ตอนที่ 261-2 ความลับแห่งศาลบรรพบุรุษ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 5 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“เจ้าเองหรือฉินเจิง! โบยข้าแล้วใช่จะทำให้จิตใจที่ดำมืดของเจ้าพอใจหรือไม่ ลูกน้องสู้แม่ทัพไม่ได้ กล้านักเจ้าก็ปล่อยข้าแล้วพวกเราต่อสู้กันอย่างตรงไปตรงมาสักตั้ง” บนใบหน้าของเฉิงอี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม/n /n /nทว่าชายชราหลังค่อมกลับไม่ขยับ “น่าเสียดายตอนนี้คนที่ลดตัวเป็นนักโทษกลับเป็นเจ้า วิธียั่วยุไม่มีประโยชน์กับข้า เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นอ๋องเคียงบ่าที่เรียกลมเรียกฝนได้ผู้นั้นหรือ อย่าตลกไปหน่อยเลย!”/n /n /nเฉิงอี้ถูกเปิดโปงความคิดก็ไม่โกรธ กลับหัวเราะร่าฮ่าๆ “แล้วเจ้าดีกว่าหรือไร ฉินเจิงชายหนุ่มรูปงามที่ชื่อเสียงโด่งดังในยุทธจักรคาดไม่ถึงว่ากลายเป็นสุนัขรับใช้ของผู้มีตำแหน่งอำนาจ พูดออกไปแล้วน่าอับอายเสียจริง! หึๆ ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มรูปงามที่เคยสง่าผ่าเผยจะกลายมามีสภาพเช่นตอนนี้ เอวก็งอแล้ว หลังก็ค่อมแล้ว ใบหน้าก็กลายเป็นผิวไม้แก่ๆ วันทั้งวันเฝ้าศาลบรรพบุรุษที่ทึบทะมึนแห่งนี้ ฮ่าๆ ใครบ้างจะจำเจ้าได้” เฉิงอี้พยายามพูดเหยียดหยาม/n /n /nมีบางอย่างแวบผ่านดวงตาชราภาพไป เขาแค่นเสียงกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไร! เวลาของเจ้าเหลืออีกไม่กี่วันแล้ว ซึมซับมันให้ดีๆ เถิด” นึกถึงแผนการอันยิ่งใหญ่ของท่านเสนาบดี เบื้องลึกในใจเขาก็ตื่นเต้นเงียบๆ แม้ว่าเขากับท่านเสนาบดีจะไม่ใช่ญาติกัน และไม่ได้มีบรรพบุรุษเดียวกัน แต่อย่างไรเสียก็แซ่ฉินทั้งคู่ ห้าร้อยปีก่อนต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน/n /n /nเฉิงอี้ใจเต้น กล่าว “ฉินชังเสี่ยวเอ๋อร์เล่า เรียกเขามาให้ข้า ข้ามีเรื่องจะถามเขา”/n /n /n“ท่านเสนาบดีเป็นคนที่นักโทษเช่นเจ้าสามารถพบได้หรือ” ท่าทางของชายชราหลังค่อมดูถูกอย่างถึงที่สุด “ยิ่งไปกว่านั้นท่านเสนาบดีก็มีกิจธุระมากมาย ไหนเลยจะมีเวลามาพบเจ้า”/n /n /n“ฮ่าๆ คงไม่ใช่ว่าฉินชังไม่อยู่ในจวนหรอกกระมัง” เฉิงอี้หัวเราะร่ากล่าว ดวงตาทั้งคู่ที่แหลมเปรียวจ้องมองบนใบหน้าชายชราหลังค่อม ไม่มองข้ามการเปลี่ยนแปลกเล็กน้อยใดๆ บนใบหน้าเขา เห็นคิ้วของเขาขยับเล็กน้อย ก็ยืนยันการคาดเดาในใจแล้ว “ไม่อยู่ในจวนจริงๆ ด้วย! ฉินเจิง เกิดเรื่องใหญ่อะไรที่นายเจ้าจำเป็นต้องไปหรือ ฝ่าบาทสังเกตเห็นความทะเยอทะยานที่โฉดชั่วของเขาแล้วหรือ หรือว่าใครในจวนตายอยู่ข้างนอกอีกแล้ว” อารมณ์ของเฉิงอี้สบายใจยิ่งนัก/n /n /nทว่าชายชราหลังค่อมกลับมีน้ำโหอย่างถึงที่สุด “เจ้าค่อยๆ ทายไปเถอะ ท่านเสนาบดีกับจวนเสนาบดียังดีอยู่” พูดจบก็ออกจากห้องลับ เมื่อออกมาข้างนอกในใจเขาก็เกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้เหมือนกันว่าอาการบาดเจ็บของคุณชายน้อยจะเป็นอย่างไรบ้าง ท่านเสนาบดีไม่อยู่ในจวน ในใจเขามักจะรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก! โดยเฉพาะแขกไม่ได้รับเชิญสองคนนั้นในคืนนี้ เขามักจะรู้สึกผิดปกติอย่างยิ่ง สองคนนั้นคล้ายเพียงแค่ล่อให้เขาออกไป เมื่อเขาได้สติรีบตามกลับมา แต่กลับไม่พบเห็นอะไรทั้งสิ้น/n /n /nเสิ่นเวยกับสวีโย่วที่กลับไปถึงจวนจวิ้นอ๋องก็มองหน้ากันและกัน ต่างก็ตกตตะลึงกับข่าวที่สืบได้รับในคืนนี้/n /n /n“สวีโย่ว ท่านว่าคนผู้นั้นคืออ๋องเคียงบ่าเฉิงอี้จริงหรือไม่” เสิ่นเวยเอ่ยปากถาม/n /n /nสวีโย่วคิดแล้วจึงกล่าว “ไม่อาจสรุปได้” กล่าวต่อ “ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ท่านเสนาบดีฉินคนผู้นี้ก็ไม่ใช่คนเรียบง่ายอย่างเช่นที่เห็น” สวีโย่วรู้สึกโชคดีจริงๆ โชคดีที่ภรรยาเขาใจแคบและชอบก่อเรื่อง หากไม่ใช่นางจับตามองท่านเสนาบดีฉิน เช่นนั้นเขาก็คงมองข้ามจิ้งจอกเฒ่าที่อันตรายผู้นี้ไปแล้วจริงๆ/n /n /nเสิ่นเวยเข้าใจเจตนาของสวีโย่วอย่างมาก ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ตาเฒ่าผู้นั้นพูดเป็นจริงหรือเท็จ อ๋องเคียงบ่าเฉิงอี้บุคคลที่เก่งกาจเพียงนั้นจะถูกท่านเสนาบดีฉินขังได้อย่างไร นางเองก็ไม่เชื่ออย่างยิ่ง!/n /n /n“สืบให้ชัดเจนดีกว่า สืบดูว่าแท้จริงแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ยังมีท่านเสนาบดีฉินผู้นั้น ก็ต้องสืบเช่นกัน!” เสิ่นเวยขมวดคิ้วกล่าว หากตาเฒ่าผู้นั้นเป็นอ๋องเคียงบ่าจริงๆ เช่นนั้นท่านเสนาบดีที่ขังเขาไว้ก็ไม่ใช่เล็กๆ เลย! รวมถึงคดีของไท่จื่อองค์ก่อนก็ล้วนมีคำอธิบายเช่นกัน/n /n /nสวีโย่วพยักหน้า “วางใจ เรื่องนี้ข้าจะต้องสืบ เพียงแต่ช่วงนี้ที่จวนเสนาบดีฉินไม่อาจไปได้อีกแล้ว เลี่ยงไม่ให้แหวกหญ้าให้งูตื่น” สวีโย่วกำชับหนึ่งประโยค/n /n /nแม้เสิ่นเวยจะไม่ค่อยยินยอม แต่ก็ยังคงพยักหน้าเห็นด้วย ในดวงตากะพริบวาบ กล่าวต่อ “เรื่องนี้จะต้องบอกฝ่าบาทสักหน่อยหรือไม่”/n /n /nสวีโย่วส่ายหน้าทันที “อย่าเพิ่งพูดก่อน รอสืบให้แน่ชัดแล้วค่อยพูดเถอะ” หลายปีเพียงนี้ท่านเสนาบดีฉินได้รับความสำคัญจากฝ่าบาทอย่างถึงที่สุด มิหนำซ้ำใครจะรู้ว่าข้างกายฝ่าบาทสะอาดหรือไม่ หากสร้างความตกใจล่วงหน้าเช่นนั้นจิ้งจอกเฒ่าตัวนั้นก็จะไหวตัวทัน/n /n /nเสิ่นเวยยักไหล่อย่างไม่มีความคิดเห็น คล้ายจู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ กล่าว “คนที่เจอคืนนี้ก็คือคนผู้นั้นที่ข้าบังเอิญเจอเมื่อคืนนั้น สวีโย่ว ท่านดูภูมิหลังของเขาออกหรือไม่” ส่วนข้ออ้างที่คนผู้นั้นบอกว่าไปขโมยของล้ำค่าที่จวนเสนาบดีเสิ่นเวยไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว นั่งเฝ้าอยู่ในจวนเสนาบดีมากว่าครึ่งเดือนกระทั่งนานกว่านั้น นี่ดึงดูดความสนใจของเสิ่นเวยอย่างเลี่ยงไม่ได้/n /n /nสวีโย่วไตร่ตรองครู่หนึ่ง กล่าว “รอก่อนเถิด ข้าให้ทหารเงาตามเขาไปแล้ว”/n /n /nข่าวที่ทหารเงานำกลับมาทำให้เสิ่นเวยผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะว่าทหารเงาตามไปเพียงไม่กี่สายถนนก็คลาดกับคนแล้ว สวีโย่วเห็นเสิ่นเวยผิดหวัง ลังเลครู่หนึ่งจึงกล่าว “หากข้าทายไม่ผิด เขาน่าจะเป็นหัวหน้าผู้นั้นของกลุ่มมือสังหาร หลายปีก่อนข้าเคยพบเขาครั้งหนึ่ง”/n /n /n“อะไรนะ เหตุใดท่านถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้” เสิ่นเวยนั่งไม่ติดในชั่วขณะ กัดฟันด้วยความโกรธ “หากท่านบอกเร็วกว่านี้เมื่อครู่ข้าคงฆ่าเขาไปแล้ว” นางไม่ลืมเรื่องที่ปีก่อนถูกคนชุดดำลอบสังหาร หลังเรื่องจบสวีโย่วเองก็บอกว่าคนชุดดำเหล่านั้นล้วนแต่เป็นมือสังหารของกลุ่มมือสังหาร เพราะว่ากลุ่มมือสังหารค่อนข้างลึกลับ บวกกับเกิดเรื่องที่ซีเจียง เสิ่นถูกกิจธุระพัวพันในชั่วขณะจึงวางเรื่องนี้ไว้ข้างๆ แต่ส่วนลึกภายในใจนางไม่มีทางลืมความอาฆาตเคียดแค้นได้ ตอนนี้บังเอิญเจอหัวหน้าของกลุ่มมือสังหาร นางปล่อยไปสิแปลก/n /n /nสวีโย่วหัวเราะอย่างจนใจ ดึงเสิ่นเวยที่เกรี้ยวกราดกลับมา “ดูเจ้าร้อนใจสิ ข้าเพียงแค่บอกว่าเหมือนหัวหน้ากลุ่มมือสังหารผู้นั้น แต่ก็ไม่ได้มั่นใจเต็มร้อย อย่างไรเสียครั้งนั้นที่เห็นเขาก็เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ซ้ำยังเห็นเพียงแวบเดียว แม้แต่พูดยังไม่ได้พูดสักคำ หากจำผิดขึ้นมาเล่า”/n /n /n“ไม่มีทาง!” เสิ่นเวยกัดฟันกรอดกล่าว สายตาคุณชายใหญ่ของนางสามารถมองคนผิดได้ด้วยหรือ ทำให้เขาพูดออกมาได้เช่นนั้นก็มีความมั่นใจแปดเก้าส่วนแล้ว อย่าว่าแต่แปดเก้าส่วน ต่อให้มั่นใจเพียงห้าส่วนก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ด้วยเหตุนี้สายตาที่เสิ่นเวยมองสวีโย่วจึงคับแค้น “ท่านรู้อยู่ว่าข้ากับเขามีความแค้นใหญ่หลวง ยังไม่บอกข้าอีก มีเจตนาอันใด หรือว่าหัวหน้าของกลุ่มมือสังหารเป็นมิตรท่าน” นั่นคือความพ่ายแพ้ครั้งแรกที่นางเจอตั้งแต่ทะลุมิติมา แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บถึงข้างใน แต่บาดแผลบนผิวหนังเหล่านั้นก็ทำให้นางรักษาอยู่เป็นเวลานาน/n /n /nสวีโย่วเกือบจะสำลักน้ำลายตัวเอง ตีแขนเสิ่นเวยเล็กน้อยอย่างอารมณ์ไม่ดี ดูสิเด็กน้อยพูดอะไรออกมา เป็นมิตร ใช่ในใจนางไม่เข้าใจหรือไร/n /n /nแต่เห็นท่าทางงอนง้อของเสิ่นเวย สวีโย่วก็ทนว่านางไม่ได้ โอบเอวของนางกล่าวปลอบ “เจ้าไปแก้แค้นเขาก็ไร้ประโยชน์ กลุ่มมือสังหารเป็นสถานที่ที่เปิดประตูไปเพื่อทำธุรกิจ ขอเพียงแค่เสนอราคาได้ ต่อให้จะสั่งพวกเขาไปลอบสังหารฝ่าบาทพวกเขาก็กล้า นั่นคือพวกเดนตายที่มีวันนี้ไม่มีพรุ่งนี้หนึ่งกลุ่ม เรื่องนั้นเจ้ายังคงต้องหาหัวหน้าที่แท้จริง”/n /n /nเห็นเสิ่นเวยยังคงไม่พอใจทั้งใบหน้า ก็รีบกล่าวรับปาก “ก็ได้ๆๆ ครั้งหน้าหากบังเอิญเจอเขาเจ้าก็ลงมือ ข้าจะเตรียมช่วยอยู่ข้างๆ แทนเจ้าดีหรือไม่ เลิกเบะปากได้แล้ว ไม่ขัดเจ้าแล้วเลิกงอนได้แล้ว”/n /n /nแม้เสิ่นเวยจะรู้ว่าสวีโย่วพูดมีเหตุผล แต่ในด้านจิตใจก็ยังคงไม่ยินยอม ถลึงตาใส่สวีโย่วแล้วกล่าว “ท่านไม่ขัดก็ถูกแล้ว อย่างอื่นข้าไม่สน อย่างไรเสียคนที่ลงมือกับข้าโดยตรงก็คือมือสังหารของกลุ่มมือสังหาร ข้าไม่คิดบัญชีกับเขาแล้วจะไปคิดบัญชีกับใคร คอยดูเถอะครั้งหน้าหากเจอเขาอีก คิดว่าข้าไม่กล้าถลกหนังเขา ดึงเอ็นเขาหรือ” ส่วนหัวหน้าตัวจริง ใครจะรู้ว่าเป็นผู้ใด หัวหน้าตัวจริงยิ่งไม่อาจปล่อยไปได้ แต่ก่อนที่จะหาหัวหน้าตัวจริงเจอนางไม่ถือสาที่จะเก็บดอกเบี้ยสักเล็กน้อยจากกลุ่มมือสังหารก่อน/n /n /nเสิ่นเวยวางแผนเงียบๆ ในใจว่าจะจับลูกกระต่ายตัวนั้นอย่างไรแล้ว สวีโย่วมองเสิ่นเวยที่เห็นได้ชัดว่าใจลอย ทั้งโมโหทั้งขบขัน เสียใจที่ตนปากไวเหตุใดถึงบอกนางไปเล่า/n /n /nในห้องลับของท่านเสนาบดีฉินขังผู้เฒ่าไว้หนึ่งคน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นอ๋องเคียงบ่าเฉิงอี้ เรื่องนี้เสิ่นเวยไม่ได้พูดกับใครทั้งสิ้น บอกก็เพียงแต่อาจารย์ซูผู้ฉลาดเฉียบแหลมของนาง/n /n /nอาจารย์ซูเองก็ตกใจอย่างถึงที่สุด เขาขมวดคิ้วเดินไปมาช้าๆ อยู่ในห้อง นานอย่างยิ่งจึงกล่าว “ไม่ต้องสนว่าจะเป็นจริงหรือเท็จ เรื่องนี้ไม่อาจประมาทได้ หากเป็นเท็จ แล้วคนผู้นั้นคือใคร เหตุใดท่านเสนาบดีฉินถึงได้ขังเขาไว้ หากเป็นจริง เช่นนั้นแผนการของท่านเสนาบดีฉินก็ไม่เล็กแน่นอน”/n /n /nเสิ่นเวยพยักหน้า “อืม ข้ากับคุณชายใหญ่ก็คิดเช่นนี้ สืบหาก่อน เพียงแต่อย่างไรเสียก็ผ่านมาหลายปีเพียงนั้นแล้ว ชั่วขณะคงจะไม่ได้อะไรมาก” เสิ่นเวยเสียดายเล็กน้อย กล่าวต่อ “แผนการของท่านเสนาบดีฉินไม่เคยเล็กอยู่แล้ว เพียงดูจากภาพลักษณ์ในราชสำนักขององค์ชายรอง เบื้องหลังนี้จะไม่มีฝีมือของเขาได้อย่างไร” เด็กหนุ่มที่ยังไม่ถึงยี่สิบปีคนหนึ่ง ต่อให้ฉลาดก็ไม่อาจทำทุกเรื่องได้อย่างเหมาะสม เบื้องหลังนี้จะต้องมีท่านเสนาบดีฉินจัดการช่วยเหลือเงียบๆ แน่นอน/n /n /nอาจารย์ซูไตร่ตรองครู่หนึ่งกลับกล่าว “จวิ้นจู่ ผู้ชรามักจะรู้สึกบางอย่าง แผนการของท่านเสนาบดีฉินคล้ายไม่ใช่เพียงเท่านี้ คล้ายยังใหญ่กว่านี้”/n /n /n“อาจารย์คิดมากไปแล้วหรือไม่ นอกจากให้องค์ชายรองขึ้นครองบัลลังก์เขายังจะวางแผนอะไรได้อีก คงไม่คิดจะช่วงชิงบัลลังก์เป็นฮ่องเต้เองหรอกกระมัง” เสิ่นเวยกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย ตอนนี้ไม่ใช่กลียุค ตระกูลฉินของเขาจะขึ้นครองบัลลังก์งั้นหรือ ไหนเลยจะง่ายดายเพียงนั้น ท่านเสนาบดีฉินเองก็ไม่ได้โง่เพียงนั้น สนับสนุนหลานชายของตนขึ้นครองบัลลังก์ค่อนข้างน่าเชื่อถือกว่า/n /n /nทว่าคำพูดพลั้งปากของเสิ่นเวยกลับทำให้อาจารย์ซูใจเต้น “จวิ้นจู่ ท่านเคยรู้สึกหรือไม่ว่าองค์ชายรองหน้าตาเหมือนท่านเสนาบดีฉินอย่างยิ่ง เหมือนพ่อลูกยิ่งกว่าคุณชายใหญ่ตระกูลฉินผู้นั้นเสียอีก”/n /n /n“เป็นไปไม่ได้กระมัง” เสิ่นเวยตกใจกับการคาดเดานี้ของอาจารย์ซูจนสำลัก ไอออกมาอย่างแรง ครู่ใหญ่กว่าจะสงบลงได้ “พวกเขาเป็นญาติฝ่ายตา เหมือนกันก็ไม่แปลก! อีกอย่างไม่ว่าอย่างไรองค์ชายรองก็เป็นองค์ชายผู้ยิ่งใหญ่ อยู่ลึกเข้าไปในพระราชวัง ท่านเสนาบดีฉินเช่นเขาไหนเลยจะมีความสามารถในการเปลี่ยนตัวคน” อาจารย์ซูคิดไกลเกินไปแล้ว เสิ่นเวยส่ายหน้า/n /n /nทว่าอาจารย์ซูกลับกล่าว “แต่องค์ชายรองกลับหน้าไม่เหมือนฝ่าบาทเลยแม้แต่นิดเดียว กลับเหมือนฉินซูเฟยสองส่วน”/n /n /nเสิ่นเวยแสยะปาก “ใครบอก คราวก่อนฝ่าบาทยังบ่นกับคุณชายใหญ่ว่า ในหมู่องค์ชายทั้งหมดมีองค์ชายรองที่เหมือนเขาที่สุด อาจารย์ เรื่องนี้พวกเราจะเดามั่วไม่ได้ อาจจะถูกตัดหัวเอาได้” ไม่เหมือนครั้งก่อนที่นางมีสิทธิ์ก่อเรื่องวุ่นวายในห้องหนังสือส่วนพระองค์ได้ หากนางกล้าวิ่งไปบอกต่อหน้าฮ่องเต้ยงเซวียนว่าองค์ชายรองไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเขา ฮ่องเต้ยงเซวียนก็ไม่สนว่านางจะเป็นหลานสะใภ้หรือไม่ ไม่กี่นาทีก็สามารถเผานางมอดไหม้ได้/n /n /nหลักการที่เสิ่นเวยเข้าใจ อาจารย์ซูจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เขาพยักหน้ากล่าว “จวิ้นจู่วางใจเถิด ผู้ชรารู้ว่าอะไรควรมิควร” หยุดครู่หนึ่งกล่าวต่อ “จวิ้นจู่ ท่านจะลองสืบเรื่องฉินเฮ่อบิดาของท่านเสนาบดีฉินดูก็ได้ ข้าคล้ายเคยได้ยินใครเอ่ยว่าเขามีความสัมพันธ์อันดีกับอ๋องเคียงบ่าผู้นั้น” ใครในที่นี้ย่อมต้องเป็นอำมาตย์ฟังพ่อผู้มีตำแหน่งอำนาจผู้นั้นของเขา/n /n /nตั้งแต่ครั้งก่อนที่จวนผิงจวิ้นอ๋องเลี้ยงแขกแล้วเขาออกหน้าจัดการ เขาก็รู้แล้วว่าในที่สุดฐานะของตนก็ถูกเปิดเผย ภายหลังฟังว่าเรื่องที่นายท่านรองตระกูลฟังรับสินบน นายท่านรองเลี้ยงนักแสดงงิ้ว นายท่านสี่ข่มขืนหญิงชาวบ้านไม่รู้ว่าถูกใครเปิดโปง ก็ทำให้ผู้ตรวจการราชสำนักพากันกล่าวโทษ/n /n /nเขาจึงทราบว่าจวิ้นจู่ของเขารู้เรื่องเขาแล้ว จวิ้นจู่ของเขาระบายความโกรธแทนเขา เขาทั้งซาบซึ้งทั้งอบอุ่นใจ! เร่ร่อนมากว่าครึ่งชีวิต ลองผิดลองถูกรับเด็กนักเรียนหญิงมาหนึ่งคน เพียงแค่เลี้ยงดูสั่งสอนลวกๆ ไม่คิดว่ากลับเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ของตน/n /n /nเขาเองก็ไม่คิดจะปิดบังหลบซ่อน ขอเพียงแค่จวิ้นจู่ถาม เช่นนั้นเขาก็จะเล่าความจริง หากจวิ้นจู่ไม่ถามเขาก็จะไม่พูดเยอะ เขาน่ะมองจวิ้นจู่เป็นบุตรสาวคนเล็กของตนมาตั้งแต่ต้นแล้ว!/n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด