Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 29 คิดค้นศาสตร์ลับ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 29 คิดค้นศาสตร์ลับ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

 
เพียงพริบตาเดียว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พาตงป๋ออวี้ไปถึงท้องฟ้าเหนือทะเลหมอกดำแล้ว
จวนจ้าวในตอนนี้ โดยทั่วไปล้วนแต่เป็นตงป๋อชิงเหยาที่จัดการทุกสิ่ง
“เสวี่ยอิงหรือ”
เมื่ออวี๋จิ้งชิวซึ่งถูกบุตรสาวเชิญออกมาจากโลกคูหาสวรรค์เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงก็พลันยินดีเป็นอย่างมากขึ้นมา ความวิตกกังวลจนล้นใจก่อนหน้านี้มลายหายไปจนสิ้นในพริบตา
ตงป๋อเสวี่ยอิงและภรรยาสบสายตากัน
ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาสองพี่น้องที่อยู่ด้านข้างก็สบตากัน ตงป๋อชิงเหยาก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านคุยกันไปนะเจ้าคะ ข้าและน้องชายจะไปเตรียมของกินมา” พูดจบพวกเขาสองพี่น้องก็จากไปทันที
ภายในโถงตำหนักเหลือเพียงสองสามีภรรยาเท่านั้น
“ข้ากลับมาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยเสียงเบา “โชคดี สมบัติล้ำค่าที่อยากได้ก็ได้มาในเวลาไม่นานแล้ว ดังนั้นข้าจึงกลับมาดูก่อน”
อวี๋จิ้งชิวเดินมา “พวกเราออกไปเดินเล่นกันหน่อย”
“อื้ม”
สองสามีภรรยาเดินอยู่ในจวนจ้าวตงป๋อพลางจูงมือกัน ราวกับทุกสิ่งสงบมาก พวกเขาต่างก็บำเพ็ญมายาวนานยิ่งนัก ความรู้สึกจึงย่อมซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจเป็นธรรมดา
“ตอนนั้นท่านดึงดันจะเดินทางไปในอากาศอันสับสนอลหม่านให้ได้…ข้าและอวี้เอ๋อร์กับชิงเหยาต่างก็กังวลใจมาก แต่กลับเกลี้ยกล่อมท่ามิได้เลย” อวี๋จิ้งชิวกล่าว
“เจ้าก็รู้นิสัยข้าดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม
“กลับมาก็ดีแล้ว” อวี๋จิ้งชิวกล่าว
“เจ้าบำเพ็ญเป็นอย่างไรบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “เล่าให้ข้าฟังหน่อย”
……
สองสามีภรรยาเริ่มสนทนากันถึงปัญหาต่างๆ ที่พบระหว่างการบำเพ็ญ ระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้สูงขึ้นมากแล้ว ต่อให้เทียบกับจอมกระบี่ที่ยังอยู่ในจักรวาลบ้านเกิดในตอนนั้นก็ตาม แม้จะกล่าวว่าในตอนนั้นจอมกระบี่เป็นขั้นอลวน แต่หากพูดถึงสิ่งที่ได้พบเห็นมาแล้ว…ตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้กลับสูงยิ่งกว่า ถึงอย่างไรเขาก็เคยอ่านคัมภีร์ทั้งหมดในตำหนักหมื่นรูปแห่งวังทวีสูญมาแล้ว และยังได้อ่านคัมภีร์ทั้งหมดที่จักรพรรดิเก้าเมฆาเก็บรวบรวมเอาไว้อีกด้วย การชี้แนะของเขาจึงมักจะกระตุ้นอวี๋จิ้งชิวได้
“ต้องการหัวใจหลิวเมฆาแดงหนึ่งชุด ผู้ที่มีโปรดมาสนทนากันโดยละเอียด” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่งสารไปภายในวังทวีสูญ ขณะเดียวกันก็ส่งสารเสนอซื้อหัวใจหลิวเมฆาแดงชุดหนึ่งไปที่หอทะเลสัตตดาราด้วย
แน่นอนว่าตงป๋อเสวี่ยอิงล้วนปิดบังสถานะเอาไว้
ผู้อื่นรู้เพียงว่าเป็นสารเสนอซื้อที่ส่งมาภายในวังทวีสูญ
“หวังว่าจะได้มาโดยเร็ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
เนื่องจากอวี้เอ๋อร์หลุดพ้นแล้ว ดังนั้นแค่เตรียมหัวใจหลิวเมฆาแดงชุดหนึ่งให้ภรรยาก็เป็นอันใช้ได้แล้ว  สิ่งที่ตนได้มาจากขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆานั้นเพียงพอแล้ว! ตอนนี้ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ…ต้องมีหัวใจหลิวเมฆาแดงมาขาย! สมบัติล้ำค่ามูลค่าราวศิลาปฐมโลกาหกพันก้อน ของล้ำค่าหายากที่บ่มเพาะออกมาระดับนี้ พบเห็นได้ยากยิ่งนัก มิใช่ว่าอยากซื้อก็จะหาซื้อได้ทันที
ภายในวังทวีสูญ เกรงว่าคงจะหาพบได้ยากนัก
หอทะเลสัตตดารา…เป็นขุมอำนาจที่ทำการค้าขาย เมื่อปล่อยข่าวออกไป หากใช้เวลานานหน่อยก็น่าจะหาหัวใจหลิวเมฆาแดงมาได้
“ทางเลือกแรกก็คือหัวใจหลิวเมฆาแดง หากข้าหาไม่ได้ ก็คงได้แต่หน้าหนาไปขอให้บรรพชนเทียนอวี๋ช่วยหาดู หากมิได้จริงๆ แล้ว…ค่อยถอยมาใช้ตัวเลือกรองลงมา เลือกวัตถุที่ช่วยในการบำเพ็ญอื่นๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
สูงกว่าหัวใจหลิวเมฆาแดงหรือ
ก็มีอยู่
นั่นก็คือ ‘หัวใจนิรันดร์’ ‘ผลปฐมโลกา’ และสิ่งอื่นๆ ที่สามารถหลุดพ้นได้โดยตรง แต่นั่นเป็นสิ่งที่แม้แต่เทพจักรวาลก็ยังยากจะได้มา อย่างเช่นเพื่อหัวใจนิรันดร์ดวงหนึ่ง…ราชันย์มีดก็ยังร่วมมือกับบรรพชนทิพย์สังหารเทพจักรวาลผู้หนึ่ง ราชันย์มีดและบรรพชนทิพย์นั้นจัดอยู่ในระดับสองของสิ่งมีชีวิตระดับยอดสุดเลยทีเดียว
ดังนั้นต่อให้มีพลังเช่นทุกวันนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิกล้าฟุ่มเฟือย หัวใจหลิวเมฆาแดงก็ดีมากแล้ว
******
“อื้ม ข้าจะลองดูอีกที”
อวี๋จิ้งชิวพบว่าการชี้แนะของสามีตนในตอนนี้ มักจะชี้ปัญหาจากมุมมองและวิธีการบำเพ็ญที่แตกต่างกัน และกระตุ้นนางครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้อวี๋จิ้งชิวมีแรงผลักดันจุดประกายขึ้นอีกครั้ง
“จิ้งชิว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่งแล้วนำศิลาปฐมโลกาออกมาถึงหนึ่งร้อยก้อน
เมื่อมองเห็นก้อนศิลาซึ่งเปล่งสีสันแปลกประหลาดตรงหน้าเหล่านี้ อวี๋จิ้งชิวก็รู้สึกว่าวิญญาณของตนเกิดแรงผลักดันอันแรงกล้าที่จะกลืนกินลงไปให้หมดด้วยความหิวโหย นางถึงขั้นข่มกลั้นเอาไว้ไม่ได้
“ไม่จำเป็นต้องข่มกลั้นแรงผลักดันของวิญญาณหรอกนะ ให้วิญญาณดูดซับพลังงานของมันไปให้หมดตามธรรมชาติ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว “กินเข้าไปในกายก้อนหนึ่ง ค่อยๆ ดูดซับ เมื่อดูดซับหมดก้อนหนึ่งก็ค่อยกินก้อนต่อไป”
อวี๋จิ้งชิวมิได้ปฏิเสธ
เพราะนางเชื่อมั่นในตัวสามีอย่างเต็มที่
ศิลาปฐมโลกาแต่ละก้อนถูกกินเข้าไปในกาย หลังจากดูดซับลงไปตามสัญชาตญาณของวิญญาณแล้ว อวี๋จิ้งชิวก็ดำดิ่งลงไป ความรู้สึกเช่นนี้ช่างแสนวิเศษ นางใช้เวลาถึงสามวันเต็มๆ ในการดูดซับศิลาปฐมโลกาหนึ่งร้อยก้อนจึงจะกินลงไปจนหมด สาเหตุหลักก็เพราะวิญญาณของนางค่อนข้างอ่อนแอ จึงดูดซับได้ค่อนข้างช้า
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูอยู่ข้างๆ เขาบำเพ็ญมาจนบัดนี้ ยังมิเคยลิ้มรสศิลาปฐมโลกาเลย
“เป็นอย่างไรบ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงรอจนภรรยาดูดซับศิลาปฐมโลกาทั้งร้อยก้อนนี้ลงไปหมดแล้วจึงถามขึ้น
“วิญญาณของข้าแข็งแกร่งและมั่นคงขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว” อวี๋จิ้งชิวรู้สึกตกใจมาก “คาดว่าคงจะสามารถยืนหยัดได้นานกว่าก่อนหน้านี้อย่างน้อยห้าร้อยล้านปี อีกทั้งตอนนี้วิญญาณของข้ารู้สึกวิเศษนัก คาดว่าผลของการบำเพ็ญและการรับรู้ก็คงจะดีอย่างยิ่งด้วย”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ให้เทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นกินศิลาปฐมโลกานั้นเป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือยอย่างมาก
เพราะศิลาปฐมโลกานั้นมีประโยชน์แม้กระทั่งกับเทพจักรวาล! ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงให้ภรรยากิน ก็เพราะศิลาปฐมโลกาจัดว่านุ่มนวลที่สุดแล้วถ้าเทียบกับสิ่งอื่น ทั้งยังมีส่วนช่วยวิญญาณรอบด้านที่สุด อายุขัยของภรรยาก็ยังสามารถยืดออกไปได้บ้างอีกด้วย
“เจ้าลองบำเพ็ญดูสิว่าจะสามารถหลุดพ้นในรวดเดียวได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
หากไม่ได้แล้ว
ภายหน้ายังมี ‘หัวใจหลิวเมฆาแดง’ ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำเพ็ญดีกว่ามากอยู่อีก หัวใจหลิวเมฆาแดงมีมูลค่าศิลาปฐมโลกาหกพันก้อน แต่สำหรับการช่วยในการบำเพ็ญของเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นแล้ว ผลของมันเพียงพอจะเทียบได้กับการกินศิลาปฐมโลกากว่าแสนก้อนลงไปเลยทีเดียว! เท่าที่ทราบกัน ถือเป็นวัตถุที่ส่งเสริมการบำเพ็ญได้ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นแล้ว
ศิลาปฐมโลกาหกพันก้อน เกรงว่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่อ่อนแอบางคนคงจะต้องทุ่มสมบัติล้ำค่าจนหมดตัวเลยทีเดียว
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยภรรยาไปพลาง สะสางสิ่งที่ได้รับรู้จากการบำเพ็ญของตนไปพลาง แล้วเริ่มเขียนศาสตร์ลับวิชาแล้ววิชาเล่าขึ้นมา
ศาสตร์ลับที่เขาเขียนขึ้นนั้นเริ่มตั้งแต่ช่วงเทพโลกาไปจนถึงช่วงที่เข้าสู่เทพอากาศ!
ตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้มีระดับขั้นเช่นไรกัน
หากพูดถึงพลังแล้ว ก็ไม่แพ้จอมมารในจักรวาลบ้านเกิดตอนนั้นเลย หากพูดถึงสิ่งที่ได้พบเห็นมาแล้วก็ยิ่งเหนือกว่าลิบลับ! ตงป๋อเสวี่ยอิงถึงขั้นคิดค้นศาสตร์ลับจำพวกมังกรมัจฉาปลิดชีพขึ้นมา บัดนี้สิ่งที่เขาต้องการก็มีเพียงศาสตร์ลับช่วงเทพโลกาและเทพแท้เท่านั้น…เขาสามารถเขียนขึ้นได้ตลอดเวลาจริงๆ หากพูดถึงอานุภาพแล้วก็แข็งแกร่งกว่าจรัสยิ่งและกายทิพย์ทลายสุดขั้วมากนัก
บางวิชายังแข็งแกร่งกว่าร่างแท้หมื่นมารของจอมมารเสียด้วยซ้ำ!
แน่นอนว่าหลังจากจอมมารเข้าไปในวังทวีสูญแล้ว ร่างแท้หมื่นมารในตอนนี้ก็ย่อมเก่งกาจขึ้นเป็นธรรมดา แต่ร่างแท้หมื่นมารที่เขาทิ้งเอาไว้ในจักรวาลบ้านเกิดในตอนนั้น…ก็ไม่อยู่ในสายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงอีกต่อไปแล้ว ถึงอย่างไรการบำเพ็ญตามปกติของเขาก็ใช้ศาสตร์ลับระดับจักรวาลอย่างสิบสามกระบี่ผลาญโลกา แผนภาพคลื่นจานหรือโลกอนธการอยู่แล้ว แม้โลกอนธการจะเป็นเพียงแค่สองกระบวนท่า แต่ทั้งสองกระบวนท่าก็ล้วนนับได้ว่าเป็นศาสตร์ลับระดับจักรวาลแล้ว เพียงแต่หลังจากนั้นยังมิอาจคิดค้นขึ้นมาได้ก็เท่านั้นเอง
ตงป๋อเสวี่ยอิงทำเพื่อชนรุ่นหลังในบ้านเกิดล้วนๆ
แม้หลังจากจอมกระบี่และจอมมารไปยังวังทวีสูญแล้วจะเก่งกาจกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เคยกลับมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมาครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะเรียบเรียงความเร้นลับของกฎเกณฑ์แล้วคิดค้นศาสตร์ลับต่างๆ ขึ้นมาเพื่อชี้แนะการบำเพ็ญของทุกคน
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เขียนศาสตร์ลับขึ้นมายี่สิบแปดเล่มอย่างง่ายดาย ซึ่งกว่าครึ่งล้วนแข็งแกร่งกว่าร่างแท้หมื่นมาร!
และในที่สุดงานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นที่จวนจ้าวก็มาถึงแล้ว
เนื่องจากมิได้เชื้อเชิญเป็นวงกว้าง ครั้งนี้จึงมีผู้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานไม่มากนัก มีเพียงผู้ปกครองอย่างผู้ครองชิง ผู้ปกครองนรกโลกันตร์ ผางอี ประมุขหยวนชู ประมุขเกาะกาลมิติและบรรพชนหุบเหวลึก รวมทั้งผู้ที่สนิทชิดเชื้อกับตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างยิ่งเช่นผู้เคารพหั่วเฉิง ศิษย์พี่ฮุ่ยหมิงและบรรพชนเพลิงชาด แน่นอนว่าตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยาและสหายสนิททั้งหลายก็ถูกเชิญให้มาเข้าร่วมงานด้วยเช่นเดียวกัน
 ……………………….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด