Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 7 อิงซานเลี่ยฮู่ผู้เป็นบิดา
หอม่านเมฆคือสถานที่ผลาญเงินแหล่งใหญ่ที่สุดของเมืองอัคคีโชติ คนของตระกูลอ๋องโหวและเหล่ายอดฝีมือที่บำเพ็ญเป็นจำนวนมากล้วนชอบมาที่นี่ ขอเพียงมีแก้วผลึกจักรวาลมากพอ ต่อให้เป็นของล้ำค่าหายากเพียงใด หอม่านเมฆก็สามารถช่วยหามาได้บนเวทีปิดผนึกแห่งหนึ่ง เทพแท้ระดับผู้ปกครองสองคนกำลังห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง พลังรบของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง จนสามารถข้ามขั้นไปต่อสู้กับเทพอากาศได้เลยทีเดียวส่วนรอบเวทีการต่อสู้ กลับมีคนของตระกูลอ๋องโหวและผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งกระจายตัวกันอยู่รอบๆ พวกเขาพาสาวใช้รูปงามมาด้วยแทบจะทุกคน แม้แต่ผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งซึ่งไปไหนมาไหนเพียงลำพัง ข้างกายก็ยังมีสาวงามของหอม่านเมฆคนหรือสองคนคอบปรนนิบัติรินสุราให้ไม่นานนักการต่อสู้ยกหนึ่งก็จบลงคนหนึ่งชนะ ส่วนอีกคนก็ร่างแหลกสลายไปในท้ายที่สุด มิอาจรวมตัวกันได้อีกเทพแท้…นับได้เพียงว่าเป็นระดับที่ธรรมดามากเท่านั้น ต่อให้เป็น‘อิงซานซีเยว่’ ที่มีสายเลือดของตระกูลอ๋องโหว เนื่องจากเป็นเพียงเทพแท้ จึงนับได้ว่าเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ที่มีชาติกำเนิดต่ำกว่าเลย พวกเขาทำได้เพียงทำงานระดับต่ำที่สุดเท่านั้น หากโชคดีก็สามารถใช้ชีวิตอย่างราบรื่นได้ หากโชคไม่ดีไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเข้า เกรงว่าชีวิตก็คงจะหาไม่ดังนั้นผู้ที่มีปณิธานอย่างแท้จริง ก็จะสู้สุดชีวิต ทำให้ตนกลายเป็นผู้แกร่งกล้าส่วนการเดินขึ้นไปบน ‘เวทีเป็นตาย’ นั้นก็เป็นเส้นทางที่มีความเสี่ยงมากยิ่งนัก แต่ก็มีผลประโยชน์มากอย่างยิ่งเช่นกัน แต่ละการต่อสู้ล้วนต้องตายกันไปข้างหนึ่ง ฝ่ายที่รอดชีวิตก็จะได้ศิลาอลวนเป็นจำนวนมาก เมื่อมีทรัพยากรแล้ว การบำเพ็ญก็ย่อมรวดเร็วขึ้นมากทีเดียว“เป็นคนไร้ค่า คนไร้ค่าจริงๆ ข้าเสียแรงมากมายถึงเพียงนั้นไปเปล่าๆ ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย” อิงซานเลี่ยฮู่พลันขว้างจอกในมือทิ้ง โกรธจนคันยุบยิบไปหมด“คุณชายเลี่ยฮู่ ใจเย็นๆ ก่อนนะเจ้าคะ อีกประเดี๋ยวข้าจะช่วยท่านหาแขกดีๆมาให้สักคน จะต้องไม่ไร้ประโยชน์เหมือนคนไร้ค่านี่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” สาวงามที่ป้อนสุราให้อยู่ข้างกายเขาพูดเสียงหวาน“ฝูเอ๋อร์ ครั้งก่อนเจ้าก็พูดเช่นนี้ ครั้งนี้ข้าจะยังกล้าเชื่อเจ้าอีกหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่หมุนกาย นิ้วมือเชยคางคนงามขึ้นมา สาวงามที่มาปรนนิบัติภายในหอม่านเมฆทุกคนล้วนบำเพ็ญเคล็ดวิชาเสน่ห์ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งทั้งหลาย ก็ล้วนอดที่จะจมดิ่งลงไปในความนุ่มนวลมิได้ ช่างเป็นการดื่มด่ำโดยแท้“คุณชายเลี่ยฮู่ ท่านวางใจเถิด ฝูเอ๋อร์จะหาก่อน เมื่อหาพบแล้วท่านค่อยไปดูนะเจ้าคะ หากท่านไม่เชื่อฝูเอ๋อร์เช่นนี้ ฝูเอ๋อร์จะเสียใจจริงๆ นะเจ้าคะ”ขณะที่อิงซานเลี่ยฮู่กำลังหยอกเย้ากับสาวงามนั้น ก็พลันมีบุรุษร่างอ้วนพีเยียบเมฆดั้นด้นเข้ามาจากที่ไกลออกไปบุรุษร่างอ้วนพีผู้นี้พูดพลางหัวเราะมาตั้งแต่ไกลลิบว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายอิงซานเลี่ยฮู่ ยินดีด้วยๆ”“ยินดีหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่สะดุ้ง รู้สึกดีใจระคนตกใจขึ้นมาคนของตระกูลอ๋องโหวและผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งคนอื่นรอบด้านล้วนตกตะลึงอยู่บ้าง เนื่องจากพวกเขาล้วนจำได้ว่าผู้มาเยือนก็คือนายท่านของหอม่านเมฆ และเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองอัคคีโชติ…‘ฉุนอวี้เฟิง’ นั่นเอง ‘ฉุนอวี้เว่ยอี’ พี่ชายของฉุนอวี้เฟิงเป็นหนึ่งในสองยักษ์ใหญ่แห่งเมืองอัคคีโชติยักษ์ใหญ่อีกคนหนึ่งย่อมเป็นท่านโหวหั่วเลี่ยฉุนอวี้เว่ยอีปกครอง ‘ตำหนักทิพย์เมฆทักษิณา’ ซึ่งมียอดฝีมือมากมายดุจเมฆ จำนวนของยอดฝีมือตำหนักทิพย์เมฆทักษิณามากกว่าจวนโหวหั่วเลี่ยมากนัก เนื่องจากตำหนักทิพย์เมฆทักษิณาเป็นตัวแทนของ ‘ประมุขรัฐ’ ที่สำคัญก็คือร่างแยกของเทพจักรวาลผู้รักษาเมืองอัคคีโชติที่หลับใหลอยู่ผู้นั้น…ก็คือบรรพชนของตระกูลฉุนอวี้…จ้าวฉุนอวี้นั่นเอง! ใช่แล้ว ตระกูลฉุนอวี้เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดของรัฐเมฆทักษิณา เป็นตระกูลที่ให้กำเนิดเทพจักรวาลราชวงศ์และสามตระกูลระดับกษัตริย์ ก็คือสี่ตระกูลใหญ่เมื่อเทียบกันแล้วตระกูลอิงซานก็ยังอ่อนแอกว่าอยู่ขุมหนึ่ง ‘เจ้าแม่อิงซาน’ แห่งตระกูลอิงซานผู้นั้นก็เป็นเพียงเฟิงอ๋องเท่านั้นดังนั้น…ในฐานะน้องชายของฉุนอวี้เว่ยอี และผู้ปกครองหอม่านเมฆ สถานที่ผลาญเงินแหล่งใหญ่ที่สุดของเมืองอัคคีโชติ สถานะของ ‘ฉุนอวี้เฟิง’ จึงสูงส่งอย่างยิ่ง สามารถเทียบเทียมและพูดคุยเล่นหัวกับบรรดาผู้อาวุโสแห่งจวนโหวหั่วเลี่ยเหล่านั้นได้ อิงซานเลี่ยฮู่ซึ่งเป็นเพียงเทพแท้ระดับผู้ปกครองคนหนึ่ง…นายท่านแห่งหอม่านเมฆอย่าง ‘ฉุนอวี้เฟิง’ นั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจเลย“ประมุขหอฉุนอวี้ ท่านแสดงความยินดีกับข้าหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่รีบผุดลุกขึ้น รู้สึกตกใจระคนยินดีขึ้นมา“หรือท่านยังไม่ทราบอีก” ประมุขหอฉุนอวี้ร่างอ้วนท้วนเบิกตากว้างพลางพูดอย่างตกตะลึง “บัดนี้จวนโหวหั่วเลี่ยของพวกท่านมีเรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่เกิดขึ้น ฮูหยิน ‘หรงซิงหลัน’ ของท่าน อิงซานเลี่ยฮู่ ให้กำเนิดบุตรคนหนึ่ง เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว”เมื่ออิงซานเลี่ยฮู่เพิ่งจะได้ยินคำว่าให้กำเนิดบุตรก็มิได้ใส่ใจเท่าใดนัก แต่เมื่อได้ยิน ‘เทพอากาศ’ สามพยางค์นี้ก็ตะลึงงันไปแล้วเทพอากาศ มิอาจนับเป็นอะไรได้แต่ทารกที่เพิ่งเกิดออกมาเป็นเทพอากาศก็น่าหวาดหวั่นแล้ว แสดงให้เห็นถึงสายเลือดอันเข้มข้นที่น่าหวาดหวั่นหาใดเปรียบ!“ลูกของข้าหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่เบิกตาโพลง“อะไรนะ บุตรของอิงซานเลี่ยฮู่กำเนิดออกมาก็เป็นเทพอากาศแล้วหรือ”“ล้อเล่นหรือเปล่า”“เป็นไปได้อย่างไรกัน”คนของตระกูลอ๋องโหวคนอื่นๆ ที่อยู่รอบด้านที่ได้ยินเข้าก็ส่งเสียงอึกทึกขึ้นมา พวกเขาส่วนมากเป็นคนของตระกูลอ๋องโหวซึ่งถูกส่งมาทำการค้าอยู่ในเมืองอัคคีโชติ เมื่ออยู่ในตระกูลของตนก็ไม่นับว่ามีสถานะสูงส่งสักเท่าใดนัก แต่ก็มิได้แย่ไปกว่าอิงซานเลี่ยฮู่! ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าคนไร้ค่าอย่างอิงซานเลี่ยฮู่นั่นให้กำเนิดบุตรที่ออกมาก็เป็นเทพอากาศ ก็พากันตกตะลึงอยู่บ้าง“ละ…ลูกของข้าเกิดมาเป็นเทพอากาศอย่างนั้นหรือ ลูก ลูกของข้าอิงซานเลี่ยฮู่หรือ” อิงซานเลี่ยฮู่ตื่นเต้นขึ้นมาเขาก็เคยคิดอยากจะเป็นผู้แกร่งกล้าเช่นเดียวกับบิดา!แต่คุณสมบัติและการรับรู้ไม่เพียงพอ และเขาก็ยังเป็นบุตรที่ถือกำเนิดขึ้นมาตอนที่ท่านพ่ออย่างอ่อนแอ สายเลือดก็อ่อนแอ เมื่อบำเพ็ญต่อไปไม่ได้ และสำเร็จเป็นเทพอากาศมิได้จริงๆ แล้ว ดังนั้นจึงได้ทำลายตนเอง อาศัยสถานะดื่มด่ำอย่างเต็มที่“หรงซิงหลันหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่คิดขึ้นมาได้แล้ว นั่นคือสตรีที่เขาชิงตัวเข้าไปในจวนโหวเพราะเห็นแก่ความงามนี่นา ก่อนหน้านี้ได้ให้กำเนิดบุตรสาวแก่เขาคนหนึ่งนามว่าอิงซานซีเยว่กระมัง ตนเองก็ไม่เคยพบหน้ามาก่อนเขาคิดจะส่งสารให้หรงซิงหลันแต่กลับพบว่า ตนมิได้บันทึกรอยประทับส่งสารของหรงซิงหลันเอาไว้เสียด้วยซ้ำ“ฮูหยิน ฮูหยิน” อิงซานเลี่ยฮู่ส่งสารให้ฮูหยินใหญ่ฉานอวี้เยี่ยนเจินของตนทันที “ซิงหลันให้กำเนิดบุตรแก่ข้าคนหนึ่ง เกิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้วอย่างนั้นหรือ”“ใช่แล้ว ท่านรีบกลับมาเถิด ท่านโหวจะบันดาลโทสะแล้ว” ฉานอวี้เยี่ยนเจินตอบอย่างเรียบง่าย ยามนี้นางไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรกับสามีมากนัก“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า…”อิงซานเลี่ยฮู่พลันหัวเราะเสียงดังกังวาน ดังก้องไปทั่วตำหนักขนาดมหึมาแห่งนี้“ บุตรชายของข้าอิงซานเลี่ยฮู่ กำเนิดมาก็เป็นเทพอากาศแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า…”“พี่เลี่ยฮู่ ยินดีด้วย”“พี่เลี่ยฮู่ นับถือๆ”ยามนี้ เหล่าสหายจอมปลอมไปจนถึงพวกคนที่ดูแคลนอิงซานเลี่ยฮู่เหล่านั้น แต่ละคนพากันส่งเสียงแสดงความยินดี!อิงซานเลี่ยฮู่หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วหมุนกายพลางสะบัดอาภรณ์คราหนึ่ง “ไป กลับจวนโหวกันเถอะ”“ขอรับ เจ้านาย” บ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งด้านหลังเขารับคำด้วยน้ำเสียงที่ก้องกังวานกว่าก่อนหน้านี้มากนัก บรรดาบ่าวรับใช้ต่างก็มีใจฮึกเหิมขึ้นมาฟิ้วเมื่อออกจากหอม่านเมฆอิงซานเลี่ยฮู่นั่งลงบนราชรถอย่างเย่อหยิ่ง บรรดาบ่าวรับใช้ก็ปรนนิบัติอยู่บนราชรถ สัตว์ประหลาดลากราชรถทะยานข้ามขอบฟ้ามุ่งหน้าไปทางจวนโหวอย่างรวดเร็วเพียงชั่วจอกชาหนึ่ง“สวบ”กลางอากาศก็มีชายชราอาภรณ์สีเทาผู้หนึ่งปรากฏกายขึ้น เห็นได้ชัดว่าเร่งเคลื่อนที่ในพริบตามา เมื่อเขาเห็นอิงซานเลี่ยฮู่ก็แค่นเสียงพูดว่า “อิงซานเลี่ยฮู่ ท่านโหวให้ท่านไปพบโดยเร็ว ไปกับข้า”“เป็นผู้อาวุโสเถียนหรือ ดีๆๆ” อิงซานเลี่ยฮู่กระตือรือร้นเป็นอันมากชายชราอาภรณ์สีเทากลับจับตัวอิงซานเลี่ยฮู่เอาไว้ด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วก็เร่งเคลื่อนที่ในพริบตาไปทันที ขณะที่อิงซานเลี่ยฮู่ถูกจับตัวไปนั้นก็ยังกำชับลูกน้องว่า “นำราชรถของข้ากลับไปด้วยล่ะ ไม่สิ อีกเดี๋ยวรถนี่ต้องเปลี่ยนใหม่แล้ว!” อิงซานเลี่ยฮู่ฝันหวานถึงชีวิตอันงดงามต่อจากนี้เรียบร้อยแล้วสวบๆ…ภายใต้การเคลื่อนที่ในพริบตา ชายชราอาภรณ์สีเทาก็พาอิงซานเลี่ยฮู่กลับถึงจวนโหวอย่างรวดเร็ว และมาถึงบริเวณที่ท่านโหวพำนักอยู่“รออยู่ที่นี่แหละ” ชายชราอาภรณ์สีเทาพาอิงซานเลี่ยฮู่ร่อนลงมา“นี่มันเรื่องอันใดกัน” อิงซานเลี่ยฮู่มองไปข้างหน้า ทหารรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งล้วนมีสีหน้าเย็นชา บรรยากาศก็ออกจะกดดันอยู่บ้าง แม้แต่ชายชราอาภรณ์สีเทาก็ไม่มีรอยยิ้มเลยแม้แต่น้อย“มิใช่เรื่องน่ายินดีครั้งใหญ่หรอกหรือ นี่มันเรื่องอันใดกัน ชวนให้ตกใจถึงเพียงนี้” อิงซานเลี่ยฮู่หดคอมองไปรอบด้าน เขามายังที่พำนักของบิดาน้อยมาก เพราะหากท่านพ่อไม่เรียกพบแล้ว เขาก็ไม่มีคุณสมบัติเข้ามา“ผู้อาวุโสเถียน บุตรชายคนนั้นของข้าเล่า” อิงซานเลี่ยฮู่ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ บุตรชายที่เกิดมาก็เป็นเทพอากาศเชียวนะ ตอนนี้เขารู้สึกคับข้องใจที่ก่อนหน้านี้มิได้ไปเยี่ยมเยียนให้มากหน่อย ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นบุตรชายของตนอยู่ดี!“คุณชายเสวี่ยอิงอยู่กับท่านโหว” ชายชราอาภรณ์สีเทาเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งทันใดนั้นภายในโถงตำหนักไกลออกไปก็มีเสียงตะคอกอย่างโมโหดังขึ้น “ไปจับตัวนางตัวร้ายฉานอวี้เยี่ยนเจินมาเดี๋ยวนี้”อิงซานเลี่ยฮู่ถูกเสียงตะคอกอย่างโมโหนี้ทำเอาตกใจเสียจนใจสั่นแข้งขาอ่อนไปหมด ฉานอวี้เยี่ยนเจินหรือ มิใช่ฮูหยินของตนหรอกหรือ …………………………………
คอมเม้นต์