The Legendary Mechanic ตอนที่ 344
ทีมที่กลับมาแยกย้ายกันพักผ่อน ส่วนเลอเด็นก็กระโดดด้วยขาข้างเดียว คิดไปหา’หมอ’ให้ซ่อมเขา หานเซี่ยวผิวปากส่งสัญญาณให้เลอเด็นมา“นายนะเอง ไม่อยากเชื่อเลยว่านายยังไม่ตาย”เลอเด็นกระโดดมาตรงหน้าหลินฮวง“ฉันควรเป็นคนที่พูดอย่างนั้น”หานเซี่ยวมองแขนขาที่หายไปของเขา“เจออันตรายมาหน่อยนะ เกือบตาย”เลอเด็นกล่าวเหมือนไม่มีอะไรแม้เขาจะไม่ได้สนิทกับหานเซี่ยวมาก เขาก็ยังรู้สึกดีใจที่เห็นว่าเพื่อนยังไม่ตายหานเซี่ยวหยิบกล่องอุปกรณ์ขึ้นมาและกล่าว”ดูเหมือนว่านายจะต้องการช่างฝีมือสูงนะ”“นี่เป็นเวลาพักไม่ใช่หรอ?”เลอเด็นเลิกคิ้วหานเซี่ยวคิด”เลี้ยงเครื่องดื่มฉันสิ ในร้านเดิมครั้งก่อน”มันเป็นช่วงแตกหักในหายนะ ไม่มีเวลาให้พัก ผู้บัญชาการยอมให้หานเซี่ยวเข้าเมืองเมื่อเห็นว่ากลุ่มทหารรับจ้างแบลคสตาร์รับหน้าที่อันตรายเลอเด็นมีแขนสำรอง ดังนั้นหานเซี่ยวจึงซ่อมและเชื่อมต่อมันอย่างรวดเร็ว เดิมที มีแค่แขนขวาเลอเด็นที่ทำจากเนื้อ แต่ตอนนี้มันขาดแล้ว สีหน้าเขาสงบ เขาไม่สนใจถึงการเสียส่วนหนึ่งของร่างกายทั้งสองเข้าเมืองและมาถึงบาร์ของเฮอลัส มีลูกค้าค่อนข้างมาก ทั้งหมดเป็นพลเมืองจากใกล้ๆ ทหารกำลังอาบเลือดและสู้อยู่นอกเมือง และพลเมืองส่วนใหญ่ก็ซ่อนในบ้านหรือศูนย์อพยพ มีบางคนเลือกใช้แอลกอฮอล์เพื่อกำจัดความกลัว 90%ของร้านในเมืองปิดตัวช่วงหายนะ แต่ร้านของเฮอลัสกลับเปิดปกติเมื่อเดินไปบาร์ หานเซี่ยวก็กล่าว”ขอสองแก้ว”
เลอเด็นรีบยกมือ”แก้วเดียวพอ”เฮอลัสยกมือ และหลังเห็นหน้าหานเซี่ยว สีหน้าเขาก็เปลี่ยน”นายอีกแล้ว”เขาจำหานเซี่ยวได้ ชายแปลกที่มาหาสมุดบันทึกของพี่ชายเขา“อยากได้อะไรอีก?”หานเซี่ยวยิ้ม”แค่มาดื่ม” เฮอลัสจ้องหานเซี่ยวสักพัก จากนั้นหยิบขวดขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ หานเซี่ยวไม่พูดกับเขาอีก แค่ดื่มและคุยกับเลอเด็น เฮอลัสเห็นและยังคงสงสัย หันไปสนใจลูกค้าอื่นพลางเงี่ยหูฟังหานเซี่ยวกับเลอเด็นหานเซี่ยวมองแขนของเลอเด็นและกล่าว”ไม่เจ็บเลยงั้นหรอ?”เลอเด็นส่ายหัว”เมื่อฉันทำการปลูกถ่าย ฉันได้บอกหมอให้ตัดเส้นประสาทฉัน ดังนั้นอาการบาดเจ็บจึงไม่ส่งผลต่อความสามารถต่อสู้ฉัน”“นายเป็นเอสเปอร์ ดังนั้นการปลูกถ่ายนายจึงทำให้พลังนายอ่อนแอ ทำไมนายถึงทำอย่างนั้น?”“ต่อให้อ่อนแอก็ไม่เป็นไร”เลอเด็นกล่าวอย่างสงบ”ฉันสามารถมีชีวิตได้นานด้วยวิธีนี้ คนตายไม่มีประโยชน์อะไร”“เพื่อเลือกปลูกถ่าย และทำภารกิจอันตราย นายคงรักเผ่าพันธ์นายมาก”ดวงตาของหานเซี่ยวเป็นประกาย”ไม่มีใครเกิดมาเป็นวีรบุรุษ ยอดซันนิลดูเหมือนจะไม่ค่อยเห็นแก่ตัวกัน พวกนายต้องมีเหตุผล ลองบอกฉันหน่อยได้ไหม?ฉันอยากจะรู้” เลอเด็นเงียบไปสักพัก สีหน้าเขากลายเป็นตึงเครียด และดวงตาเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย มันเหมือนกับว่าเขาไม่อาจระงับอรมณ์ตัวเองได้เมื่อคิดถึงอดีต เขาค่อยๆกล่าว”เหมือนกับชาวซันนิลคนอื่น ฉันเคยมีครอบครัว พ่อฉันเข้มงวดมาก แม่ฉันเป็นคนใจดีและอบอุ่น และฉันมีน้องสาวสองคน เมื่อดาราทมิฬถูกโจมตี ฉันยังเป็นเด็ก ถึงตอนนี้ ฉันก็ยังจำปืนที่ยิงถล่มจากฟ้าได้ มันหนาเหมือนน้ำตก เปลี่ยนสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่สุดในเมืองกลางให้เป็นเถ้าถ่าน เราเข้าร่วมกับฝูงอพยพ และทหารก็ปกป้องเรา พวกเขารู้ดีว่าการอยู่ด้านหลังหมายถึงความตาย แต่พวกเขาก็ยังอยู่และส่งเราออกไป”“น่าเสียดาย พ่อแม่ฉันไม่อาจขึ้นยานช่วยเหลือของโกโดร่าได้พวกเขาตายกลางทาง ลำแสงเปลี่ยนพ่อแม่ฉันเป็นเถ้าถ่าน ฉันเพิ่งเป็นเด็กในตอนนั้ และสิ่งเดียวที่ฉันรู้ก็คือวิธีร้องไห้ ฉันตามผู้ลี้ภัยไป ทุกวัน กองทัพจะให้อาหารน้อยมากกับผู้ลี้ภัย ฉันหิวมากจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้ หลังได้รับอาหาร ฉันก็ซ่อนกว่าครึ่งไว้ ให้น้องสาวฉันแค่เล็กน้อย ฉันแค่อยากมีชีวิตอยู่ในตอนนั้น ฉันไม่รู้จักการคิดอย่างอื่น จากนั้น…น้องสาวทั้งสองฉันก็หิวตาย”เลอเด็นหยุดและกล่าวต่อ”ฉันยังจำช่วงเวลานั้นได้ดี ฝ่ามือแห้งติดกระดูกพวกเธอคว้าเสื้อฉัน จ้องมองไปในตาฉัน เหมือนกับกำลังบอกว่าหิวแค่ไหน แต่ก็ไม่มีแรงพูด ดวงตาสองคู่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สมองฉันขาวโพลน และไม่กี่วินาทีก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสิบปี เมื่อแขนนั้นไหลลงอย่างหมดแรง ฉันก็ไม่กล้าหายใจ ฉันไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองทำลงไป หากฉันแบ่งอาหารให้น้องสาวฉัน ต่อให้ฉันจะหิว อย่างน้อยเราก็ยังรอดกันหมด แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้ความ ฉันคิดแค่ว่าการกินน้อยจะทำให้ฉันหิวตาย…”
“ฉันตามตามฝูงชนมาด้วยยานช่วยเหลือ ไม่รู้ว่าไปไหน มีเด็กมากมายอย่างฉันที่ไร้ครอบครัว พวกเขาถูกมอบให้ทหารผ่านศึก กลุ่มเด็กและฉันเองก็ด้วย นับจากนั้น เราก็อาศัยอยู่กับเขา เขาเลี้ยงเราและสอนเราให้สู้ เขาเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ก็เป็นทหารที่ดี พวกพิเศษหลายคนอย่างเราล้วนถูกเขาเลี้ยงมา”“เมื่อเวลาผ่านไป ฉันก็ค่อยๆถือเขาเป็นพ่อบุญธรรม แต่ฉันมักมีความเสียใจ ฉันรู้สึกว่าอดีตฉันดำมืด ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนชั่ว หากฉันบอกพ่อบุญธรรมฉัน เขาจะไล่ฉันไหม?วันหนึ่ง ฉันบอกเขาถึงเรื่องน้องสาว และเขาก็ดุด่าฉัน…แต่ไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวของฉัน เขาดันเหมือนกับว่าฉันมีหัวใจไปคิดถึงอดีต ฉันควรใช้เวลาเพื่อฝึก เขากล่าวว่าเผ่าพันธ์อยู่ในช่วงหายนะ และไม่มีเวลาให้คิดถึงอดีต ต่อให้ฉันเป็นฆาตกร ตราบเท่าที่ฉันถือปืนปกป้องเผ่าพันธ์ งั้นฉันก็จะมีแค่ตัวตนเดียว ทหาร ไม่มีใครสนใจอดีตของฉัน นั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำได้….”หานเซี่ยวลูบคางและถาม”แล้วเกิดอะไรกับทหารคนนั้น?”
“ครั้งแรกที่หายนะมาเยือน แม้ทหารพิการจะได้รับการคุ้มครอง แต่เขากลับร้องขอไปสนามรบ ที่ที่เขาตาย หลังจากนั้น ฉันก็ได้ยินว่าเขาไปร่วมทีมปกป้องกลุ่มลี้ภัยของฉัน ฉันเคยได้รับอาหารจากเขา…”เลอเด็นส่ายหัว”ฉันเป็นหนี้เผ่าพันธ์ ดังนั้น ฉันจึงตอบแทนทุกอย่าง”“งั้น นายก็ทำดีเพื่อตอบแทน?”หานเซี่ยวหันมาและมองเฮอลัส ผู้เอียงหูฟัง ชายคนนั้นไร้อารมณ์ และหันหน้าเดินหนีไปราวกับไม่สนใจการสนทนาเช่นนี้“ไม่ใช่ทั้งหมด ฉันทำเพื่อให้เผ่าพันธ์ฉันดำรงต่อไป”หลังบอกเรื่องราวน่าสลด ความเสียใจจากการเสียเพื่อนก็หายไปหมด เลอเด็นอยากรู้เกี่ยวกับหานเซี่ยวเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนเรื่อง”ไม่ต้องพูดถึงฉันหรอก มาพูดถึงนายกัน นาย…”ครั้งนี้ หานเซี่ยวพลันยืนขึ้นและตัดบท”ขอโทษที แต่ฉันมีเรื่องส่วนตัวต้องไปทำ ฉันต้องออกไปสักพัก”เลอเด็นพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าเพื่อนควรแบ่งปันเรื่องราวกัน?ทำไมเขาถึงหนีไปหลังฟังเรื่องราวฉัน?ฉันรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบหานเซี่ยวเดินไปด้านข้าง พบเฮอลัสและกล่าว”ฉันอยากคุยกับนายเป็นการส่วนตัว”เฮอลัสตื่นตัว”นายอยากได้อะไรกันแน่?”
หานเซี่ยวพูดตรงๆ”ฉันรู้หลายสิ่งเกี่ยวกับนาย เช่นพลังของนาย อะไรที่ทำให้พี่ชายนายทิ้งนายไป บางทีนายคงสนใจเรื่องอนาคตของซันนิล”อนาคต?!คำพูดนี้ทำให้เฮอลัสประหลาดใจ และเขาก็มั่นใจถึงเป้าหมายของหานเซี่ยวยิ่งขึ้น”นายเป็นใคร?”“ฉันคือผู้มองอนาคต หรือจะเรียกฉันว่า…ผู้พยากรณ์”
คอมเม้นต์