Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1347 ตระกูลช่าย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1347 ตระกูลช่าย 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เขาเริ่มการทดสอบ
 
ขั้นแรก ฟางหยวนเปลี่ยนเป็นเต่าพยากรณ์
 
ขั้นที่สอง เขากระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะความคิดวัชระและวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย
 
ขั้นที่สามและเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะความระมัดระวัง
 
“พรวด!”
 
ฟางหยวนในร่างเต่าพยากรณ์พ่นเลือดคำโตออกมา ในมิติช่องว่างของเขาวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากถูกทำลาย แต่โชคดีที่วิญญาณอมตะไม่ได้รับความเสียหาย
 
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
 
โชคดีที่เขาอยู่ในร่างเต่าพยากรณ์ สัตว์อสูรบรรพกาลมีร่างกายที่แข็งแกร่งและสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หากเขาอยู่ในร่างมนุษย์ อาการบาดเจ็บของเขาจะรุนแรงกว่านี้
 
‘มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?’ ฟางหยวนตะลึง
 
สิ่งนี้แตกต่างจากที่เขาคิด
 
ก่อนที่วิญญาณอมตะความระมัดระวังจะแสดงพลังอำนาจของมันออกมา ท่าไม้ตายก็ล้มเหลวไปแล้ว
 
ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะความใคร่และวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาดวงอื่นๆอนุมานท่าไม้ตายนี้ ข้อผิดพลาดร้ายแรงดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น
 
นี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่
 
หลังจากกู้ฟื้นอาการบาดเจ็บ เขาสงบจิตใจลงและพิจารณาท่าไม้ตายอมตะนี้อีกครั้ง
 
หลังจากอนุมานหลายครั้ง ฟางหยวนรู้สึกแปลกใจ ‘ไม่มีปัญหางั้นหรือ?’
 
ทันใดนั้นเขาพลันเกิดแรงบันดาลใจบางอย่าง ‘ข้าเข้าใจแล้ว!’
 
ฟางหยวนเข้าใจทันทีว่าปัญหาอยู่ที่ใด
 
เขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับวิญญาณอมตะความระมัดระวัง
 
เมื่อวิญญาณอมตะความระมัดระวังถูกใช้งาน มันไม่ได้แสดงพลังอำนาจในลมหายใจที่สิบแต่เป็นลมหายใจที่สิบเอ็ด เนื่องจากความผิดพลาดเล็กๆนี้ ท่าไม้ตายอมตะของเขาจึงล้มเหลว
 
‘ผู้ใดจะคิดว่าปัญหาจะอยู่ที่นี่ มันเป็นจุดบอดอย่างแท้จริง!’
 
‘ดูเหมือนข้าต้องเพิ่มวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบางดวงเพื่อเติมเต็มช่องว่างความแตกต่างของเวลา’ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนอยู่ในระดับสามัญ มันไม่เพิ่มขึ้นเพราะเขาไม่เคยพบอาณาจักรแห่งความฝันบนเส้นทางแห่งกาลเวลา
 
อย่างไรก็ตามเขามีมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน มันสามารถชดเชยจุดอ่อนบางอย่าง
 
แต่ด้วยเหตุนี้การอนุมานจึงไม่สามารถทำได้ทันที
 
หนึ่งวันผ่านไปโดยที่ฟางหยวนไม่ได้พักผ่อน
 
สองวันผ่านไปฟางหยวนยังคงอนุมาน
 
สามวันผ่านไปคฤหาสน์วิญญาณอมตะของตระกูลวูก็เกือบมาถึงแล้ว
 
ในที่สุดการอนุมานของฟางหยวนก็มีความคืบหน้าบางอย่าง
 
หลังจากมีความก้าวหน้าในเชิงคุณภาพ การอนุมานในอนาคตของเขาก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น
 
…..
 
ภาคใต้ เทือกเขาควันมนุษย์
 
สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนและหมู่บ้านของมนุษย์ธรรมดา
 
ในแง่ของความแข็งแกร่ง ผู้อมตะสามารถกวาดล้างสถานที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถต้านทานพลังอำนาจของผู้อมตะ
 
จุดศูนย์กลางของเทือกเขาคือแกนกลางทางการเมืองของทุกหมู่บ้าน มันคือภูเขาควันมนุษย์
 
แท้จริงแล้วมันคือฐานทัพของตระกูลช่าย
 
ผู้ก่อตั้งตระกูลช่ายคือช่ายฝู เขาได้ทิ้งร่องรอยไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
 
ในยุคของเขา เขาเป็นตัวตนอันดับหนึ่งในโลกผู้อมตะภาคใต้ เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไฟและปฐพี เขาได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานมนุษย์คนแรกและสามารถสร้างท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งมนุษย์ หลายปีผ่านไปเขาสร้างตระกูลช่ายและตั้งถิ่นฐานอยู่บนภูเขาควันมนุษย์
 
ในความเป็นจริงมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งมนุษย์ซ่อนอยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก
 
มันมีวิธีรับสืบทอดมรดกที่แตกต่าง
 
เพราะมันมีเพียงข้อมูล สิ่งที่ผู้อมตะได้เรียนรู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขา
 
ทุกคนจะได้รับสิ่งที่แตกต่างกัน ผู้มีเมตตาจะเห็นกุศลธรรม ผู้มีปัญญาจะเห็นปัญญา เทพอมตะและเทพปีศาจต่างได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบของตนเอง ตัวอย่างเช่นเทพอมตะตะวันเดือดสามารถสร้างโชคของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและโชคแห่งสวรรค์พิภพหลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับตำนานมนุษย์คนแรก
 
ช่ายฝูทิ้งมรดกบนเส้นทางแห่งมนุษย์ของเขาเอาไว้ให้กับบุตรหลาน
 
นั่นทำให้กลยุทธ์ของตระกูลช่ายแตกต่างจากกองกำลังอื่น พวกเขามุ่งเน้นไปที่การเพิ่มจำนวนประชากรมนุษย์
 
สำหรับกองกำลังใหญ่อื่นๆ พวกเขามักให้ความสำคัญกับสายเลือดและอนุญาตให้สมาชิกของตระกูลเติบโตขึ้นที่โลกภายนอก
 
นอกจากนั้นพวกเขาจะเก็บสมาชิกบางส่วนไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ในฐานะสายเลือดสาขา เมื่อเกิดเหตุร้ายขึ้นและสายเลือดหลักหมดไป สายเลือดสาขาจะเข้าแทนที่
 
ตระกูลช่ายขยายจำนวนประชารกแต่คนเหล่านั้นไม่มีสายเลือดของตระกูลช่าย
 
หากตระกูลอื่นทำเรื่องเช่นนี้ พวกเขาจะพบปัญหาและต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเลี้ยงดูคนนอก ผู้ใช้วิญญาณที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันจะทำให้ความจงรักภักดีต่อตระกูลลดน้อยลง พวกเขาไม่มีค่าพอที่จะเลี้ยงดูจนกลายเป็นผู้อมตะ หากพวกเขากลายเป็นผู้อมตะด้วยตนเอง มันจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขากับตระกูลหลัก
 
แต่ตระกูลช่ายแตกต่างออกไป
 
พวกเขาเลี้ยงดูมนุษย์จำนวนมาก แต่มนุษย์เหล่านี้มีพรสวรรค์ต่ำ มีผู้ใช้วิญญาณไม่กี่คนในหมู่พวกเขาโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะ
 
ในทางตรงข้ามคนที่มีพรสวรรค์สูงถือกำเนิดขึ้นในตระกูลช่ายอย่างต่อเนื่อง มีหลายคนที่มีคุณสมบัติที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ
 
สิ่งนี้ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างชัดเจนกับกองกำลังอื่น
 
จากการคาดเดาของนอกคน สถานการณ์ที่ผิดปกติของตระกูลช่ายมีแนวโน้มที่จะเกิดจากมรดกบนเส้นทางแห่งมนุษย์ของช่ายฝู
 
อย่างไรก็ตามแม้ตระกูลช่ายจะมีบุตรหลานที่เป็นอัจฉริยะมากมาย แต่พวกเขามีทรัพยากรที่จำกัด ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสี่หรือห้าเท่านั้น
 
ลักษณ์เด่นของภาคใต้นอกเหนือจากภูเขาก็คือแม่น้ำใหญ่สามสาย
 
แม่น้ำมังกรแดง แม่น้ำมังกรหยก และแม่น้ำมังกรเหลือง
 
แม่น้ำมังกรแดงเริ่มจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือและเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
 
แม่น้ำมังกรหยกเริ่มจากทิศเหนือไหลลงสู่ทิศใต้
 
แม่น้ำมังกรเหลืองมีลักษณะโค้งจากทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก
 
แม่น้ำมังกรหยกและแม่น้ำมังกรเหลืองไม่มีจุดตัดกันแต่แม่น้ำมังกรแดงตัดกับแม่น้ำมังกรหยกและแม่น้ำมังกรเหลือง
 
ที่จุดตัดระหว่างแม่น้ำมังกรแดงและแม่น้ำมังกรเหลือง มันคืออาณาเขตของตระกูลวู ขึ้นไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มันคือภูเขาผีดิบ
 
สำหรับจุดตัดระหว่างแม่น้ำมังกรแดงและแม่น้ำมังกรหยก มันเป็นวังวนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติ
 
ณ สถานที่แห่งนี้ ฐานทัพของกองกำลังใหญ่สามกองกำลังตั้งอยู่
 
ตระกูลช่ายอยู่ทางเหนือ ตระกูลปาอยู่ทางใต้ ขณะที่ตระกูลเซี่ยอยู่ทางทิศตะวันออก
 
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา ห้องประชุมของตระกูลช่ายตกอยู่ในความโกลาหล
 
และตอนนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
 
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลช่ายนั่งอยู่ต่อหน้าทุกคนด้วยสายตาที่เผยให้เห็นถึงความลังเลใจ
 
เมื่อไม่นานมานี้ฟางหยวนส่งจดหมายถึงเขา ในจดหมายฟางหยวนในฐานะวูอี้ไห่ซึ่งเป็นตัวแทนของตระกูลวูขอความร่วมมือจากตระกูลช่ายเพื่อโจมตีตระกูลเซี่ยและตระกูลปา
 
นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลช่ายต้องรวบรวมผู้อมตะของตระกูลมาเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้
 
ความโกลาหลในห้องประชุมเกิดจากสิ่งนี้
 
“เราไม่สามารถโจมตีตระกูลปาและตระกูลเซี่ย! ความตั้งใจของตระกูลวูคือการใช้ประโยชน์จากพวกเราเพื่อกำจัดแรงกดดันภายนอก หากพวกเราเคลื่อนไหว ตระกูลช่ายต้องเผชิญหน้ากับสองกองกำลังใหญ่พร้อมกัน กองกำลังทั้งสองจะเพิกเฉยต่อตระกูลวูและหันหามาพวกเรา เราจะก้าวเข้าสู่หายนะและไม่สามารถหวนกลับ!” ผู้อมตะตระกูลช่ายผู้หนึ่งยืนตะโกนเสียงดังอยู่กลางห้องประชุม
 
เพียงเมื่อเขากล่าวจบประโยค ผู้อมตะอีกคนก็เปิดปากเสนอ “เราสามารถเลือกโจมตีตระกูลใดตระกูลหนึ่ง แม้ตระกูลวูจะร้องขอให้พวกเราต่อสู้กับสองตระกูล แต่เราสามารถเจรจาเรื่องนี้ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับพวกเรา”
 
“เห้อ…เรื่องนี้ร้ายแรงเกินไป ตระกูลช่ายของเรามีมนุษย์อยู่มากมาย หากเราเข้าสู่การต่อสู้ เพียงผู้อมตะคนเดียวของฝ่ายตรงข้ามก็สามารถกำจัดมนุษย์ทั้งหมดของเรา พวกเราจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่” ผู้อมตะชราถอนหายใจและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
 
เนื่องจากวิธีบนเส้นทางแห่งมนุษย์ มนุษย์เหล่านั้นจึงไม่สามารถออกจากเทือกเขาควันมนุษย์ ดังนั้นตระกูลช่ายจึงต้องใช้ค่ายกลวิญญาณอมตะหรือคฤหาสน์วิญญาณอมตะเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้
 
“เราต้องต่อสู้เพื่อทรัพยากรที่มากขึ้น!”
 
“ถูกต้อง ข้อได้เปรียบของตระกูลช่ายคือเรามีวิธีบนเส้นทางแห่งมนุษย์เพื่อให้กำเนิดบุตรหลานที่เป็นอัจฉริยะ แต่เรามีทรัพยากรไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูพวกเขา หากเราสามารถขับไล่หนึ่งหรือสองกองกำลังออกไป พวกเราจะได้รับทรัพยากรจำนวนมหาศาล พวกเราจะกลายเป็นกองกำลังอันดับหนึ่งของภาคใต้ในเวลาไม่นาน!”
 
นี่เป็นข้อโต้แย้งของฝ่ายที่ต้องการต่อสู้
 
ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลช่ายยังเงียบ หลังจากชั่วครู่ เขากวาดตามองผู้อาวุโสสูงสุดผู้หนึ่งที่อยู่ในห้องประชุมและเปิดปากถาม “โหย่วเยี่ยน เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด