Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 15 เยี่ยมเยียน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 15 เยี่ยมเยียน 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ยามราตรี
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ในลานเพียงลำพัง ภาพกลางอากาศเบื้องหน้ามีภาพของการต่อสู้ปรากฏขึ้น ซึ่งก็คือภาพการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ที่บุกฝ่าเจดีย์ดาว ส่วนด้านข้างก็มีสาวใช้คอยปรนนิบัติต้มสุราและรินสุราให้
เขาฉวยจอกสุราขึ้นมาแล้วจิบเบาๆ คำหนึ่ง
“ร่างกายยังแข็งแกร่งนัก น่าจะเป็นระบบพลรบที่แข็งแกร่งที่สุด” ตงป๋อเสวี่ยอิงสำรวจดู ในใจก็ประเมินออกมาอย่างรวดเร็ว “เป็นปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่นี่มิใช่เรื่องง่ายเลย”
ลำพังแค่ต้องดูภาพเงาของการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์หมื่นกว่าคนและทำการวิเคราะห์พลังของพวกเขาออกมาก็มิใช่เรื่องง่ายแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังต้องคำนึงถึงเบื้องหลังความเป็นมาและอายุของพวกเขาด้วยอีกต่างหาก แม้ส่วนมากจะถูกเขี่ยทิ้งออกไปในพริบตา แต่ก็ยังมีผู้ที่ต้องใคร่ครวญโดยละเอียดอยู่อีกกว่าพันคน พวกเขามีขั้นตอนการบำเพ็ญของแต่ละคน มีพลังและด้านที่แต่ละคนถนัดแตกต่างกันไป
“คนผู้นี้บุกฝ่าได้แค่เจดีย์ดาวชั้นที่หนึ่งเท่านั้นเองรึ อ่อนแอเกินไปแล้ว!” ตงป๋อเสวี่ยอิงคัดออกไปทันที ต่อให้มีสภาพการบำเพ็ญที่ย่ำแย่กว่านี้ หรือถึงขั้นไม่มีวิชาศาสตร์ลับ แต่ขอเพียงมีการรับรู้ที่สูงส่งพอ จะบรรลุขั้นรวมเป็นหนึ่งทั้งที ก็ไม่ควรมีพลังระดับชั้นที่หนึ่งซึ่งต่ำที่สุดเลย
ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์หมื่นกว่าคนในครั้งนี้
ผู้ที่บุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่สี่ได้มีเพียงคนเดียว! มีนามว่า ‘ชางฉงเทียนอวิ๋น’ บำเพ็ญมาหนึ่งล้านสองแสนล้านปี เป็นผู้บำเพ็ญไร้สังกัดคนหนึ่งโดยแท้ ไม่เคยได้รับการชี้แนะจากผู้แกร่งกล้าที่ร้ายกาจมาก่อน! เขาดึงดูดความสนใจจากหกสถานที่ศัจดิ์สิทธิ์ได้ตั้งนานแล้ว เพราะหากไม่มีคัมภีร์และทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วนของวังทวีสูญ ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญเป็นล้านล้านปีก็ไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้! แต่แน่นอนว่าอาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าชางฉงเทียนอวิ๋นก็เป็นได้!
ผู้ที่บุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่สามได้มีถึงสามร้อยเก้าสิบสองคน!
ผู้ที่บุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่สองได้มีถึงสี่พันสิบแปดคน
ที่เหลือล้วนบุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่หนึ่งได้ทั้งสิ้น เพราะดีร้ายอย่างไรก็เป็นขั้นรวมเป็นหนึ่ง คงไม่ถึงกับบุกฝ่าเจดีย์ดาวชั้นที่หนึ่งก็ยังไม่ได้
“ผู้อาวุโส” ทหารรักษาการณ์คนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกประตูลานแล้วพูดด้วยความเคารพนบนอบว่า “จ้าวหลงฉางกำลังขอเข้าพบอยู่นอกจวนขอรับ”
“รีบเชิญเข้ามาเร็ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
จากนั้นเขาก็มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาด้วยการยืดกายขึ้นทันทีแล้วเดินออกไปข้างนอก ในใจก็คิดว่า  “นี่สิจึงจะเป็นเรื่องยุ่งยากของผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์!”
หกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ล้วนรับศิษย์อย่างรอบคอบและมีจำนวนน้อยนัก ‘งานชุมนุมใหญ่ดวงดารา’ นั้นเป็นโอกาสอันหาได้ยากที่จะได้เข้าร่วมหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเข้าไปต่อให้ไม่ได้ทรัพยากรมา ก็เป็นยันต์รักษาชีวิตอันไร้รูปร่าง! เพราะถึงอย่างไรเมื่อศัตรูได้ยินว่าเป็นศิษย์ของหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะเกิดความหวั่นเกรงในใจขึ้นมา หากสถานะสูงส่งพอ ต่อให้เป็นเทพจักรวาลก็มิอาจลงมือสังหารได้โดยง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขั้นอลวนเลย
ส่วนห้าปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่
ประมุขวังเจียงฝู่มีสถานะเช่นใดน่ะหรือ แม่ทัพเทียนกวง บรรพชนงูอู่เจ๋อและประมุขเกาะจื่อถู ทั้งสามคนล้วนแต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งในหมู่ขั้นอลวนระดับเจดีย์ดาวชั้นที่แปด คิดจะเชิญพวกเขาให้มาช่วยเหลือนั้นยากยิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่าเมื่อมองโดยผิวเผินแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเป็นเพียงขั้นรวมเป็นหนึ่งนั้นสามารถ ‘จัดการ’ ได้ง่ายดายที่สุด
“ข้าออกคำสั่งไปก่อนแล้วว่า จะไม่พบขั้นรวมเป็นหนึ่งหน้าไหนทั้งนั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “แต่ขั้นอลวนจะไม่แม้แต่พบหน้าก็มิได้”
ตนนับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาขั้นรวมเป็นหนึ่งของหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์! ขั้นรวมเป็นหนึ่งคนอื่นๆ เขาจะไม่พบหน้าทั้งหมด โดยมิได้พุ่งเป้าไปที่รายบุคคล หากแต่จะไม่พบขั้นรวมเป็นหนึ่งทั้งหมด ยอดฝีมือขั้นรวมเป็นหนึ่งที่คิดจะขอพบเหล่านั้นก็คงไม่โกรธสักเท่าใดนัก
แต่ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนนั้นไม่เหมือนกัน! พวกเขามาเยี่ยมเยียนขั้นรวมเป็นหนึ่งคนหนึ่งด้วยตนเองก็นับว่าไว้หน้ามากแล้ว หากปฏิเสธก็เกินไปหน่อยแล้ว
“เคราะห์ดี! ผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ที่มีเบื้องหลังใหญ่โตเป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนซึ่งมาเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดารานี้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ผู้ที่มาเยี่ยมเยียนข้าก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ เกรงว่าคงจะน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ ยิ่งมีจำนวนน้อยก็ยิ่งรับมือได้ดี
ณ ประตูจวน
มีบุรุษท่าทางดูเหมือนจะเยียบเย็นคนหนึ่งยืนอยู่ เขาดูเหมือนจะธรรมดาสามัญ กลิ่นอายก็เก็บงำเอาไว้ภายในอย่างสิ้นเชิง หากไม่รู้จักก็เกรงว่าคงจะคิดไม่ถึงว่าเขาคือจ้าวหลงฉางผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกล!  แม้จ้าวหลงฉางจะมิได้สวามิภักดิ์ต่อขุมอำนาจสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ใด แต่กลับมุ่งหน้าไปยังชายขอบของห้วงอากาศด้วยตนเอง เขาแกร่งกล้านัก เผ่ามารทำลายล้างที่เขาสังหารก็มีจำนวนมากมายยิ่งนัก ได้รับการยอมรับนับถือจากยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนเป็นจำนวนมาก
เขา องอาจ มีความเที่ยงธรรม ไม่เสียดายชีวิต ตงป๋อเสวี่ยอิงก็นับถือเขาเป็นอันมาก
“จ้าวหลงฉาง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
“เดิมทีที่ข้าก็รบกวนผู้อาวุโสอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจะยังมารับข้าด้วยตนเองอีก” จ้าวหลงฉางยิ้ม
“จ้าวท่านมาพบข้าก็นับเป็นเกียรติของข้า ข้าจะกล้าเชื่องช้าได้อย่างไร เชิญจ้าวท่านขอรับ” อีกฝ่ายปฏิบัติตนอย่างมีมารยาท ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมไม่ออกนอกลู่นอกทาง
เขาต้อนรับจ้าวหลงฉางเข้าไปในคูหา
พวกเขานั่งอยู่ในลานกันสองคน ด้านหนึ่งมีสาวใช้คอยรินสุราให้เขาและจ้าวหลงฉาง
“เจ้าถอยออกไปก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงกำชับ
“เจ้าค่ะ” สาวใช้ถอยออกไป
จ้าวหลงฉางพูดยิ้มๆ ว่า “ข้ารู้ว่าบัดนี้ผู้อาวุโสงานยุ่งมาก ข้าก็จะไม่ถ่วงเวลามากนัก ที่ข้ามาก็ด้วยหวังว่าผู้อาวุโสจะช่วยข้าสักเรื่องหนึ่งน่ะ”
“เอาแล้วสิ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบลำบากใจ
“เชิญพูดมาเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราในครั้งนี้มีศิษย์ของจ้าวหลงฉางอยู่คนหนึ่งจริงๆ อันดับอยู่ที่ราวหกร้อยกว่า เพียงแต่บำเพ็ญมาเป็นเวลายาวนานมากถึงหนึ่งล้านแปดแสนล้านปี ทั้งยังมีจ้าวหลงฉางคอยชี้แนะด้วยตนเองยังอยู่ในอันดับที่หกร้อยกว่า ผู้ที่อันดับมาก่อนเขาย่อมมีคุณสมบัติที่จะถูกเลือกมากกว่าเขาอยู่แล้ว
“เขามีนามว่า ‘เฉินฉง’ น่ะ” จ้าวหลงฉางกล่าว
“อา” ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง
เฉินฉงหรือ
คนผู้นี้มิใช่ศิษย์ของจ้าวหลงฉาง หากแต่เป็นผู้บำเพ็ญไร้สังกัดอีกคนหนึ่งที่ไร้เบื้องหลัง
“เขาเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองของสหายเก่าของข้าคนหนึ่งน่ะ” จ้าวหลงฉางทอดถอนใจ “สหายเก่าข้าก็เป็นเพียงแค่ขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น ครั้งนี้ข้าพาศิษย์มาด้วย เมื่อได้พบเจ้าหนุ่มเฉินฉงคนนี้…เพียงแวบเดียวก็จำความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสหายสนิทได้แล้ว น่าเสียดายที่สหายข้าได้สิ้นใจไปแล้ว นี่เป็นศิษย์ที่เขารับไว้ก่อนจากไป ตอนเขาสิ้นใจ เจ้าหนุ่มคนนี้ก็เพิ่งจะสำเร็จเป็นเทพแท้เท่านั้น จากนั้นเขาก็พึ่งพาตนเองในการบำเพ็ญมาตลอดจนบัดนี้ ข้าเคยทดสอบเขามาก่อน ความสามารถที่ซ่อนอยู่และการรับรู้ของเขาเหนือกว่าศิษย์คนนั้นของข้ามากนัก ดังนั้นข้าจึงได้บากหน้ามาที่นี่ หวังว่าจะสามารถให้โอกาสเจ้าหนุ่มคนนี้สักครั้ง”
“เฉินฉงหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงย่อมจำเจ้าหนุ่มผู้นี้ได้อยู่แล้ว
อันดับของเขาต่ำมาก จัดอยู่ที่อันดับสองพันเอ็ด แต่เวลาในการบำเพ็ญกลับสั้นยิ่งนัก เพียงแค่แปดหมื่นกว่าล้านปีเท่านั้น! ในฐานะผู้บำเพ็ญไร้สังกัดคนหนึ่ง เวลาในการบำเพ็ญยังไม่ถึงแสนล้านปีเสียด้วยซ้ำ จึงนับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว
“เวลาในการบำเพ็ญของเขาสั้นมาก ในบรรดาผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่ดวงดาราครั้งนี้ หากพูดถึงระยะเวลาในการบำเพ็ญแล้ว เขาจัดเป็นอันดับที่สอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “แม้อันดับจะค่อนข้างต่ำ แต่ความสามารถที่ซ่อนอยู่กลับสูงยิ่งนัก ต่อให้จ้าวหลงฉางมิได้มาพบข้า เขาก็มีโอกาสสูงยิ่งนักที่จะถูกปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่เลือก”
“ข้ารู้ดี หากความสามารถที่ซ่อนอยู่ของเขาใช้ไม่ได้ ข้าก็คงไม่มาหรอก” จ้าวหลงฉางกล่าว “ข้าแค่กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น เพราะถึงอย่างไรครั้งนี้ก็มีผู้มีพรสวรรค์มากมายนัก”
“ข้าจะค้นคว้าดูอย่างละเอียดและพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้พูดฟันธงไป เพราะถึงอย่างไรเขาก็ยังมิได้ดูภาพเงาการต่อสู้ของผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ส่วนใหญ่เลย
“ดี”
จ้าวหลงฉางยืดกายขึ้นพลางพูดยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งจ้าวหลงฉางจากไปทันที
“ฟิ้ว จ้าวหลงฉางผู้นี้ช่างพูดได้ดีเสียจริง” หลังอีกฝ่ายจากไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ชมดูภาพเงาอยู่ในลานต่อไป “ยังคิดว่าเขาจะมาพูดแทนศิษย์เสียอีก แต่กลับมาพูดแทนศิษย์ของสหายเก่าเสียอย่างนั้น นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีความสามารถที่ซ่อนอยู่สูงยิ่งคนหนึ่งอีกด้วย”
……
เนื่องจากเป็นเวลาถึงพันปี
บางคนที่คิดจะพูดเกลี้ยกล่อมก็มิได้รีบร้อน แต่จ้าวหลงฉางกลับไปเยี่ยมเยียนปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ทั้งห้าทีละคนตั้งแต่วันแรก แล้วขอให้พวกเขาช่วยจับตามอง ‘เฉินฉง’ และปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่ที่ไปเยี่ยมเยียนเป็นคนสุดท้ายคือ ‘ประมุขวังเจียงฝู่’ ก็ได้โพล่งออกไปทันทีว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า พี่หลงฉาง วางใจให้เต็มที่เถิด เจ้าหนุ่มเฉินฉงคนนี้ข้าจะเลือกให้เอง ครั้งนี้ข้าขอรับหน้าที่ปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่เองด้วยคิดจะรับศิษย์สักคนสองคน ข้าชอบเจ้าหนุ่มเฉินฉงผู้นี้มาก หากมีวาสนา เขาอาจจะกลายเป็นศิษย์ถ่ายทอดเองของข้าก็เป็นได้”
จ้าวหลงฉางยินดีอย่างมากขึ้นมาทันที “ฮ่าฮ่า หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องไปหาปรมาจารย์แห่งงานชุมนุมใหญ่อีกสี่ท่านแล้ว”
ทว่าเมื่อคิดดูโดยละเอียด เขาก็พบว่ารูปแบบการต่อสู้ของเฉินฉงนั้นคล้ายกับประมุขวังเจียงฝู่มากจริงๆ
“เฉินฉงน่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลใจไปหรอก แต่ศิษย์ของเจ้าเองต่างหากที่ความสามารถที่ซ่อนอยู่ดูเหมือนจะธรรมดาสามัญ” ประมุขวังเจียงฝู่ส่ายหน้า
“ไหนเลยจะเก่งกาจไปทุกคนได้เล่า” จ้าวหลงฉางกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
……
และวันคืนต่อจากนั้น ก็มียักษ์ใหญ่ขั้นอลวนสองท่านมาเยี่ยมเยียนตงป๋อเสวี่ยอิงต่อเนื่องกัน เพียงแต่ว่าผู้บำเพ็ญเปี่ยมพรสวรรค์ที่พวกเขาคิดจะให้ช่วยเหลือนั้น หากพูดถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่แล้วก็ห่างไกลจาก ‘เฉินฉง’ ลิบลับ ถึงขั้นที่ว่าตามการวิเคราะห์ของตงป๋อเสวี่ยอิง น่าจะเข้าสู่สามร้อยอันดับแรกมิได้เสียด้วยซ้ำไป! แม้ในใจจะตัดสินแล้วว่าจะเขี่ยทิ้งไป ทว่าฉากหน้าก็มิได้พูดตัดรอน และก็มิได้รับปาก
หนึ่งเดือนหลังจากการจัดงานชุมนุมใหญ่ดวงดารา
“ผู้อาวุโส จักรพรรดิสิงหั่วมาเยี่ยมเยียนขอรับ” แม้แต่ทหารรักษาการณ์ก็มิกล้าพูดว่า ‘ขอพบ’ สองคำนี้ออกมา
“จักรพรรดิสิงหั่วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจใหญ่ นี่คือสิ่งมีชีวิตระดับเจดีย์ดาวชั้นที่เก้าเชียวนะ เทพจักรวาลก็ยังต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างมีมารยาทเลย
“ขมขื่นใจนัก! ระยะเวลาในการบำเพ็ญของศิษย์เขาคนนั้นค่อนข้างยาวนาน อันดับก็ต่ำเกินไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกขมขื่นใจ เขามีความรู้สึกดีต่อสิงหั่วสวินอีตั้งแต่ก่อนเข้าร่วมงานต่อสู้แล้ว เพียงแต่อีกฝ่ายแสดงผลงานออกมาได้ธรรมดาเกินไป หากพูดถึงความสามารถที่ซ่อนอยู่ หากเอามาจัดอันดับก็คงเกินหนึ่งพันอันดับแล้ว!
 ……………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด