Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 15 ภายในเจดีย์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 15 ภายในเจดีย์ 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ประตูเจดีย์ของเจดีย์เทพขุมทรัพย์อันเรียบง่ายเปิดอ้าออกอย่างเต็มที่ในขณะนี้ ความสูงของประตูราวๆ ร้อยจั้งเห็นจะได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงกับอีกสี่คนตามๆ กันเข้ามาภายในเจดีย์เทพขุมทรัพย์
“เข้ามากันเสียที สิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอด กรุขุมทรัพย์ของ ‘จักรพรรดิเก้าเมฆา’” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่บนพื้นดินสีดำ เบื้องบนเต็มไปด้วยความมืดมัว ท่ามกลางความมืดมัวยังมีดวงดาวระยิบระยับอยู่หลายดวง ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้กระจ่างแจ้งดียิ่งว่าดวงดาวระยิบระยับเหล่านั้น…ก็คือสิ่งมีค่าของเจดีย์เทพขุมทรัพย์ อีกทั้งภายในยังซ่อนเร้นสมบัติล้ำค่าเอาไว้ แต่ว่านี่เป็นเพียงแค่สมบัติล้ำค่าของชั้นที่หนึ่งเท่านั้น
เจดีย์เทพขุมทรัพย์แบ่งออกเป็นสามชั้น สมบัติล้ำค่าที่รวบรวมอยู่ในชั้นที่สาม โดยทั่วไปมีเพียงสองสามชิ้นเท่านั้น แต่ต่างก็เป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับจักรพรรดิเก้าเมฆา ซึ่งมีราคาสูงลิบลิ่ว ไม่ว่าชิ้นไหนๆ ต่างก็พอที่จะทำให้เหล่ายักษ์ใหญ่ขั้นอลวนอิจฉาจนแทบคลั่ง
“พรึ่บ”
ทันใดนั้นภายในเจดีย์ก็เริ่มมีบันไดมิติอันแล้วอันเล่าปรากฏขึ้น บันไดมิติแต่ละขั้นยืดขึ้นไปด้านบน เพียงไม่นานก็ยืดขึ้นไปจนส่วนที่สูงที่สุดแตะถึงท้องฟ้าอันมืดมัว นอกจากนี้ตรงปลายบันไดมิติยังมีประตูหินอันเรียบง่ายบานหนึ่งปรากฏขึ้นมาอีกด้วย
มีบันไดมิติอยู่ทั้งหมดห้าอัน สอดคล้องกับประตูหินห้าบาน
“ไป”
“สวบ”
ตงป๋อเสวี่ยอิง หัวหน้าพรรคกระบี่สวรรค์ ชายหนุ่มผู้องอาจ เงาร่างไอหมอกทะมึน และหญิงสาวในอาภรณ์เทาหลวมโพรก แยกกันไปยังบันไดมิติแต่ละอันแล้วเหยียบบันไดมิติเดินมุ่งหน้าขึ้นไปข้างบน
“ความกดดันของกฎเกณฑ์นี้ช่างร้ายกาจเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินอยู่บนบันไดมิติพลางทดลองการแขวนลอยร่างกาย แต่กลับถูกกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่างกดดัน จำเป็นต้องเดินไปทีละก้าวๆ
เมื่อดูจากด้านนอกเจดีย์เทพขุมทรัพย์นั้นสูงเพียงพันจั้งเท่านั้น แต่มิติภายในกลับใหญ่โตเป็นอย่างยิ่ง ลำพังแค่บันไดมิติของมิติชั้นที่หนึ่งก็ยาวเป็นร้อยลี้แล้ว!
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนทะยานบนขั้นบันไดด้วยความเร็วสูงสุดจนแปรเปลี่ยนเป็นเงาราง เพียงพริบตาก็สามารถพุ่งออกไปได้ไกลถึงยี่สิบสามสิบลี้ โครม ศีรษะกระแทกเข้ากับแนวกั้นห้วงมิติอันไร้รูปร่างแล้วแนวกั้นห้วงมิติจึงค่อยปรากฏขึ้นมาให้เห็นในเวลานี้
“บนบันไดมิติมีแนวกั้นอยู่ถึงสามแนว ต่อให้ทะลวงผ่านแนวกั้นทั้งสามไปได้ก็ยังต้องทำลายประตูหินอีกจึงจะสามารถเข้าสู่ชั้นที่สองได้ อย่ารีบร้อนไปเลย” เงาร่างไอหมอกทะมึนผู้อยู่บนบันไดอีกเส้นที่อยู่ไกลออกไปส่งเสียงแหลมเล็ก
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับคร้านจะไปใส่ใจ
ข้อมูลที่เขาได้รับจสดวังทวีสูญละเอียดละออเพียงใด เขาย่อมรู้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว การปะทะอย่างรุนแรงเมื่อครู่ก็เพียงเพราะอยากจะดูความทนทานของแนวกั้นนี้ ดูว่าจะสามารถกระแทกให้แตกได้หรือไม่ เช่นนั้นก็จะสามารถทำลายแนวกั้นทั้งหมดให้แตกได้อย่างต่อเนื่องในคราวเดียว
“พรึ่บ” ในมือของตงป๋อเสวี่ยอิงมีกระบี่เทพเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น ประกายกระบี่วับวาบ ฉับๆๆ สามกระบี่ฟันลงอย่างต่อเนื่องบนแนวกั้นห้วงมิติ เพล้ง… ก็ทำให้แนวกั้นห้วงมิติแตกกระจาย
ในขณะนี้เองคนอื่นๆ อีกสี่คนต่างก็ผลัดกันโจมตีแนวกั้นห้วงมิติ ระเบิดแนวกั้นชั้นที่หนึ่งนี้อย่างรวดเร็ว
“ตุบ”
กลางท้องฟ้าอันมืดมัวของชั้นที่หนึ่งของเจดีย์เทพขุมทรัพย์ ท่ามกลางหมู่ดาวอันสุกสกาวนั้นพลันมีดาวดวงหนึ่งร่วงหล่นลงมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเป็นประกาย ท่อนแขนพลันพุ่งพรวดออกไปเอื้อมคว้าดาวดวงนั้น แต่เพิ่งจะยื่นแขนออกไปได้ยาวเพียงสิบลี้เท่านั้นก็ถูกอุปสรรคอันไร้รูปร่างขัดขวางเอาไว้
“นี่เป็นของข้า” ท่อนแขนอันบึกบึนของชายหนุ่มผู้องอาจก็พุ่งพรวดออกไปเช่นกัน เพิ่งจะพุ่งออกไปได้ไม่กี่ลี้ก็คว้าดาวดวงนั้นเอาไว้ได้แล้ว ชั่วขณะที่ดาวดวงนั้นถูกเขาสัมผัส ชั้นพื้นผิวที่เปล่งประกายก็แหลกสลายไปโดยพลัน ภายในก็มีชิ้นส่วนใบมีดล่องลอยอยู่ ใบมีดสีเงินยวงมองดูแล้วก็ชวนให้คนหัวใจสั่นสะท้านด้วยความเสียดายที่เป็นชิ้นส่วน
“คงจะเป็นชิ้นส่วนของอาวุธเทพอากาศชั้นยอด” ตงป๋อเสวี่ยอิงประเมินราคาในทันที “ราคาอยู่ระหว่างสามสิบถึงห้าสิบศิลาปฐมโลกา”
……
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงทั้งห้าคนมุ่งหน้าเข้าไป
กลุ่มดาวอันพร่างพรายกลางท้องฟ้าอันมืดมัวมีดวงดาวร่วงหล่นอยู่เป็นระยะๆ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ดวงดาวก็จะสลายตัวแล้วเผยสมบัติล้ำค่าที่อยู่ภายในออกมา สมบัติล้ำค่ามีทั้งราคาสูงและต่ำ ที่ราคาต่ำก็เพียงแค่ไม่กี่ก้อนศิลาปฐมโลกาเท่านั้น ส่วนที่ราคาสูงก็สูงถึงหนึ่งร้อยก้อนศิลาปฐมโลกา
“พรึ่บ” “พรึ่บ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้ใส่ใจสมบัติล้ำค่าเหล่านี้สักเท่าใดนัก
เพราะว่านี่เป็นเพียงแค่สมบัติล้ำค่าของชั้นที่หนึ่งเท่านั้น โดยทั่วไปแล้วมีแต่ผู้บำเพ็ญที่พลังยุทธ์อ่อนแอสักหน่อยที่เข้ามาโดยบังเอิญเท่านั้นจึงจะรั้งรออยู่ที่ชั้นหนึ่งเป็นเวลายาวนาน
“ฟิ้ว”
ประกายกระบี่สามสายผลัดกันโจมตีบนแนวกั้นห้วงมิติอย่างต่อเนื่อง แนวกั้นห้วงมิติชั้นที่สามซึ่งเป็นแนวสุดท้ายนี้ก็พังทลายลง ตงป๋อเสวี่ยอิงแปลงร่างเป็นเงารางแล้วพุ่งตรงไปยังปลายยอดของบันไดนี้ ปลายยอดของบันไดที่เชื่อมต่อกับท้องฟ้า ที่นั่นมีประตูหินอันเรียบง่ายบานหนึ่งอยู่
“ปัง!” ตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นคนแรกในห้าคนในครั้งนี้ที่พุ่งตัวไปถึงบริเวณประตูหิน กระบี่ที่อยู่ในอุ้งมือพลันแปรเปลี่ยนเป็นประกายกระบี่สายแล้วสายเล่าฟาดฟันไปบนประตูหินเบื้องหน้า โครมมมประกายกระบี่ฟาดฟันลงไปอย่างรุนแรง ประตูหินพลันสั่นสะท้าน เศษก้อนหินจำนวนมหาศาลลอยกระเด็นกระดอน เริ่มมีรอยแยกปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ
ในขณะเดียวกันกับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงโจมตีประตูหินนั้นเอง
กลางท้องฟ้าอันมืดมัวก็มีดวงดาวที่ดูเหมือนว่าจะเป็นดวงที่สว่างไสวที่สุดร่วงหล่นลงมาแล้วกลายเป็นลำแสงอันระยิบระยับจับตาสายหนึ่งลอยตรงมาทางตงป๋อเสวี่ยอิง
ในขณะนี้เอง
แม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะกำลังทำลายประตูหินอยู่แต่ความสนใจกลับไปอยู่ที่ดวงดาวที่ลอยมาดวงนั้น นอกจากนี้อีกสี่คนที่เหลือในเจดีย์เทพขุมทรัพย์ต่างก็จ้องมองดาวดวงนั้นกันทุกคน
พวกเขาได้ปิ่นทองมาก็ย่อมต้องคิดหาวิธีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับขุมทรัพย์ของจักรพรรดิเก้าเมฆากันทุกวิถีทาง ต่างก็รู้กันดีว่าที่ชั้นที่หนึ่งของเจดีย์เทพขุมทรัพย์…พอคนแรกในผู้บำเพ็ญห้าคนที่เข้ามาโจมตีประตูหิน ก็จะทำให้ดาวดวงหนึ่งร่วงหล่นลงมาในทันที ดาวดวงนี้ซ่อนเร้นสมบัติล้ำค่าเอาไว้ ก็คือสิ่งล้ำค่าที่สุดที่มีอยู่ภายในดวงดาวในชั้นที่หนึ่งนั่นเอง!
“ช่างโอหังเสียจริง
“สมบัติล้ำค่านี้สูงค่าเหลือเกิน เขาก็ไม่กลัวเอาเสียเลย ตอนเอามายังมีชีวิต แต่ไม่มีปัญญามีชีวิตเอาออกไปอย่างนั้นน่ะหรือ” ชายหนุ่มผู้องอาจและคนอื่นๆ มองดูอยู่ห่างๆ พลางเอ่ยพึมพำ พวกเขาต่างก็รู้กระจ่างดีว่าพอเข้ามาภายในกรุขุมทรัพย์แล้วผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นศัตรูคู่แข่งทั้งสิ้น! ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากที่จะไปช่วงชิงสมบัติล้ำค่าที่มีค่ามากที่สุดในชั้นที่หนึ่งของเจดีย์เทพขุมทรัพย์มาเป็นคนแรก เลือกที่จะซ่อนคมเอาไว้ก่อนดีกว่า
เพราะสมบัติล้ำค่าที่มีค่ามากที่สุดในชั้นที่หนึ่งนั้น เมื่ออยู่ในชั้นที่สองก็นับได้ว่าเป็นชั้นสูงแล้ว! ถ้าหากในบรรดาทั้งห้าคนนี้มียอดฝีมืออันน่าหวาดหวั่นเร้นกายอยู่ ไม่แน่ว่าก็อาจจะลงมือแล้ว
คราวนี้มีเวลาในเจดีย์เทพขุมทรัพย์ถึงสามวันเต็มๆ พวกเขามีความอดทน ผู้ที่เปิดเผยเกินไปตั้งแต่แรก เผยเขี้ยวเล็บจนสิ้น โดยทั่วไปแล้วมักจะอายุไม่ยืนกันทั้งนั้น!
“พรึ่บ” ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวตลอดร่าง ดวงตาทั้งคู่ภายใต้หน้ากากสีเงินจ้องมองดวงดาวที่ลอยมาดวงนั้น เขายื่นมือซ้ายออกไป ชั่วขณะที่ดวงดาวขนาดมโหฬารซึ่งลอยมาด้วยความเร็วสูงสัมผัสกับนิ้วมือของตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นเอง ดวงดาวก็สลายหายไปราวกับฟองสบู่ เผยให้เห็นวัตถุที่อยู่ภายใน… นี่คือซากไม้ที่มีขนาดราวๆ ท่อนแขนท่อนหนึ่ง บนซากไม้ยังมีเส้นฝอยสีทองอยู่หลายเส้น
ซากไม้แผ่กลิ่นอายออกมา
สถานที่ที่มันอยู่นั้นคล้ายกับว่าจะรวบรวมพลังชีวิตเอาไว้อย่างไรที่สิ้นสุด
“ไม้อสนีบาตสายทอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเป็นประกาย หัวใจก็เต้นรัวเร็ว ผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ อีกสี่คนต่างก็กลั้นหายใจ มองดูซากไม้ชิ้นนี้กันอย่างปากอ้าตาค้าง
ไม้อสนีบาตสายทอง…
ในช่วงยุคโลกทิพย์โบราณดั้งเดิม อาจมีมูลค่าเกือบหนึ่งพันศิลาปฐมโลกา มันจำเป็นต้องใช้ ‘อสนีบาต’ ที่มาจากการสัญจรของกฎเกณฑ์ของโลกทิพย์โบราณดั้งเดิมฟาดลงบน ‘ต้นไม้เทพสายทอง’ ต้นไม้เทพสายทองโดยทั่วไปมักจะถูกฟาดตายกลายเป็นเถ้าธุลีไปหมด มีเพียงอันที่จำเพาะเท่านั้นที่จะเหลือซากไม้ท่อนหนึ่งเอาไว้ในท้ายที่สุด ทั้งยังเต็มไปด้วยพลังชีวิตอันไร้ที่สิ้นสุดอีกด้วย
แต่ว่า!
โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายไปแล้ว ไม้อสนีบาตสายทองก็มิได้กำเนิดขึ้นมาใหม่อีกแล้ว มีเทพจักรวาลที่ต้องการไม้อสนีบาตสายทองกันมานานแล้ว
ไม้อสนีบาตสายทองนี้สามารถใช้ในการหลอมอาวุธ สามารถใช้ในการสร้างโลก และยังสามารถใช้ในการหลอมยาวิเศษได้อีกด้วย…
ในปัจจุบันนี้ที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายไปไม่รู้เนิ่นนานเท่าใดแล้ว  ราคาของ ‘ไม้อสนีบาตสายทอง’ ท่อนนี้อยู่ที่สามพันศิลาปฐมโลกา! ตอนแรกจักรพรรดิเก้าเมฆาคิดว่ามูลค่าของมันอยู่ที่หนึ่งพันศิลาปฐมโลกา จึงได้ทำเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่มีค่ามากที่สุดสองสามชิ้นของชั้นที่หนึ่ง ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดายิ่งนัก แต่ปรากฏว่าในตอนนี้มูลค่าของมันสูงกว่าตอนที่จักรพรรดิเก้าเมฆายังมีชีวิตอยู่มากมายเหลือเกินแล้ว
“มูลค่าสูงถึงเพียงนี้เชียวหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจเต้นรัวเร็วยิ่งขึ้น สมบัติล้ำค่ามูลค่าสามพันศิลาปฐมโลกา วางอยู่ที่ชั้นที่สองของเจดีย์เทพขุมทรัพย์ก็ยังนับเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายได้! ถึงขนาดที่พอจะทำให้ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนอิจฉาตาร้อนได้เลยทีเดียว
ซากไม้ชิ้นนี้สูงค่ากว่าสมบัติล้ำค่าทั้งหมดที่ตนมีติดตัวอยู่รวมกันมากมายมหาศาลนัก!
ขุมทรัพย์ของเทพจักรวาลช่างไม่ธรรมดาเสียจริง
ตงป๋อเสวี่ยอิงยื่นมือไปคว้าเอาไว้ ไม้อสนีบาตสายทองนี้ก็ถูกกุมเอาไว้ในมือแน่น ก่อนจะถูกเก็บเข้าไปในคลังเก็บสมบัติล้ำค่าตามความนึกคิดหนึ่ง
……………………………………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด