Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1094

อ่านนิยายจีนเรื่อง Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 1094 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1094 บนโลกใบนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเอง
แปลโดย iPAT 
 
ฟางหยวนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่ยังมองกลับไปที่เมืองเมฆาที่อยู่ด้านหลัง
 
เขาแสดงออกด้วยความรู้สึกขมขื่นและถอนหายใจก่อนจะบินจากไป
 
ครั้งก่อนเขารับภารกิจสำรวจไท่ชิวจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและจบลงด้วยดี แต่ตอนนี้ฟางหยวนปฏิเสธที่จะรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงแลทำให้การประชุมจบลงไม่ดีนัก
 
ในเมืองเมฆาที่หนึ่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยานั่งกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ
 
“ฮืม ฟางหยวน!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทิ้งถ้วยชาลงบนพื้น
 
อย่างไรก็ตามเมื่อคิดถึงการแสดงออกที่ขมขื่นของฟางหยวนก่อนที่เขาจะจากไป ความโกรธของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ลดลงเล็กน้อย
 
“ฟางหยวน โอ้ ฟางหยวน เจ้าอาจยุ่งอยู่กับการฝึกฝนและมีแผนการของตนเอง แต่เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อนิกายหลางหยา เจ้าเป็นสมาชิกของนิกาย ในช่วงเวลาสำคัญเจ้าควรเสียสละและปกป้องผลประโยชน์ของนิกาย! ฮืม…ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นคนนอก เจ้าไม่ใช่มนุษย์ขนที่แท้จริง!”
 
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถบังคับฟางหยวนให้รับภารกิจหากเขาไม่ต้องการ
 
พวกเขาร่วมมือกันภายใต้ข้อตกลงพันธมิตร แต่ไม่มีกฎข้อใดที่อนุญาตให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบีบบังคับฝ่ายตรงข้ามให้ทำภารกิจที่อีกฝ่ายไม่เต็มใจ แน่นอนว่าเมื่อนิกายหลางหยาตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤต มีกฎบางข้อที่สามารถบังคับใช้
 
แต่ตอนนี้นิกายหลางหยากำลังพัฒนาไท่ชิว มันไม่ใช่ภัยคุกคามร้ายแรง หากฟางหยวนไม่เต็มใจ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
 
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่สามารถนั่งนิ่ง เขาลุกขึ้นและเดินไปรอบๆ
 
เขาก้มศีรษะลงและครุ่นคิดอย่างหนัก ‘ฟางหยวนไม่เต็มใจรับภารกิจ แล้วข้าควรทำอย่างไรกับสุนัขดาวตกเพลิง?’
 
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีวิธีแก้ปัญหา
 
ตัวเขาเองไม่สามารถออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
 
แต่เขามีค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณยักษ์สวรรค์
 
อย่างไรก็ตามยักษ์สวรรค์เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา
 
มันเป็นสิ่งปกป้องแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ต้องการใช้ยักษ์สวรรค์ในสถานการณ์นี้ มิฉะนั้นหากเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แล้วเขาจะทำเช่นไร?
 
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเข้าใจสถานการณ์อย่างชัดเจน
 
‘เห้อ…ข้าต้องทำตามคำแนะนำของฟางหยวนและใช้สุนัขดาวตกเพลิงเป็นเครื่องมือขัดเกลาความสามารถในการต่อสู้ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนงั้นหรือ?’ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถอนหายใจ
 
ฟางหยวนบินไปในอากาศด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง รอยยิ้มขมขื่นและการถอนหายใจก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น
 
เขารู้ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มิฉะนั้นเขาจะไม่สามารถรวบรวมวิญญาณอายุยืนจำนวนมาก
 
เนื่องจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน มันมีรากฐานที่ลึกซึ้งและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนนับไม่ถ้วน สิ่งนี้ทำให้ความสามารถของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพัฒนาขึ้นอย่างมาก จิตวิญญาณแผ่นดินของแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขา
 
‘แผนการปัจจุบันของข้าคือพึ่งพานิกายหลางหยาในการฝึกฝน ข้าเป็นผู้เดินหมากขณะที่นิกายหลางหยาเป็นชิ้นหมากของข้า หากข้ารับภารกิจ ไม่ใช่ว่าข้าจะกลายเป็นตัวหมากเบี้ยและรับความเสี่ยงเพื่อนิกายงั้นหรือ?’
 
‘ฮืม! เจตจำนงสวรรค์ที่ไท่ชิวอันตรายมาก ข้าเกรงว่ามันจะวางกับดักไว้เรียบร้อยแล้ว แต่เพราะมันยังไม่พบข้าและเนื่องจากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันจึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม…’
 
ฟางหยวนระวังตัวมาก แน่นอนว่าเขาจะไม่ไปไท่ชิว
 
เขาต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เขาต้องหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงและสังหารสัตว์อสูรเดียวดายเพื่อใช้เป็นวัสดุในการหลอมรวม แต่เขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตนเอง
 
นิกายหลางหยาพยายามพัฒนาไท่ชิว พวกเขาจะลงมือทำเรื่องเหล่านี้ขณะที่ฟางหยวนจะใช้ประโยชน์จากแต้มผลงานและอยู่แนวหลังเท่านั้น
 
ยังไม่ต้องกล่าวถึงกับดักของเจตจำนงสวรรค์ แม้จะไม่มีสิ่งนั้น ฟางหยวนก็จะไม่ชะลอความเร็วในการบ่มเพาะของตนเอง
 
บนโลกใบนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเอง
 
ฟางหยวนมีทัศนคติที่แน่วแน่
 
เขาเตรียมพร้อมทางจิตใจสำหรับการปฏิเสธภารกิจของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไว้แล้ว
 
‘ข้าจะไม่เสียเวลาให้กับนิกายหลางหยาอย่างแน่นอน แต่ข้าต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาให้ดี’
 
‘หากเกิดความขัดแย้งบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะแย่ลง เมื่อถึงจุดหนึ่งจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจไม่สามารถควบคุมตนเอง เขาอาจขับไล่ข้าออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาหรือแม้แต่สังหารข้า’
 
‘ในปัจจุบันข้ายังต้องการหยิบยืมพลังอำนาจของนิกายหลางหยา ข้าต้องยืมวิญญาณอมตะจากนิกายเพื่อต่อต้านภัยพิบัติพิภพครั้งที่สอง’
 
ฟางหยวนวิเคราะห์สถานการณ์ของตนเองอย่างเยือกเย็น
 
นานมาแล้วเขาเคยขัดแย้งกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนหน้า นั่นทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากลายเป็นเย็นชาและส่งผลเสียต่อฟางหยวน ตอนนี้เขาจะไม่ทำความผิดพลาดเช่นเดิมอีก
 
‘บางครั้งหากสถานการณ์เอื้ออำนวย ข้าก็จะรับภารกิจและช่วยเขา’
 
‘ข้าใช้ประโยชน์จากนิกายหลางหยาเพื่อความสะดวกในการบ่มเพาะ’
 
‘มีเพียงความแข็งแกร่งและระดับการบ่มเพาะเท่านั้นที่สามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริง’
 
เจตจำนงสวรรค์อาจส่งผลกระทบต่อหลายสิ่งแต่มันมีพลังอำนาจที่จำกัด เจตจำนงสวรรค์ไม่ใช่เจตจำนงปลอมที่สามารถบังคับความคิดของบางคนได้โดยตรง
 
เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจตจำนงปลอมในแง่มุมนี้
 
หลังจากได้ยินเรื่องนี้จากนิกายเงา ฟางหยวนเรียนรู้ว่าเจตจำนงสวรรค์ก็เป็นเพียงเจตจำนงประเภทหนึ่ง
 
เจตจำนงสวรรค์สามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดของสิ่งมีชีวิตได้เพียงเล็กน้อย
 
ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงใช้ฟางหยวนเป็นเครื่องมือต่อต้านนิกายเงาและสามารถดำเนินการไปอย่างช้าๆเท่านั้น
 
แต่บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนในฐานะปีศาจต่างโลกได้ทำลายแผนการของสวรรค์ทำให้เกิดผลลัพธ์ในปัจจุบัน
 
เพื่อจัดการเจตจำนงสวรรค์ วิธีที่ดีที่สุดคือการเพิ่มระดับการบ่มเพาะและความแข็งแกร่งของตนเอง
 
ตัวอย่างเช่นฉีช่ายไล่ล่าฟางหยวนเพราะฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหกที่อ่อนแอกว่า หากฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับแปด ฉีช่ายจะไม่ไล่ล่าเขาอย่างโง่งม
 
ในทำนองเดียวกันกับสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล หากฟางหยวนมีความแข็งแกร่งเพียงพอ เขาสามารถสังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดเป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไปจึงต้องวิ่งหนี
 
‘ภัยพิบัติพิภพเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เจตจำนงสวรรค์จะกำจัดข้า แต่ทุกครั้งที่ข้าสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติ ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น เมื่อข้าเติบโตขึ้น ข้าจะสามารถเผชิญหน้ากับมันได้โดยตรง เมื่อข้ากลายเป็นเทพปีศาจหรือเมื่อข้ามีชีวิตนิรันดร์ เจตจำนงสวรรค์ยังจะสามารถทำสิ่งใด?’
 
ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้และสามารถวางแผนการสำหรับอนาคต
 
เมื่อกลับถึงเมืองเมฆา ฟางหยวนได้รับแจ้งว่ามีทูตมนุษย์ขนมาเยี่ยมเขา
 
ทูตมนุษย์ขนผู้นี้เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าขั้นสุดยอด
 
“นายท่าน นี่คือสิ่งที่เจ้านายของข้าสั่งให้ข้านำมามอบให้ท่าน” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนกล่าวด้วยความเคารพ
 
เขาถือกล่องไม้ไว้ในมือทั้งสองข้าง
 
ฟางหยวนรับมันไว้ เขาไม่ได้เปิดกล่องแต่มองไปที่ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขน
 
ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนรู้สึกเย็นเยียบราวกับกำลังยืนเปลือยกายอยู่ต่อหน้าฟางหยวนขณะที่ความลับทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผยออกมาในครั้งเดียว
 
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าจะอยู่ที่นี่ ข้าจะให้คำแนะนำเจ้าเกี่ยวกับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส” ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ
 
“ขอบพระคุณนายท่าน!” ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนคุกเข่าลงบนพื้นด้วยร่างกายสั่นเทา
 
“เจ้าไปได้แล้ว” ฟางหยวนไม่สนใจผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้
 
หลังจากนั้นฟางหยวนก็ไปที่ห้องของเขาและบ่มเพาะ
 
เขาเปิดกล่องไม้ มีวิญญาณอมตะอยู่ภายใน มันเป็นวิญญาณทาสสัตว์อสูรระดับหก
 
ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนรู้สึกถึงเวลาที่สุกงอม ดังนั้นเขาจึงให้คำแนะนำแก่ผมที่สิบสอง ขณะเดียวกันเขายังขอยืมวิญญาณทาสสัตว์อสูรโดยใช้แต้มผลงานในการแลกเปลี่ยน
 
ผมที่สิบสองตกลงแต่เขาไม่รับแต้มผลงานจากฟางหยวน เขามีคำขออื่น
 
เมื่อไม่นานมานี้ผมที่สิบสองรับทายาทที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดขึ้นมาจากทวีปด้านล่าง ผมที่สิบสองเลี้ยงดูมนุษย์ขนผู้นี้เป็นอย่างดีและต้องการให้ฟางหยวนช่วยชี้แนะเขา
 
ฟางหยวนไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
 
แท้จริงแล้วเรื่องนี้ยิ่งส่งผลดีต่อฟางหยวน
 
หลังจากทั้งหมดเขาใช้แต้มผลงานของนิกายไปมากมายในช่วงเวลาที่ผ่าน หากสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย นั่นย่อมเป็นเรื่องดี
 
ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ พื้นที่หิมะตกหยุดขยายตัวแล้ว
 
นั่นหมายความว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งน้ำแข็งและหิมะได้แสดงพลังอำนาจของพวกมันออกมาอย่างเต็มที่แล้ว
 
ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเข้าใกล้อสูรหิมะเดียวดายอย่างระมัดระวัง
 
เวลาผ่านไปนานแล้วภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ดังนั้นอสูรหิมะจึงสงบลงและทำให้ฟางหยวนพบอสูรหิมะเดียวดายที่สัญจรไปมาอยู่รอบๆเพียงลำพัง
 
วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร!
 
ฟางหยวนส่งพลังงานอมตะให้กับวิญญาณอมตะดวงนี้
 
ร่างอสูรหิมะเดียวดายสั่นสะท้านขึ้นราวกับมันถูกโจมตีด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็น
 
แต่ในไม้ช้ามันก็คำรามและพุ่งเข้าโจมตีผีดิบอมตะที่ซ่อนตัวอยู่
 
‘ล้มเหลว ฮืม…ถอย!’
 
ฟางหยวนจากไปทันที
 
ในความเป็นจริงด้วยรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาในปัจจุบัน มันเพียงพอที่จะกำหราบสัตว์อสูรเดียวดาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับแตกต่างออกไป
 
‘ดังคำกล่าวของนิกายเงา รูปแบบชีวิตที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถควบคุมหรือกดขี่ พวกมันจะกลายเป็นภัยคุกคามหากข้ายังเก็บพวกมันไว้’
 
ฟางหยวนถอนหายใจ
 
แม้เขาจะได้รับข้อมูลนี้จากนิกายเงาแต่เขาก็ต้องทดสอบด้วยตนเองอีกครั้ง
 
‘หากข้าสามารถกดขี่พวกมัน ข้าจะใช้พวกมันต่อต้านภัยพิบัติครั้งต่อไปหรืออาจขายในสวรรค์สีเหลือง นั่นเป็นทางเลือกที่ดี แต่ตอนนี้ข้าทำได้เพียงกำจัดพวกมันทิ้งไปเท่านั้น’
 
‘เดี๋ยว! บางทีข้าอาจใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองเพื่อกำจัดเจตจำนงสวรรค์ก่อนที่จะใช้วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูร!?’ แรงบันดาลใจใหม่เกิดขึ้นในใจของฟางหยวนอย่างกะทันหัน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด