Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 19 สูงส่งมิอาจเอื้อมถึง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 19 สูงส่งมิอาจเอื้อมถึง 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

 
เมื่อได้ยินคำถามของตงป๋อเสวี่ยอิง จอมมารที่อยู่ข้างๆ กลับอดที่จะส่ายหน้าน้อยๆ มิได้ หลัวไห่ก็ขมวดคิ้วมุ่น
ทว่าเจ้าเมืองหลัวกลับเงยหน้ามองอากาศอันสับสนอลหม่านอันเวิ้งว้างด้านบน “มนุษย์ธรรมดามีเกิดแก่เจ็บตาย ชีวิตเหนือธรรมดาก็มีขีดจำกัดใหญ่เช่นกัน ต่อให้เป็นเทพโลกาวิญญาณเทพก็ยังยากที่จะบรรลุอยู่ที่มหานทีแห่งกาลเวลา สูญสลายไปตามกาลเวลาในที่สุด มีเพียงการข้ามผ่านมหานทีแห่งกาลเวลาไปได้เท่านั้นจึงจะสามารถเสพสุขกับชีวิตนิรันดร์กาลได้ แต่ทว่าต่อให้ข้ามผ่านไปได้แล้ว ก็ย่อมไม่มีทางต้านทานพลังของอากาศอันสับสนอลหม่านได้อยู่ดี… นอกจากเคล็ดวิชาที่ทำลายร่างกายซึ่งมีจำนวนน้อยนักและวัตถุล้ำค่าอันแปลกประหลาดแล้ว โดยปกติต้องกลายเป็นเทพอากาศ จึงจะสามารถมีชีวิตรอดอยู่ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านได้!”
“เทพอากาศก็มีศัตรูมากมาย”
“ต่อให้ ‘ขั้นกำเนิด’ ‘รวมเป็นเอกภาพ’ ‘ขั้นอลวน’ ทั้งหมดบรรลุไปถึงเทพจักรวาลขั้นสุดยอด พวกเขาก็ยังต้องมีการต่อสู้เช่นเดียวกัน ต่างก็ต้องรับขีดจำกัดของกฎเกณฑ์ที่สูงที่สุดเช่นกัน” เจ้าเมืองหลัวมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง “ดังนั้นจึงได้มีเทพจักรวาลจำนวนมากหล่นหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตะลึงงัน
ตนเองถามถึงการทำให้เทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นบรรลุ แล้วเจ้าเมืองหลัวพูดเรื่องเหล่านี้ทำไมกัน
“นี่ก็คือกฎเกณฑ์!” เจ้าเมืองหลัวมองตงป๋อเสวี่ยอิง “กฎเกณฑ์ที่สูงที่สุด ทุกหนแห่งล้วนมีกฎเกณฑ์ ถ้าหากไม่มีกฎเกณฑ์ วิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนก็คงมีชีวิตยืนยาวกันหมด แล้วโลกจะทานทนไหวได้อย่างไรกัน”
“เทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นอยากจะบรรลุ โดยปกติแล้วก็จำเป็นต้องอาศัยตนเองไปบำเพ็ญหยั่งรู้!”
“ต่อให้มีสมบัติล้ำค่าบางอย่างก็ยังต้องอาศัยการบำเพ็ญบางส่วนด้วย เวลาที่ให้เจ้าบำเพ็ญ วิญญาณก็จะยิ่งละเอียด ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งดี” เจ้าเมืองหลัวพูด “เจ้าเด็กที่ยังมิได้เป็นแม้กระทั่งเทพอากาศอย่างเจ้า คิดอยากจะช่วยให้คนใกล้ชิดบรรลุ คิดมากเกินไปเสียแล้ว ไปบำเพ็ญให้ดีๆ เสียก่อนเถิด!”
จอมมารก็พูดอยู่ข้างกาย “ความเป็นความตายเป็นเรื่องปกติ เจ้าบำเพ็ญมาจนถึงตอนนี้ เรื่องแค่นี้ก็ยังมองไม่ทะลุอีกหรือ”
“มองทะลุ แต่ก็ต้องทำให้สุดกำลัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“น้องตงป๋อ การอาศัยพลังภายนอกในการบรรลุนั้นยากเย็นเกินไปจริงๆ” หลัวไห่ก็พูดพึมพำ
สายตาของตงป๋อเสวี่ยอิงทอประกายวูบหนึ่ง
ยากเย็นเกินไปหรือ ก็แสดงว่ายังมีความหวังน่ะสิ!
เจ้าเมืองหลัวมองคนวัยเยาว์ตรงหน้าพลางเอ่ยว่า “กฎเกณฑ์ทั้งหมด ต่างก็เหลือโอกาสสายหนึ่งเอาไว้เสมอ เท่าที่ข้ารู้ หากอยากจะให้เทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นอาศัยพลังภายนอกในการบรรลุนั้นมีอยู่สามวิธี”
“สามวิธีหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นขึ้นมาบ้างแล้ว
“หนึ่ง โลกจอมมารดาแห่งมหาโลกทิพย์ทั้งห้า จอมมารดาบำเพ็ญ จะฟูมฟักตัวอ่อนออกมาตัวหนึ่ง ยามที่ตัวอ่อนเพิ่งสร้างขึ้นมาแล้วดวงวิญญาณเข้าไปในนั้น ก็จะอาศัยตัวอ่อนกะเทาะเปลือกออกมา พอถือกำเนิดออกมาก็จะบรรลุได้โดยตรง แต่ข้อเสียกลับเป็น…จะต้องภักดีต่อจอมมารดา! จอมมารดาให้ฆ่าตัวตาย ก็มิอาจขัดขืนได้แม้แต่น้อย” เจ้าเมืองหลัวพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตาตื่นใจไม่น้อย
วิธีการเช่นนั้น ดูเหมือนว่าจะบรรลุ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับกลายเป็นข้ารับใช้ที่ภักดีของจอมมารดาไปตลอดกาล
“สอง คือ ‘บรรพชนทิพย์’ แห่งโลกทิพย์โบราณ บรรพชนทิพย์ศึกษาสรรพสิ่ง สามารถสรรสร้าง ‘หัวใจนิรันดร์’ ออกมาได้ เพียงแค่ดูดซับเอาหัวใจนิรันดร์เข้าไปในดวงวิญญาณ หัวใจนิรันดร์ก็จะสามารถช่วยเหลือดวงวิญญาณ ฝืนให้ข้ามผ่านมหานทีแห่งกาลเวลาได้” เจ้าเมืองหลัวพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังอย่างตื่นเต้น
“สาม ก็คือ ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ แห่งโลกทิพย์โบราณ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์มีต้นผลไม้ที่พิเศษยิ่งต้นหนึ่งคือ ‘ต้นผลสัจธรรม’ ‘ผลสัจธรรม’ ผลไม้ที่เกิดขึ้นมานั้นมีเวทมนตร์นานาชนิด กินไปผลหนึ่งก็สามารถบรรลุได้แล้ว”
เจ้าเมืองหลัวพูด “หัวใจนิรันดร์และผลสัจธรรมต่างก็ไม่มีผลกระทบตามมา”
ฟังถึงตรงนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เกิดความกระหายอยากอันแรงกล้าขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“บรรพชนทิพย์หล่อหลอมหัวใจนิรันดร์ขึ้นมาอย่างยากลำบากเหลือเกิน เท่าที่ข้ารู้ จนกระทั่งบัดนี้ก็ผ่านมาเป็นระยะเวลาเนิ่นนานแล้ว เขาก็เพิ่งหลอมออกมาได้เพียงสามดวงเท่านั้น สองดวงในนั้นก็เพื่อคนใกล้ชิดและสหายรัก ยังมีอีกดวงหนึ่งที่เป็นการทำข้อตกลงกับราชันย์มีด” เจ้าเมืองหลัวพูดยิ้มๆ “เพื่อให้ได้หัวใจนิรันดร์ดวงนั้นมา ราชันย์มีดและบรรพชนทิพย์ก็ร่วมมือกันปลิดชีพเทพจักรวาลท่านหนึ่ง นึกอยากให้บรรพชนทิพย์หลอมอีกดวงหรือ ข้ายังคิดไม่ออกเลยว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาเช่นไร!”
“ผลสัจธรรมมีจำนวนน้อยนัก ด้วยความหยิ่งทระนงของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ย่อมมิปรารถนาจะมอบให้แก่คนนอกอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็จะมอบให้กับลูกน้องที่มีความดีความชอบ! เท่าที่ข้ารู้ จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เคยทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับเทพจักรวาลอื่นด้วยผลสัจธรรมเพียงสองผลเท่านั้น” เจ้าเมืองหลัวมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ดังนั้นต่อให้เป็นเทพจักรวาล ต้องการผลสัจธรรมสักผลหนึ่งก็ยังมิอาจขอได้เช่นกัน!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังด้วยสีหน้าซีดขาว
เขารู้…
จอมเทพศักดิ์สิทธิ์ครอบครองโลกทิพย์โบราณ กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลผู้แข็งแกร่งที่สุดในมหาโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่าน! คิดจะได้ผลสัจธรรมสักผลหนึ่งจากเขาอย่างนั้นหรือ
พลังยุทธ์ของจอมมารดาก็แข็งแกร่งเป็นที่สุดเช่นกัน พลังยุทธ์ของจอมมารดาและบรรพชนโลกาเป็นรองเพียงจอมเทพศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ต่างก็นับได้ว่าเป็นบุคคลสามอันดับแรก
บรรพชนทิพย์ก็จัดได้ว่าเป็นแถวหน้าเช่นเดียวกัน ใกล้เคียงกับบรรพชนโลกจอมมารดา
ท่านเหล่านี้ต่างก็เป็นบุคคลผู้น่าเกรงขามที่มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุด
“มีเทพจักรวาลบางส่วนที่ผนึกคนใกล้ชิดและมิตรสหายของพวกเขาเอาไว้ก่อนที่จะไปถึงขีดจำกัด เวลาหยุดชะงัก” จอมมารเอ่ยเสียงเยียบเย็น “พวกเขาก็ปรารถนาจะทำให้บุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเขาสามารถบรรลุได้เช่นกัน! แต่พวกเขาก็มิอาจได้ตามที่ขอ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกถึงแรงกดดันอันไร้รูปร่าง เช่นนั้นบรรดาผู้ที่บำเพ็ญจนถึงขั้นสุดท้ายคิดอยากจะได้ก็ยังยากเย็นถึงเพียงนี้
“นอกจากนี้แล้ว ก็เป็นวัตถุที่ช่วยในการบำเพ็ญบางอย่าง” เจ้าเมืองหลัวพูด “สิ่งเหล่านี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องถามหรอก ในวังทวีสูญของพวกเจ้าจะต้องมีบันทึกอยู่อย่างแน่นอน มีสิ่งล้ำค่าที่ช่วยในการบำเพ็ญจำนวนหนึ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญอย่างร้ายกาจเป็นที่สุด ถ้าหากหยั่งรู้มาไม่ผิด ก็สามารถช่วยให้บรรลุได้เช่นเดียวกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ
เขาเองก็รู้จักวัตถุที่ช่วยในการบำเพ็ญอยู่มากมาย ยิ่งน่าอัศจรรย์ก็ยิ่งมีมูลค่าสูงลิ่ว เป็นสิ่งที่ผู้ที่เป็นเพียงผู้ปกครองตัวเล็กๆ อย่างเขาในตอนนี้ย่อมไม่กล้าวาดฝันอยู่แล้ว
“หลัวไห่ ควรไปกันได้แล้วล่ะ” เจ้าเมืองหลัวมองไปทางบุตรชายของตน
“น้องตงป๋อ ที่เจ้าพูดมาเหล่านั้นก็ยุ่งยากเหลือเกินสำหรับข้า ข้าช่วยเจ้ามิได้หรอกนะ” หลัวไห่เดินมาถึงข้างกายของตงป๋อเสวี่ยอิง “หลังจากนี้เจ้าสามารถไปหาข้าได้ที่ ‘เมืองดาราราย’ นะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
เจ้าเมืองหลัวแย้มยิ้มแล้วก็พาบุตรชายของตนเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศจากไปในทันใด ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กที่ชื่อว่า ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ผู้นี้จะค่อนข้างมีพรสวรรค์ แต่ด้วยสถานะของเขาในตอนนี้ แม้กระทั่งในสายตาเทพอากาศก็ยังมิใช่เด็กน้อย เขาจึงมิอาจใส่ใจมากจนเกินไปได้
……
ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านหนาวเหน็บเป็นที่สุด ก่อนหน้านี้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่รู้สึก แต่ตอนนี้กลับอดมิได้ที่จะรู้สึกหนาวขึ้นมาวูบหนึ่ง เป็นความหนาวเหน็บในจิตใจ
หัวใจนิรันดร์และผลสัจธรรม ต่างสูงส่งมิอาจเอื้อมถึงเกินไปแล้ว!
คิดจะอาศัยพลังภายนอกในการบรรลุนั้นยากเย็น ยากเย็นเกินไปแล้วจริงๆ
“พอคนในครอบครัวเจ้าตายกันไปหมดตามวัฏจักรของจักรวาล เจ้าก็จะปรับตัวรับได้ไปตามกาลเวลาเอง” จอมมารเอ่ยอย่างเยียบเย็นดุจน้ำแข็งอยู่ข้างๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วมุ่นในทันใด
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะทำอย่างสุดกำลัง! ตอนนี้จากจักรวาลภูมิลำเนาของตนเองมา กว่าจะถึงวันสิ้นยุคจักรวาลก็ยังเหลือเวลาอีกยาวนาน เพียงพอให้ตนเติบโตก้าวหน้าได้ ต่อให้ไม่ได้หัวใจนิรันดร์และผลสัจธรรมมา พากเพียรจนได้สุดยอดสิ่งล้ำค่ามาแล้วนำกลับไปบ้างก็ใช้ได้แล้ว
ถึงอย่างไรการหยั่งรู้ของภรรยาและบุตรก็นับว่าไม่เลว ต่างก็เป็นเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นกันมาก่อนแล้ว
บางที…
วันที่ตนกลับไปนั้น ภรรยาและบุตรอาจบรรลุด้วยตนเองแล้วก็ได้!
“ไปเถิด ไปกวาดล้างแผ่นดินอลหม่านที่อยู่รอบๆ กันสักคราหนึ่ง” จอมมารพาตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนย้ายผ่านอากาศ
ความเร็วของเขาช่างรวดเร็ว รวดเร็วเสียเหลือเกิน
ใช้เวลาเพียงสามสิบกว่าปีเท่านั้นก็ก้าวข้ามผ่านแผ่นดินอลหม่านสองร้อยกว่าแห่ง ถึงแม้ว่าเจ้าสำนักสวรรค์กันแสงจะแอบถ่ายทอดคำสั่งอย่างลับๆ ไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรเพื่อซ่อนเร้นตัวตน เขาก็ ติดต่อกับผู้แกร่งกล้าที่รวมเป็นเอกภาพที่สนิทใจที่สุด แล้วให้ผู้แกร่งกล้าที่รวมเป็นเอกภาพเหล่านี้สั่งการลงไปอีกที แม้กระทั่งเพราะระยะห่างของแผ่นดินอลหม่าน ก็ถ่ายทอดกันไปคนแล้วคนเล่า…
เพราะก่อนหน้านี้ได้สังหารผู้แกร่งกล้าห้าคนรวมเป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงและหลัวไห่ก็สังหารเทพอากาศไปด้วย ส่งผลให้การถ่ายทอดข่าวสารถูกรบกวน บวกกับการที่มีสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศบางส่วนยังคงหลับใหลในห้วงนิทราอย่างงดงาม
ยามที่จอมมารกวาดล้างก็พบเทพอากาศกว่าหกสิบคน สำหรับสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศระดับผู้ปกครองนั้นมีมากยิ่งกว่า แน่นอนว่า… สังหารสิ้นอย่างไม่ปรานี!
“พรึ่บ”
จอมมารพาตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในอากาศอันสับสนอลหม่าน
“ตรงหน้าก็คือโลกทิพย์กิเลนบูรพา” จอมมารก็หยุดลงเช่นกัน เบื้องหน้ามีแผ่นดินที่ใหญ่โตโอฬารไร้เทียมทานแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น ใหญ่โตเสียจนมิอาจมองเห็นขอบเขต ใหญ่โตยิ่งกว่าจักรวาลแห่งหนึ่งมากมายนัก แผ่นดินอันใหญ่โตไร้เทียมทานแห่งนี้ยังมีชั้นเมฆชั้นแล้วชั้นเล่าล้อมอยู่รอบนอกสุด ท่ามกลางชั้นเมฆที่คล้อยเคลื่อนต่างก็มีสิ่งมีชีวิตอสนีบาตเจ็ดสีจำนวนนับไม่ถ้วนบินเดินเหินว่ายไปมาอยู่ตลอดเวลา
เพียงเคลื่อนเข้าไปใกล้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกว่าความเร็วในการเหินทะยานของตนต่างก็ได้รับผลกระทบด้วย ถ้าหากเข้าไปในโลกทิพย์ก็เกรงว่าความเร็วของตนจะเชื่องช้าลงเป็นอย่างมาก
“โลกทิพย์กิเลนบูรพาอยู่ห่างจากโลกทิพย์ทะเลสัตตดารามากเกินไป พวกเราไม่สามารถเคลื่อนย้ายผ่านอากาศอันสับสนอลหม่านอันไร้ที่สิ้นสุดไปได้ นั่นต้องสิ้นเปลืองเวลายาวนาน ยาวนานเหลือเกิน” จอมมารพูด “พวกเราเข้าไปยังโลกทิพย์กิเลนบูรพาไปเชิญยอดฝีมือขั้นอลวนท่านหนึ่งมาช่วยเหลือ เขาคงสามารถส่งตัวพวกเรากลับไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าน้อยๆ สามารถส่งตัวผ่านระยะทางอันไกลโพ้นอย่างที่สุดได้ เทพจักรวาลจำนวนมากล้วนทำไม่ได้กันทั้งนั้น! ในทางกลับกัน ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนจำนวนน้อยนิดที่สุดที่บำเพ็ญระบบพิเศษกลับสามารถทำได้ หากจะเชิญพวกเขาให้เป็นธุระช่วยส่งตัว ก็จะต้องจ่ายด้วยราคาสูงลิบลิ่ว
ยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนเหล่านี้ ลำพังแค่เก็บค่าผ่านทาง ก็สามารถกลายเป็นผู้ที่มั่งคั่งที่สุดในบรรดาขั้นอลวนเหล่านั้นได้แล้ว!
…………………………………………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด