Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1532

อ่านนิยายจีนเรื่อง Alchemy Emperor of the Divine Dao ตอนที่ 1532 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

แสงที่ส่องสว่างจากร่างของฮูอิงมู่นั้นหากมองให้ดีจะพบว่ามันคือแสงของสมบัติ รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นมาจากเสื้อคลุมของเขา
ที่เขาสามารถต้านทานพลังของเซียนระดับสูงได้นั้นไม่ใช่ด้วยพลังของตนเองแต่เป็นพลังของสมบัติ!
ที่จริงแล้วหากเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นจริง เหตุใดเขาถึงไม่สามารถกำราบเซียนระดับต้นทั้งเก้าได้ในพริบตา?
“ฮ่าๆๆ!” ฮูอิงมู่หัวเราะ “พวกฝูงมดปลวกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้?”
เขาจ้องมองไปที่ทุกคนด้วยสายตาเหยียดหยาม “ฝูงขยะต่อให้บรรลุระดับเซียนก็ยังคงเป็นขยะ!” นี่คือความรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าของคนที่มาจากดินแดนต้องห้าม ความเหยียดหยามที่พวกเขามีต่อจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นฝังลึกไปจนถึงกระดูกเนื่องจากพวกเขามั่นใจว่าสักวันหนึ่งพวกเขาจะมีโอกาสได้กลับไปยังดินแดนแห่งเซียนที่เหนือกว่า
เซียนซิงฉากล่าวเสียงดังกึกก้อง “เสื้อสมบัติของเจ้าไม่ได้ถูกทอขึ้นด้วยวัสดุเซียนทุกส่วน อำนาจของมันก็เหมือนม้วนคำสั่งที่มีจำนวนการใช้งานที่จำกัด เจ้าคิดว่าจะต้านทานพลังของข้าไปได้อีกนานแค่ไหน?”
“อย่างน้อยหนึ่งร้อยกระบวนท่าก็ไม่ใช่ปัญหา” ฮูอิงมู่กล่าวอย่างมั่นใจพร้อมกับนำกลองออกมา “นี่คือกลองสื่อสาร แค่ข้าตีมันและควบแน่นสัมผัสสวรรค์ใส่เข้าไปข้าจะสามารถติดต่อกับกลองสื่อสารอีกตัวได้ทันที”
“เจ้าเป็นเซียนระดับสูงที่ข้าไม่อาจต่อกรได้ก็จริง แต่ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาของข้ามีตัวตนระดับราชาเซียนอยู่ถึงสามคน ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งก็สามารถเหยียบย่ำทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ เจ้าแน่ใจว่าต้องการล่วงเกินดินแดนต้องห้ามของข้า?”
นี่เห็นได้ชัดว่านี่คือคำข่มขู่
แต่คำขู่ของเขาก็ได้ผลเป็นอย่างมาก
ราชาเซียน!
ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกเขาคือตัวตนที่ทรงพลังที่สุด!
อีกฝ่ายหลอกลวงพวกเขารึเปล่า?
เซียนทั้งสิบส่ายหัวในใจ ด้วยสายตาของพวกเขาย่อมสามารถแยกแยะรูปแบบอาคมบนเสื่อคลุมสมบัตินั่นออก มันเป็นรูปแบบอาคมที่มีพลังอำนาจเกินกว่าเซียนระดับสูง เพราะงั้นในดินแดนต้องห้ามแปดศิลาที่ว่าจะต้องมีตัวตนระดับราชาเซียนอยู่แน่นอน
แต่จะมีสามคนหรือคนเดียวนั้นพวกเขาไม่รู้
ทั้งเซียนซิงฉาและเซียนทั้งเก้าแน่นิ่งไร้คำพูด
“ฮ่าๆๆๆ!” ฮูอิงมู่หัวเราะลั่นก่อนจะแสยะยิ้มไปยังฝูงชน “ข้ายังคงจะกล่าวคำเดิม ส่งมอบตัวคนร้ายและสมบัติรวมถึงสตรีผู้นั้นมาให้ข้า! หรือถ้าไม่งั้นพวกเจ้าก็เสนอตัวออกมา ตราบใดที่มีคนรับหนึ่งกระบวนท่าของข้าได้ ข้าจะยอมถอนคำพูดเมื่อครู่และกล่าวขอโทษพร้อมกับจากไปจากที่นี่ทันที”
เซียนทั้งเก้าเกรี้ยวกราด ขนาดเซียนซิงฉาอยู่ที่นี่อีกฝ่ายก็ยังกล้าเอ่ยคำขอที่อุกอาจเช่นนั้น!
“หากไม่ทำตามแต่โดยดีหรือไม่มีใครเสนอตัวข้าจะเรียกผู้นำของข้ามาที่นี่!” ฮูอิงมู่กล่าว “เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าทุกคนจะเหลือโชคตาเดียวคือความตาย!”
อวดดี! ช่างอวดดีอะไรอย่างนี้!
ทุกคนเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ ต่อให้เจ้าจะเป็นเซียนเจ้าก็เห็นแก่ตัวเกินไป
“ข้าลุยเอง!”
“ให้ข้าดีกว่า!”
“ข้าจะรับหนึ่งกระบวนท่าของเขาเอง!”
เหล่ารุ่นเยาว์เลือดร้อนเสนอตัว พวกเขาเป็นจอมยุทธที่มีความโดดเด่นในด้านพลังป้องกันหรือไม่ก็เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างเช่นฉีเทียน เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากสวรรค์และปฐพี พลังของเขาย่อมเหนือกว่าจอมยุทธทั่วๆไป ยิ่งกว่านั้นพลังบ่มเพาะของเขาก็ห่างจากระดับเซียนอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ทว่าก้าวเดียวที่ว่ากลับห่างไกลราวกับสวรรค์และปฐพี
ทุกคนไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก สำนักละอองดารานั้นงถูกห้อมล้อมด้วยเขตดวงดาวนับร้อย ไม่ว่าใครต่างก็กล่าวว่าสำนักละอองดารานั้นเป็นดั่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับบ่มเพาะพลัง ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธทรงพลังมากมายขนาดไหนเดินทางมาที่นี่
แต่วันนี้เพียงแค่ผู้บุกรุกคนเดียวกลับสามารถเหยียบย่ำพวกเขาอยู่ใต้เท้าอย่างไม่อาจขัดขืน
ทุกคนทั้งเจ็บปวดและโมโห!
“หรือจะเป็นหนึ่งในพวกเจ้าเก้าคนก็ไม่มีปัญหา!” ฮูอิงมู่มองไปยังเซียนทั้งเก้า
จะบอกว่าต่อให้เป็นเซียนระดับต้นเหมือนกันก็ไม่สามารถรับกระบวนท่าของเจ้าได้?
เซียนหมิงซินก้าวเดินออกมา “ข้าจะสู้กับเจ้าเอง!”
“เจ้าไม่คู่ควร!” ฮูอิงมู่ส่ายหัวอย่างเหยียดหยาม “เจ้าไม่สามารถรับกระบวนท่าของข้าได้!”
เขาเห็นเซียนหมิงซินมีท่าทีเกรี้ยวกราดจึงได้กล่าวต่อ “เจ้าคิดว่าเมื่อครู่ข้าใช้พลังทั้งหมดแล้ว?”
ว่าไงนะ?
เซียนหมิงซินชะงักครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งถึงขนาดเอาชนะเขาได้ด้วยกระบวนท่าเดียว
“เอาเป็นว่าถ้าเจ้ารับหนึ่งกระบวนท่าของข้าได้ข้าจะจากไปทันที” ฮูอิงมู่จู่โจมชี้นิ้วเข้าหาเซียนหมิงซิน ‘ครืนน’ เสื้อคลุมสมบัติบนตัวเขาส่องประกายและปรากฏรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ ที่ปลายนิ้วของเขาควบแน่นพลังเป็นจุดเล็กๆสีดำที่มืดมิด
ตูม!
เมื่อพลังโจมตีถูกปลดปล่อยจากนิ้ว ร่างของเซียนหมิงซินก็ถูกส่งลอยจนเด็นพร้อมกับกระอักโลหิตออกมา ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นซีดเผือดและหวาดกลัว
แม้แต่เซียนหมิงซินก็ไม่สามารถรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้?
ทุกคนมองเห็นชัดเจนว่าพลังเมื่อครู่เป็นอำนาจจากเสื้อคลุม แต่ในเมื่อมันเป็นเสื้อคลุมที่ฮูอิงมู่ใส่อยู่ก็ถือว่าเป็นพลังที่เขาสามารถหยิบนำมาใช้ได้
“มีใครอีกรึไม่?” ฮูอิงมู่เผยสีหน้าหยิ่งยโส เขากวาดสายตาผ่านเซียนทั้งเก้าด้วยรอยยิ้มดูถูก
แม้เซียนทุกคนจะเกรี้ยวกราดแต่ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไร
เซียนหมิงซิงถึงแม้จะแข็งแกร่งเป็นอันดับแปด แต่พลังต่อสู้แท้จริงของเขาสามารถติดอยู่ในสามอันแรกจากเก้า หากเขาไม่สามารถรับการโจมตีได้ต่อให้เปลี่ยนเป็นเซียนคนอื่นผลลัพธ์ก็คงไม่เปลี่ยนแปลง
แต่พอมองไปยังท่าทีหยิ่งโยของฮูอิงมู่แล้ว ใครจะไม่รู้สึกโมโหจนตัวสั่นบ้าง?
“ไม่มีใครแล้ว? เหอะ พวกขยะไร้ค่า!” ฮูอิงมู่ส่ายหัว “เอาล่ะ ส่งมอบตัวคนร้ายและสมบัติมาเสียที!”
เขาหยิ่งทะนงตนเป็นอย่างมาก การที่เป็นคนของดินแดนต้องห้าม เมื่อไปที่แห่งใดก็เปรียบเสมือนจักรพรรดิที่ใครเห็นต้องก้มหัวคารวะ
“ข้าจะรับหนึ่งกระบวนท่าของเจ้าเอง!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นทำลายบรรยากาศเงียบสงบ ร่างของรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งค่อยๆก้าวเดินออกมาจากฝูงชน
‘พรึบ’ สายตาทุกคู่จดจ้องไปยังทิศทางนั้นทันที
หลิงฮัน!
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน แม้แต่เซียนทั้งเก้าก็ยังไม่สามารถรับการโจมตีได้ แต่หลิงฮันก็ยังเป็นฝ่ายเสนอตัว
“ศิษย์พี่หลิง!” เหล่าศิษย์ใหม่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
แน่นอนว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งไปกว่าเซียนทั้งเก้า แต่การที่กล้ายืนหยัดแม้กระทั่งเมื่อเห็นเซียนหมิงซินพ่ายแพ้ไปแล้วนั้น ต้องมีความกล้าหาญขนาดไหนกัน?
เหล่าศิษย์เก่าเองก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก พวกเขาเคยได้ยินมาว่าหลิงฮันกล้าหาญถึงขนาดมีความบาดหมางกับภรรยาเซียน แต่ครั้งนี้ยิ่งกว่า เขากล้าเสี่ยงชีวิตแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงเซียนที่แข็งแกร่งตัวเป็นๆ
บางคนคิดว่าหลิงฮันนั้นโง่เง่า คนเราไม่สมควรนำตัวเองไปเสี่ยงตายเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรความกล้าหาญของหลิงฮันก็นับว่าน่ายกย่องอย่างแท้จริง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด