Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ ตอนที่ 221

อ่านนิยายจีนเรื่อง Otherworldly evil monarch จอมโฉดแห่งโลกหน้า มือสังหารมือพระกาฬ ตอนที่ 221 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

จวินวูอี้อ้าปากกว้าง และห้ามตัวเองไม่ให้หดหัวเนื่องจากความตกตะลึงมิได้
เจ้าเด็กนี่วิปลาส …
ช่วงเวลาที่เหมาะเจาะนี้ มีใครบางคนเข้ามาและรายงาน
” นายท่านสาม มูซื้อทงพร้อมกับผู้อาวุโส ผู้อ้างว่าเป็นผู้อาวุโสหกแห่งเมืองพายุหิมะ เขาต้องการพบนายท่านสาม พวกเราควรให้เขาเข้ามาหรือไม่ ? ”
หลังจากการมาถึงของเขาก่อนหน้านี้ จวินวูอี้บอกคนรับใช้ว่า มูซื้อทง เป็นดั่งพี่น้องของเขา และห้ามมิให้ ผู้รับใช่สกุลจวิน ละเลยหรือขัดขวาเขาเว้นเสียแต่ว่าเขาจะมาพร้อมกับผู้อื่น ที่อาจะเป็นศัตรู
จวินวูอี้ และหลานชายของเขาเตรียมตัวต้อนรับมูซื่อทงในตอนแรก แต่เมื่อเขาได้ยินว่าผู้ที่มากับเขาด้วยคือผู้อาวุโสที่หกแห่งเมืองพายุหิมะขาว และความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัวของพวกเราพร้อมๆกัน
ขณะที่ใบหน้าของจวินวูอี้กระตุกเนื่องด้วยความคิด สีหน้าของจวินโม่เซี่ยดูเหมือนคลางแคลงเล็กน้อย
มันไม่เร็วไปหน่อยหรือ ?  ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถสูงไปหน่อยหรือ ?
” น้าสาม ผู้อาวุโสหกแห่งเมืองพายุหิมะ เป็นยอดฝีมือเทพเชวียน และพวกเราไม่สามารถปิดบังถึงการฟื้นฟูของท่านต่อเขาได้ ”
จวินโม่เซี่ยคิดถึงสิ่งนี้ในทันที
” แต่กระนั้น เนื่องจากมันเป็นบางสิ่งที่พวกเราต้องหลีกเลี่ยง ท่านอยากให้ข้าลองทำอะไรบางอย่างหรือไม่ ? ”
” ข้าไม่มีอะไรต้องปิดบัง !  ถึงอย่างไร พวกเขาก็จะได้ล่วงรู้ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ”
จวินวูอี้พยักหน้า
” ผลกระทบในเรื่องการฟื้นฟูของข้าอาจจะไม่ได้แย่มากมาย เนื่องจากโย่วที่รักของข้ายังคงรอฟังเรื่องข้าอยู่  หาก มูซื้อทง กลับไปและรายงานนายเรื่องการฟื้นฟูของข้า ลองจินตนาการดูว่ามันจะทำให้นางมีความสุขมากแค่ใหนหลังจากที่นางต้องประสบกับคความข่มขื่นมาหลายปี ”
สีหน้าของจวินวูอี้เผยถึงความอ่อนโยน ขณะดวงตาของเขาเพ่งมองไปยังหญิงสาวในจินจนาการที่เพ่งมองเขาอยู่จากที่ห่างไกล
จวินโม่เซี่ยถอนหายใจ แต่มิได้เอ่ยอันใด  แม้มุมมองของจวินโม่เซี่ยจะเป็นธรรมชาติอย่างมาก กระนั้นเขายังไม่เข้าใจความปราถนาในใจของน้าชาย และรสชาติความเป็นจริง ดังนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับ แต่เขาก็มิได้ขัดขวาง
” บอกให้พวกเขาเข้ามา ”
จวินวูอี้ควบคุมน้ำเสียงของเขา จึงฟังดูอึดอัดใจ
จวินวูอี้ผลัดเก้าอี้เลื่อนของเขาไปข้างหน้า และเตรียมตัวพบพวกเขาในลานบ้าน
” ฮ่า ฮ่า พบกันอีกแล้ว วูอี้ ผิวพรรณและความแข็งแรงของเจ้าดูเหมือนจะเพิ่มพูนขึ้นกว่าครั้งก่อน ” 
มูซื้อทง ยิ้มอบอุ่นขณะส่งสัญญาณอันแปลกประหลาดด้วยดวงตา ดูราวกับพยายามเตือนอะไรบางอย่างซึ่งจวินวูอี้ไม่เข้าใจ
จวินวูอี้แข็งใจขณะพนมมือต้อนรับ และเอ่ย
” ผู้อาวุโสหกมาด้วยตัวเอง จวินวูอี้ผู้โชคดีนี้สามารถช่วยอันใดท่านได้บ้าง ? ”
ผู้อาวุโสหกเหลือบมองจากหัวจรดเท้าก่อนเขาจะเอ่ยขึ้น
” เจ้าคือจวินวูอี้หรือ ? “
น้ำเสียงห้าวหาญของเขาดูเหมือนไร้ซึ่งโทสะ
” ขอรับ เป็นข้า ! ”
จวินวูอี้ตอบด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
” ดี ดี เจ้ามิได้อายุสี่สิบแล้ว และความแข็งแกร่งของเจ้าบรรลุไปถึงขั้น สวรรค์เชวียน !  การก้าวหน้าเช่นนี้นั้นหาได้ยากในคนรุ่นเจ้า ! ”
ลำแสงที่เยือกเย็นแปล่งประหายขึ้นในดวงตาของผู้อาวุโสหก
“ ข้าได้ยินว่าในอดีตเจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนว่าการฟื้นฟูของเจ้านั้นรวดเร็วอย่างมาก ? ”
สภาวะการบาดเจ็บของจวินวูอี้ไม่สามารถปิดบังสายตาที่แหลมคมของยอดฝีมือเทพเชวียนได้ !  การคาดการของจวินโม่เซี่ยนั้นถูกต้อง
มูซื้อทง ตกใจ และมองยังจวินวูอี้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ขณะรอคอยคำตอบของเขา
” โอ้ว วูอี้ ได้ถอนพิษดั่งที่ที่อาวุโสกล่าว แต่ขาทั้งสองของข้ายัคงต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกมากก่อนจะเดินได้อีกครั้ง ”
จวินวูอี้ยิ้มอย่างสุภาพขณะลำแสงอันเยือกเย็นเปล่งขึ้นในดวงตาของเขา
” การเจ็บปวดที่แปลกประหลาดนี้กินเวลาชีวิตข้าไปนับสิบปี !  ข้าจะไม่ลืมความข่มขื่นที่ข้าได้ลิ้มรสมานับสิบปีนี้ ”
” โอ้ สวรรค์โปรด และพระเจ้าปกป้องที่รักของนาง ”
ผู้อาวุโสหกยิ้มอย่างลึกซึ้ง
” นี่คือข่าวดีควรค่าแก่การฉลอง ”
” ขอบคุณ ! “
จวินวูอี้กล่าวจากนั้นถาม
” พวกเราควรดื่มชากันสักหน้าไหม ? ”
จวินโม่เวี่ยผลักเก้าอี้เลื่อนของเขาอยู่อ้านหลัง
” นี่คงมิใช่ลูกชายของจวินวูเห่ย พี่ของเจ้า ? ”
ผู้อาวุโสหกมองไปยังจวินโม่เซี่ยด้วยสีหน้าคลุมเครือ
” ขอรับ ! ”
จวินวูอี้ตอบขณะ ร่องรอยแห่งความเจ็บปวดที่หยั่งลึกปรากฏขึ้นในแววตาของเขา
” เขาคือลูกชายผู้โชคดีเพียงคนเดียวของพี่ข้าที่ยังคงรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้ และผู้สืบทอดสายเลือดเพียงคนเดียวของสกุล ”
ผู้อาวุโสหกไม่เข้าใจถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำว่า ลูกชายผู้โชคดีเพียงคนเดียวที่ยังคงรอด แม้ว่าจวินวูอี้จะเอ่ยถึงความโชคดีของหลานชายด้วยท่าทางที่โสศกเศร้าและเจ็บปวด ผู้อาวุโสก็สัมผัสได้ถึงความโชคร้ายที่สกุลของเขาได้รับ !   
” ฮ่า ฮ่า ทายาทเพียงผู้เดียวนั้นจะได้รับการดูแลอย่างเอาใจอย่างมาก ฮ่า ฮ่า ! “
 ผู่อาวุโสหกหัวเราะด้วยท่าทีสุภาพและเมตตา
” ข้าเห็นว่าเขาได้รับการดูแลเอาใจใน สกุลจวินจะต้องภูมิใจในตัวเขา ”
” ท่านผู้อาวุโส ข้าขอถามชื่อท่านได้หรือไม่ ? ”
จวินโม่เซี่ย เคยได้ยินเรื่องราวของชายผู้นี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงต้องการรู้ชื่อจริงของเขา
ดวงตาของผู้อาวุโสหกผลุบลงชั่วครู่ แต่จากนั้นเขายิ้มและตอบอย่างไร้อารมณ์
” ชื่อสุกลของอาวุโสผู้นี้คือเซี่ยว  เซี่ยวฮั่นคือหลานชายของข้า “
” เอ๋ ”
จวินโม่เซี่ยยิ้มสุภาพ ขณะที่เขารีบปกปิดประกายอาฆาตรที่เปล่งขึ้นมาในดวงตาของเขาเมื่อครู่ และหาทางปกปิดไม่ให้ผู้ใดเห็น
” ข้าอิจฉาความแข้งแกร่งที่สามารถนับคนทั้งโลกได้ของผู้อาวุโสเซี่ยวยิ่งนัก และ เอ่อ มันเป็นความเจริญกับสกุลของข้าจริงๆที่ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นท่า มาหาพวกเราในวันนี้ ”
ผู้อาวุโสหกยิ้มอย่างอบอุ่น
” เขาพูดได้คล่องแคล่วยิ่งแม้จะอยู่ในวัยหนุ่ม ”
ชายทั้งสี่หัวเราะขณะที่เขาเดินเข้าไปข้างใน
มูซื้อทงเดินไปข้างหนึ่ง และอดประหลาดใจมิได้ว่าผู้อาวุโสหกที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้อาวุโสสามและเก้า ตั้งแต่เขาเข้าร่วมเมืองพายุหิมะขาว ไม่มีผู้ใดเรียกเขาว่า ผู้อาวุโสเซี่ยวมานานแล้ว และทำให้หลายปีมานี้ผู้คนเกือบลืมไปแล้วว่าเขามาจากสกุลเซี่ยว
แม้ทั้งสองฝ่ายต่างพูดคุยกันด้วยท่าทางที่สง่าและกลมกลืน แต่ยังมีบางสิ่งที่เผยมาอย่างชัดเจน  ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างสนทนากันด้วยคำพูดที่รื่นรมย์และรอยยิ้มอันแจ่มใส แต่ปรรยากาศนั้นเริ่มกดดันลงมา 
มีความคิดเกิดขึ้นในหัวมูซื่อทงทันทีและมันทำให้เขาประหลาดใจ 
 หรืออาจเป็นได้ว่าผู้อาวุโสหกมิได้มีส่วนร่วมในปฏิบัติการณ์ในครั้งนั้น ?  หากเป็นเช่นนั้น การมายังสกุลจวินของผู้อาวุโสหกนี้จะเป็นประวัติศาตร์หน้าใหม่แห่งหายนะของสกุลจวินก็เป็นได้ !
ลานบ้าน ห้องพักผ่อน โถงศึกษา ของอจวินวูอี้นั้นเชื่อมต่อกัน แต่เนื่องจากจวินวูอี้มิได้เจตนากจะรบกวนเหยี่ยวผู้โดดเดี่ยวซึ่งง่วนอยู่กับการฝึกฝนในโถงศึกษา เขาจึงขอให้ คนรับใช้เอาเก้าอี้มาวางใต้ต้นไม้ในลานบ้านของเขา
” ชานี่สุดยอดอย่างมาก ! ”
ผู้อาวุโสหกสูดดมอย่างโปรดปราณ จิบมันอย่างนุ่มนวล จากนั้นผ่อนตัวไปด้านหลังขณะหลับตาและเพลินเพลินไปกับรสชาติการจะเ่อยยกย่อง 
” นายท่านจวินสาม ข้าไม่รู้ว่า เจ้าได้มาเจอกับนายน้อยสกุลเซี่ยวแห่งเมืองพายุหิมะของพวกเราหรือไม่ ? ”
” นายน้อย สกุลเซี่ยว ? ”
จวินวูอี้เลิกคิ้วขณะครุ่นคิด
” ข้าไม่เคยเจอเขา การบาดเจ็บของข้าดูเหมือนจะได้รับการฟื้นฟูแล้ว แต่ก็ยังมิอาจเคลื่อนไหวได้อย่าอิสระ เนื่องจากข้าลืมวิธีการเดินไปหลายปีแล้ว ดังนั้นข้าจึงเปิดเผยเรื่องนี้แค่ภายในสกุลจวิน แต่ข้าก็ยังคิดไม่ออกว่าเหตุใดท่านถึงถามข้าเช่นนี้ ?  ลูกชายสกุลเซี่ยวมีนามว่าอันใด ?  ท่านสามารถบอกข้าถึงอายุและลักษณะของเขาได้หรือไม่ ? ”
” โอ้ ?  นายท่านจวินสามยังไม่เคยพบเขา ? ”
ผู้อาวุโสหกยังคงเอนหลัง ขณะที่ดวงตาของเขายังคงปิดสนิท
” หลานชายของข้าและองค์หญิงน้อยออกมาเดินเล่นในเมืองเทียนเชียงในวันนี้ แต่กลับโดนจู่โจมจากโจรโอหัง การบาดเจ็บของเขารุนแรงมาก  ผู้อาวุโสผู้นี้คิดไม่ออกว่าจะมีสกุลใดในเมืองเทียนเชียงที่ อาจหาญต่อต้านพวกเรา ”
” ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสหกจะมั่นใจอย่างมาก แต่มีหลักฐานอันใดที่สนับสนุนว่าเป็นการกระทำของสกุลจวิน ?  เนื่องจากท่านผู้อาวุโสหกจะผ่านประสบการณ์มามาก ข้าจึงมั่นใจว่าท่านจะต้องมีหลักฐานเพื่อนสนับสนุนคำพูดนี้ ! ”
จวินโม่เซี่ยขัดจังหวะขึ้นมา เนื่องจากเขารู้สึกผิดเล็กน้อยที่ผู้อาวุโสผู้นี้กล่าวหาสกุลของเขา
” มันมิใช่ธรรมาดของเด็กหนุ่มที่ผลีผลามขัดจังหวะขณะที่ผู้อาวุโสสองคนคุยกันเว้นเสียแต่เจ้าต้องการทำลายชื่อเสียงของสกุล   เจ้าเด็กจวินนี่จักต้องไปรับการสั่งสอนในอนาคต ! “
แม้ว่าผู้อาวุโสหกจะตะคอกกลับมายังจินโม่เซี่ย แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงหลับอยู่ครึ่งหนึ่ง
ยอดฝีมือเทพเชวียนจะรวมพลังปราณเข้าไปในเสียง และส่งตรงไปยังนายน้อยจวิน ซึ่งมันทะลุทะลวงตรงไปยังแก้วหูของเขา !
การควบรวมปราณเชวียนของเทพเชวียนนั้นมิใช่เรื่องตลก แม้ว่ามันจะไม่ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนกับสวรรค์เชวียนทั้งสองที่นั่งอยู่ใกล้ๆ แต่มันทรพงัลมากพอที่จะทำให้โลกขงอจวินโม่เซี่ยพังทะลายลงได้
เขารู้สึกราวกับแข็มพุ่งทะลุผ่านแก้วหูของขาไป ซึ่งมันรุนแรงจนสั่นสะเทือนไปถึงวิญญาณของเขา  หากเสียงมีความรุนแรงมากกว่านี้ มันสามารถทำให้จวินโม่เซี่ยเลือดตกได้ และแม้นมันจะไม่ร้ายแรงแต่มันก็ทำให้นายน้อยจวินหูอื้อ จนทำให้หูหนวกได้ ! 
จวินโม่เซี่ย สาปแช่งเขาในใจ
ผู้อาวุโสผู้นี้ช่างโหดร้ายและเลือดเย็นยิ่งนัก !
แม้นายน้อยจวินจะรู้สึกเช่นนี้ ก็ยังมีคนเถียงว่าเสมอว่า ผู้อาวุโสหกนั้นสามารถทำให้นายน้อยจวินบาดเจ็มมากกว่านี้ได้หากเขาต้องการ แต่ได้ตัดสินโทษสำหรับเด็กหนุ่มผู้นี้ไว้เพียงเท่านี้ !
นายน้อยจวินมิได้อยู่ในโลกนี้มานานนัก และแม้ว่าเขารู้ถึงทฤษฏีต่างๆ แต่เขายังไม่เคยมีประสบการณ์ ที่ได้เป็นดั่งมดปลวกในสายตาของเทพเชวียน
ในอีกมุมหนึ่ง ผู้อาวุโสหกมิได้ชั่งใจมากนัก เนื่องจากเขาพบว่าการบาดเจ็บของจวินวูอี้นั้นได้รับการฟื้นฟูทำให้เขาเป็นกังวลเล็กน้อย เนื่องจากมันหมายถึงปัญหาของหลานชายของเขาจะมากขึ้น  ในสายตาของเขา สกุลที่ต่ำต้อยเช่นนี้ไม่คู่ควรจะได้รับตำแหน่งและการรักษาที่ดี !
เนื่องจากจวินโม่เซี่ยเป็นทายาทเพียงผูเดียวของสกุลจวิน เขาจึงคิดว่าการทำร้ายนายน้อยจะเป็นอันตรายต่อทั้งสกุลจวิน !
หลังจากที่ได้รับการโจมตีที่มองไม่เห็น จวินโม่เซี่ยจึงเคลื่อน เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ ทันที และจัดระดับเกราะเจ็ดชั้นเพื่อสร้างการป้องกัน  เสียงที่รุนแรงนี้ทะลุผ่านการป้องกันชั้นแรกของเขาได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็ต้องใช้เวลาในการทะลุไปถึงชั้นสุดท้าย และไม่สามารถผ่านการป้องกันสุดท้ายของเขาไปได้  อาจจะพูดได้ว่า เคล็ดปลดผนึกชะตาสวรรค์ นั้นเป็นไพ่ตายที่เป็นเอกลักษณ์และทรงพลังอย่างแท้จริง  แม้ว่าความแข็งแกร่งระหว่างเทพเชวียนและเชวียนทองนั้นจะห้างชั้นกันไกล นายน้อยจวินก็ยังสามารถรับมือกับการโจมตีได้ด้วยการช่วยเหลือจากมัน เนื่องจากการโจมตีนั้นไม่ได้รุนแรงมกนัก
จวินโม่เซี่ยพึมพัม ขณะที่เส้นเลือดรอบๆจมูกของเขาปรากฏขึ้น  การบาดเจ็บนี้เกิดขึ้นจริงส่วนหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งคือการแสร้งทำ เนื่องจากเขารู้ว่าหากผู้อาวุโสหกรู้ว่าเขาสามารถ ต้านทานการโจมตีนี้ได้ ….  ครั้งหน้าเขาจะไม่สามารถหันเหความสนใจได้

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด