Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 4

อ่านนิยายจีนเรื่อง Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน ตอนที่ 4 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“ท่านบรรพชนคีรีมาร กับท่านประมุขเหยากวงหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงนึกถึงบรรพคีรีมารขึ้นมาในทันใด ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวเคยบอกตนมาก่อนแล้วว่าท่านบรรพชนของพวกเขากับบุคคลอื่นอีกท่านหนึ่งร่วมกันเปิดทางออกสู่ ‘โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา’ และตอนนี้ท่านบรรพชนเทียนอวี๋ก็พูดว่าเขารับคำเชิญของท่านบรรพชนคีรีมาร ท่านประมุขเหยากวง ไปเปิดสำนักที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา
“ดูท่าทาง ผู้ที่เปิดทางออกสู่โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา จะเป็นท่านบรรพชนคีรีมารกับท่านประมุขเหยากวงเสียแล้ว ฟังขึ้นมาแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างบรรพชนเทียนอวี๋ของจักรวาลเรากับท่านบรรพชนคีรีมารคงจะดีทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ
ถ้าหากความสัมพันธ์ย่ำแย่ก็คงไม่พูดถึงทั้งสองท่านนั้นในร่างเสมือนที่ทิ้งเอาไว้ให้ศิษย์รุ่นหลังแล้ว
บรรพชนเทียนอวี๋แม้จะหลังค่อมเล็กน้อย แต่สายตากลับอ่อนโยน และมีติ่งหูขนาดใหญ่มาก เขายิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยต่อไปว่า “วังทวีสูญของข้าที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา ก็เป็นขุมอำนาจระดับสุดยอดแห่งหนึ่ง ชื่อเสียงเลื่องลือ ในอนาคตถ้าหากเจ้าไปจากจักรวาล มุ่งหน้าไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแล้วเผชิญกับภยันตรายระหว่างทาง ก็สามารถแสดงตัวตนของเจ้าได้ในยามอับจน ถึงอย่างไรคนที่รู้เรื่องรู้ราวสักหน่อยต่างก็รู้กันว่าวังทวีสูญของข้ารักพวกพ้องเป็นที่สุด หากกล้าย่ำยีวังทวีสูญของข้า นั่นก็คือการรนหาที่ตายแล้ว!”
“แน่นอนว่าวังทวีสูญของข้าก็มีศัตรู ดังนั้นในยามจำเป็นที่อับจนหนทางแล้วจึงค่อยเปิดเผยตัวตน อาจสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังอย่างคล้อยตาม
เขาฟังออกว่าบรรพชนเทียนอวี๋ผู้นี้ดูเหมือนเป็นชายชราที่ดีคนหนึ่ง สามารถทิ้งวาจาในร่างเสมือนเอาไว้ให้ศิษย์รุ่นหลังได้ว่า ‘หากกล้าย่ำยีวังทวีสูญของข้า นั่นก็คือการรนหาที่ตาย’ เห็นได้ชัดว่าก็มิใช่ประเภทที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงชอบใจยิ่งนักที่มีบรรพชนเช่นนี้!
อีกฝ่ายเป็นผู้ก่อตั้งจักรวาลผู้บำเพ็ญ ก็คือบรรพชนดั้งเดิมของสรรพชีวิตทั้งหลายในจักรวาลแห่งนี้
“เป็นศิษย์อาภรณ์ม่วงแห่งวังทวีสูญ เสื้อคลุมและป้ายคำสั่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนมีกันทุกคน ในขณะเดียวกันเจ้าสามารถเลือกศาสตร์ลับพื้นฐานระดับอลหม่านได้สามศาสตร์!” บรรพชนเทียนอวี๋พูด “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นศาสตร์ลับพื้นฐาน ข้าคาดหวังยิ่งกว่าว่าชนรุ่นหลังอย่างพวกเจ้าเหล่านี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากศาสตร์ลับเหล่านี้…จนในท้ายที่สุดก็สามารถรังสรรค์ศาสตร์ลับของพวกเจ้าเองได้!สิ่งที่ตนรังสรรค์ขึ้นมาเองจึงจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด”
“สำหรับอาวุธกับวัตถุภายนอกน่ะหรือ ก็ต้องอาศัยตัวเจ้าเองแล้ว สุดท้ายเจ้าก็ต้องเดินบนเส้นทางบำเพ็ญด้วยตัวเอง” บรรพชนเทียนอวี๋แย้มยิ้มเล็กน้อย หลังจากนั้นภาพร่างก็เลือนหายไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจดีว่านี่เป็นเพียงแค่ร่างเสมือนเท่านั้น
เหมือนกับผู้ท่องอากาศ ‘กู่ฉี’ ในตอนนั้น เพื่อการสืบทอด ก็ได้สร้างร่างแปรร่างหนึ่งเอาไว้
แต่ทว่าระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์นั้นไม่เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นการอาศัยคนในการตระหนักรู้ ไปบุกเบิกเส้นทาง แล้วเดินตามเส้นทางไปตลอด…
“เสื้อคลุมหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบเสื้อคลุมสีม่วงขึ้นมาก่อน คลื่นวิญญาณซึมซาบผ่านคราหนึ่งแล้วก็หลอมแปรอย่างง่ายดาย หลังจากหลอมแปรแล้วเขาก็พบว่าเสื้อคลุมสีม่วงรับรู้เจ้านายเองโดยธรรมชาติ นอกจากเขาผู้นี้ที่เป็นเจ้าของแล้ว ผู้อื่นก็มิอาจใช้ได้อีก เห็นได้ชัดว่าสถานะศิษย์อาภรณ์ม่วงแห่งวังทวีสูญนี้… มิใช่จะปลอมแปลงได้โดยง่าย
“เป็นเสื้อคลุมที่ทนทานดีเหลือเกิน” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงอยู่บ้าง ด้วยหลังจากหลอมแปรแล้วอาภรณ์บนร่างของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในทันใด กลายเป็นอาภรณ์สีม่วงตลอดร่าง
“เสื้อคลุมนี่…ข้าใช้กำลังทั้งหมดก็ยังทำร้ายมันมิได้เลยแม้แต่น้อย” ปลายนิ้วมือของตงป๋อเสวี่ยอิงมีเกราะพลปรากฏขึ้น เขาทดลองทำลายบริเวณมุมเสื้อคลุมแต่ก็มิอาจทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย
ตงป๋อเสวี่ยอิงหยิบป้ายคำสั่งสีม่วงด้านข้างขึ้นมาทันทีแล้วรับสัมผัสเล็กน้อย
ปัง…
ข้อมูลจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ห้วงสมอง
ความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวกับวังทวีสูญจำนวนมากมาย แม้กระทั่งข้อมูลที่ว่าเสื้อคลุมเป็นสิ่งที่บรรพชนเทียนอวี๋ปรับแต่งขึ้นมาด้วยตัวเอง มีความทนทานมิอาจทำลายได้ ก็ล้วนมีบันทึกเอาไว้ ในนั้นยังมีบันทึกของศาสตร์ลับระดับอลหม่านอีกด้วย
ที่วังทวีสูญ ศาสตร์ลับระดับอลหม่านนั้นจัดเป็นลำดับที่สอง! เช่นเดียวกับร่างแท้หมื่นมารของจอมมาร ยังห่างชั้นกับศาสตร์ลับระดับอลหม่านมากมายนัก ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการเลือกศาสตร์ลับพื้นฐานระดับอลหม่านสามศาสตร์นั้นเลิศล้ำค้ำฟ้าเพียงใด ถึงแม้ว่าจะยังมีศาสตร์ลับอันดับหนึ่งที่สูงส่งยิ่งกว่า… แต่ความเป็นจริงแล้วด้วยระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ สำหรับเขาแล้วอันดับหนึ่งและอันดับสองก็มิได้แตกต่างกันแต่อย่างใด เพราะเขาอ่อนแอเกินไป
“ศาสตร์ลับพื้นฐานระดับอลหม่านของวังทวีสูญมีด้วยกันทั้งสิ้นหนึ่งร้อยเก้าศาสตร์” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นตะลึงอยู่บ้าง ในป้ายคำสั่งมีคำอธิบายเบื้องต้นที่สุดเกี่ยวกับหนึ่งร้อยเก้าศาสตร์ลับนี้
ศาสตร์ลับพื้นฐานที่ไหนกัน
พื้นฐาน ก็คือแตกฉานเชี่ยวชาญในศาสตร์ลับวิถีหนึ่ง! ศาสตร์ลับศาสตร์หนึ่งจะเชี่ยวชาญเพียงวิถีเดียว
นั่นคือการผนวกรวมกันของวิถีสองสาย มีความซับซ้อนยิ่งกว่า เช่นเดียวกับปรัชญาคลื่นลมที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสร้างขึ้นมาเอง  และกฎของวังทวีสูญ…ไม่ว่าจะเป็นศิษย์อาภรณ์ม่วง หรือจะเป็นศิษย์หัวแก้วหัวแหวนที่สุดอย่างศิษย์อาภรณ์ทอง ศิษย์อาภรณ์ทองคือผู้ที่ผ่านการทดสอบทั้งหมดของขั้นผู้ปกครอง ที่มีจำนวนน้อยยิ่งกว่าเทพอากาศเสียอีก!
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์อาภรณ์ม่วงหรือศิษย์อาภรณ์ทอง ก็จะได้รับการถ่ายทอดเพียงศาสตร์ลับพื้นฐานเท่านั้น
เชี่ยวชาญศาสตร์ลับพื้นฐานเพียงวิถีเดียว บริสุทธิ์กว่า! ทั้งยังเหมาะสมที่จะนำมาใช้อ้างอิงมากกว่าด้วย
ถ้าหากรับการถ่ายทอดศาสตร์ลับที่ผสมกันหลายสายมากเกินไป…จะกลับกลายเป็นการรบกวนทิศทางการบำเพ็ญของศิษย์รุ่นหลัง หรือแม้กระทั่งทำลายอนาคต! เส้นทางการบำเพ็ญไม่ควรถูกรบกวน โดยเฉพาะระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ยิ่งต้องการให้ศิษย์รุ่นหลังเดินไปด้วยตัวเอง ถ่ายทอดศาสตร์ลับพื้นฐานที่ดีที่สุดของพวกเขา พวกเขาจะเดินไปถึงจุดนั้นได้ก็ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของพวกเขาเองแล้ว
“สามอย่างเท่านั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าน้อยเกินไป จึงอดที่จะบ่นพึมพำมิได้
วิถีที่ตนตระหนักรู้ก็มีสามอย่างแล้ว
“เอาเถอะ กฎที่บรรพชนเทียนอวี๋บัญญัติเอาไว้ย่อมมิอาจฝ่าฝืนได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ เขารู้ว่าความคิดของท่านบรรพชนก็คือไม่อยากให้ศิษย์รุ่นหลังกระจายพลังไปยังศาสตร์ลับมากเกินไป ดังนั้นจึงจำกัดให้เลือกได้เพียงสามศาสตร์
แต่สำหรับตนแล้วยังน้อยเกินไปหน่อยจริงๆ วิถีสามสาย ทุกวิถีก็มีศาสตร์ลับสามศาสตร์แล้ว ยังมีการบำเพ็ญที่สำคัญที่สุดอย่างศาสตร์ลับของร่างจริงจิตเทพที่จำเป็นต้องเลือกด้วย นี่ก็ปาเข้าไปสี่อย่างแล้ว
“ต้องละทิ้งไปหนึ่งอย่าง”
“อืม”
ความเร็วในการใช้ความคิดของตงป๋อเสวี่ยอิงรวดเร็วอย่างยิ่ง เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“วิธีการของค่ายสังหารธรรมดาที่สุด ตอนข้าอยู่ที่บรรพคีรีมารก็เห็นมาไม่น้อย ก็ละทิ้งค่ายสังหารก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ที่เหลือก็คือศาสตร์ลับระดับอลหม่านสามศาสตร์ ตาข่ายสวรรค์ไร้เงา สามพันร่างแปร แล้วก็คัมภีร์รัศมีเทพ”
ตาข่ายสวรรค์ไร้เงา คือศาสตร์ลับในเขตแดนของ ‘วิถีระลอกคลื่น’ !
สามพันร่างแปร คือศาสตร์ลับของ ‘วิถีโลกเทียม’!
คัมภีร์รัศมีเทพ คือความเชี่ยวชาญของวิญญาณ
……
ด้านนอกกระท่อมฟาง ชายชราผมขาวรอคอยอยู่ที่นั่น
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่สวมอาภรณ์สีม่วงเดินออกมาจากกระท่อมฟาง เมื่อชายชราผมขาวมองเห็นก็เผยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย ยินดีด้วย ที่ได้เป็นศิษย์อาภรณ์ม่วงของวังทวีสูญแล้ว”
“ยังต้องขอให้ผู้อาวุโสช่วยนำต้นฉบับศาสตร์ลับทั้งสาม ตาข่ายสวรรค์ไร้เงา สามพันร่างแปร และคัมภีร์รัศมีเทพมาให้ข้าด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ได้สิ แต่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าจะนำต้นฉบับศาสตร์ลับนี้ไปด้วยมิได้หรอกนะ เพราะต้นฉบับศาสตร์ลับระดับอลหม่านเหล่านี้… สถานที่แรกเริ่ม และทุกๆสำนักมีต้นฉบับเพียงฉบับเดียวเท่านั้น” ชายชราผมขาวพูด
“เข้าใจแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ไม่นานนัก
ชายชราผมขาวนำตำราสามเล่มออกมาจากกระท่อมฟางคลังสมบัติที่อยู่ข้างๆ โดยตาข่ายสวรรค์ไร้เงามีตัวเล่มตำราโปร่งแสง ส่วนสามพันร่างแปรเป็นตำราที่มีตัวเล่มสีดำ และตัวตำราของคัมภีร์รัศมีเทพมีสีทอง ตำราทั้งสามต่างก็แผ่กลิ่นอายอันไร้รูปร่างออกมา ถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้ต่างก็เป็นศาสตร์ลับระดับอลหม่าน
……
พอรับเอาต้นฉบับศาสตร์ลับทั้งสามเล่มมาแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็กลับเข้าไปในกระท่อมฟาง แล้วนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะรองนั่งนั้น
กระท่อมฟางหลังนี้ก็คือสถานที่บำเพ็ญที่บรรพชนเทียนอวี๋ทิ้งเอาไว้ให้ศิษย์อาภรณ์ม่วงโดยเฉพาะ ห้วงเวลาของที่นี่เพิ่มความเร็วขึ้นถึงหมื่นเท่า แม้กระทั่งเบาะรองนั่งนั้นก็เป็นของล้ำค่า ผลของการนั่งบำเพ็ญบนนั้นดียิ่งกว่าชั้นนอกของบรรพคีรีมารเสียอีก
“ข้าจะบำเพ็ญอยู่ที่นี่แหละ”
“อืม ไม่ต้องเร่งศึกษาศาสตร์ลับหรอก จะบำเพ็ญศาสตร์ลับให้ถ่องแท้ก็ต้องใช้เวลา มาหลอมรวมการตระหนักรู้ในการบำเพ็ญในห้วงนิทราของข้าเข้าด้วยกันก่อนดีกว่า” จิตของตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนไหวการไหลของห้วงเวลาในกระท่อมฟางเปลี่ยนแปลงไปหมื่นเท่า ไม่จำเป็นต้องรับกฎเกณฑ์ฟ้าดินของโลกภายนอกเลย
ปัง..
ในห้วงความคิด เขาหลอมรวมวิถีเข่นฆ่า วิถีระลอกคลื่น วิถีโลกเทียม อีกทั้งปรัชญาคลื่นลมเข้าด้วยกัน ส่วนบริเวณค่ายสังหารที่มิได้รับรู้ด้วยกันก็เริ่มแตกสลายไป

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด