Super God Gene ตอนที่ 2332

อ่านนิยายจีนเรื่อง Super God Gene ตอนที่ 2332 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“นายท่าน ไป๋อี้ได้เข้าไปในพาวิลเลี่ยนพักใหญ่แล้ว” เชอร์พูดพร้อมกับโค้งคำนับไป๋หลิงซวง
 
ไป๋หลิงซวงนั่งอยู่บนโซฟา ขาที่งดงามของเธอกำลังไขว้กันอยู่ และเธอก็กำลังถือแก้วไวน์อยู่ในมือ ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูถูก
“ตอนนี้เมื่อไป๋อู๋ฉางใช้บัตรผ่านของเขาแล้ว ในพาวิลเลี่ยนก็เหลือเพียงแค่รูปปั้นของอัลฟ่า กษัตริย์องค์ที่ 2 และราชาเป่าเท่านั้น รูปปั้นอัลฟ่าและกษัตริย์องค์ที่ 2 อยู่ที่นั่นมาเป็นเวลากว่าพันล้านปีแล้ว แต่มันก็ยังไม่มีใครเข้าใจพวกมันได้ ส่วนราชาเป่านั้น เขาเป็นกษัตริย์ที่แปลกประหลาด คนของราชวงศ์หลายต่อหลายคนพยายามทำความเข้าใจรูปปั้นของเขา แต่พวกเขาก็กลับออกมามือเปล่ากันทุกคน มันไม่มีทางที่ไป๋อี้จะเข้าใจอะไรเกี่ยวกับรูปปั้นที่เหลือได้”
 
“แทนที่จะขอรางวัลที่ใช้ประโยชน์ได้ง่ายๆ ไป๋อี้กลับยืนกรานที่จะขอรับบัตรผ่านเข้าสู่พาวิลเลี่ยน เขาจะประเมินตัวเองสูงเกินไปหน่อยแล้ว” เชอร์พูด
 
ไป๋หลิงซวงจิบไวน์ หลังจากนั้นเธอก็วางแก้วลง
“ในโลกนี้สิ่งที่เข้าใจยากที่สุดไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นการเข้าใจตัวเอง แม้แต่ในหมู่ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์เราก็ไม่กี่คนกันที่เข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง ไป๋อี้เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะขอบางสิ่งที่เหนือศักยภาพของตัวเอง เขาจะไม่รู้ถึงขีดจำกัดของตัวเองจนกระทั่งเขาได้ลองมันดูด้วยตัวเขาเอง”
 
“นายท่านพูดถูก เพราะยังไงซะมันก็มีคนไม่มายในจักรวาลนี้ที่จะชาญฉลาดอย่างนายท่าน” เชอร์พูดเยินยอ
 
ไป๋หลิงซวงหันไปมองเชอร์และพูดอย่างเย็นชา “ลูกไม้ของเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้า”
 
“ข้าน้อยขออภัยด้วย” เชอร์รีบพูดขึ้นมาในทันที
 
ในตอนที่ไป๋หลิงซวงกำลังจะพูดต่อ สีหน้าที่ตกใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ เธอไปที่ระเบียงและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
 
จากดวงดาวอีกดวง ลำแสงพุ่งข้ามจักรวาลและทอดเงามืดทั่วทั้งอาณาจักรของกษัตริย์
 
“พาวิลเลี่ยน… นั่นเป็นไปไม่ได้!” ไป๋หลิงซวงจ้องมองแสงนั้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
 
ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนตกตะลึง ขณะที่พวกเขาหันหน้าไปมองลำแสงที่พุ่งผ่านท้องฟ้า
 
แสงนั้นดูเหมือนจะกำเนิดมาจากเวทย์มนต์ที่ทรงพลัง ขณะที่ผู้คนมองไปที่มัน มันดูเหมือนกษัตริย์น้อยกว่าที่จะดูเหมือนเทพหรือปีศาจ ตัวตนที่น่ากลัวรู้สึกได้ทั่วทั้งอาณาจักรของกษัตริย์
 
ภายใต้สายตาของทุกคนในอาณาจักรกษัตริย์ แสงเริ่มเคลื่อนไหว มันเริ่มทำการชกหมัด มันเป็นวิชาหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงที่พื้นฐานที่สุดของเอ็กซ์ตรีมคิง
 
วิชาจีโนของเอ็กซ์ตรีมคิงต่างก็มีต้นกำเนิดมาจากหมัดเอ็กซ์ตรีมคิง แม้แต่หมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลของไป๋เวยก็เป็นวิชาหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงฉบับปรับปรุง
 
แต่ทุกหมัดของวิชาพื้นฐานอย่างหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงที่ถูกแสดงโดยเงานี้ดูมีพลังมากพอที่จะผ่าจักรวาลออกเป็น 2 ส่วน มันยากที่จะหยั่งถึงความน่ากลัวของเงานั้นได้
 
ขณะที่ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงมองดูหมัดหล่านั้น หัวใจของพวกเขาก็เต้นรัว พวกเขารู้สึกว่ามันยากที่จะหายใจได้ ทุกหมัดที่พวกเขาเห็นนั้นเหมือนกับว่าสามารถทำลายทั้งจักรวาลและบดขยี้ทุกคนไปพร้อมๆกัน
 
เพียงแค่มองดูพลังที่ออกมาจากหมัดแต่ละหมัดก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนตกตะลึง คนที่มีจิตใจที่อ่อนแอพบว่ามีเลือดไหลออกมาจากจมูกและหูของพวกเขา
 
“นี่…มันคือ…อัลฟ่าของพวกเรา…?”
 
“นี่มีคนทำความเข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ?”
 
“ใคร…คนๆนั้นเป็นใครกัน…?”
 
เกือบจะทุกคนสงสัยอย่างเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกคนในราชวงศ์
 
มันเป็นเวลานานกว่าพันล้านปีที่ไม่มีใครเข้าใจถึงรูปปั้นของอัลฟ่าได้ การที่รูปปั้นถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจะสั่นคลอนรากฐานทางสังคมของพวกเขา
 
ไม่ว่าองค์ชายหรือองค์หญิงคนไหนที่เข้าใจรูปปั้นของอัลฟ่าได้สำเร็จ เขาจะดึงดูดความสนใจของราชาไป๋ ถ้าคนของราชวงศ์คนนั้นเป็นคนที่รู้กันว่ามีพรสวรรค์อยู่แล้ว นี่ก็อาจจะเพียงพอที่เขาจะขึ้นมาแทนที่รัชทายาทในขณะนี้
 
เพราะยังไงซะรัชทายาทในตอนนี้ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายอะไร องค์ชายที่เป็นรัชทายาทในตอนนี้ถูกเลือกเพียงเพราะเขาเป็นบุตรชายคนโตของกษัตริย์เท่านั้น ราชาไป๋จะเปลี่ยนรัชทายาทเมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาต้องการ
 
ไป๋เวยมองหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงของเงาของอัลฟ่า เธอดูเหมือนจะเรียนรู้บางสิ่งจากการจ้องมอง เธอเริ่มเคลื่อนไหวตามสิ่งที่เธอเห็นบนท้องฟ้า หมัดแล้วหมัดเล่า หมัดของเธอเริ่มจากอะไรที่ซับซ้อนมากๆ แต่พวกมันค่อยๆกลายเป็นอะไรที่ธรรมดาอย่างมาก หมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลของเธอกลายเป็นหมัดที่ดูธรรมดาที่สุด
 
แต่ร่างกายของเธอดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม มันกลายเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกับเงาของอัลฟ่า
 
บางอย่างภายในร่างกายของไป๋เวยดูเหมือนจะถูกปลดล็อค ร่างกายออริจินอลของเธอกลายเป็นร่างกายแอสทรัล แต่การพัฒนาไม่ได้สิ้นสุดเพียงแค่นั้น การชกหมัดตามเงาของอัลฟ่าทำให้ร่างกายของไป๋เวยยังคงพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เธอจะมีร่างเซเลสเทียลในอีกไม่นาน
 
นี่ไม่ได้เกิดขึ้นกับไป๋เวยแค่คนเดียวเช่นกัน ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนเริ่มฝึกตามหมัดของอัลฟ่าและเริ่มจะได้รับความแข็งแกร่งเพราะเงานั้น ยอดฝีมือมากมายก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง แม้แต่คนที่อยู่ในระดับราชันและระดับเทพเจ้าก็ได้รับพลังมากขึ้น
 
“นี่คือพลังของอัลฟ่าในตำนานของพวกเรา… ใครกันที่ทำเรื่องนี้? ใครกันที่เป็นคนปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมา?”
ทุกคนทั้งตกใจและดีใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาพูดคุยกันอย่างอยากรู้อยากเห็น
 
คนแรกที่พวกเขาพอจะสันนิษฐานได้ก็คือไป๋อู๋ฉาง แต่ไป๋อู๋ฉางได้ปลุกรูปปั้นรูปหนึ่งให้ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว มันจึงไม่มีทางที่เขาจะได้รับอนุญาตให้กลับเข้าไปในพาวิลเลี่ยนอีก
 
ราชวงศ์คนอื่นก็แข็งแกร่งเช่นกัน มันไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมา
 
มีเพียงแค่ไป๋หลิงซวงเท่านั้นที่มีสีหน้าที่ซับซ้อน เธอรู้ว่าคนที่อยู่ในพาวิลเลี่ยนในตอนนี้ก็คือไป๋อี้ แต่เธอไม่เข้าใจว่าไป๋อี้นั้นปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมาได้ยังไง
 
“มันไม่มีทางเป็นไป๋อี้ไปได้ มันคงจะมีราชวงศ์คนอื่นอยู่ในพาวิลเลี่ยน” ไป๋หลิงซวงกัดฟันของเธอขณะที่พูด
 
แสงที่ออกมาจากพาวิลเลี่ลยเริ่มจางหายไปพร้อมกับเงาของอัลฟ่า ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงทุกคนหันหน้ามองทางของพาวิลเลี่ยน พวกเขาอยากจะรู้ว่าใครกันที่เป็นคนปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้นมา
 
ราชาไป๋กำลังเล่นหมากรุกอยู่ภายในพระราชวัง เขาลืมไปเลยว่ากำลังถือหมากตัวหนึ่งอยู่ในมือ ขณะที่เขาจ้องมองไปทางพาวิลเลี่ยน
 
“ขอแสดงความยินดีต่อฝ่าบาทด้วย ท่านมีบุตรธิดาที่เยี่ยมยอด” คนที่กำลังเล่นหมากรุกกับราชาไป๋ยิ้ม
 
“ราชครูคิดว่าเป็นองค์ชายหรือองค์หญิงคนไหนกัน?” ราชาไป๋ถามพร้อมกับวางหมากลงบนกระดาน
 
คนที่กำลังเล่นหมากรุกกับราชาไป๋ก็คือราชครูของเอ็กซ์ตรีมคิงที่ถูกรู้จักกันในชื่อกู่เยวียน เขาดูเหมือนกับชายอายุประมาท 40 ปี เขามีเคราน้อยที่ดูค่อนข้างหล่อเหลา แต่มันทำให้เขาดูแก่ลง
 
กู่เยวียนโค้งคำนับ “กระหม่อมไม่ทราบ”
 
ราชาไป๋ไม่ได้ถามอะไรมากกว่านั้น เขายังคงมองไปทางพาวิลเลี่ยนและรอการออกมาขององค์ชายหรือองค์หญิงที่ปลุกรูปปั้นของอัลฟ่าให้ตื่นขึ้น
 
หานเซิ่นที่อยู่ภายในพาวิลเลี่ยนของเอ็กซ์ตรีมคิงตกตะลึง เขาแค่ต้องการสมบัติจากความพยายามที่จะเข้าใจรูปปั้น เขาไม่ได้มีเจตนาจะดึงดูดความสนใจมากถึงขนาดนี้ มันทำให้เขาขมวดคิ้วอย่างเป็นกังวล
 
ถ้าหานเซิ่นเป็นไป๋อี้ เขาก็คงจะดีใจจนกระโดดโลดเต้น แต่หานเซิ่นแค่ปลอมตัวเป็นไป๋อี้เท่านั้น และตอนนี้เมื่อเขาก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมา ทุกคนก็ต้องหันความสนใจมาที่เขาอย่างแน่นอน ตอนนี้โอกาสที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดโปงนั้นสูงมากๆ
 
“อะไรที่ทำไปแล้วแก้ไขไม่ได้ ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปกังวลกับมันอีก ตอนนี้เราแค่ต้องเอาสมบัติออกไป”
หานเซิ่นมองไปในช่องของรูปปั้นเปิดออกเพื่อดูสมบัติที่อยู่ภายใน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด