Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 978

อ่านนิยายจีนเรื่อง Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน ตอนที่ 978 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 978 กำหราบเผ่ามนุษย์วิหค
แปลโดย iPAT 
 
“บึม บึม บึม บึม…”
 
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
ทุกการระเบิดทำให้เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เกิดการสั่นไหว
 
ฟางหยวนยืนอยู่ในซากปรักหักพังและซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นควัน
 
‘การควบคุมทาสผู้อมตะยากกว่าการควบคุมฝูงสัตว์อสูรมาก’ ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดัน
 
การกดขี่จิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดสร้างภาระให้แก่ผู้ใช้วิญญาณ
 
ย้อนกลับไปที่ภาคเหนือ ฟางหยวนใช้งานฝูงสัตว์อสูรหลายหมื่นตัว แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่เขาควบคุม เขาควบคุมเพียงราชันหมื่นอสูร ราชันพันอสูร และราชันร้อยอสูร จากนั้นจึงให้พวกมันควบคุมกองทัพทั้งหมด
 
สัตว์อสูรมีสติปัญญาไม่สูงนัก ฟางหยวนจึงสามารถควบคุมสัตว์อสูรจำนวนมากได้ในครั้งเดียว
 
แต่จ้าวจงแตกต่างออกไป
 
เขามีสติปัญญาและเฉลียวฉลาด แม้ฟางหยวนจะสามารถควบคุม แต่มันยังสร้างภาระให้แก่จิตวิญญาณของฟางหยวนเป็นอย่างมาก
 
ท้ายที่สุดจ้าวจงก็เป็นผู้อมตะคนหนึ่ง
 
‘จ้าวจงเป็นมนุษย์วิหค สติปัญญาของมนุษย์วิหคด้อยกว่ามนุษย์เล็กน้อย หากข้าต้องการกดขี่ผู้อมตะมนุษย์ บางทีข้าอาจล้มเหลว’
 
‘ข้าเคยฝึกฝนบนเส้นทางแห่งทาสมาก่อนและมีพื้นฐานด้านจิตวิญญาณที่ไม่อ่อนด้อย แต่นั่นยังเป็นเพียงระดับมนุษย์เท่านั้น ในฐานะผู้อมตะ ข้ายังไม่ถือเป็นสิ่งใด ดังนั้นการควบคุมจ้าวจงจึงสร้างภาระหนักให้แก่จิตวิญญาณของข้า’
 
ฟางหยวนลอบถอนหายใจ
 
แต่ละเส้นทางของการบ่มเพาะทั้งกว้างใหญ่และลึกซึ้ง
 
เส้นทางแห่งทาสก็เช่นกัน
 
ทักษะในระดับอมตะมีหลายสิ่งที่ผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ไม่สามารถทำความเข้าใจ
 
กล่าวโดยสรุปคือฟางหยวนยังเป็นคนชั้นล่างบนเส้นทางแห่งทาสเท่านั้น
 
เขาไม่มีท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งทาส หากเขามี สถานการณ์ของเขาจะดีกว่านี้มาก
 
เขาสามารถใช้วิญญาณทาสอมตะได้เพียงผิวเผิน
 
แต่ด้วยประสบการณ์และแสงแห่งปัญญา มันสามารถช่วยเหลือเขาได้มาก
 
‘นายท่าน ข้าเข้าควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เจิ้งหลิงกำลังเข้าสู่สนามรบเพื่อสนับสนุนผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง’ เสียงของจ้าวจงดังขึ้นในหูของฟางหยวน
 
ฟางหยวนเลียริมฝีปากและกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
 
เขาออกคำสั่ง “ก่อนอื่น ฆ่าหยูเฟยตัวจริง!”
 
ตอนนี้เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของหยูเฟย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหยูเฟยตัวจริงคือจุดบกพร่องของเขา
 
หลังจากไม่นานจ้าวจงก็ส่งเสียงกลับมา “หยูเฟยตายและกลายเป็นขี้เถ้าไปแล้ว”
 
ปัจจุบันจ้าวจงเป็นคนเดียวที่ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะสังหารผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่ง
 
“ดี ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะต่อไปและพยายามออกห่างจากการต่อสู้” ฟางหยวนออกคำสั่ง
 
ครั้งนี้เป็นเวลานานก่อนที่เสียงของจ้าวจงจะตอบกลับมา “นายท่าน โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่สามารถทำได้ คฤหาสน์วิญญาณอมตะเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ถูกศัตรูปิดล้อมไว้หมดแล้ว”
 
ฟางหยวนก่นเสียงเย็น
 
“เป็นเช่นนี้” เขาไม่รู้สึกผิดหวังมากนัก
 
ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนวางกับดักเผ่ามนุษย์วิหคทำให้พวกเขาฆ่าตัวตายขณะที่ฟางหยวนได้รับเพียงดวงวิญญาณของเจิ้งหลิน
 
เจิ้งหลิงเข้าร่วมในการต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง ความทรงจำนี้ยังกระจ่างชัดมาก
 
ดวงวิญญาณของเจิ้งหลินไม่เหมือนเซี่ยซ่งซื่อที่ถูกดัดแปลงโดยผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถค้นวิญญาณและได้รับความทรงจำทั้งหมดของเขาอย่างง่ายดาย
 
ความทรงจำเหล่านี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกราวกับอยู่ในสนามรบด้วยตนเอง
 
นี่เป็นเหตุผลที่เขาสามารถแทรกซึมเข้าสู่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์และประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนจ้าวจงให้กลายเป็นทาส
 
ในความเป็นจริงมีโอกาสมากมายแต่ฟางหยวนสามารถคว้าโอกาสที่ดีที่สุด
 
จ้าวจงถูกผนึกและไม่สามารถขยับเขยื้อน นี่ทำให้ฟางหยวนเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย
 
จากความทรงจำของเจิ้งหลิน ฟางหยวนรู้เช่นกันว่าเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ถูกปิดล้อมโดยกลุ่มผู้อมตะจากทะเลทรายตะวันตก
 
แต่คนเช่นฟางหยวน กระทั่งเขาจะรู้ เขาก็ต้องทดลองและพยายามด้วยตนเองอีกครั้ง
 
แม้ความพยายามของเขาจะล้มเหลว เขาไม่สามารถขโมยเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ แต่เขายังสามารถเลือกตัวเลือกที่ดีเป็นอันดับสองโดยการเฝ้าสังเกตสนามรบและปล่อยให้สถานการณ์พัฒนาต่อไป
 
เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า จ้าวจงแบกร่างที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างยากลำบากขณะที่เจิ้งหลินได้รับอิสระและเข้าสู่สนามรบด้วยตนเอง
 
เจิ้งหลินกับผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่ามนุษย์วิคต่อสู้กับศัตรูอย่างดุเดือด
 
มันเป็นการต่อสู้ครั้งสำคัญเพื่อปกป้องเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์
 
ผลของการต่อสู้ไม่ต่างจากชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน
 
กลุ่มของจ้าวสมุทรขาวถูกผลักดันออกจากเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่ามนุษย์วิหคได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย สำหรับเจิ้งหลิน สถานการณ์ของเขาดีกว่าเล็กน้อย
 
หลังจากนั้นคฤหาสน์วิญญาณอมตะเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์สามารถซ่อมแซมตัวมันเองและไม่เหลือรูช่องโหว่ให้ศัตรูลอบเขามาได้อีก
 
อาการบาดเจ็บของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งไม่สามารถรักษา เขาตายในเวลาต่อมา
 
เมื่อสูญเสียบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคที่เหลือเพียงสองคนจึงตัดสินใจละทิ้งคฤหาสน์วิญญาณอมตะเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เพื่อเอาชีวิตรอด
 
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสมาชิกเผ่ามนุษย์วิหคที่รอดชีวิตก็มารวมตัวกันที่ลานกว้างแห่งหนึ่งและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะพรจากสวรรค์
 
“ข้าขอพรให้เผ่ามนุษย์วิหครอดพ้นจากภัยพิบัติ!”
 
“ข้าขอพรให้เผ่ามนุษย์วิหคได้รับอิสรภาพ!”
 
“ข้าขอพรให้เผ่ามนุษย์วิหคพบที่อยู่ใหม่บนโลกใบนี้!”
 
ศัตรูสังเกตเห็นสถานการณ์นี้แต่เลือกปล่อยผ่าน เมื่อเผ่ามนุษย์วิหคออกจากเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้จึงถูกยึดครองโดยผู้อมตะจากทะเลทรายตะวันตก
 
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นท่าไม้ตายพรจากสวรรค์
 
เขารู้สึกถึงพลังงานลึกลับที่ดูดกลืนสมาชิกเผ่ามนุษย์ขนเข้าไปในอุโมงค์แสงสีขาว
 
ฟางหยวนยังรู้สึกว่าตนเองตกลงสู่วังน้ำวนขนาดใหญ่
 
หลังจากห้านาที ฟางหยวนก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งด้วยอาการเวียนศีรษะและแทบไม่สามารถประคองร่างให้ยืนอยู่
 
มนุษย์วิหคทั้งหมดนอนอยู่บนพื้นเรียบร้อยแล้ว
 
มีเพียงเจิ้งหลินกับจ้าวจงที่สามารถประคองตัวยืนและเริ่มตรวจสอบพื้นที่
 
ฟางหยวนลอบส่ายศีรษะอยู่ภายใน ‘ดูเหมือนหลังจากกดขี่จ้าวจง จิตวิญญาณของข้าจะกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ’
 
“ที่นี่ที่ใด?” จ้าวจงกวาดตามองไปรอบๆ
 
การแสดงออกของเจิ้งหลินเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “ที่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ เราถูกส่งมาที่นี่ในฐานะภัยพิบัติพิภพ!”
 
ไท่เป่ยหยุนเฉิง ไห่ลั่วหลัน และเทพธิดาหลี่ซานบินเข้ามา
 
ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนช่วยไท่เป่ยหยุนเฉิงก้าวข้ามภัยพิบัติเพียงลำพังโดยไม่ได้เรียกไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซาน
 
แต่ในชีวิตนี้ฟางหยวนต้องการให้พวกนางมาช่วยข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม
 
ไท่เป่ยหยุนเฉินไม่แสดงความตกใจออกมา ในความเป็นจริงเขากระทั่งรู้สึกมีความสุข ‘ฟางหยวนบอกข้าว่าเขาสามารถอนุมานภัยพิบัติครั้งนี้และยังบอกวิธีรับมือ เดิมทีข้าไม่กล้าที่จะเชื่อเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะพูดถูก ข้าจะผ่านภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน!’
 
ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานลอบตกตะลึงอยู่ในใจ
 
ภัยพิบัติมนุษย์วิหคเป็นเรื่องแปลกประหลาดและยากที่จะเกิดขึ้น
 
แต่ฟางหยวนกลับทำนายได้อย่างแม่นยำ! นี่หมายความว่าอย่างไร?
 
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภัยพิบัติเป็นเรื่องยากที่จะก้าวผ่านเป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า
 
กล่าวได้ว่าความสามารถของฟางหยวนไม่ต่างจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ทำลายล้างภัยพิบัติที่อยู่ตรงหน้า ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถเตรียมตัว พวกเขาก็มีโอกาสสูงมากที่จะสามารถก้าวข้ามภัยพิบัติเหล่านั้น
 
หัวใจของเจิ้งหลินจมดิ่งลง
 
ในชีวิตก่อนหน้าเมื่อเห็นการปรากฏตัวของไท่เป่ยหยุนเฉิงกับฟางหยวน เจิ้งหลินยังรู้สึกเย้ยหยัน
 
แต่ตอนนี้มีเทพธิดาหลี่ซานและไห่ลั่วหลันเพิ่มเข้ามา กลิ่นอายของพวกเขาจึงสามารถกดดันเจิ้งหลิน
 
หลังจากนั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวให้มากความ
 
ด้วยวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า ไท่เป่ยหยุนเฉิงจึงสามารถเพิกเฉยต่อความเสียหายของแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เป่ยของเขา
 
ในชีวิตก่อนหน้าไท่เป่ยหยุนเฉิงกับฟางหยวนสามารถล่อลวงผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคซ้ำแล้วซ้ำอีก
 
สุดท้ายสมาชิกเผ่ามนุษย์วิหคทั้งหมดจึงฆ่าตัวตาย นี่เป็นความผิดพลาดที่ฟางหยวนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
 
อย่างไรก็ตามครั้งนี้นอกจากไท่เป่ยหยุนเฉิงยังมีเทพธิดาหลี่ซาน ไห่ลั่วหลัน รวมถึงจ้าวจง และหยูเฟยตัวปลอม
 
ดังนั้นฟางหยวนจะไม่ทำพลาดเป็นครั้งที่สอง
 
มนุษย์วิหคเหล่านี้แตกต่างจากทาสมนุษย์วิหคที่มีขายอยู่ในท้องตลาด พวกเขาอาศัยอยู่ในสวรรค์สีเขียวมาหลายชั่วอายุคน พวกเขาเต็มไปด้วยธรรมชาติของเผ่ามนุษย์วิหคและยินดีตายมากกว่าสูญเสียอิสรภาพ
 
ดังนั้นไท่เป่ยหยุนเฉิงจึงไม่ได้บีบบังคับพวกเขาแต่ใช้วิธีเจรจาหลอกล่อ
 
ภายใต้การชี้นำของจ้าวจงและหยูเฟย เผ่ามนุษย์วิหคย้ายไปอาศัยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว!
 
ด้วยการคงอยู่ของเผ่ามนุษย์วิหค ธุรกิจในทะเลทรายตะวันออกของฟางหยวนจะสดใสมาก!
 
หลังจากเหตุการณ์นี้ ไห่ลั่วหลันลอบถามฟางหยวนทางอ้อมเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
 
ฟางหยวนจงใจเผยรอยยิ้มขมขื่น “เจ้าคิดว่าข้ามีความสามารถเช่นนี้จริงๆงั้นหรือ? อย่าลืมว่าราชันภูเขาม่วงไม่เพียงเป็นอาจารย์ของข้าแต่ยังเป็นอาจารย์ของไท่เป่ยหยุนเฉิงเช่นกัน”
 
ไห่ลั่วหลันคิด ‘เป็นเช่นนี้จริงๆ ความสามารถที่ทรงพลังชนิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ฟางหยวนจะสามารถมีได้ ทั้งหมดเป็นเพราะราชันภูเขาม่วง’
 
โดยไม่รู้ตัว ความหวาดกลัวต่อราชันภูเขาม่วงได้ฝังลึกเข้าไปในหัวใจของไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซาน
 
เรื่องนี้เป็นประโยชน์อย่างมากต่อฟางหยวนในการต่อต้านนางมารผลาญสวรรค์ในอนาคต
 
หลังจากกดขี่จ้าวจง จิตวิญญาณของฟางหยวนต้องแบกรับภาระหนักและทำให้เขาพบกับความยากลำบากในการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝัน
 
นี่ทำให้เขาต้องการหุบเขาเหล่าโปมากขึ้นไปอีก
 
หุบเขาเหล่าโปกับภูเขาตงฮันเป็นสองตัวช่วยที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ
 
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะไปหุบเขาเหล่าโป
 
ในชีวิตก่อนหน้าดวงวิญญาณของไห่เจิ้งอยู่ในกำมือของไห่ลั่วหลัน ข้อมูลส่วนใหญ่ที่นางได้รับจากการค้นวิญญาณถูกแบ่งปันให้กับฟางหยวน
 
ฟางหยวนรู้ว่าหุบเขาเหล่าโปเป็นฐานทัพของนิกายเงาและมีค่ายกลวิญญาณถูกติดตั้งอยู่ทุกหนทุกแห่ง
 
แม้แต่กลุ่มของฟงจิวเก้อก็ไม่สามารถทำลายค่ายกลวิญญาณเหล่านี้กระทั่งกลุ่มของฉินไป่เฉิงมาถึง
 
ตอนนี้หุบเขาเหล่าโปเต็มไปด้วยสมาชิกนิกายเงา
 
การเข้าสู่หุบเขาเหล่าโปในเวลานี้จึงไม่ต่างจากการบุกถ้ำมังกร
 
ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องรอคอยเวลาที่เหมาะสม

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด