”
หลิงฮันมองไปยังจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานนับสิบคนตรงหน้าเขาและพูด “แล้วถ้าหากข้าใช้กำลังพานางกลับไปล่ะ?”
“ฮ่าๆๆๆ!” ทุกคนหัวเราะลั่นในขณะที่อ้าวเฟิงพูดขึ้นมา “ปรมาจารย์หลิง ความสำเร็จในศาสตร์แห่งการปรุงยาของท่านนั้นไร้ผู้ใดเปรียบ แต่ท่านยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ และถึงแม้ท่านจะใช้เม็ดเพิ่มระดับพลังได้ถึงหนึ่งระดับใหญ่ แต่นิกายแห่งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน!”
ที่จริงตอนนี้หลิงฮันไม่สามารถใช้พรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬได้แล้ว แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่กล่าวมันออกไป
“การสังหารเป็นสิ่งที่คนป่าเถื่อนเขาทำกัน” หลิงฮันพูดอย่างเหยียดหยาม เขากวาดมือขวาหนึ่งครั้งก่อนที่ซากศพร่างหนึ่งจะปรากฏขึ้นด้านหน้าประตูทางเข้านิกาย ‘ตูม’ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมาจากซากศพนั่น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด