ตอนที่ 260-2 ท่านเสนาบดีฉินออกจากเมืองหลวง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ตอนที่ 7 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

แม้ตระกูลเสิ่นจะไม่มีใครลงสนาม แต่ลูกเขยสามเหวินเทากับลูกเขยห้าเว่ยจิ่นอวี้แห่งตระกูลเสิ่นต่างก็ต้องสอบคัดเลือกในช่วงสารทฤดู วันที่เริ่มสอบ ในเมืองหลวงคึกครื้นยิ่งนัก ทุกคนรวมตัวกันนอกสนามสอบก้งย่วนถกเถียงกันต่างๆ นานาว่าปีนี้ใครบ้างที่มีความเป็นไปได้มากว่าจะสอบติด ใครบ้างที่อาจจะได้อันดับหนึ่ง/n /n /nทว่าความครึกครื้นนี้กลับไม่ส่งผลกระทบถึงท่านเสนาบดีฉินที่เดิมใส่ใจอย่างถึงที่สุด วันที่เริ่มสอบคัดเลือกช่วงสาทรฤดูเขานำคนออกจากเมือง เพราะว่าเขาได้รับข่าว ฉินมู่หรานลูกชายคนเล็กที่ถูกเนรเทศออกไปผู้นั้นถูกลอบโจมตีกลางทาง ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย/n /n /nท่านเสนาบดีฉินทั้งตกใจทั้งโมโหทั้งเจ็บปวด ไม่แม้แต่จะคิดก็ขอลาต่อฝ่าบาทไปหาลูกชายคนเล็กด้วยตัวเอง/n /n /nอันที่จริงจะว่าไปแล้วนี่ล้วนแต่เป็นเพราะฉินมู่หรานลูกชายคนเล็กผู้นี้ไม่ได้เรื่องเกินไป ออกไปเป็นเดือนแล้ว หากเป็นคนอื่นคงถึงสถานที่เนรเทศนานแล้ว แต่ฉินมู่หรานเล่า ระยะทางห้าร้อยลี้เขาเพิ่งจะเดินไปเพียงครึ่งเดียว เดินๆ หยุดๆ พบเมืองที่เจริญหน่อยก็ยังขอพักสามวันห้าวัน ฟังเพลงพื้นเมือง กอดสตรี วันคืนผ่านไปอย่างอิสระสบายอารมณ์ยิ่งนัก/n /n /nมีพ่อบ้านกับเด็กรับใช้ที่จวนเสนาบดีฉินส่งไป ฉินมู่หรานก็ไม่ได้รับความลำบากเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าหน้าที่ที่คุมตัวก็ถูกพ่อบ้านเลี้ยงข้าวเลี้ยงสุราดี บ่อยครั้งยังมีเงินให้ย่อมต้องตามใจฉินมู่หรานแน่นอน เขาทั้งสองยังอยากจะมีชีวิตเช่นนี้ให้นานอีกหน่อย/n /n /nท่านเสนาบดีฉินเดินทางเพียงแค่ห้าวันก็ตามทันฉินมู่หรานแล้ว “ท่านเสนาบดี ท่านมาแล้ว” พ่อบ้านเห็นท่านเสนาบดีฉินลงจากรถเบ้าตาก็แดงก่ำ เดินกะโผลกกะเผลกเข้ามาเคารพ/n /n /n“หรานเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง” ท่านเสนาบดีฉินไม่สนใจร่างกายที่เต็มไปฝุ่น ถามขึ้นก่อน/n /n /nเบ้าตาของพ่อบ้านก็ยิ่งแดง “คุณชายน้อย สถานการณ์ของคุณชายน้อย ไม่ค่อยดีนัก ขาทั้งคู่หักหมดแล้ว ไม่กี่วันก่อนยังมีไข้สูง พลบค่ำเมื่อวานเพิ่งจะลดลง ท่านเสนาบดีท่านรีบเข้ามาดูเถิดขอรับ” พ่อบ้านนำท่านเสนาบดีฉินเข้ามาในโรงเตี๊ยม เดินไปพลางรายการสถานการณ์เสียงเบาไปพลาง/n /n /nพวกเขาถูกลอบโจมตีเมื่อแปดวันก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นคนโพกหน้าที่โผล่ออกมาจากไหน มีสี่คน ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ฆ่าฟันพวกเขา เด็กรับใช้สี่คนที่ตามมาตายไปสามคน เจ้าหน้าที่ผู้คุมสองคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แม้แต่เขา เอวยังแทบหัก โชคดีที่มีหน่วยคุ้มกันภัยหนึ่งกลุ่มผ่านทางมา มิเช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่มีชีวิตแล้ว/n /n /n“บ่าวไม่กล้าหาเรือนเล็กแยกหลัง กลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงจองห้องสองห้องในโรงเตี๊ยม คิดว่าโรงเตี๊ยมคนเยอะ อย่างไรเสียก็ปลอดภัยกว่า” พ่อบ้านกล่าวเสียงเบา/n /n /nท่านเสนาบดีฉินเห็นลูกชายคนเล็กที่หลับตาทั้งคู่บนใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ต่อให้จะเกลียดที่เขาไม่เอาไหน แต่ดวงตาก็อดร้อนผ่าวไม่ได้ น้ำตาแทบจะร่วงลงมา/n /n /n“ท่านเสนาบดี” เจ้าหน้าที่สองคนกับเด็กรับใช้ที่ตามมาปรนนิบัติฉินมู่หรานรีบเคารพ/n /n /nท่านเสนาบดีฉินโบกมือ สะบัดชุกคลุมนั่งลงข้างเตียง มือใหญ่ๆ ลูบใบหน้าที่ไม่มีสีเลือดเลยแม้แต่น้อยของลูกชาย ในใจเศร้าโศกอย่างถึงที่สุด “เขาไม่ฟื้นเลยหรือ” ในน้ำเสียงมีความแหบพร่าสามส่วน/n /n /nพ่อบ้านเห็นท่าที ก็รีบกล่าวอธิบาย “ฟื้นแล้ว เช้าวันที่สี่ก็ฟื้นแล้ว เพียงแต่คุณชายน้อยกลัวเจ็บ เจ็บจนนอนไม่หลับ หมดหนทางจริงๆ บ่าวจึงหาหมอขอยาแก้ปวด คุณชายน้อยจึงนอนหลับได้อย่างสงบ”/n /n /nนายท่านเสนาบดีฉินได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกหนึ่งครา ยังรู้จักเจ็บก็ดี หากไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเจ็บ เช่นนั้นก็แย่แล้ว/n /n /n“หมอหลวงเจียง บุตรข้าต้องรบกวนให้ท่านช่วยดูแล้ว” ท่านเสนาบดีฉินลุกขึ้นประสานมือคารวะหมอหลวงเจียงที่แบกตะกร้ายาอยู่ นี่คือหมอหลวงที่เขาเข้าวังขอซูเฟยเหนียงเหนียงเผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด/n /n /nหมอหลวงเจียงเองก็ประสานมือกล่าวหนึ่งประโยค “มิบังอาจ นี่คือหน้าที่ของข้าน้อย” ก้าวเข้าไปตรวจอาการของฉินมู่หราน/n /n /nเมื่อตรวจดูแล้วก็ไม่ได้ร้ายแรง สีหน้าของหมอหลวงเจียงเปลี่ยนก่อนอันดับแรก กล่าวอย่างนิ่มนวล “ท่านเสนาบดี ชีวิตของคุณชายน้อยไม่เป็นอันตราย เพียงแต่หลังจากนี้เกรงว่าคุณชายน้อยอาจทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียง” อายุยังน้อยเพียงนี้ น่าสงสารยิ่งนัก! หมอหลวงเจียงมองฉินมู่หรานบนเตียง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเห็นใจ/n /n /nท่านเสนาบดีฉินได้ยินก่อนว่าลูกชายคนเล็กไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต คิ้วที่ขมวดมุ่นเพิ่งจะคลายออกก็ได้ยินประโยคหลังของหมอหลวงเจียง อดสะอึกในใจไม่ได้ “หมอหลวงเจียง เหตุใดถึงพูดเช่นนี้”/n /n /nหมอหลวงเจียงกล่าว “คุณชายน้อยไม่เพียงแต่ขาหักสองข้าง กระดูกสันหลังยังฉีกสาหัส หากขาหักอย่างเดียวก็ไม่เป็นไร ต่อกระดูกรักษาให้หายอาจเพียงแค่เดินได้ไม่คล่องแคล่วนัก แต่กระดูกสันหลังฉีก ท่านเสนาบดีอาจจะไม่ค่อยเข้าใจนัก กระดูกสันหลังเชื่อมเส้นประสาทในร่างกาย หากส่วนนั้นถูกฉีก มนุษย์ก็จะไม่มีทางยืนได้อีก” เขาอธิบายเสียงเบา/n /n /n“ไม่มีวิธีอื่นหรือ” ท่านเสนาบดีฉินไล่ถามอย่างไม่ตายใจ/n /n /nหมอหลวงเจียงส่ายหน้า “อย่างน้อยข้าน้อยก็ไม่มีความสามารถพอ” เขาเข้าใจความรู้สึกของท่านเสนาบดีฉิน แต่เขาก็ไม่มีความสามารถจริงๆ ไม่เพียงแต่เขา ต่อให้จะเป็นฮว่าถั่วก็ไม่มีหนทางเช่นกัน/n /n /nหมอหลวงเจียงถือเป็นผู้มีฝีมืออันดับหนึ่งในสำนักหมอหลวงแล้ว แม้แต่เขายังพูดว่าไม่มีความสามารถ เช่นนั้นก็ไม่มีหนทางแล้วจริงๆ หัวใจหนึ่งดวงของท่านเสนาบดีฉินตกลงก้นเหว เขามองลูกชายคนเล็กที่ไม่รู้สึกตัวบนเตียง มือข้างลำตัวก็กำแน่นสนิท/n /n /nหรานเอ๋อร์ยังอายุไม่ถึงสิบห้า อีกหลายสิบปีหลังจากนี้ต้องใช้ชีวิตนอนอยู่บนเตียง นี่ช่างโหดร้ายเพียงใด! ลูกชายคนเล็กที่ใช้ชีวิตกระโดดโลดเต้นของเขากลายเป็นคนพิการ นี่จะให้เขายอมรับได้อย่างไร หากรู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้จะต้องสู้จนฉีกหน้าจ้าวเฉิงซวี่ ก็ต้องช่วยลูกชายออกมาให้ได้! เขาไม่ควรจะสนใจมากเกินไปอย่างสิ้นเชิง หากเปลี่ยนหรานเอ๋อร์ออกมาให้เร็วกว่านี้จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร/n /n /nท่านเสนาบดีฉินเสียใจแล้ว เสียใจอย่างถึงที่สุด/n /n /nหากเขารู้ว่าใครแตะต้องลูกชายของเขา เขาจะต้องสับคนผู้นั้นเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้น ความน่าสะพรึงกลัวกะพริบผ่านดวงตาของท่านเสนาบดีฉินไป/n /n /n“เช่นนั้นบุตรของข้าต้องลำบากให้หมอหลวงเจียงช่วยแล้ว” ท่านเสนาบดีหันหาหมอหลวงเจียงอีกครั้ง คิดแล้วคิดอีกจึงกล่าว “อาการบุตรของข้าสามารถเดินทางได้หรือไม่ หากต้องพักฟื้น ต้องใช้เวลนานเพียงใด”/n /n /nหมอหลวงเจียงมองท่านเสนาบดีฉินที่ชั่วพริบตาก็แก่ลงหลายปี ในใจก็เห็นใจอย่างถึงที่สุด เขาเองก็เป็นพ่อคน ย่อมต้องเข้าใจความเจ็บปวดในใจท่านเสนาบดีฉิน ทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ ต่อให้มีตำแหน่งสูงอำนาจมากแล้วอย่างไร มีลูกชายที่ไม่เอาไหนคนหนึ่ง ยังต้องทุกข์ใจอยู่ทุกเมื่อ/n /n /nด้วยเหตุนี้จึงกล่าวช้าๆ “มีข้าน้อยติดตามไปด้วย ขอเพียงแค่เดินทางช้าหน่อย ในรถปูผ้านวมหลายๆ ผืน ระหว่างเดินทางก็ไม่เป็นไรแล้ว”/n /n /nท่านเสนาบดีฉินพยักหน้า หันหลังกลับสั่งคนไปเตรียมจัดการการเดินทางกลับเมืองหลวง เมืองเล็กๆ ที่รกร้างกันดานแห่งนี้ไหนเลยจะมียาดี ทำได้เพียงกลับเมืองหลวงหรานเอ๋อร์จึงจะสามารถได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้ได้/n /n /nเมื่อเสิ่นเวยได้รับข่าวท่านเสนาบดีฉินออกจากเมืองหลวง ก็ดีใจจนกัดหูสวีโย่ว “คุณชายใหญ่สวี โอกาสตอบแทนบุญคุณของท่านมาถึงแล้ว”/n /n /nคิ้วทั้งคู่ของสวีโย่วเลิกขึ้น บอกเป็นนัยให้นางพูดต่อ/n /n /nเสิ่นเวยชูนิ้วนับเลข “พระชายาองค์ชายใหญ่ตั้งครรภ์ เป็นข้าที่ให้หมอหลิวศึกษาและปรุงยารักษาครรภ์ สั่งให้คนส่งเข้าไปในตำหนักโยวหมิงเงียบๆ ท่านถูกฝ่าบาทขังไว้ในศาลราชวงศ์ เป็นข้าที่ไม่เกรงกลัวบารมีฮ่องเต้ สละชีวิตช่วยท่านออกมา ยังมีที่องค์ชายใหญ่ถูกปล่อยออกมาได้ ก็เป็นเพราะข้าทุบค้อนเตือนความจำฝ่าบาท ไอหยา เหตุใดข้าถึงเก่งเพียงนี้ คุณชายใหญ่ท่านว่าท่านต้องตอบแทนทวีคูณหรือไม่” เสิ่นเวยปิดทองบนใบหน้าอย่างหน้าไม่อายยิ่งนัก ตาดวงโตที่ใสกระจ่างกะพริบปริบๆ มองสวีโย่ว ท่าทางเช่นนั้นใช้คำมาอธิบายก็คงเป็นคำว่าบ้องแบ๊ว!/n /n /nเด็กน้อยคนนี้กล้าพูดจริงๆ สวีโย่วหัวเราะเบาๆ หนึ่งครา เพราะเรื่องที่นางโวยวายใหญ่ในห้องหนังสือส่วนพระองค์ เมื่อไม่กี่วันก่อนฝ่าบาทยังเรียกเขาเข้าวังไปด่า บอกว่า ‘เจ้าเองก็ดูแลคุณหนูสี่แซ่เสิ่นบ้าง กำเริบไปกันใหญ่แล้ว อย่างไรเสียก็ไว้หน้าเราบ้าง ต่อหน้าเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ความเกรงขามของเราอยู่ที่ใด’/n /n /n“ว่ามา เวยเวยอยากให้ข้าทำอะไร ขึ้นเขาคมดาบลงทะเลเพลิงข้าล้วนแต่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้า” สวีโย่วกล่าวหยอกล้อ/n /n /nเสิ่นเวยดีใจแล้ว หัวเราะคิกคักกล่าว “เขาคมดาบทะเลเพลิงไม่จำเป็น คืนนี้พวกเราไปเดินเล่นที่จวนเสนาบดีฉินสักรอบหนึ่งเถอะ!” ฉวยโอกาสที่ท่านเสนาบดีฉินไม่นั่งบัญชาการอยู่ในจวน ไม่แน่ว่านางอาจจะสืบหาเรื่องน่าสนใจอะไรได้/n /n /nอีกทั้งคราวก่อนนางแอบย่องเข้าจวนเสนาบดีคนเดียว สวีโย่วเตือนนางเข้มงวดแล้ว ทั้งยังจัดการนางอย่างรุนแรงหนึ่งรอบ ตอนนี้นางเชื่อฟังแล้ว ในเมื่อแอบสวีโย่วไม่พ้น เช่นนั้นก็พาเขาไปด้วยกันเสียเลย ยังมีแรงงานฟรีเรียกใช้ได้ ดียิ่งนัก!/n /n /n“ได้สิ!” สวีโย่วตอบรับอย่างง่ายดาย เขานึกถึงครั้งที่ทั้งสองคนแอบย่องเข้าจวนเสนาบดีฉินคราวก่อน ท้ายที่สุดก็ย่องไปถึงบนเตียง แววตามีเปลวเพลิงลูกเล็กสลัวๆ แวบผ่าน ส่วนเสิ่นเวยที่มีความสุขกลับไม่ได้สังเกตแม้แต่นิดเดียว/n /n /nคืนนั้น หลังจากระฆังยามสามตีบอกเวลา เสิ่นเวยกับสวีโย่วก็สวมชุดท่องราตรีใส่หน้ากากเดินเล่นไปยังจวนเสนาบดีฉิน คราวนี้เส้นทางที่สวีโย่วพานางไปแตกต่างจากครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง แต่หลบองครักษ์และด่านลับที่ลาดตระเวนได้เช่นเคย การคาดการณ์ที่แม่นยำเช่นนี้ทำให้เสิ่นเวยสงสัยอย่างยิ่งว่าหมอนี่ก่อนมาส่งคนมาสืบสถานการณ์แล้วใช่หรือไม่ หากไม่ใช่กังวลว่าตอนนี้อยู่ในจวนเสนาบดีฉิน เสิ่นเวยคงจะทรมานให้สารภาพไปนานแล้ว/n /n /nหึ ไม่ต้องพูด ลางสังหรณ์ของเสิ่นเวยยอดเยี่ยมจริงๆ สวีโย่วให้ทหารมังกรมาสืบการป้องกันที่จวนเสนาบดีฉินก่อนมิใช่หรือ เหตุใดแม้แต่สวีโย่วก็ยังจับจ้องจวนเสนาบดีฉินเล่า ไม่ใช่เพราะว่าเขาแต่งงานกับภรรยาที่มีความอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่งซ้ำยังไม่ถูกกับท่านเสนาบดีฉินไม่ใช่หรือ เพื่อทำให้ภรรยามีความสุข ผิงจวิ้นอ๋องของพวกเราก็ต้องพยายามเช่นกัน/n /n

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด