Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 48 การเรียกตัวของสกุลฝาน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 48 การเรียกตัวของสกุลฝาน 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

 
“ศาสตร์ร่างแยก” ตงป๋อเสวี่ยอิงตั้งตารอคอยเป็นอันมาก
เขามิอาจละทิ้งดินแดนจิตโลกาไปได้ เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็มียอดฝีมือมากมายดุจเมฆ คัมภีร์ศาสตร์ลับก็มากมาย เมื่อบำเพ็ญอยู่ที่นี่จะต้องมีตัวช่วยมากมายอย่างแน่นอน แต่หลังจากสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว เขาก็อยากกลับไปยังอากาศอันสับสนอลหม่านบ้านเกิดเป็นอันมาก เพราะเขากลัวว่าหากเวลาผ่านไปนานเข้า อากาศอันสับสนอลหม่านอาจจะเกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้นมา หากคิดจะทำทั้งสิงสิ่งให้สมบูรณ์ ก็มีเพียง ‘ศาสตร์ร่างแยก’ เท่านั้น ทิ้งร่างแยกเอาไว้ในดินแดนจิตโลกา และมีร่างแยกกลับไปยังอากาศอันสับสนอลหม่านด้วย
“ข้าเดาว่าอีกไม่นานสกุลฝานแห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุอาจจะมาเชื้อเชิญเจ้าให้ไปคารวะเข้าร่วมสกุลฝานด้วยตนเอง” แม่เฒ่าอิงซานกล่าว
“สกุลฝานรึ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึง
“ใช่”
แม่เฒ่าอิงซานพยักหน้า “ในบรรดาสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ อีกสองตระกูลใหญ่นั้นไม่ค่อยเห็นรัฐภายนอกอยู่ในสายตาสักเท่าใดนัก มีเพียง ‘สกุลฝาน’ เท่านั้นที่ยินดีผูกสัมพันธ์ไปทั่วทิศ และดึงดูดให้ผู้มีพรสวรรค์ขากที่ต่างๆ เข้าร่วมสกุลฝานของพวกเขา ดั่งมหาสมุทรใหญ่รวมสายน้ำนับร้อยเอาไว้  พรสวรรค์และการรับรู้ของเจ้าสูงส่งยิ่งนัก หนึ่งพันห้าร้อยล้านปีก็บรรลุถึงขั้นอลวนชั้นที่สิบ สามารถจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ในประวัติศาสตร์ของรัฐโบราณคิมหันตวายุได้เลยทีเดียว สกุลฝานจะต้องมาเชิญเจ้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ข้อเสนอที่มอบให้เจ้าก็น่าจะดีมาก”
“จะคารวะเข้าอยู่ในสำนักของผู้ใด เจ้าก็ตัดสินใจเองเถิด” แม่เฒ่าอิงซานกล่าว
“ข้าเป็นศิษย์ภายใต้สำนักของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ มิอาจคารวะเข้าสู่ขุมอำนาจอื่นกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“สำหรับศิษย์ภายใต้สำนักทั่วไปแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ทันทีที่เปลี่ยนไปคารวะเข้าสู่ขุมอำนาจอื่น ก็เท่ากับทรยศต่อสำนัก! จะต้องถูกสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ไล่ล่าสังหาร แต่หากเจ้าคารวะเข้าสู่สกุลฝานก็แตกต่างออกไปแล้ว” แม่เฒ่าอิงซานทอดถอนใจ “ในรัฐต่างๆ รอบรัฐโบราณคิมหันตวายุ ไม่ว่าจะเป็นทางฝ่ายสี่รัฐมารทมิฬของพวกเรา หรือว่าเก้ารัฐทางเหนือของรัฐโบราณคิมหันตวายุ ไปจนถึงรัฐชั้นรองหรือรัฐชั้นสามอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง…ต่อให้บ่มเพาะผู้มีพรสวรรค์คนหนึ่งออกมา เมื่อเผชิญกับการดึงดูดของสกุลฝาน ผู้มีพรสวรรค์เข้าร่วมสกุลฝาน รัฐรอบด้านก็มิกล้าหาว่าเป็นศิษย์ทรยศ และยิ่งมิกล้าไล่ล่าสังหารเข้าไปใหญ่ แต่กลับต้องไปแสดงความยินดีกับสกุลฝานอีกด้วย”
“หากเจ้าคารวะเข้าสู่สกุลฝาน ประมุขรัฐก็ต้องแสดงความยินดีกับสกุลฝานเช่นกัน” แม่เฒ่าอิงซานทอดถอนใจ “สกุลฝานแข็งแกร่งเกินไป ลำพังแค่พละกำลังของตระกูลเดียวก็แข็งแกร่งกว่าทั้งรัฐโบราณไหนๆ ไม่ว่าจะเป็นรัฐโบราณจันทร์บุปผาหรือรัฐโบราณเสียดฟ้าแล้ว ทรัพยากรก็ลึกล้ำกว่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
เขาสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของสกุลฝานได้แล้ว
ผู้แกร่งกล้าที่ไร้เทียมทานอย่างประมุขรัฐเมฆทักษิณาก็ยังมิกล้าล่วงเกิน เพราะตัวเขาเองสามารถรอดชีวิตจากการไล่สังหารของสกุลฝานได้ แต่คนอื่นๆ ทั้งรัฐเมฆทักษิณานั้นมิอาจต้านทานสกุลฝานได้ นอกเสียจากจะสามารถทำอย่างประมุขรัฐเพรียกหิมะซึ่งไม่สนใจว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรได้
“ท่านบรรพชน ความหมายของท่านคืออะไรขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองแม่เฒ่าอิงซาน
“ข้าจะให้คำแนะนำอย่างหนึ่งแก่เจ้า”
แม่เฒ่าอิงซานกล่าวว่า “ทางประมุขรัฐนั้นใจกว้างกว่า เมื่อเจ้าคารวะเป็นอาจารย์แล้ว ก็จะได้รับวัสดุล้ำค่าต่างๆ ซึ่งจำเป็นต่อการฝึกร่างเมฆทักษิณาทิพย์ชั้นที่สิบให้ครบสมบูรณ์ทันที สิ้่งนี้มีมูลค่าถึงสองพันล้านแก้วผลึกจักรวาล นอกจากนี้ระหว่างการบำเพ็ญ ประมุขรัฐก็จะตั้งใจกับเจ้ามากกว่า ในด้านวัตถุภายนอก เขาก็จะช่วยเจ้าอย่างสุดกำลัง”
“ส่วนสกุลฝานน่ะหรือ ถึงอย่างไรก็เป็นหนึ่งในขุมอำนาจระดับยอดสุดของดินแดนจิตโลกา ภายในมีกฎระเบียบเคร่งครัด คิดจะได้มาน่ะหรือ ก็จำเป็นต้องทุ่มเทอะไรไปบ้าง! ทว่าเมื่อพลังของเจ้าแข็งแกร่งขึ้น สกุลฝานก็จะเห็นความสำคัญของเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ”
“หากความคิดของเจ้าเพียงแค่สำเร็จเป็นเทพจักรวาลทั่วไปคนหนึ่ง เช่นนั้นประมุขรัฐก็จะช่วยเหลือเจ้าได้มากกว่า เพราะถึงอย่างไรประมุขรัฐก็เป็นหนึ่งในเจ้าสำนักของสำนักใหญ่ทั้งสิบ ยินดีที่จะใช้สมบัติล้ำค่ามากมายทุ่มเทไปกับเจ้า”
“หากเจ้าอยากจะสำเร็จเป็นผู้แกร่งกล้าระดับยอดสุดของทั้งดินแดนจิตโลกาแล้วล่ะก็! จะบรรลุถึงระดับประมุขรัฐ หรือถึงขั้นอยากจะก่อตั้งรัฐโบราณสักแห่งขึ้นมาเองและบรรลุถึงระดับขั้นที่เรียกว่าไร้ศัตรูได้ สกุลฝานก็จะช่วยเหลือเจ้าได้มากกว่า เพราะสกุลฝานมีทรัพยากรลึกล้ำกว่ามากนัก นอกจากนี้สามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุก็ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกันอีกด้วย”
“เจ้าตัดสินใจเอาเองเถิด” แม่เฒ่าอิงซานกล่าว
แม่เฒ่าอิงซานเองก็รู้สึกหวั่นใจอยู่บ้าง
หากเพื่อตระกูลอิงซานแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงคารวะประมุขรัฐเป็นอาจารย์ย่อมดีกว่า
เพื่อยืนอยู่ในอันดับยอดสุดของดินแดนจิตโลกา คารวะสกุลฝานเป็นอาจารย์ย่อมดีกว่า
ทว่าประมุขรัฐมั่งคั่งมาก ก็สามารถให้วัตถุภายนอกเพื่อช่วยเหลือตงป๋อเสวี่ยอิงได้เช่นกัน นี่ก็นับว่ามีส่วนช่วย
“ต่อให้คารวะเข้าสู่สกุลฝาน ก็คงมิได้มีส่วนช่วยข้ามากมายถึงเพียงนั้นหรอกกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “เท่าที่ข้ารู้ ในทั้งสกุลฝาน ผู้ที่สามารถเทียบกับประมุขรัฐได้ก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้กระมัง”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
แม่เฒ่าอิงซานพยักหน้า “คิดจะบรรลุถึงระดับประมุขรัฐนั้นยากเย็นเพียงใด อย่างมากสกุลฝานก็ให้คำชี้แนะและคัมภีร์ศาสตร์ลับแก่เจ้าเล็กน้อยเท่านั้น! ท้ายที่สุดก็ยังต้องอาศัยตนเองอยู่ดี ส่วนประมุขรัฐเล่า เกรงว่าคงจะไม่มีคัมภีร์ศาสตร์ลับระดับยอดสุดที่เหมาะจะชี้แนะโดยตรงให้เจ้า ทว่าสามารถมอบวัตถุภายนอกให้เพื่อช่วยเหลือเจ้าได้”
“เช่นนั้นข้าก็คารวะท่านประมุขรัฐเป็นอาจารย์ดีกว่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ
“ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจหรอก หลังเจ้าพบคนของสกุลฝาน ค่อยตัดสินใจแล้วบอกข้าก็แล้วกัน” แม่เฒ่าอิงซานเกลี้ยกล่อม “เพราะเมื่อเกี่ยวข้องกับอนาคตการบำเพ็ญของเจ้า ในฐานะผู้บำเพ็ญ ยามนี้ต้องจริงจังเสียหน่อย”
……
รุ่งเช้าวันต่อมา ไอหมอกปกคลุมไปทั่ว
ฝานเทียนฉ่งมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเอง ในศาลาข้างทะเลสาบ ทั้งสองนั่งลงตรงข้ามกัน
“พี่เทียนฉ่ง เชิญขอรับ”
“ฮ่าฮ่า สุรานี้แค่ดมก็หอมแล้ว เส้นเอ็นและกระดูกทั้งร่างผ่อนคลายไปหมด น้องเสวี่ยอิงก็เป็นผู้รู้จักสุราชั้นดีนี่นา” ฝานเทียนฉ่งนั่งขัดสมาธิลงไปแล้วรินสุราให้ตนเองจอกหนึ่งทันที ก่อนจะชิมคำหนึ่ง “สุราดี แม้ก่อนหน้านี้จะไม่เคยลิ้มรสมาก่อน และเหมือนจะมิได้มีส่วนประกอบชั้นเลิศอยู่ในนั้นก็ตามที แต่กินแล้วก็สบายอุรานัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงชมชอบอาหารและสุราชั้นเลิศอย่างแท้จริง เมื่อท่องไปทั่วทิศก็มักต้องลิ้มรสอยู่เสมอ จึงย่อมเก็บรวบรวมสุราชั้นเลิศเอาไว้มากมายเป็นธรรมดา “สุรานี้ราคาไม่แพง แค่หนึ่งแก้วผลึกจักรวาลก็สามารถซื้อได้สิบกว่าไหแล้ว”
“รสเยี่ยมก็ใช้ได้แล้ว”
ฝานเทียนฉ่งพูดยิ้มๆ ว่า “ข้าก็มีเรื่องที่ต้องบอกตรงๆ ว่าข้ารับบัญชาของตระกูลมา ท่านบรรพชนของข้าผู้นั้นตกลงยินดีรับเจ้าเป็นศิษย์แล้ว”
“บรรพชนฝานหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจบีบแน่น
บรรพชนฝาน…
หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าไร้ศัตรูของทั้งดินแดนจิตโลกา ตัวเขาเพียงคนเดียวก็เพียงพอจะสร้างรัฐโบราณแห่งหนึ่งขึ้นมาได้แล้ว เคล็ดวิชาต่างๆ ที่เขาสร้างขึ้นมาล้วนแต่เป็น ‘เคล็ดสืบทอดลับ’ ที่มิได้ถ่ายทอดสู่ภายนอกง่ายๆ ต่อให้มอบแก้วผลึกจักรวาลให้เป็นหมื่นล้านก้อนก็อย่าได้คิดจะได้เห็นสักแวบหนึ่ง ศิษย์ของเขามีถึงสามคนที่สามารถเทียบกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาได้ อย่าง ‘มหาเคารพลู่เทียน’ ก็เป็นศิษย์ของบรรพชนฝาน
“จวบจนบัดนี้ท่านบรรพชนตระกูลข้าก็เพิ่งจะรับศิษย์เพียงสิบห้าคนเท่านั้น แม้แต่ข้า ท่านบรรพชนก็ยังมิได้เห็นอยู่ในสายตาเลย” ฝานเทียนฉ่งทอดถอนใจ เขาเองก็นับได้ว่าพรสวรรค์ไร้เทียมทาน แต่เห็นได้ชัดว่าสายตาของบรรพชนฝานสูงส่งนัก
“หากเจ้าคารวะเข้าอยู่ในสำนักของท่านบรรพชนข้า ก็จะได้รับเคล็ดสืบทอดลับที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุดวิชาหนึ่งทันที แล้วก็จะพุ่งตรงไปสู่จุดยอดสุดทันที” ฝานเทียนฉ่งกล่าว
“อย่างอื่นเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยถาม
“อย่างอื่นรึ”
ฝานเทียนฉ่งสะดุ้งแล้วพูดขึ้นอย่างอดมิได้ว่า “หรือเจ้ายังฟังไม่ชัดอีกว่า นี่เป็นการคารวะเข้าอยู่ในสำนักของท่านบรรพชนของข้า เจ้ายังต้องการอะไรอีกเล่า มอบเคล็ดสืบทอดลับที่จะทำให้เจ้าพุ่งตรงไปสู่จุดยอดสุดแล้ว ขอเพียงเจ้าฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สกุลฝานเราก็จะบ่มเพาะเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ในภายหน้าจะบรรลุถึงระดับเดียวกับประมุขรัฐเมฆทักษิณาของพวกเจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้”
“มีศาสตร์ร่างแยกหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามอีก
ฝานเทียนฉ่งสีหน้าเย็นชาขึ้นมา “อย่าเกินไปหน่อยเลย กฎของสกุลฝานเราก็คือผู้ที่อ่อนแอต้องเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งเหมือนกันหมด ทุกสิ่งต้องอาศัยตนเองฝ่าฟัน! เจ้าได้เคล็ดสืบทอดลับที่ทำให้เจ้าพุ่งตรงไปสู่จุดยอดสุดก็เยี่ยมยอดมากแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีเทพจักรวาลบางคนขายตนเองให้สกุลฝานเรา ก็ยังมิได้ศึกษาเคล็ดสืบทอดลับระดับนั้นเลย  ส่วนศาสตร์ร่างแยกที่เจ้าพูดถึงนั่น ขอเพียงเจ้าสร้างคุณูปการให้สกุลฝานมากพอ ก็ย่อมสามารถแลกเคล็ดลับได้ตามคุณูปการที่มี ภายในสกุลฝานเราก็มีศาสตร์ร่างแยกที่สามารถแลกมาได้เช่นกัน”
“ต้องใช้คุณูปการแลกมาอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเบาๆ
ยุ่งยากแล้ว
ศาสตร์ร่างแยก ไม่ว่าจะอยู่ในขุมอำนาจใดก็ล้วนแต่มีมูลค่าสูงอย่างยิ่งด้วยกันทั้งนั้น คุณูปการที่ต้องใช้ก็ต้องสูงมากเช่นกัน ขั้นอลวนชั้นที่สิบอย่างตนคนหนึ่งคิดจะสั่งสมคุณูปการให้มากพอ ก็มิได้ง่ายดานถึงเพียงนั้น
“หรือเจ้าไม่มีจิตคิดแย่งชิงเลยแม้แต่น้อย” ฝานเทียนฉ่งแค่นเสียง “ภายในสกุลฝานเรามีผู้แกร่งกล้ามากมายดุจเมฆ ขอเพียงเจ้าปีนขึ้นไปเองแล้วฉายประกายออกมา ก็ย่อมได้ประโยชน์มากมายมาอยู่ในมือ ยังมิทันได้คารวะอาจารย์เลย ก็อยากได้นั่นอยากได้นี่เสียแล้วหรือ”
สกุลฝานยิ่งใหญ่ กิจการก็ใหญ่โต  แต่ก็มิอาจล้างผลาญตามอำเภอใจได้
ส่วนสำนักที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาก่อตั้งขึ้นมานั้น ได้กลายเป็นหนึ่งในสิบสำนักใหญ่ ผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนจิตโลกาคารวะเข้าอยู่ในสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ แล้วทุ่มเทแก้วผลึกจักรวาลให้มากมาย เมื่อสั่งสมเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนก็น่าหวาดหวั่นแล้ว ดังนั้นประมุขรัฐเมฆทักษิณาจึงมีสิทธิ์ฟุ่มเฟือยได้!
“ข้ามั่นใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า
แม้จะมั่นใจ
แต่ตามราคาของศาสตร์ร่างแยก ด้วยความที่ภายในสกุลฝานมียอดฝีมือมากมายดุจเมฆ เกรงว่าหลังจากตนสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้ว จะต้องใช้เวลามากมายจึงจะสามารถสั่งสมคุณูปการได้เพียงพอกระมัง! ตนเสียเวลามิได้ หากตนสำเร็จเป็นเทพจักรวาลเมื่อใด ก็ต้องรีบส่งร่างแยกกลับไปยังบ้านเกิดโดยเร็วที่สุด
“มั่นใจก็ดีแล้ว” ฝานเทียนฉ่งเผยรอยยิ้มออกมา “เตรียมตัวจะไปยังรัฐโบราณคิมหันตวายุกับข้าเมื่อใดดีเล่า”
 ………………………….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด