Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 20 ห้องเงียบไม้หอมชีหยา

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 20 ห้องเงียบไม้หอมชีหยา 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ในมือของตงป๋อเสวี่ยอิงถือตำราสีดำเอาไว้ แต่กลับจ่อมจมอยู่กับศาสตร์ลับโลกเขตลวงที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ศาสตร์นี้ของประมุขโลกอนธการอย่างสมบูรณ์แล้ว การสร้างโลกขนาดมหึมาใบหนึ่งขึ้นมาเพียงเพื่อท่าไม้ตายท่าหนึ่ง เดิมทีความคิดนี้ก็เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว แต่ยังสรรสร้างศาสตร์ลับออกมาโดยอิงจากสิ่งนี้อีกด้วย ‘ประมุขโลกอนธการ’ ท่านนี้ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์โดยแท้
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนของมหาโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่าน ก็มีผู้มีพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์หาใดเปรียบอยู่บ้าง แม้กระทั่งขั้นรวมเป็นหนึ่งที่บุกผ่านชั้นที่เจ็ดของเจดีย์ดาวได้ก็ยังมี แม้กระทั่งผู้ที่มาเยือนวังทวีสูญแล้วปลีกวิเวกครั้งเดียวก็สามารถเหยียบย่างเข้าสู่สิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอดได้ดังเช่นจอมกระบี่นี้ก็มีเช่นกัน!
สำหรับบรรดาผู้มีพรสวรรค์เหล่านี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็นับถือเป็นอย่างยิ่ง
“โลกอนธการ…” ห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับข้อมูลโดยละเอียดของศาสตร์ลับนี้แล้วก็ถูกดึงดูดโดยไม่รู้ตัว
สำหรับการสร้างโลก หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงโลกตามอำเภอใจ ที่ง่ายดายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลยก็คือเขตลวง!
เพราะเป็นมายาอยู่แล้ว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงแก้ไขจึงง่ายดายที่สุด
‘วิถีโลกเทียม’ ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นเช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงโลกแห่งความจริงนั้นยากเย็นนัก แต่กับโลกเทียมนั้นเขานึกอยากจะให้เปลี่ยนเป็นเช่นไรก็เป็นเช่นนั้น ประกอบฟ้าดินโลกเทียมขึ้นมาก่อน! หลังจากนั้นค่อยแปลงโลกเทียมให้กลายเป็นจริง เพราะถึงอย่างไรโลกเทียมก็ผนวกความจริงเข้ามา และวิวัฒน์ความจริง…สำหรับระดับขั้นเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วก็ง่ายดายยิ่งนัก ยามที่เป็นขั้นบุกเบิกเขาก็สามารถทำให้โลกเทียมเปลี่ยนเป็นความจริงได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้เลย!
ก่อนอื่นต้องให้โลกเทียมสร้างโลกของท่าไม้ตายที่สมบูรณ์แบบออกมาก่อนแล้วจึงค่อยเปลี่ยนเป็นความจริง! สำแดงท่าไม้ตาย!
“ฟองอากาศอนธการ” รัศมีจำนวนมหาศาลวับวาบอยู่ภายในห้วงสมองของตงป๋อเสวี่ยอิง
วิถีสามสาย
พรสวรรค์ทางด้านวิถีโลกเทียมของเขาสูงส่งที่สุด ขณะนี้หยั่งรู้ศาสตร์ลับโลกอนธการศาสตร์นี้ ก็กระตุ้นแสงทิพย์วิญญาณ์ต่างๆ แล้วหยั่งรู้ในทันใด
“ประมุขหออวี่ฉี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเบิกตากว้างมองไปทางประมุขหออวี่ฉีที่อยู่ด้านข้าง
“ผู้อาวุโสตงป๋อ” ประมุขหออวี่ฉีพูด เขามองผู้อาวุโสตงป๋อผู้นี้รับถ่ายทอดศาสตร์ลับแต่กลับจมดิ่งอยู่ตรงนั้นแล้วก็เกิดความฉงนอยู่บ้าง ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงศาสตร์ลับที่ผู้แกร่งกล้าเปี่ยมพรสวรรค์ขั้นรวมเป็นหนึ่งเขียนขึ้น ปริมาณข้อมูลก็ย่อมมีอยู่ไม่มากอย่างแน่นอน การรับถ่ายทอดควรจะรวดเร็วเป็นที่สุด แล้วเหตุใดผู้อาวุโสตงป๋อจึงได้จมดิ่งอยู่ที่นั่นเนิ่นนานนัก แต่เขาก็มิกล้ารบกวน
“รีบพาข้าไปเร็วเข้า ไปที่ห้องเงียบสำหรับบำเพ็ญที่ดีที่สุดของหอทะเลสัตตดาราของพวกเจ้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่ง “จำเอาไว้นะ ห้องที่ดีที่สุด”
“ขอรับ” ประมุขหออวี่ฉีดวงตาเป็นประกาย “เชิญตามข้ามาเลยขอรับ”
พรึ่บ
ถึงแม้ว่าห้องเงียบในคฤหาสน์ของตนก็นับได้ว่าไม่เลวแล้ว แต่เมื่อเทียบกับห้องเงียบที่ดีที่สุดของหอทะเลสัตตดาราที่สร้างขึ้นเพื่อตัดสิ่งเร้าภายนอกโดยเฉพาะแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่มากนัก!
“ห้องเงียบระดับรากฐาน” ประมุขหออวี่ฉีเดินไปพลางแนะนำไปพลาง “คือห้องเงียบสำหรับบำเพ็ญที่ดีที่สุดของหอทะเลสัตตดาราของพวกเรา ตัวห้องเงียบนั้นสร้างขึ้นจาก ‘ไม้หอมชีหยา’ ไม้หอมชีหยาสามารถปล่อยกลิ่นหอมตามธรรมชาติออกมาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนช่วยในการบำเพ็ญเป็นอย่างมาก เมื่อไม้หอมชีหยาที่สมบูรณ์ปล่อยกลิ่นหอมไปเป็นเวลามากกว่าสามร้อยล้านปีแล้วก็จะไม่มีกลิ่นหอมอีก กลายเป็นไร้ค่าทั้งหมด จำเป็นต้องเปลี่ยนไม้หอมชีหยาใหม่มาแทน”
“ดังนั้นยามปกติ ห้องเงียบระดับรากฐานนี้ก็จะหยุดเวลาเอาไว้” ประมุขหออวี่ฉีพูด “พอผู้บำเพ็ญเข้าไปแล้วเวลาจึงจะกลับมาเคลื่อนตามปกติ ราคาสำหรับการบำเพ็ญในนั้นก็คือ… หนึ่งร้อยล้านปี ต้องใช้ศิลาปฐมโลกาหนึ่งพันก้อน หรือก็คือหนึ่งแสนปีใช้ศิลาปฐมโลกาก้อนหนึ่ง”
“ข้ารู้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
เขาเองก็ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะบำเพ็ญอยู่ภายในนี้เป็นระยะเวลายาวนาน ถ้าหากจะบำเพ็ญเป็นระยะเวลายาวนานก็จะต้องกลับไปยัง ‘ตำหนักกาลเวลา’ อย่างแน่นอน เพราะเวลาของตนมิอาจใช้อย่างสิ้นเปลืองตามอำเภอใจได้
สิ่งที่เขาต้องการก็คือการบำเพ็ญระยะสั้น!
เพราะตอนที่เปิดดูวิชา ‘โลกอนธการ’ เป็นครั้งแรกนั้นก็เกิดแสงทิพย์วิญญาณ์ขึ้นมากมาย เวลานี้คือโอกาสดีที่สุดสำหรับการปลีกวิเวกอย่างฉับพลัน นอกจากนี้ยังต้องเลือกห้องเงียบที่ดีที่สุด ให้แสงทิพย์วิญญาณ์เหล่านี้แปรเปลี่ยนเป็นการตระหนักรู้และพลังยุทธ์!
ห้องเงียบที่มีราคาหนึ่งก้อนศิลาปฐมโลกาต่อหนึ่งแสนปี…เป็นการฟุ่มเฟือยก็จริง แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เต็มอกเต็มใจ
“ภายในห้องเงียบสามารถฝึกแสดงพลังได้หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ขอเพียงแค่พลังที่โจมตีกำแพงไม้ของห้องเงียบไม่เกินกว่าระดับขั้นอลวนก็สามารถทำได้” ประมุขหออวี่ฉีเอ่ยตอบ “ค่ายกลของห้องเงียบแห่งนี้อย่างน้อยๆ ก็เป็นระดับขั้นประมุขตำหนักมาติดตั้งเอาไว้ด้วยตัวเอง”
“อ้อ”
ภายในหอทะเลสัตตดารา ณ บริเวณริมทะเลสาบแห่งหนึ่งมีห้องเงียบที่สร้างจากไม้แห่งหนึ่งอยู่ที่นั่น เพียงแต่ว่าการไหลของเวลาของมันหยุดนิ่ง
“เชิญ” ประมุขหออวี่ฉีพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวตรงไปข้างหน้าแล้วผลักประตูไม้เปิดออก ทันใดนั้นกาลเวลาของห้องเงียบก็กลับมาไหลอย่างเป็นปกติ หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปแล้วประตูไม้ก็ปิดผนึกตัวเองโดยอัตโนมัติ!
กลิ่นหอมอ่อนจางอย่างยิ่งแผ่กำจายไปทั่วทั้งห้องเงียบ ทว่ากลิ่นหอมนี้ทำให้จิตใจของตงป๋อเสวี่ยอิงสบายเป็นอย่างยิ่ง เขาลงนั่งขัดสมาธิแล้วสงบจิตใจเริ่มต้นบำเพ็ญ ‘โลกอนธการ’ ในทันที มิให้สิ้นเปลืองเวลาเลยแม้แต่น้อย พรึ่บ กระทั่งกลางอากาศของห้องเงียบแห่งนี้มีโลกมายาใบหนึ่งปรากฏขึ้น โลกเต็มไปด้วยความมืดมิด เส้นสายอันลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนเคลื่อนหมุนวน โลกทั้งใบเปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
ภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งไม่ไกลจากหอทะเลสัตตดารา ‘บรรพชนกาฬสยบ’ บุรุษอ้วนเตี้ยผู้รั้งรออยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้วมีสีหน้าแปรเปลี่ยน
“ทำไมไม่ออกมาเสียทีเล่า”
“เท่าที่ข้ารู้ งานประมูลสมบัติล้ำค่าในครั้งนี้สิ้นสุดลงตั้งนานแล้ว สิ้นสุดมาตั้งครึ่งเดือนแล้ว!” บรรพชนกาฬสยบร้อนรนจริงๆ เสียแล้ว เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ผ่านอากาศได้รวดเร็วอย่างยิ่ง จากหอทะเลสัตตดาราไปถึงจวนที่พักก็ใช้เวลาเพียงพริบตาเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องรักษาความระแวดระวังในระดับสูงสุดเอาไว้ จึงจะสามารถสกัดกั้นในชั่วขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่ผ่านอากาศนั้นได้!
การรักษาความระแวดระวังในระดับสูงสุดมิใช่เพียงวันสองวัน ชั่วพริบตาเดียวก็ครึ่งเดือนแล้ว
มิอาจผ่อนคลายได้มาเป็นเวลาครึ่งเดือน ดีร้ายอย่างไรบรรพชนกาฬสยบก็เป็นยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนที่ถือกำเนิดขึ้นเป็นคนแรกในโลกทิพย์โบราณ รักษาสถานะนี้มาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ก็ย่อมต้องโมโหโกรธาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“กลับได้”
บรรพชนกาฬสยบไม่รอในโรงเตี๊ยมอีกต่อไปแล้วกลับไปยังลานเล็กที่ตนซื้อเอาไว้
เขาไม่มีอารมณ์จะรักษาความระแวดระวังในระดับสูงสุดเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว เพียงแค่แบ่งความคิดสายหนึ่งไปรับสัมผัสบริเวณรอบนอกของหอทะเลสัตตดาราและรอบนอกคฤหาสน์ของตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้น
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่ออกมาเที่ยวเล่นไปตลอดกาล” บรรพชนกาฬสยบตัดสินใจแล้วว่าจะรอคอยอย่างช้าๆ รอเวลาที่ตงป๋อเสวี่ยอิงออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกแล้วค่อยลงมือ เวลาน่ะหรือ เขารอไหวอยู่แล้ว!
******
ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกวิชาโลกอนธการกระตุ้นความสนใจที่มีต่อวิถีโลกเทียมอย่างแท้จริง หากพูดถึงการบำเพ็ญวิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่นนั้นก็ยังนับว่ากินแรงอยู๋บ้าง แต่การบำเพ็ญวิถีโลกเทียมนั้นแล้วทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างหนึ่งขึ้นมาอย่างแท้จริง!
ภายในห้องเงียบไม้หอมชีหยา
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิ อากาศโดยรอบมีโลกดำมืดกึ่งโปร่งแสงปรากฏชัดขึ้นมาพร้อมกับแผ่กลิ่นอายที่ชวนให้คนหวาดหวั่นพรั่นพรึง เส้นสายลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนพลิ้วไหวอยู่ภายในโลกดำมืดนี้
“อีกนิดเดียว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตา หัวคิ้วขมวดมุ่น
เขาบำเพ็ญอยู่ภายในห้องเงียบมาเจ็ดหมื่นกว่าปีแล้ว ถึงขนาดที่เขาได้ตระหนักรู้ในส่วนรายละเอียดของ ‘ฟองอากาศอนธการ’ กระบวนท่าแรกของวิชาโลกอนธการแล้ว แต่พอยิ่งตระหนักรู้มากเข้า เขาก็ยิ่งตระหนักได้ถึงปัญหาที่มีอยู่มากขึ้นตาม! นั่นก็คือการจะสร้าง ‘ฟองอากาศอนธการ’ ได้นั้น โลกดำมืดที่สร้างขึ้นก็จำเป็นต้องเป็นร่างที่สมบูรณ์แบบ
ต้องการจะสร้างร่างที่สมบูรณ์แบบ ดังเช่น ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’ การใช้วิถีโลกเทียมเหนี่ยวนำกฎเกณฑ์อื่นๆ ให้สร้างระบบก็ไม่เหมาะสมเสียแล้ว
จำเป็นต้องก้าวเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่ง!
ทำให้ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียมเข้าใกล้การเปลี่ยนแปรเป็น ‘รากฐานโลกเทียม’! มีเพียงการที่วิถีโลกเทียมทั้งหมดไปถึงระดับขั้น ‘รากฐานโลกเทียม’ ทำให้การควบคุมโลกเทียมไปถึงการรวมเป็นหนึ่งอย่างสมบูรณ์เท่านั้นจึงมีหวังที่จะสำแดงฟองอากาศอนธการออกมาได้สำเร็จ
ดังนั้นการทำให้วิถีโลกเทียมไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้ตนสำแดงกระบวนท่าแรกของโลกอนธการได้!
และการบำเพ็ญ ‘โลกอนธการ’ ตลอดเจ็ดหมื่นกว่าปีนี้ การตระหนักรู้ต่างๆ นานาก็ทำให้ตนเข้าใกล้ ‘รากฐานโลกเทียม’ มากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว และเขายังอยากจะรวบรวมระบบทั้งหมดให้รวมเป็นหนึ่งในท้ายที่สุดด้วย! แปรเปลี่ยนเป็นรากฐานโลกเทียม แต่ก็ยังรู้สึกว่าขาดอีกเล็กน้อยอยู่ตลอด… อีกเล็กน้อยนี้ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อนข้างหงุดหงิดใจ อย่างไรก็ไม่สามารถก้าวออกมาจากจุดนี้ได้เลย
“จุดคอขวดสุดท้าย” ตงป๋อเสวี่ยอิงขบกราม
“สู้ให้เต็มที่ก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีกล่องแก้วผลึกใบหนึ่งปรากฏขึ้น กล่องแก้วผลึกนั้นโปร่งแสงจนสามารถเห็นได้ว่าด้านในมีผลไม้สีม่วงเข้มอยู่ผลหนึ่ง ซึ่งก็คือ ‘ผลปัดจิตวิญญาณ’ วัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญที่ล้ำค่าที่สุดในครอบครองของตนนั่นเอง
เดิมทีในความคิดของเขา ควรจะเป็นระบบผู้ท่องอากาศที่ไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งเป็นอย่างแรก! แต่เพราะได้ศาสตร์ลับวิชาโลกอนธการมาโดยบังเอิญ และ ‘ฟองอากาศอนธการ’ กระบวนท่าแรกของวิชาโลกอนธการก็จำเป็นต้องใช้การรวมเป็นหนึ่งโดยสมบูรณ์ของโลกเทียม ยามที่บำเพ็ญตนก็ย่อมเข้าใกล้ขั้นรวมเป็นหนึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วตอนนี้ก็มาจนถึงจุดคอขวดสุดท้ายแล้ว
หนึ่งในนั้นมีโลกอนธการเป็นองค์ประกอบ การบำเพ็ญศาสตร์ลับนั้นมีส่วนช่วยในการยกระดับพลังยุทธ์อย่างแท้จริง
ทั้งยังมีพรสวรรค์ทางด้านวิถีโลกเทียมของตนด้วย! แล้วก็มีประโยชน์จาก ‘ห้องเงียบไม้หอมชีหยา’ นี่เป็นห้องเงียบที่ดีที่สุดเท่าที่ตนเคยบำเพ็ญมาเลยทีเดียว
ตอนนี้มาถึงจุดคอขวด กว่าจะบรรลุนั้นไม่แน่ว่าอาจจะต้องค้างคาอยู่เป็นเวลาเนิ่นนานยิ่ง
“ผลปัดจิตวิญญาณ ใช้ก็ใช้เถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูผลไม้ที่อยู่ในกล่องแก้วผลึกในมือ
ผลปัดจิตวิญญาณเป็นสิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง โดยทั่วไปจะมอบให้กับศิษย์อาภรณ์ทองที่เข้ามาใหม่อย่างเปิดเผย มิอาจซื้อหาได้ทั่วไป
แต่ถ้าหากบุคคลระดับสูงของวังทวีสูญต้องการจริงๆ ก็มีสิทธิ์ได้มา ดังเช่นประมุขวังสองท่าน เหล่าประมุขตำหนัก และผู้อาวุโสตำหนักใน หากอยากได้จริงๆ ก็สามารถหาได้ หลังจากที่ได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถพลิกอ่านศาสตร์ลับขั้นจักรวาลได้ตามใจชอบ วัตถุล้ำค่าหายากมากมายก็สามารถใช้แต้มความดีความชอบไปแลกเปลี่ยนมาได้ ทว่าสมบัติล้ำค่าที่ศิษย์อาภรณ์ทองสามารถแลกเปลี่ยนได้ก็มีขอบเขตจำกัด
ผู้อาวุโสตำหนักในก็สามารถแลกเปลี่ยนผลปัดจิตวิญญาณได้ ชั่วชีวิตกำหนดเอาไว้ที่สามผล ทุกผลต้องใช้แต้มความดีความชอบหกแสนแต้ม
แม้กระทั่งสามารถแลกเปลี่ยนวัตถุที่ช่วยส่งเสริมการบำเพ็ญที่ดีกว่าผลปัดจิตวิญญาณได้ แต่ราคาก็จะสูงกว่านี้
ด้วยเหตุนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงตัดสินใจใช้ผลปัดจิตวิญญาณ! นอกจากนี้ยิ่งพลังยุทธ์ของตนแกร่งขึ้น สมบัติล้ำค่าก็ยิ่งมาก ก็ย่อมได้สิ่งที่ดีกว่าผลปัดจิตวิญญาณมาอย่างง่ายดายขึ้นอยู่แล้ว
“ลองชิมรสดูหน่อย รับสัมผัสผลลัพธ์ดูสักครั้งก่อนดีกว่า ผลนี้ก็มีราคาราวๆ ห้าสิบก้อนศิลาปฐมโลกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงเปิดกล่องแก้วผลึกแล้วหยิบเอาผลไม้สีม่วงเข้มออกมากัดลงไปคำหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ตาลุกวาว เคี้ยวกร้วมๆ อย่างต่อเนื่องหลายคำก็กินผลไม้ผลนี้ลงไปจนหมดเกลี้ยง
……………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด