Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น ตอนที่ 615

อ่านนิยายจีนเรื่อง Extraordinary Genius อัจฉริยะเหนือชั้น ตอนที่ 615 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

EG บทที่ 615 หลี่เจ๋อไคผู้หดหู่
 
เฝิงหยู่ตื่นเต้นเมื่อเขาได้ยินคำตอบที่เขาต้องการจากอาจารย์เหลียงอาจารย์เหลียงจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมเขาในปี 1997 รัฐบาลฮ่องกงจะมีตำแหน่งมาแทนที่ให้อาจารย์เหลียงหรือเปล่า?
 
แต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาเพราะกองทุนของเฝิงหยู่กำลังพุ่งเป้าไปที่กองทุนควอนตัมด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมือนกับสิ่งที่รัฐบาลฮ่องกงกำลังจะทำ บางทีเฝิงหยู่อาจกลายเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลฮ่องกงก็ได้
 
เฝิงหยู่เข้าเรียนทุกวันและเมื่อเขามีเวลาว่างเขาจะไปดูหนังหรือไม่ก็ตกปลา ช่างเป็นชีวิตที่สงบสุขสำหรับเฝิงหยู่ แต่ไม่ใช่สำหรับฟู่กวางเจิ้งและหลี่เจ๋อไค พวกเขายุ่งมาก
 
ฟู่กวางเจิ้งยังคงสามารถรับมือได้ พ่อของเขาช่วยเขาจัดการธุรกิจในฮ่องกง เขาไม่ต้องกังวลอะไร ซึ่งต่างจากหลี่เจ๋อไค เขาต้องการจัดการแปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ปและยังต้องจัดตั้งซุปเปอร์ม์เก็ตไท่หัวในประเทศจีนด้วย
 
แปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ปมีบางเรื่องเกิดขึ้นที่ทำให้หลี่เจ๋อไคต้องไปจัดการ เขาเลยต้องกลับไปที่ฮ่องกง หลังจากที่จัดการงานที่แปซิฟิก เซ็นจูรี่ กรุ๊ปเรียบร้อยแล้ว เขาก็หยุดพัก 2 วันและชวนเฝิงหยู่ออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน
……
 
“นี่คือร้านอาหารที่คุณกำลังพูดถึงใช่มั้ย? พี่เคยมาที่นี่มาก่อน แม้ว่าอาหารจะไม่เลวแต่ก็ยังไม่ถือว่าอร่อย พี่จำได้ว่าร้านอาหารนี้ถูกขายให้กับตระกูลฟู่ก่อนตรุษจีน” หลี่เจ๋อไคอยากไปกินอาหารที่โรงแรมเพนนินซูล่า แต่เฝิงหยู่ยืนกรานที่จะมาร้านนี้แทน
 
“พี่เห็นมั้ยครับ? ชื่อของร้านนี้ยังคงเหมือนเดิม แต่ด้านหน้าจะมีตัวอักษรใหม่ 3 ตัวเขียนว่า ฉวนจวี้เต๋อ!” เฝิงหยู่ชี้ไปที่ป้ายด้านนอก
 
“ฉวนจวี้เต๋อ? พี่เคยได้ยินมาก่อน นี่เป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในปักกิ่งไม่ใช่หรอ? พี่นึกว่าขายเป็ดย่างอย่างเดียวเสียอีก ตระกูลฟู่ซื้อร้านนี้มาเพื่อขายเป็ดเหรอ?”
 
เฝิงหยู่อยากจะขำกลิ้ง ถ้าฟู่กวางเจิ้งได้ยินสิ่งที่หลี่เจ๋อไคพูด คงต้องมีทะเลาะกันแน่นอน
 
“มันคือร้านอาหารในเครือ เมนูดั้งเดิมยังคงมีอยู่และก็มีการเพิ่มเมนูอาหารพิเศษเข้าไปใหม่” เฝิงหยู่อธิบาย
 
เด็กประตูเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป ผู้จัดการร้านอาหารพอเห็นเฝิงหยู่และวิ่งมาหาทันที “ผู้จัดการเฝิง นายท่านหลี่ โต๊ะของคุณอยู่ที่ชั้นสองครับ เดี๋ยวผมพาไปเอง”
 
หลี่เจ๋อไคมองไปที่ผู้จัดการร้านแล้วก็มองไปที่เฝิงหยู่ เป็นเรื่องปกติที่คนจะจำเขาได้เพราะเขาปรากฏตัวบนหนังสือพิมพ์ฮ่องกงบ่อยครั้ง แต่ผู้จัดการร้านรู้จักเฝิงหยู่ได้ยังไง? พวกเขารู้จักเฝิงหยู่เพราะเขามาที่ร้านอาหารนี้บ่อยหรอ?
 
เมื่อทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะ หลี่เจ๋อไคเห็นบริกรเข็นรถเข็นอาหารมาที่โต๊ะก่อนที่เขาจะได้ดูเมนูเสียอีก เขามองไปที่เฝิงหยู่ เฝิงหยู่สั่งอาหารก่อนที่พวกเขาจะมาถึงงั้นหรอ?
 
โดยปกติเมื่อคนสองคนโดยเฉพาะเพื่อนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน พวกเขาจะไม่สั่งอาหารล่วงหน้า พวกเขาจะให้อีกฝ่ายสั่งอาหารที่ตัวเองชอบ เฝิงหยู่ไม่ใช่คนประเภทที่จะทำอะไรแบบนั้น หลี่เจ๋อไคคิดว่านี่เป็นอาหารแนะนำที่เฝิงหยู่ต้องการโชว์ให้เขาเห็นหรือเปล่า?
 
เป็ด เป็ดย่าง!
 
หลี่เจ๋อไคเคยกินเป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อมาก่อน เขาเคยไปปักกิ่ง และด้วยสถานะของเขา อาหารทุกมื้อต้องมาจากร้านอาหารชั้นนำ
 
เฝิงหยู่เลือกร้านอาหารนี้เพื่อแนะนำเป็ดย่างนี้ให้เขางั้นหรอ?
 
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลี่เจ๋อไคยุ่งกับงานของเขาและไม่ได้สังเกตเห็นชาร์ตจัดอันดับอาหารชั้นนำในประเทศจีนที่มีการรายงานทางหนังสือพิมพ์ หลี่เจ๋อไคไม่ชอบกินเป็ดย่างจริงๆ เขารู้สึกว่าเป็ดย่างของฉวนจวี้เต๋อไม่ถูกปากเขา
 
“พี่ไค สูตรเป็ดย่างนี้ถูกดัดแปลงเพื่อให้เหมาะกับรสนิยมของชาวฮ่องกงเลยนะครับ ลองชิมดูสิครับ”
 
หลี่เจ๋อไคกัดและดวงตาของเขาก็เบิกโต เป็ดย่างตัวนี้รสชาติดีกว่าที่เขากินในประเทศจีนอีก! นี่คือร้านอาหารที่เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
 
“น้องเฝิงเป็นลูกค้าประจำที่ร้านอาหารงนี้หรอ?” หลี่เจ๋อไคถาม
 
“ผมเพิ่งมาที่นี่สองสามครั้งเองครับ พี่อยากรู้ไหมว่าทำไมผู้จัดการร้านรู้จักผมเป็นเพราะผมถือหุ้นอยู่ในร้านอาหารนี้ครับ” เฝิงหยู่ยิ้ม
 
“นายกับตระกูลฟู่เปิดร้านอาหารนี้ร่วมกันหรอ?” หลี่เจ๋อไคประหลาดใจมาก เฝิงหยู่เปิดร้านอาหารกับตระกูลฟู่หรอ?
 
ไม่ว่าจะเป็นเฝิงหยู่หรือตระกูลฟู่ ทั้งคู่มีเงินเปิดร้านอาหารได้ด้วยตนเองอยู่แล้ว แต่ละคนสามารถเปิดร้านอาหารได้เป็น 10 ร้านพร้อมกันในคราวเดียวด้วยซ้ำ ว่าแต่ทำไมพวกเขาต้องร่วมมือกันด้วย? ร้านอาหารทำกำไรได้เยอะหรอ? แต่ถ้าร้านนี้มีเป็ดย่างเป็นเมนูพิเศษและมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น พวกเขาจะสามารถทำเงินได้มากแค่ไหน? เงินทุนที่ใช้ในการเปิดร้านอาหารนี้สามารถนำไปต่อยอดทำอย่างอื่นได้
 
“ไม่เพียงแต่ร้านอาหารแห่งนี้เท่านั้นนะครับ ฟู่กวางเจิ้งและผมยังเป็นหุ้นส่วนกันด้วย และเราขอให้ตระกูลฟู่ช่วยเราหาร้านอาหารให้เพื่อก่อตั้งบริษัท เราควบรวมบริษัทนี้กับฉวนจวี้เต๋อเพื่อก่อตั้งกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อ เราจะใช้แบรนด์ฉวนจวี้เต๋อเพื่อสร้างเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ผมขอให้พี่มาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อให้ช่วยผมลองชิมเป็ดย่างหน่อย พี่คิดยังไงกับเป็ดย่างและซอสสูตรพิเศษนี้ครับ?”
 
กลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อ? เครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียหรอ?
 
ร้านอาหารอาจทำกำไรได้ไม่มากหากมีเพียงร้านอาหารเดียว แต่ถ้าหากว่าเป็นเครือข่ายร้านอาหาร มันจะทำกำไรได้อย่างมาก ถ้ากลุ่มบริษัทมีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต ราคาหุ้นอาจไม่สูงขึ้น แต่ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่นๆ
 
หลี่เจ๋อไคคิดสักพักแล้วก็รู้สึกว่านี่เป็นการลงทุนที่ดี
 
“เป็ดรสชาติดีนะ การลงทุนครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่หรอ?” หลี่เจ๋อไคถามแบบสบายๆ
 
“ประมาณ1 เดือนที่แล้วครับ”
 
หลี่เจ๋อไครู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขารู้จักเฝิงหยู่มาสักพักหนึ่งแล้ว และเฝิงหยู่ชวนฟู่กวางเจิ้งลงทุนแทนที่จะเป็นเขา ดูเหมือนว่าเฝิงหยู่จะยังคงสนิทกับฟู่กวางเจิ้งมากกว่า และหลี่เจ๋อไคก็ไม่สามารถไปเทียบกับเขาได้
 
“แผนนี้เริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว และตระกูลฟู่เริ่มเข้าซื้อกิจการร้านอาหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลายคนยังคงหัวเราะเยาะพวกเขา แต่หลังจากที่ร้านอาหารทั้งหมดถูกควบรวมเข้ากับฉวนจวี้เต๋อแล้ว มูลค่าก็เพิ่มสูงขึ้นอีกอย่าง หลังจากร้านอาหารเข้าร่วมกลุ่มบริษัทฉวนจวี้เต๋อแล้ว ยอดขายทั้งหมดของพวกเขาก็เพิ่มขึ้น ยอดขายรายเดือนของร้านอาหารที่ดีที่สุดเพิ่มขึ้น 50%! แม้ว่าจำนวนเงินที่ลงทุนจะสูงขึ้น แต่ก็น่าจะคืนทุนได้ภายใน 2 ถึง 3 ปี เรารู้สึกว่านี่เป็นข้อตกลงทางการค้าที่ดี”
 
หลี่เจ๋อไคคิดในใจของเขา นี่เป็นข้อตกลงที่โคตรดีต่างหาก! ยอดขายของร้านอาหารเพิ่มขึ้นนั่นหมายความว่ากำไรของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นด้วย จำนวนเงินที่ลงทุนจะคืนทุนภายใน 2 ถึง 3 ปี และหลังจากนั้นมันจะกำไรล้วนๆ ถึงตอนนั้น บริษัทก็น่าจะได้รับการจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แล้ว และพวกเขาจะได้รับเงินก้อนใหญ่อีกครั้ง ทำไมฉันถึงไม่ได้ร่วมอยู่ในการลงทุนที่ดีแบบนี้ด้วย?
 
แต่หลี่เจ๋อไคคิดอยู่พักหนึ่ง หากเฝิงหยู่เชิญเขามาร่วมในกิจการค้าร่วมครั้งนี้ เขาอาจจะไม่สามารถเข้าร่วมได้ก็ได้ ร้านอาหารขนาดใหญ่ขนาดนี้ รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ จะต้องมีมูลค่าอย่างน้อยหลายสิบล้าน เขาเคยได้ยินเรื่องร้านอาหารที่ตระกูลฟู่เข้าซื้อกิจการ ถ้าเขามีส่วนร่วมในกิจการค้าร่วมนี้ เขาจะไปทำอะไรได้ด้วยเงินทุนที่น้อยนิดแบบนี้?
 
เว้นแต่ว่าหลี่เจ๋อไคจะยังคงขอเงินจากพ่อของเขาต่อไป ซึ่งแบบนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ แต่พ่อของเขาเพิ่งให้เงินจำนวนหนึ่งแก่เขาเพื่อไปลงทุนในซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วแบบนี้พ่อจะยอมให้เงินแก่เขาเพิ่มอีกหรอ? เสียดายที่เขาได้พบเฝิงหยู่เมื่อไม่กี่ปีก่อน
 
ถ้าเขารู้จักเฝิงหยู่ก่อนหน้านี้สักสองสามปี เฝิงหยู่จะต้องเลือกเขาให้เป็นหุ้นส่วนแน่นอน เขาเป็นลูกชายคนที่สองของซุปเปอร์แมนหลี่ และฟู่กวางเจิ้งเป็นเพียงลูกชายคนที่สองของฟู่หยงจิ้นเท่านั้น!
 
“น้องเฝิงต้องโทรหาพี่นะถ้านายมีโอกาสในการลงทุนอะไรก็ตามในอนาคต” หลี่เจ๋อไคพูดด้วยเสียงหดหู่
 
“แน่นอนครับ……แน่นอน……โอ้ ผมยังมีเรื่องที่จะคุยกับพี่ พี่สามารถเชิญพ่อของพี่ให้มาร่วมพิธีเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตของเราได้มั้ยครับ?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด