Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1121

อ่านนิยายจีนเรื่อง Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1121 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1121 มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน
แปลโดย iPAT 
 
“อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตัวนี้เป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด ไม่แปลกใจเลยที่มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาออกมา”
 
“หากพวกเราโจมตีเขา พวกเราต้องต่อสู้กับอินทรีย์ตัวนี้เป็นอันดับแรก”
 
“เจ้าลืมสิ่งที่เขากล่าวแล้วหรือ? นอกจากอินทรีย์ตัวนี้ เขายังมีสัตว์อสูรแรกกำเนิดตัวอื่น เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาสงั้นหรือ?”
 
“หากเขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส มันจะง่ายกว่า จุดอ่อนของเส้นทางแห่งทาสคือการโจมตีโดยตรง แม้เขาจะเป็นผู้อมตะ แต่พวกเราก็เป็นผู้อมตะเช่นกัน…”
 
“อาจไม่เป็นเช่นนั้น! อย่าพึ่งรีบร้อน พวกเรากำลังจะไปถึงภูเขามรดกอมตะ”
 
กลุ่มผู้อมตะลอบพูดคุยกระทั่งมาถึงภูเขามรดกอมตะ
 
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก
 
สัตว์อสูรแรกกำเนิดมีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปด การคงอยู่ของมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไป
 
ฟางหยวนได้ยินทุกถ้วนคำของพวกเขา แต่การแสดงออกของเขายังสงบ
 
ความเข้าใจของกลุ่มผู้อมตะถูกบิดเบือนไปจากความจริงด้วยคำกล่าวเพียงไม่กี่คำของฟางหยวน
 
ฟางหยวนมีความสุขเมื่อได้ยินสิ่งเหล่านี้ ยิ่งกลุ่มผู้อมตะเข้าใจผิดมากเท่าใด มันก็ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อฟางหยวนมากเท่านั้น
 
หากเขาได้รับการปฏิบัติเช่นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส พวกเขาจะตกตะลึงและไม่สามารถรับมือได้อย่างเหมาะสมเมื่อการต่อสู้ที่แท้จริงปะทุขึ้น
 
ในทางกลับกันระหว่างบทสนทนาเหล่านั้น ฟางหยวนยังสามารถตรวจสอบและได้รับข้อมูลอันล้ำค่ามากมาย
 
‘ผู้อมตะเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกแยกออกจากโลกภายนอกมานานเกินไป พวกเขาไม่เก่งเรื่องการติดต่อกับผู้คน ไม่เพียงในแง่ของคำพูด แต่พวกเขาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนผู้อมตะของโลกภายนอก ข้าสามารถตรวจสอบภูมิหลังของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย พวกเขาแทบไม่มีความเฉลียวฉลาด วิธีการของพวกเขาก็ล้าหลังเป็นอย่างมาก’
 
‘สรุปแล้วผู้อมตะเหล่านี้ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกนำโดยผู้อมตะเฒ่าเฉินไค กลุ่มสี่คนของเขามีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด อีกกลุ่มประกอบด้วยโจวหมิง เฉิงเทา และเฟิงจุน พวกเขาเป็นพี่น้องร่วมสาบาน สองคนแรกมีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด ส่วนคนสุดท้าย เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ความสัมพันธ์ของทั้งสองกลุ่มไม่ดีนัก’
 
ฟางหยวนลอบประเมินอยู่ในใจ
 
ทุกแห่งหนผู้คนจะแข่งขันกันเพื่อผลประโยชน์
 
ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
 
แต่เห็นได้ชัดว่าความขัดแย้งของที่นี่อยู่ในระดับต่ำ ผู้อมตะของที่นี่ไม่มีทักษะในการแข่งขันมากนัก มันไม่สามารถเปรียบเทียบกับภาคเหนือ
 
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผู้อมตะเหล่านี้มีความรู้น้อยมาก
 
ฟางหยวนตรวจสอบมาแล้ว ผู้อมตะเหล่านี้ไม่สามารถติดต่อสวรรค์สีเหลือง พวกเขากระทั่งไม่รู้ถึงการคงอยู่ของมัน
 
พิจารณาถึงตัวตนของผู้อมตะกลุ่มนี้ พวกเขาเป็นบุตรหลานของอาชญากรและถูกขังไว้ที่นี่ มีความเป็นไปได้ที่ไห่ฟานจะปิดผนึกการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขากับสวรรค์สีเหลืองเอาไว้
 
หากพวกเขาสามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง มันจะแตกต่างออกไป
 
ไม่เพียงพวกเขาจะสามารถพัฒนาทักษะ พวกเขายังสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล แม้พวกเขาจะไม่ทำการซื้อขาย พวกเขายังจะได้รับประสบการณ์และทำให้พวกเขาสามารถเติบโต
 
ภูเขามรดกอมตะเป็นภูเขาสูงที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
 
มีร่องรอยของการก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์ทิ้งไว้อย่างชัดเจน รอบภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยป่าไม้และทรัพยากรจำนวนมาก
 
แม้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะตัดขาดจากโลกภายนอกและไม่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง แต่ทรัพยากรที่อยู่ภายในกลับอุดมสมบูรณ์เกินกว่าการสะสมจากรุ่นสู่รุ่น
 
กลุ่มผู้อมตะติดตามระฆังทองเหลืองไปถึงศาลาหินใกล้กับยอดเขา
 
ศาลาหินมีโครงสร้างที่เรียบง่ายแต่มันกลับมีบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่ แผ่นหินทุกแผ่นมีตัวอักษรสลักเอาไว้
 
ระฆังทองเหลืองเข้าไปในศาลาหินและแขวนตัวมันเองไว้กับเพดานของศาลาหิน
 
ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคกล่าว “นายท่านพึ่งมาถึง ท่านคงมีคำถามมากมาย แผ่นหินเหล่านี้จะเป็นคำตอบสำหรับคำถามของท่าน”
 
ฟางหยวนมองแผ่นหินเหล่านั้นและเกิดความเข้าใจในที่สุด
 
ย้อนกลับไปหลานสาวที่ไห่ฟานรักมากที่สุดหายตัวไปพร้อมกับวิญญาณทัศนคติ
 
ไห่ฟานสูญเสียหลานสาวที่ล้ำค่าแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดเพราะในเวลานั้นอายุขัยของเขาใกล้จะถึงจุดสิ้นสุด เขาได้วางมิติช่องว่างลงและดูดซับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้าไปแล้ว นั่นทำให้เขาสูญเสียอิสรภาพและไม่สามารถออกไปตามหาหลานสาวด้วยตนเอง
 
ผู้อมตะเผ่าไห่ที่ไม่สามารถดูแลหลานสาวของไห่ฟานจึงได้รับโทษและถูกกักขังอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ นอกจากนั้นพวกเขายังต้องนำมิติช่องว่างของตนเองผสานเข้ากับถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน
 
ด้วยวิธีนี้ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานจึงขยายใหญ่ขึ้น
 
เดิมทีไห่ฟานตั้งใจทิ้งมรดกที่แท้จริงรวมถึงรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์เอาไว้เบื้องหลัง
 
แต่เขาไม่สามารถหยุดคิดถึงหลานสาวอันเป็นที่รักยิ่ง ดังนั้นเขาจึงเพิ่มเงื่อนไขการรับสืบทอด นั่นคือกลิ่นอายของวิญญาณทัศนคติ
 
จากมุมมองของเขา ด้วยอิทธิพลของเผ่าไห่ในเวลานั้น พวกเขามีความสามารถเพียงพอที่จะตามหาไห่เฟิงอวี๋และนำวิญญาณทัศนคติกลับมา
 
แต่ความจริงก็คือไห่ฟานมองโลกในแง่ดีเกินไป
 
หรือบางทีเขาอาจปฏิเสธที่จะยอมรับความจริงและคิดว่าไห่เฟิงอวี๋ยังมีชีวิตอยู่
 
เนื่องจากการคำนวณที่ผิดพลาด มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานจึงไม่มีผู้สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
 
นี่ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของไห่ฟาน
 
แต่เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่ไม่ธรรมดา ก่อนเขาเสียชีวิต เขาตระหนักถึงข้อผิดพลาดนี้เช่นกัน
 
เขาคิด ‘หากบุตรหลานของข้าไม่สามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของข้า มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น?’
 
หากเป็นเช่นนั้นเผ่าไห่อาจถูกกวาดล้างหรืออ่อนแอลง
 
สิ่งที่ไห่ฟานคิดต่อมาคือ ‘ในกรณีนั้นข้าต้องมีแผนสำรองและปล่อยให้ผู้คนในถ้ำสวรรค์ของข้ารับสืบทอดมรดกนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เป็นสายเลือดเผ่าไห่เช่นกัน’
 
ดังนั้นไห่ฟานจึงเพิ่มกฎใหม่และมอบโอกาสให้กับผู้อมตะที่ถูกขังอยู่ในถ้ำสวรรค์ของเขา
 
ข้อกำหนดคือกรอบเวลา
 
หลายร้อยปีต่อมาหากไม่มีคนจากเผ่าหลักเข้ามารับสืบทอดมรดกที่แท้จริงในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน โอกาสจะเป็นของผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้
 
ข้อความบนแผ่นหินกล่าวว่า นอกจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานยังมีมรดกของผู้อมตะที่ขังอยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ทิ้งไว้บนภูเขา
 
เมื่อเวลาผ่านไปและไม่มีผู้อมตะจากเผ่าหลักมาที่นี่ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจึงสามารถขึ้นไปสำรวจภูเขามรดกอมตะและพบมรดกบางอย่าง
 
นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการถือกำเนิดขึ้นของผู้อมตะในถ้ำสวรรค์แห่งนี้
 
อย่างไรก็ตามคนเหล่านี้ยังไม่สามารถคว้ามรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมาได้ แม้พวกเขาจะกลายเป็นผู้อมตะ แต่ไม่มีผู้ใดสามารถขึ้นไปบนยอดเขา
 
ข้อความบนแผ่นหินยังระบุอีกว่า หากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์สามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน พวกเขาจะได้รับอิสรภาพและกลับไปยังเผ่าหลัก
 
หลังจากอ่านข้อความเหล่านี้ ฟางหยวนเข้าใจสถานการณ์ของที่นี่มากขึ้น
 
‘ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อมตะเหล่านี้จะแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน พวกเขามีทั้งเจตนาดีและเจตนาร้ายในเวลาเดียวกัน’
 
ฟางหยวนคิดและรู้สึกถึงเรื่องราวที่ซับซ้อนมากขึ้น
 
ตามกฎของไห่ฟาน มีกรอบเวลาที่ชัดเจน เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ผู้อมตะเหล่านี้จะมีคุณสมบัติในการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน
 
พวกเขาพยายามเลี้ยงดูบุตรหลานเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริงและปลดปล่อยตนเองจากถ้ำสวรรค์
 
สำหรับผู้อมตะกลุ่มนี้ พวกเขาได้รับมรดกอื่นแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะรับสืบทอดมรดกที่แท้ของไห่ฟานอีก
 
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
 
เดิมทีพวกเขาไม่คิดว่าจะมีบางคนจากเผ่าหลักสามารถเดินทางมาที่นี่ การปรากฏตัวของฟางหยวนเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดและกะทันหันเกินไปสำหรับพวกเขา แต่ตามกฎที่ระบุไว้บนแผ่นหิน พวกเขาจึงต้องออกมาต้อนรับฟางหยวน แม้พวกเขาจะต้องการต่อต้าน แต่พวกเขาก็ไม่มีเวลาเตรียมตัว
 
จากมุมมองของพวกเขา มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเป็นของพวกเขาแล้ว
 
จิตวิญญาณสวรรค์อาจไร้สติ แต่มันยังปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของไห่ฟาน
 
นอกจากนี้ไห่ฟานยังจัดเตรียมบางอย่างเอาไว้
 
เมื่อผู้ใช้วิญญาณพยายามก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะแต่ไม่สามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ พวกเขาจะมาที่ภูเขามรดกอมตะ
 
ในเวลานั้นจิตวิญญาณสวรรค์จะใช้วิญญาณอมตะบางดวงเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตวิญญาณสวรรค์
 
หากพวกเขาฝ่าฝืนกฎเกณฑ์ พวกเขาจะตายจากการละเมิดข้อตกลง
 
ผู้ใช้วิญญาณหลายคนสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ แต่พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับการคงอยู่ของสวรรค์สีเหลือง แม้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะมีทรัพยากรมากมาย แต่มันก็มีขีดจำกัด มันไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้อมตะ
 
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาจิตวิญญาณสวรรค์อย่างไม่มีทางเลือก
 
นี่คือวิธีควบคุมกลุ่มคนเหล่านี้ของไห่ฟาน
 
‘ไห่ฟานสมกับเป็นผู้นำเผ่าไห่สู่ความรุ่งโรจน์ กระทั่งหลังจากเสียชีวิต เขาก็ยังสามารถควบคุมถ้ำสวรรค์ไห่ฟานได้อย่างสมบูรณ์’
 
‘แต่สิ่งที่บันทึกไว้บนแผ่นหินเล่านี้อาจไม่ใช่ความจริงทั้งหมด หึหึ ข้าไม่เชื่อว่าอาชญากรเหล่านั้นเต็มใจที่จะตายพร้อมกับไห่ฟาน! หากพวกเขาได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานอาจถูกทำลายจากภายในไปแล้ว’
 
ฟางหยวนคิดและเริ่มก้าวถอยหลังก่อนจะเงยหน้ามองไปยังระฆังทองเหลือง
 
เขาถาม “แล้วข้าต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้รับมรดกที่แท้จริง?”
 
เมื่อเขากล่าวถึงเรื่องนี้ กลุ่มผู้อมตะทั้งหมดต่างกลั้นหายใจและจ้องมองด้วยสายตาแปลกประหลาด
 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด