Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1751 ต้องการเรียนรู้ศาสตร์ปรุงยาจากข้าไหม

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1751 ต้องการเรียนรู้ศาสตร์ปรุงยาจากข้าไหม 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

อะไรกัน!
พี่น้องตระกูลฟู่มองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าตกตะลึง คงไม่ใช่ว่าชายหนุ่มผู้นี้ไปทำอะไรให้ผู้เฒ่าเหยี๋ยนไม่สบอารมณ์หรอกนะ?
ต้องรู้ก่อนว่าเซี่ยงเหยี๋ยนนั้น เป็นหนึ่งในบุคคลที่ตระกูลฟู่ให้ความสำคัญมากที่สุด!
แม้จะเป็นในดินแดนแห่งเซียน นักปรุงยาก็ยังเป็นตัวตนที่ทรงเกียรติ จำนวนของนักปรุงยาที่สามารถหลอมเม็ดยาระดับนิรันดร์ได้นั้นมีอยู่น้อยแสนน้อย ซึ่งขุมอำนาจที่ทรงพลังต่างต้องการตัวพวกเขาเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายอันมหาศาล
เซี่ยงเหยี๋ยนเป็นถึงปรมาจารย์ปรุงยาระดับสามดาว
ในดินแดนแห่งเซียน ระดับของปรมาจารย์นักปรุงยาจะแบ่งออกเป็นห้าระดับ นักปรุงยาหนึ่งดาวสอดคล้องกับพลังระดับโลกียนิพพาน นักปรุงยาสองดาวสอดคล้องกับระดับแบ่งแยกวิญญาณ เพราะงั้นนักปรุงยาสามดาวจึงสอดคล้องกับระดับขอบเขตตำหนักอมตะ
ในตอนแรก ตระกูลฟู่สามารถเชิญชวนนักปรุงยาสามดาวร่วมตระกูลได้เพียงคนเดียวคือซือถูถัง เพราะประมุขตระกูลฟู่เคยช่วยชีวิตซือถูถังเอาไว้ และในเวลาถัดมา เหตุผลที่เซี่ยงเหยี๋ยนยอมเข้าร่วมตระกูลฟู่ด้วยก็เป็นเพราะเขาเป็นสหายคนสนิทของซือถูถัง
ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเซี่ยงเหยี๋ยนกับซือถูถังจะแตกหัก เซี่ยงเหยี๋ยนก็ไม่คิดที่จะออกจากตระกูลฟู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรทางตระกูลฟู่ก็รู้สึกเป็นกังวลอยู่ดี ว่าอาจจะมีขุมอำนาจสามดาวขุมอำนาจอื่นแอบติดต่อเชิญชวนเซี่ยงเหยี๋ยนอยู่ลับๆ
นักปรุงยาระดับนิรันดร์หนึ่งคนนั้น มีความสำคัญเทียบเท่าจอมยุทธระดับนิรันดร์ที่มีระดับพลังสอดคล้องกันถึงสิบคน!
และเพราะเหตุผลที่ว่าตระกูลฟู่ไม่ต้องการสูญเสียเซี่ยงเหยี๋ยนไป พวกเขาจึงมีความเคารพและสุภาพต่อเซี่ยงเหยี๋ยนเป็นอย่างมาก
นี่หลิงฮันไปล่วงเกินอะไรกับเซี่ยงเหยี๋ยนงั้นรึ?
สถานการณ์ชักไม่ดีแล้ว หากเซี่ยงเหยี๋ยนต้องการจัดการหลิงฮันล่ะก็ เกรงว่าประมุขตระกูลฟู่อาจจะถึงขั้นลงมือด้วยตัวเอง
เป่ยเสวียนหมิงแสยะยิ้มทันที เจ้าหนูนี่กล้าไปล่วงเกินปรมาจารย์นักปรุงยา? ฮ่าๆๆ! บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้ แต่หนึ่งในเหตุผลหลักที่นิกายอาญาสิ้นแสงต้องการตบแต่งกับตระกูลฟู่นั้น เป็นเพราะตระกูลฟู่มีนักปรุงยาระดับสามดาวอยู่ถึงสองคน
“ผู้เฒ่าเหยี๋ยน ที่ท่านมาที่นี่คงไม่ใช่เพราะมีเรื่องอะไรสำคัญหรอกใช่หรือไม่?” ฟู่เกาหยุนเอ่ยถามอย่างสุภาพ ต่อหน้าปรมาจารย์นักปรุงยา เขาไม่กล้าแสดงท่าทีหยิ่งยโสของผู้สืบทอดตระกูลฟู่แม้แต่นิดเดียว
ต่อให้ในอนาคตเขาได้เป็นประมุข เข้าก็ยังต้องให้เกียรติเซี่ยงเหยี๋ยน
เซี่ยงเหยี๋ยน หันไปมองฟู่เกาหยุนด้วยสายตาโหดเหี้ยมและตบเข้าที่ใบหน้า “ไม่ใช่เรื่องสำคัญ? เจ้ากล้าดูถูกความพยายามอันแสนเข็นหลายพันล้านปีของข้ารึ?”
เม็ดยาวายุเพลิงเก้าเมฆา คือความสำเร็จที่เขาทุ่มเทความพยายามไปอย่างมาก เมื่อถูกกล่าวเช่นนั้น จึงไม่แปลกที่เขาจะโกรธ
กลายเป็นเรื่องแล้วจริงๆด้วย!
ฟู่เกาหยุนไม่กล้าหลีกฝ่ามือที่ตบเข้ามาของเซี่ยงเหยี๋ยน เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ออกแรงหนักอะไร เขาหันไปมองหลิงฮันด้วยสีหน้าสลดใจ
เหตุใดเจ้าถึงสร้างปัญหาได้ขนาดนี้?
เจ้ามาถึงที่นี่ได้ไม่นานเท่าไหร่ เจ้าก็ดันไปล่วงเกินบุคคลที่ไม่ควรล่วงเกินที่สุดในตระกูลเสียแล้ว นี่ข้าจะใช้คำไหนอธิบายความสามารถในการสร้างปัญหาของเจ้าดี?
ฟู่เกาหยุนกัดฟันและกล่าว “หลิงฮัน รีบน้อมรับความผิดของเจ้าเร็ว!” เขาส่งขยิบตาส่งสัญญาณให้หลิงฮันทำตาม
เมื่อได้ยินคำพูดของฟู่เกาหยุน เป่ยเสวียนหมิงก็แสยะยิ้มชั่วร้ายทันที
ในเมื่อจัดการหลิงฮันด้วยตัวเองไม่ได้ เป่ยเสวียนหมิงก็เกิดความคิดที่จะยืมมือของนักปรุงยาระดับสามดาวอย่างเซี่ยงเหยี๋ยนแทน
ยิ่งหากโน้มน้ามให้เซี่ยงเหยี๋ยนเข้าร่วมนิกายอาญาสิ้นแสงได้ ตำแหน่งรัชทายาทในการเป็นผู้สืบทอบนิกายอาญาสิ้นแสงของเขาก็จะมั่นคง
“พี่ชายฟู่ สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นไม่ถูกต้องเอาเสียเลย นักปรุงยานั้นเป็นตัวตนที่ทรงเกียรติ แค่กล่าวขอโทษจะไปเพียงพอได้อย่างไร?” เป่ยเสวียนหมิงยิ้มชั่วร้าย “หากหมอนั่นไม่ถูกลงโทษสถานหนัก ก็เหมือนกับพวกท่านดูหมิ่นสมาคมนักปรุงยาไม่ใช่รึไง?”
ฟู่เกาหยุนหันไปมองเป่ยเสวียนหมิงด้วยแววตารังเกียจ เจ้าไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะหลิงฮัน จึงคิดเอาคืนด้วยวิธีไร้ยางอายเช่นนี้? เจ้ามันไม่มีศักดิ์ศรีที่จะเรียกตัวเองว่าราชา!
ฟู่เสี่ยวอวิ๋นก็เผยสีหน้าเหยียดหยามเช่นกัน นางไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรที่เป่ยเสวียนหมิงพ่ายแพ้ แต่การที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และมีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้ เป็นสิ่งที่นางรับไม่ได้
เป่ยเสวียนหมิงกัดฟันทำเป็นไม่สนใจ หากเขาสังหารหลิงฮันไม่ได้ แล้วเขาจะยังมีหน้าไปพบใครอีก?
“พวกเจ้าพูดเรื่องบ้าบออะไรกันอยู่?” เซี่ยงเหยี๋ยนกล่าว รุ่นเยาว์เหล่านี้ไม่คิดจะให้เขาพูดให้จบก่อนเลยรึไง?
“ขอรับผู้เฒ่าเหยี๋ยน!” ทันทีที่เซี่ยงเหยี๋ยนเอ่ยกล่าว ฟู่เกาหยุนและเป่ยเสวียนหมิงก็รีบก้มหัวโค้งคำนับอย่างสุภาพ
ใบหน้าของฟู่เกาหยุนปรากฏรอยยิ้มขมขื่น ในขณะที่ใบหน้าของเป่ยเสวียนหมิงปรากฏรอยยิ้มชั่วร้าย
“หลิงน้อย เจ้าสนใจเรียนรู้ศาสตร์ปรุงยาจากข้ารึไม่?” เมื่อเห็นทุกคนเลิกพล่ามเรื่องไร้สาระ เซี่ยงเหยี๋ยนก็รีบกล่าวกับหลิงฮันด้วยรอยยิ้ม
ว่าไงนะ!
ทันทีที่ได้ยิน ฟู่เกาหยุน เป่ยเสวียนหมิง จ่างซุนเหลียงและคนอื่นๆก็รู้สึกตกตะลึงจนแทบจะทรุดตัวล้มลงกับพื้น
นี่พวกเขาได้ยินผิดรึเปล่า?
เซี่ยงเหยี๋ยนเอ่ยถามหลิงฮันว่า สนใจมาเรียนรู้ศาสตร์ปรุงยากับตนรึเปล่างั้นรึ?
กล่าวอีกแง่คือ เซี่ยงเหยี๋ยนต้องการรับหลิงฮันเป็นศิษย์!
นักปรุงยาคือกลุ่มคนที่มีสถานะสูงส่ง ด้วยการที่จะเป็นนักปรุงยาได้นั้น จำเป็นต้องผ่านเงื่อนไขต่างๆมากมาย จำนวนของนักปรุงยาจึงมีอยู่น้อยนิดและเป็นกลุ่มคนที่สำคัญยิ่ง
ดินแดนแห่งเซียนคือดินแดนที่มีอายุขัยไม่จำกัด เพราะงั้นนอกจากศาสตร์วรยุทธแล้ว เหล่าอัจฉริยะอย่างเป่ยเสวียนหมิงหรือฟู่เก่าหยุนที่เชี่ยวชาญในศาสตร์การบรรเลงเอง ในความเป็นจริง พวกเขาก็ต้องการมีสถานะเป็นนักปรุงยาเช่นกัน
แต่ปัญหาคือ ใช่ว่าใครอยากเป็นก็จะเป็นได้!
ตอนนี้แม้แต่ฟู่เกาหยุนก็รู้สึกอิจฉาหลิงฮัน ไม่มีใครรู้ว่าตัวเขานั้นเคยขอเป็นศิษย์ของเซี่ยงเหยี๋ยนมามากมายกี่ครั้งแล้ว ซึ่งเซี่ยงเหยี๋ยนก็ปฏิเสธทุกครั้ง
ใบหน้าของเป่ยเสวียนหมิงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง ในตอนแรกเขาคิดว่าหลิงฮันจะถูกลงโทษอย่างสาหัส แต่กลับกลายเป็นว่าเซี่ยงเหยี๋ยนตั้งใจจะรับหลิงฮันเป็นศิษย์แทน!
บัดซบที่สุด!
หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ขอปฏิเสธ… ผู้น้อยในตอนนี้ต้องการมุ่งมั่นฝึกฝนศาสตร์วรยุทธเพียงอย่างเดียว”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของหลิงฮัน ทุกคนรอบข้างก็แน่นิ่งกลายเป็นรูปปั้นหินในพริบตา
โอกาสทองมาอยู่ตรงหน้าเจ้าขนาดนี้แล้ว เจ้ายังกล้าปฏิเสธได้อย่างไร!
เซี่ยงเหยี๋ยนยังคงไม่ยอมแพ้และกล่าว “มุ่งฝึกฝนแค่ศาสตร์วรยุทธจะไปดีตรงไหน? ตราบใดที่เจ้าบรรลุเป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานแล้ว อายุขัยของเจ้าย่อมไร้ขีดจำกัด เหนือสิ่งอื่นใดคือหากเจ้ารู้แจ้งถึงอำนาจแห่งเต๋าและประสบความสำเร็จที่สูงส่งในศาสตร์แห่งการปรุงยา การจะบรรลุเป็นราชานิรันดร์ที่ทรงพลังก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
เขากล่าวต่อด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจเล็กน้อย “อย่างเช่นตัวข้าที่ไม่ได้ฝึกฝนศาสตร์วรยุทธเลยตั้งแต่บรรลุระดับโลกียนิพพาน และเอาแต่หลอมเม็ดยาทุกวัน ข้าก็ยังสามารถบรรลุระดับแบ่งแยกวิญญาณในขั้นตัดวิญญาณสวรรค์ได้ ในระยะเวลาสองหมื่นล้านปี”
ตั้งสองหมื่นล้านปีเชียว?
หลิงฮันส่ายหัว ตัวเขาที่ครอบครองหอคอยทมิฬ มีโอกาสสูงมากที่จะถูกตัวตนที่ทรงพลังตามล่าในอนาคต มีรึที่เขาจะมีเวลาบ่มเพาะพลังนานขนาดนั้น? ยิ่งกว่านั้นแล้วเขายังต้องออกตามหาภรรยาและบุตรอีก เขาไม่สามารถเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป
“ผู้น้อยไม่ต้องการ” เขากล่าวยืนกราน
เซี่ยงเหยี๋ยนอยากจะจับหลิงฮันมาบีบคอเพื่อให้อีกฝ่ายยอมตกลงเสียเหลือเกิน นี่เจ้าไม่รู้รึไงว่าขอแค่ข้าป่าวประกาศว่าต้องการรับศิษย์ เหล่าผู้สืบทอดของขุมอำนาจที่ทรงพลังมากมายก็ล้วนแต่ยินยอมที่จะเดินทางมาต่อแถวเพื่อให้ข้าเลือกด้วยตัวเอง?
แต่นี่ขนาดข้ายื่นข้อเสนอให้เจ้าตรงๆ เจ้าก็ยังปฏิเสธถึงสองครั้ง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด