Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น ตอนที่ 645

อ่านนิยายจีนเรื่อง Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น ตอนที่ 645 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

EG บทที่ 645 ยุคของสองฟอร์แมต
บริษัททั้งหมดต่างเห็นด้วยกับความต้องการของเฝิงหยู่และแน่นอนว่าเฝิงหยู่จะให้ผลประโยชน์ที่เหมาะสมกับพวกเขาอย่างแน่นอนแต่ถ้าบริษัทเหล่านี้ไม่ต้องการร่วมมือกับเฝิงหยู่ในอนาคตหรือต้องการถอนตัวออกจากสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีแล้วล่ะก็? แต่ละบริษัทจะต้องจ่ายเงินถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับสภากลาง หากบริษัทเหล่านี้ปรารถนาจะทำเช่นนั้นจริงก็เท่ากับว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์และยากที่พวกเขาจะไปเข้าร่วมกับโตชิบาและโซนี่ในอนาคตได้เช่นกัน
“ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปค่าธรรมเนียมสำหรับใบอนุญาตของเครื่องเล่นวีซีดีจะลดลง50%และในอนาคตค่าธรรมเนียมจะลดลงปีละ 5 ดอลล่าร์”
เฝิงหยู่ประกาศออกมา
แม้ว่าค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจะลดลงครึ่งหนึ่งแต่ก็ยังฟันราคาถึง 25 ดอลล่าร์ต่อหน่วยและบริษัทเหล่านี้ยังต้องจ่ายเฝิงหยู่ไปอีกเกือบ 5 ปี ที่จริงแล้วบริษัทเหล่านี้อาจจะไม่ได้จ่ายเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้กับเฝิงหยู่นานขนาดนั้น เพราะอีก 3 ปีข้างหน้าเครื่องเล่นดีวีดีจะเข้ามาแทนที่เครื่องเล่นวีซีดีแล้ว
ดูเหมือนว่าเงื่อนไขนี้จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเหล่านี้แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน เฝิงหยู่ได้ประกาศลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตลงครึ่งหนึ่งและทุกๆปีจะลดลงอีก บริษัทเหล่านี้สามารถพูดอะไรได้อีกงั้นหรือ? พวกเขาจะสามารถต่อราคาลงอีกได้มั้ย? ทำไมเฝิงหยู่ไม่งดค่าธรรมเนียมไปเลยล่ะ? แล้วใครล่ะที่จะบ้าไปเห็นด้วยกับเรื่องนี้?
แต่ถ้าบริษัทเหล่านี้ไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้แสดงว่าพวกเขาขาดความจริงใจที่จะร่วมมือด้วย
บริษัทเหล่านี้จำเป็นต้องยอมรับข้อเสนอนี้เท่านั้นแต่บริษัทญี่ปุ่นบางแห่งไม่พอใจกับเงื่อนไขนี้ พวกเขาเริ่มเรียกร้องกันอีกครั้ง สำหรับปีนี้ราคาเครื่องเล่นวีซีดีไม่สามารถลดราคาลงได้อีกต่อไป ถ้ามันต้องลดราคาลงอีกพวกเขาทั้งหมดจะไม่ได้กำไรและอาจขาดทุนในที่สุด
หากคำนวณผลกำไรของเครื่องเล่นวีซีดีคร่าวๆหลังจากลดค่าธรรมเนียมลงครึ่งหนึ่งแล้วยังได้กำไรเพียง 20 ดอลล่าร์เท่านั้นซึ่งถือว่าต่ำมาก
แน่นอนว่าเฝิงหยู่เองก็เห็นด้วย เขาเองก็ไม่ยอมปล่อยให้ราคาขายปลีกเครื่องเล่นวีซีดีลดลงไปอีกเพราะมันก็ส่งผลกระทบต่อกำไรของเขาเช่นกัน
เขายังต้องการให้คนเหล่านี้ช่วยโปรโมทเครื่องเล่นดีวีดีของเขา นอกจากนี้เขาตกลงที่จะรักษาราคาเครื่องเล่นวีซีดีของปีนี้ไว้ในราคาเท่านี้ซึ่งเขาสามารถลดราคาลงหลังจากปีนี้ได้หากตัวเขาต้องการ
นอกจากนี้ความสนใจหลักของเฝิงหยู่คือเครื่องเล่น Super VCD กำไรหลักๆจากเครื่องเล่นSuper VCD ทำได้มากกว่าเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาหลายเท่าและยังขายได้ดีกว่า ซึ่งเครื่องเล่นSuper VCD รุ่นที่ 2 จะออกวางขายในปีหน้าและเครื่องเล่นวีซีดีแบบธรรมดาจะล้าสมัยในที่สุด
ถ้าเฝิงหยู่ต้องการสอนบทเรียนให้กับบริษัทเหล่านี้แล้วล่ะก็? เขาสามารถลดราคาขายปลีกของเครื่องเล่น Super VCD ลง แน่นอนว่าบริษัทเหล่านี้จะต้องกระอักเป็นเลือดอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะทำเช่นนั้นได้เพราะโซนี่และบริษัทพันธมิตรของพวกเขายังคงแข็งแกร่ง
เมื่อสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีสามารถดึงบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นขวัญใจของผู้บริโภคเข้าร่วมได้เกือบ 30 บริษัทและตั้งสำนักงานใหญ่ที่ประเทศจีน โซนี่และพันธมิตรของพวกเขาจะต้องตื่นตระหนกแน่นอน!
เหตุใดพวกเขาจึงไม่ได้รับเชิญให้เข้าประชุมในครั้งนี้ด้วยล่ะ? พวกเขาเองก็เป็นหนึ่งในบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ในลำดับต้นๆเช่นกัน ใครกัน? บริษัทไหนกันที่เป็นตัวตั้งตัวตีจัดงานประชุมนี้ขึ้นมา!?
สำนักงานใหญ่ของสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีจะตั้งอยู่เมืองเหอเฟยใช่มั้ย? นั่นหมายความว่าวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิคส์เป็นคนเริ่มต้นองค์กรนี้ขึ้นมา บริษัทเล็กๆพวกนั้นคิดว่าพวกเขาสามารถเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีเมื่อได้รับสิทธิบัตรอย่างนั้นหรือ? พวกเขาโง่หรือเปล่า? ทำไมพวกเขาจึงเข้าร่วมองค์กรนี้?
เมื่อโซนี่และบริษัทที่เหลือเห็นรายชื่อสมาชิกที่เขาร่วมสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีนี้แล้ว พวกเขาตระหนักได้ว่าแม้แต่ไมโครซอฟท์และทาทากรุ๊ปก็ยังเข้าร่วมองค์กรนี้ เครื่องเล่นดีวีดีเกี่ยวข้องอะไรกับบริษัทซอฟต์แวร์? ทำไมพวกเขาถึงเลือกที่จะเข้าร่วมล่ะ?
โซนี่และบริษัทที่เหลือไม่อาจยอมรับการก่อตั้งสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีนี้ได้ พวกเขาที่เหลือกำลังจะทิ้งให้โดดเดี่ยวหรือนี่?
เทคโนโลยีดีวีดีเอนโค้ดดิ้งมีทั้งหมด 3 ฟอร์แมตและข้อกำหนดเฉพาะอีก 5 ข้อ DVD + R / RW มาจากวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งพวกเขาถือเป็นผู้บุกเบิก DVD + R / RWขึ้นมา ส่วนฟอร์แมตของโตชิบาคือ DVD-RAM RWซึ่งยังอยู่ในกระบวนการทดลองและยังต้องทำการพัฒนาต่อไป ในขณะที่อีกไม่ช้าRAM จะถูกแทนที่ด้วย ROMแล้วเช่นกัน
ที่จริงแล้วบริษัทไอว่ายังคงพัฒนา DVD-Audio อย่างต่อเนื่องหลังจากที่พัฒนาดีวีดีออปติกไดร์ฟออดิโอขึ้นมาแล้ว วินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิคส์เองก็ได้ทำการค้นคว้าและทดลองเกี่ยวกับ DVD-video เช่นกัน เทคโนโลยีพวกนี้ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาและยังไม่สามารถเปิดตัวสู่ท้องตลาดได้
ดังนั้น DVD+R, DVD-R, และ DVD-RAM ถือเป็นฟอร์แมตหลักของอุตสาหกรรมนี้และยังเป็นการแข่งขันสำหรับบริษัทต่างๆอีกด้วย บริษัทต่างๆจะคิดฟอร์แมตที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมเฉพาะของพวกเขาขึ้นมา ในตอนแรก DVD + R ถือเป็นฟอร์แมตที่อ่อนที่สุดและมีบริษัทที่ให้การสนับสนุนฟอร์แมตนี้น้อยที่สุดอีกด้วย ส่วน DVD-RAM ของโตชิบาเป็นฟอร์แมตที่บริษัทอื่นๆให้การสนับสนุนมากที่สุด
แต่ตอนนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป DVD + R จะกลายเป็นรูปแบบที่สำคัญและอีก 2 ฟอร์แมตที่เหลือจะค่อยๆสูญเสียคนให้การสนับสนุนไปในที่สุด
บริษัทที่ถือครอง 2 ฟอร์แมตที่เหลือต่างเป็นพันธมิตรกันและยังเป็นศัตรูกับวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิคส์อีกด้วย พวกเขาเริ่มเป็นผู้นำในตอนแรกแต่ทันใดนั้นกระแสน้ำก็เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน
ทางออกเดียวคือพวกเขาจะต้องจับมือทำงานร่วมกันและเลือกนำเสนอฟอร์แมตเดียวเท่านั้นหากไม่ทำเช่นนั้นพวกเขาอาจถูกวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิคส์โจมตีได้ง่ายๆ
แต่ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือฟอร์แมตใดที่พวกเขาควรใช้เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมกันแน่?
ทั้ง 2 ฝ่ายต้องทำงานร่วมกันแต่สำหรับการร่วมมือกันนั้นก็ต้องเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายเช่นกัน ทั้งคู่ต่างเป็นบริษัทใหญ่และต่างมีเทคโนโลยีที่ดีเช่นกัน ไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะยกเลิกฟอร์แมตของตนเองเพื่อไปสนับสนุนบริษัทอื่น
ดังนั้นโตชิบา โซนี่ ไพโอเนียร์และบริษัทที่เหลือจึงนัดพูดคุยกันเรื่องนี้ พวกเขาต่างมีเป้าหมายเดียวเท่านั้นคือการให้คนอื่นสนับสนุนฟอร์แมตของตนเอง
บริษัทเหล่านี้ล้วนเข้าใจดีว่าหากพวกเขาเลือกดำเนินการต่างๆตามแบบที่พวกเขาคิดมีโอกาสสูงที่จะล้มเหลวได้ หากพวกเขาร่วมมือกันจึงจะสามารถต้านวินด์แอนด์เรนอิเล็กทรอนิคส์ได้ ใครกันล่ะที่อยากจะล้มเหลว!
โตชิบาและโซนี่ทำงานร่วมกันและโซนี่มีโรงงานผลิตแผ่นดิสก์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้โตชิบายังเป็นผู้ถือหุ้นของวอร์เนอร์บราเธอส์และโซนี่เป็นเจ้าของโคลัมเบียพิกเจอร์
ไพโอเนียร์เองก็มีโรงงานผลิตแผ่นดิสก์ขนาดใหญ่และได้รับการสนับสนุนจาก HP ซึ่งHPเป็นผู้นำเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ นอกจากนี้HPยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตPC ชั้นนำของโลกและต้องการไดร์ฟดีวีดีเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายเริ่มการเจรจา ความร่วมมือนี้จะต้องสำเร็จโดยเร็วที่สุดเนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกฟอร์แมตและมาตรฐานอุตสาหกรรมเพื่อแข่งขันกับบริษัทที่เป็นสมาชิกในสภากลางเครื่องเล่นดีวีดี
ท้ายที่สุด HP ยื่นเงื่อนไขที่ว่าเทคโนโลยีไดร์ฟดีวีดีจะต้องให้พวกเขาได้ใช้ฟรีๆถึงจะยอมแพ้การแข่งขันนี้และให้พวกเขาเลือกใช้ฟอร์แมตของตัวเองได้ ไพโอเนียร์จึงไม่มีทางเลือกอื่น
เพื่อป้องกันการถูกขับออกจากเกมในครั้งนี้ ไพโอเนียร์จึงตกลงที่แนะนำฟอร์แมตDVD-RAMและยอมแพ้ที่จะนำเสนอ DVD-R แต่ไพโอเนียร์จะยังดำเนินการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับ DVD-Rต่อไป
บริษัทเหล่านี้ได้ข้อสรุปและตัดสินใจที่จะใช้วิธีการเดียวกับที่สภากลางเครื่องเล่นดีวีดีทำ พวกเขาคิดที่จะตั้งองค์กรขึ้นมาเช่นกันโดยตั้งชื่อว่า ‘พันธมิตรดีวีดี’ บริษัทเหล่านี้จะใช้คอนเนคชั่นที่ตนมีในการเชิญบริษัทที่ไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีมาร่วมเป็นสมาชิกในองค์กรของพวกเขาและพวกเขาจะทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและสู้กับสภากลางเครื่องเล่นดีวีดี
แต่บริษัทขนาดใหญ่หลายๆแห่งต่างเข้าร่วมเป็นสมาชิกของสภากลางเครื่องเล่นดีวีดีไปจนหมดแล้ว ทำให้เหลือเพียงบริษัทที่เป็นอับดับ 2 หรือรองลงมาเท่านั้นที่ยินดีเข้าร่วม อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังสามารถจัดตั้งพันธมิตรนี้ได้อยู่ดี
หลังจากจัดตั้ง‘พันธมิตรดีวีดี’เป็นที่เรียบร้อย พวกเขาก็ประกาศทันทีว่าจะทำการวิจัยและนำเสนอฟอร์แมต DVD-RAM ออกสู่ท้องตลาด พวกเขายังอ้างอีกว่า DVD-RAM เป็นฟอร์แมตที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนี้และรูปแบบDVD + R นั้นไม่มีทางสู้ได้
สภากลางเครื่องเล่นดีวีดีก็ทำการโต้กลับทันที มีการเปรียบเทียบระหว่าง 2 ฟอร์แมต สำหรับที่เก็บข้อมูลของDVD + R คือ 2.8G และที่เก็บข้อมล DVD-RAM มีเพียง 2.58Gเท่านั้น มันสามารถเปรียบเทียบและเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
แต่ตัวเลขพวกนี้เป็นเพียงแค่ทฤษฎีและเป็นผลในห้องปฏิบัติการเท่านั้น มันยังไม่สามารถนำไปผลิตได้จำนวนมากๆ เทคโนโลยีของทั้ง 2 ฝั่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ หากฟอร์แมตใดที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคได้มากฝั่งนั้นจะขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มและสามารถทำกำไรได้มากที่สุดในอนาคตอย่างแน่นอน
ดังนั้นอุตสาหกรรมเครื่องเล่นดีวีดีจึงถือได้ว่าเป็นยุคของ 2 ฟอร์แมตนั่นเอง
 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด