Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1768 บังคับคลานลอดขา

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1768 บังคับคลานลอดขา 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

รุ่นเยาว์ผู้นั้นอวดดีเป็นอย่างมากที่กล้าขวางทางเข้าของสำนักเทียนหลง แถมยังสั่งให้เม่าไต้คลานลอดขาของเขาอีก
แต่เม่าไต้คือใคร?
อัจฉริยะในระดับพลังของนิรันดร์จะยอมถูกทำให้อัปยศเช่นนั้นได้อย่างไร!
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนที่นี่ก็คืออาณาเขตของตระกูลฟู่ ซึ่งในฐานะคนที่เพิ่งมาใหม่แล้ว เม่าไต้ไม่อยากจะสร้างปัญหาใดๆขึ้นและพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยคำพูด
“ข้าไปล่วงเกินเจ้ารึไง?” เม่าไต้กล่าวด้วยน้ำเสียงมืดมน เนื่องจากที่แห่งนี้คือสำนักเทียนหลง นอกจากเขาแล้ว จางชงและเม่าซูอวี๋จึงไม่ได้อยู่ที่นี่
“ฮ่าๆๆๆ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นหัวเราะก่อนจะแสดงสีหน้าเหยียดหยาม “ขยะไร้ค่าเช่นเจ้า มีคุณสมบัติอันใดที่จะมาล่วงเกินข้าได้?”
เม่าไต้ไม่สบอารมณ์ยิ่งกว่าเดิม เขาพยายามระงับอารมณ์เอาไว้และกล่าว “เช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงสร้างปัญหาให้ข้า?”
“ก็เพราะมันทำให้ข้าสนุกยังไงล่ะ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นเชิดคางเล็กน้อย
เม่าไต้รู้สึกว่าตนเองโชคร้ายเป็นอย่างมากที่ต้องมาตกเป็นหมายของอีกฝ่าย “ขอเสียมารยาท!” เม่าไต้กล่าวพร้อมกับเอื้อมมือขวาออกไป เขาตั้งใจที่จะผลักอีกฝ่ายให้หลบไปพ้นๆทาง
“ช่างโอหัง!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นแสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะผลักฝ่ามือออกมา ‘พรึบ’ ฝ่ามือของเขาปรากฏเปลวเพลิงที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากเปลวเพลิงทั่วไป เปลวเพลิงบนฝ่ามือนี้พัวพันไปด้วยตราประทับแห่งเต๋า
เม่าไต้ที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้าและรีบกระโดดถอยหลังหลบทันที
“ทีนี้คิดหนีรึ?” รุ่นเยาว์ผู้นั้นหัวเราะก่อนจะเบี่ยงฝ่ามือเพื่อไล่ตามเม่าไต้
สี่นิพพาน!
หลิงฮันที่มองดูอยู่เผยท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย
รุ่นเยาว์ที่ดูเหมือนนายน้อยจอมเสเพลผู้นี้เป็นนิรันดร์สี่นิพพาน!
จากรูปลักษณ์ใบหน้าที่ยังไม่แก่เฒ่า จึงสามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นทะลวงผ่านระดับโลกียนิพานตั้งแต่เยาว์วัย เพราะหลังจากที่บรรลุเป็นนิรันดร์แล้ว อายุขัยจะกลายเป็นไร้ขีดจำกัดและรูปลักษณ์จะไม่เปลี่ยนแปลงไปอีกตลอดกาล
รุ่นเยาว์ผู้นั้นยังคงกระหน่ำปล่อยฝ่ามือไม่หยุดยั้ง
โชคดีที่เม่าไต้นั้นบรรลุเป็นนิรันดร์ด้วยการตัดนิพพานที่สมบูรณ์ ถึงแม้พลังต่อสู้ของเขาจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นราชา แต่รุ่นเยาว์ตรงหน้าก็เป็นเพียงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานทั่วไป ซึ่งเม่าไต้ย่อมไม่มีทางพ่ายแพ้ต่ออีกฝ่าย ในระยะเวลาสั้นๆ
หลิงฮันจ้องมองดูการต่อสู้ก่อนจะส่ายหัว ถึงแม้เม่าไต้จะบรรลุระดับนิรันดร์ด้วยการตัดนิพพานที่สมบูรณ์ แต่พลังต่อสู้ของทั้งสองก็ต่างกันเกินไป เกรงว่าหลังจากผ่านไปราวๆหนึ่งร้อยกระบวนท่า ความต่างชั้นของพลังคงแสดงผลออกมา และเมื่อผ่านไปหนึ่งพันกระบวนท่า เม่าไต้จะพ่ายแพ้ในที่สุด
แต่แน่นอนว่า หากเม่าไต้มีทักษะลับที่ทรงพลังเก็บซ่อนไว้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“ดูเหมือนข้าจะดูถูกเจ้าไปหน่อย!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นเผยสีหน้าประหลาดใจ เขาคิดว่าด้วยพลังระดับสี่นิพพาน เขาจะสามารถเอาชนะเม่าไต้ได้อย่างง่ายดาย
ในความเป็นจริง รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นเพียงนิรันดร์สี่นิพพานขั้นต้นเท่านั้น ในขณะที่เม่าไต้เป็นนิรันดร์สามนิพพานขั้นสูงสุด ซึ่งหากไม่ใช่เพราะรุ่นเยาว์ผู้นี้ติดอยู่ในระดับพลังนี้มาเป็นเวลานาน จนขัดเกลาพลังต่อสู้จนแข็งแกร่งแล้วล่ะก็ ด้วยพลังต่อสู้ที่เทียบได้กับนิรันดร์สี่นิพพานขั้นต้นของเม่าไต้ เขาคงสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายเหนือกว่าได้แล้ว
“ฝ่ามือหยกทมิฬ!” รุ่นเยาว์ผู้นั้นเค้นเสียง ฝ่ามือของเขาได้แปรสภาพกลายเป็นสีดำ ซึ่งไม่ใช่สีดำทึบเหมือบน้ำหมึก แต่เป็นสีดำโปร่งใสราวกับเนื้อหยก บ่นฝ่ามือของเขาปรากฏลวดลายสีดำที่พัวพันไปด้วยตราประทับแห่งเต๋า
นี่คือทักษะยุทธของตระกูลฟู่ ฝ่ามือหยกทมิฬ!
เม่าไต้คำรามและทุบหน้าอกตัวเอง ทันใดนั้นแววตาของเขาก็ส่องปรากฏสีแดงฉาน และพลังต่อสู้ได้ถูกยกระดับขึ้นมาหลายเท่าตัว เขาทำการปลดปล่อยการโจมตีเข้าปะทะกับฝ่ามือสีดำที่พุ่งเข้ามา
‘ตูม’ การปะทะของทั้งสองส่งผลให้พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือน พร้อมกันนั้นเอง จู่ๆใต้พื้นดินก็ได้มีแสงสว่างสีทองพรั่งพรูออกมา ก่อนที่การสั่นสะเทือนจะหยุดลง
สำนักแห่งนี้ได้ติดตั้งรูปแบบอาคมคุ้มกันเอาไว้ โดยมันจะถูกกระตุ้นให้ทำงานทันที หากสัมผัสได้ถึงแรงปะทะที่รุนแรง
เมื่อฝุ่นควันจากการปะทะสลายไป ร่างของเม่าไต้ก็ยังคงอยู่ยืนที่เดิมด้วยสีหน้าซีดขาว มุมปากของเขาปรากฏรอยโลหิต และดวงตาอัดแน่นไปด้วยความเกรี้ยวกราด
“ทีนี้จะยอมคลานรึยัง?” รุ่นเยาว์ผู้นั้นอ้าขากว้างและชี้นิ้วลงที่ด้านล่าง
เม่าไต้กำหมัดอย่างเคียดแค้นจนเส้นเลือดปูดบวม
เขาไม่มีทางยอมรับความอัปยศอย่างการลอดผ่านช่องขาผู้อื่นแน่ แต่อย่างไรนี่ก็เป็นวันแรกที่เขาเข้าร่วมสำนักเทียนหลง หากเขาเข้าสำนักสายหรือขาดลา คิดว่าอาจารย์ในสำนักจะมองเขาอย่างไร?
หลิงฮันที่มองดูอยู่สะบัดแขนเสื้อก่อนจะก้าวเดินเข้าไปและกล่าว “เป็นวัฒนธรรมของที่นี่สินะ ที่ศิษย์ใหม่ของสำนักจะต้องคลานลอดช่องสุนัข”
รุ่นเยาว์ผู้นั้นชะงักก่อนจะรู้สึกเกรี้ยวกราด
เจ้าหาว่าระหว่างขาของข้าเป็นช่องลอดสุนัข?
“หลิงฮันงั้นรึ?” รุ่นเยาว์ผู้นี้หรี่ตาลงและมองด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เมื่อใดกันที่เขามีชื่อเสียงจนเป็นที่รู้จักในตระกูลฟู่? เขาพยักหน้าและกล่าว “ถูกแล้ว ท่านปู่ของเจ้ามีนามว่าหลิงฮัน บุรุษที่แท้จริงย่อมไม่เปลี่ยนชื่อแซ่ของตัวเอง”
หากดวงวิญญาณของติงเซี่ยวเฉินยังอยู่ล่ะก็ เขาคงรู้สึกรันทดจนกระอักโลหิตออกมาเป็นแน่ นี่เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าเจ้านำชื่อข้าไปใช้มาแล้วกี่ครั้ง?
รุ่นเยาว์ผู้นั้นเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก ปู่ของข้าไม่ได้เยาว์วัยเหมือนกับเจ้าเสียหน่อย!
เขาพยายามระงับความโกรธเอาไว้และกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ข้าคือฟู่เจิ้งถง!”
“ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน เจ้าเป็นหมูหมามาจากไหนกันล่ะ?” หลิงฮันสะบัดมือและกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
การที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับเม่าไต้เช่นนั้น แน่นอนว่าย่อมทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้ามีนิสัยอวดดี ซึ่งก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ!” ฟู่เจิ้งถงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด