Super God Gene ตอนที่ 2020

อ่านนิยายจีนเรื่อง Super God Gene ตอนที่ 2020 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

หานเซิ่นอยากจะเป็นบ้า เขาต้องขุดผ่านพื้นทรายด้วยลิ้น แถมดรีมบีสต์ยังสามารถอ่านจิตใจของเขาได้อีก ซึ่งเป็นอะไรที่น่ารำคาญ
 
หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางที่จะป้องกันความสามารถในการอ่านจิตใจ แต่มันไม่มีอะไรที่ได้ผลเลย
 
หานเซิ่นยอมเสี่ยงถูกลงโทษเพื่อทดสอบหลายๆวิธี แต่ไม่นานเขาก็สังเกตได้ว่าความสามารถในการอ่านจิตใจของดรีมบีสต์ไม่ได้แม่นยำเท่าไรนัก ดรีมบีสต์แค่รู้ถึงใจความหลักของสิ่งที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่เท่านั้น หลังจากนั้นมันก็คาดเดาส่วนที่เหลือเอง
 
นั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เพราะถ้าดรีมบีสต์สามารถอ่านจิตใจของเขาได้ทั้งหมด ความลับหลายๆอย่างก็คงจะถูกเปิดเผย
 
แต่ทว่าการทดสอบทั้งหมดนี้ก็ทำให้หานเซิ่นถูกลงโทษหลายต่อหลายครั้ง ระยะเวลาที่เขาต้องทำงานให้กับดรีมบีสต์ตอนนี้เพิ่มเป็น 13 เดือน
 
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนที่ทำงานอย่างหนัก ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้รับโอกาสให้พบกับใครสักคน
 
เมื่อหานเซิ่นได้เห็นยวิ๋นซู่อี เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกขังคุกมาเป็นสิบปี และเขาก็เกือบจะร้องไห้ออกมาเมื่อมีใครสักคนมาเยี่ยม
 
“หานเซิ่น? เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” ยวิ๋นซู่อีมองหานเซิ่นอย่างสับสน
 
“ข้าไม่เป็นอะไร แค่ทรายเข้าตาเท่านั้นเอง” หานเซิ่นพยายามทำตัวเหมือนกับลูกผู้ชาย
 
ในบางครั้งหานเซิ่นจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง
 
“เอิ่ม… นางมาหาข้าด้วยเรื่องอะไร?” หานเซิ่นถามยวิ๋นซู่อี หลังจากที่ควบคุมตัวเองได้แล้ว
 
ยวิ๋นซู่อีนำกล่องๆหนึ่งออกมา เธอเปิดมันออกและส่งให้กับหานเซิ่น
“ข้าใช้วิชามีดที่เจ้าสอนให้เอาชนะแองเกียและได้รับมีดขนนกโลหิตเล่มนี้มา ครึ่งหนึ่งของมันเป็นของเจ้า ดังนั้นข้าจึงนำมันมาที่นี่เพื่อให้เจ้าเห็นมัน”
 
“เจ้าเป็นคนที่ชนะเขาได้ ดังนั้นมันควรจะเป็นของของเจ้า อีกอย่างข้าก็มีมีดเขี้ยวผีสิงอยู่แล้ว” หานเซิ่นพูด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงรับมีดมาดู
 
“เจ้าพูดถูก เจ้าเป็นเจ้าของมีดเล่มนี้ครึ่งหนึ่ง แต่ข้าจะเป็นคนที่ใช้มัน” ยวิ๋นซู่อีพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
 
“มีดเล่มนี้ไม่เลวเลย” หานเซิ่นพลิกมีดไปมาและพูดต่อ
“มันเป็นมีดที่ดี แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่แข็งแกร่งเหมือนกับมีดเขี้ยวผีสิง และพลังของมันก็ไม่เข้ากับวิชามีดเขี้ยวดาบ แต่ดูเหมือนมันจะเป็นอะไรที่เหมาะสมมากสำหรับวิชาใต้นภา”
 
หานเซิ่นลูบผิวของใบมีด หลังจากนั้นบางสิ่งบางอย่างก็เผาปลายนิ้วมือของเขา เขาสะดุ้งและดึงมือกลับ จากนั้นเขาก็สังเกตไปที่ใบมีดอย่างละเอียด
 
นิ้วมือของเขาถูกเผาไหม้โดยรอยเลือดบนตัวมีด รอยเลือดสีแดงที่อยู่บนตัวมีดนั้นตัดกับใบมีดที่มีสีขาวอย่างชัดเจน
 
ยวิ๋นซู่อีอธิบาย “มีดขนนกโลหิตนั้นถูกทำขึ้นมาจากขนนกของเฟเธอร์ระดับเทพเจ้า แต่ก่อนที่มันจะเสร็จสมบูรณ์ มีซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งพยายามจะขโมยมันไป ซีโน่เจเนอิคถูกฟันจนได้รับบาดเจ็บ และเลือดของมันก็แปดเปื้อนมีดเล่มนี้ ด้วยเหตุนี้มีดเล่มนี้จึงเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าไม่ได้ และกลายเป็นแค่อาวุธระดับราชัน”
 
“แม้แต่เฟเธอร์ระดับเทพเจ้าก็เช็ดเลือดของมันออกไปไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นยื่นนิ้วมือไปสัมผัสกับรอยเลือด
 
“ถ้ามันถูกเช็ดออกได้ มันก็คงจะไม่อยู่บนตัวมีดมาจนถึงทุกวันนี้ และข้าก็ไม่คิดว่าทางเพเธอร์จะยินดีที่มอบของแบบนั้นให้กับพวกเรา” ยวิ๋นซู่อีพูด
 
หานเซิ่นพยักหน้า เมื่อนิ้วมือของเขาสัมผัสกับรอยเลือด ปลายนิ้วของเขาก็รู้สึกเหมือนกับถูกเผาอีกครั้ง ซึ่งเลือดที่ตกผนึกอยู่ในร่างกายของเขาก็เริ่มที่จะละลายเพื่อตอบสนองต่อความร้อนนั้น
 
หานเซิ่นกดนิ้วมือลงบนรอยเลือดพร้อมกับใช้วิชาโลหิตชีพจร หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าลมปราณของรอยเลือดเริ่มที่จะไหลเข้ามาในร่างกายของเขา
 
เมื่อเลือดของหานเซิ่นสัมผัสกับลมปราณโลหิต มันก็เหมือนกับไฟที่มาเจอกับน้ำมัน มันเริ่มลุกไหม้ขึ้นมา
 
หานเซิ่นทั้งรู้สึกแปลกใจและดีใจ ลมปราณของรอยเลือดเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถทำให้เลือดในตัวของเขาเดือดขึ้นมาได้ ถ้าเขาดูดซับรอยเลือดบนมีดเล่มนี้ไปได้ทั้งหมด วิชาโลหิตชีพจรของเขาก็อาจจะพัฒนาไปสู่ระดับเอิร์ล
 
“มันมีอะไรอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีเห็นหานเซิ่นยืนนิ่งไป เธอจึงรู้สึกกังวลขึ้นมา
 
หานเซิ่นลังเล เขาไม่แน่ใจว่าควรจะบอกกับเธออย่างไงดี
 
แต่เมื่อเห็นใบหน้าของหานเซิ่น ยวิ๋นซู่อีก็พูด
“ถ้าเจ้าต้องการอะไรล่ะก็ เจ้าบอกข้าได้เลย ข้าจะช่วยเหลือเจ้าทุกเรื่อง ถ้ามันเป็นเรื่องที่ข้าทำได้”
 
หานเซิ่นยังคงลังเลและพูดขึ้นมา “ซู่อี ข้าขอเล่นกับมีดเล่มนี้ต่ออีกสักหน่อยจะได้ไหม?”
 
“ข้าคิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรซะอีก เจ้าเป็นเจ้าของมีดเล่มนี้เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าเจ้าเอามันไปได้” ยวิ๋นซู่อีพูดกับเขาอย่างไม่ลังเล
 
หานเซิ่นดีใจ เขานำมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและส่งมันให้กับยวิ๋นซู่อี
“ข้าขอเก็บมีดขนนกโลหิตของเจ้าเอาไว้สักพัก ในช่วงนั้นเจ้าก็เอามีดเขี้ยวผีสิงนี่ไปใช้ก่อน”
 
ยวิ๋นซู่อีหน้าแดง เธอดูเหมือนจะกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ยังรับมีดไป “โอเค ข้าจะใช้มีดเล่มนี่ไปก่อนสำหรับตอนนี้”
 
หานเซิ่นอยากจะพูดคุยกับยวิ๋นซู่อีมากกว่านี้ แต่ดรีมบีสต์เตือนเขาเอาไว้ว่าจำเป็นต้องเก็บหินอัญมณีของวันนี้ขึ้นมา ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องทุกข์ทรมานกับฝันร้ายไปตลอดกาล
 
หานเซิ่นบอกลายวิ๋นซู่อีและกลับลงไปในน้ำเพื่อเก็บหินอัญมณี
 
ซึ่งการทำแบบนั้นทำให้เขาคิดค้นวิชาหนึ่งขึ้นมา มันมีชื่อว่าลิ้นดาบ มันไม่ได้ทรงพลังอะไร แต่มันเป็นพลังที่อ่อนโยนอย่างมาก เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็จะไม่สามารถใช้ลิ้นขุดเอาหินอัญมณีขึ้นมาจากพื้นทรายได้
 
หลังจากที่หานเซิ่นหาหินอัญมณีได้ครบสิบชิ้นแล้ว เขาก็ยังไม่ปล่อยให้ตัวเองพักผ่อนในทันที
 
เขานำมีดขนนกโลหิตออกมาจากกล่องและวางมันลงบนตัก หลังจากนั้นเขาก็สัมผัสรอยเลือดและเริ่มใช้วิชาโลหิตชีพจร เขารู้สึกได้ถึงลมปราณโลหิตที่ค่อยๆไหลออกมาจากใบมีด
 
แต่มันเป็นอะไรที่เชื่องช้ามากๆ หานเซิ่นจึงต้องคิดหาวิธีใหม่ หลังจากนั้นเขาก็หยดเลือดของเขาลงบนรอยเลือดบนตัวมีดแทน ไม่นานเลือดตกผนึกของเขาก็ละลายเข้าไปในรอยเลือดบนตัวมีด
 
หลังจากนั้นเขาก็ใช้วิชาโลหิตชีพจร ครั้งนี้ลมปราณโลหิตระเบิดออกมาจากรอยเลือดบนตัวมีดและไหลเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกมันเข้าไปเลือดที่ตกผนึกในตัวของเขาก็เริ่มเดือดขึ้นมา
 
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังระเหยกลายเป็นไอน้ำ มันใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมงก่อนที่เขาจะสามารถดูดซับลมปราณหยกพวกนั้นได้
 
‘นี่มันน่ากลัวจริงๆ ลมปราณโลหิตเพียงแค่นิดเดียวก็ยังทรงพลังถึงขนาดนี้ บางทีมันอาจจะทำให้วิชาโลหิตชีพจรของเรากลายเป็นระดับเอิร์ลได้จริงๆ’ หานเซิ่นดีใจ
 
หลังจากนั้นก่อนที่จะกลับไปทำงาน หานเซิ่นก็หยดเลือดของเขาลงบนรอยเลือดอีกครั้ง และหลังจากที่ทำงานเสร็จ เขาก็จะมาดูดซับลมปราณโลหิตเข้าไป รอยเลือดที่อยู่บนมีดขนนกโลหิตนั้นมีพลังงานมหาศาล และหานเซิ่นก็สามารถดูดซับพลังงานของมันได้เป็นเวลานาน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด