War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3075

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3075 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“ขอบคุณสำหรับคำเตือนประมุข”
 
หลังกล่าวขอบคุณซุนเหลียงเผิงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หยิบยันต์เงาวายุที่ซุนเหลียงเผิงมอบให้ก่อนหน้าออกมา
 
ถึงแม้ว่าพลังของยันต์เงาวายุจะอยู่ได้แค่ 10 ลมหายใจเท่านั้น…
 
แต่สำหรับเขา มันก็มากเกินพอแล้ว
 
“ท่านประมุข ข้าไปก่อนล่ะ”
 
หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวลาซุนเหลียงเผิง เขาก็ก้าวออกมาจากเขตอาคมที่ปกคลุมนิกายอมตะเป้าผู่ทันที และแทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ เท้าข้างหนึ่งของเขายื่นออกมาจากเขตอาคม…
 
ทันใดนั้นสองตาของนักฆ่ากะโหลกเลือดนาม เหลิ่งเอี้ย ที่ซ่อนตัวในเงามืดก็ทอประกายสว่างจ้า พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ม้วนวนทั่วร่างมัน พลันทวีความรุนแรงขึ้นในฉับพลัน
 
และในห้วงเวลานั้นเอง…
 
“หืม?!”
 
เหลิ่งเอี้ยพบว่า ทันทีที่เท้าข้างหนึ่งของต้วนหลิงเทียนย่ำเหยียบพื้นนอกเขตอาคม ยันต์อมตะที่พึ่งเอาออกมาถือไว้ก็ถูกบดขยี้จนแหลก จากนั้นไอพลังสีเขียวครามหนึ่งก็ปะทุขึ้นมาห้อมล้อมไปทั่วร่างต้วนหลิงเทียน
 
แถมไอพลังเขียวครามดังกล่าว ยังปลดปล่อยกลิ่นอายพลังรุนแรงออกมาประหนึ่งจะทะลวงกวาดได้ทั้งแผ่นฟ้า พริบตาก็กำจายออกไปทั่วสารทิศ
 
เหลิ่งเอี้ยเองก็สังเกตเห็นกลิ่นอายพลังไม่ธรรมดานั่นด้วยเช่นกัน
 
“ออกมาแล้ว!”
 
แต่ไม่ทันที่มันจะได้คิดอะไร มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนก้าวเท้าอีกข้างออกมาจากเขตนิกายอมตะเป้าผู่ และย่ำเหยียบลงพื้นนอกเขตอาคมเสียก่อน ลูกตามันหดหยีเล็กลง ประกายเยียบเย็นฉายแสงจ้า มากล้นไปด้วยจิตสังหารอำมหิต พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างปะทุออกมาปานจุดระเบิด!
 
“ตาย!!”
 
ในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาดุจอัสนีวาบลั่น ร่างเหลิ่งเอี้ยพลันพุ่งทะยานข้ามฟ้าไปฉับไว พริบตาก็บรรลุถึงครึ่งทาง สองมือสะบัดเริ่มงองุ้มเป็นกรงเล็บฟาดตะปบออกไป ประหนึ่งอสูรกายจากขุมนรกแยกเขี้ยวยิงฟันหมายขย้ำกลืนร่างต้วนหลิงเทียนในหนึ่งคำ!
 
“ระวัง!!”
 
อยู่ๆเหลิ่งเอี้ยก็ผุดโผล่ขึ้นมาปานภูตผีแบบนี้ กระทั่งซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่เองก็อดสะดุ้งตกใจไม่ได้ ยังโพล่งเตือนต้วนหลิงเทียนออกไปอย่างไม่รู้ตัว
 
จังหวะนี้มันลืมไปเสียสิ้น ว่าต้วนหลิงเทียนได้ใช้ยันต์เงาวายุไปแล้ว
 
“ตาย! ตายห่าไปเสีย!!”
 
ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก หวังเชียนจ้านที่เห็นร่างวูบมาปานผีร้ายของเหลิ่งเอี้ยก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความสะใจ สองตาทอแสงเย็นเยียบ ใบหน้าแลดูบิดเบี้ยววิปริตนัก
 
มันมาที่นี่มีเพียงหนึ่งเหตุผลเท่านั้น ชมดูว่าต้วนหลิงเทียนจะตกตายคามือนักฆ่ากะโหลเลือดอย่างไร!
 
ในสายตาของมัน
 
นักฆ่ากะโหลกเลือดขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก ลงมือเข่นฆ่ามาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนไม่มีหนทางรอดชีวิตแน่นอน!!
 
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองอะไรนั่นให้ใช้อีกครั้ง แต่อย่างดีก็ทำให้ระดับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและพลังวิญญาณบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น อาศัยความเข้าใจในกฏของต้วนหลิงเทียน ย่อมไม่มีวันต้านทานกระทั่งหลบหนีนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักขององค์กรกะโหลกเลือดได้เลย!!
 
“ที่ต้องมา ก็มาจริงๆ…”
 
ได้ยินคำโพล่งอุทานของซุนเหลียงเผิง ใจต้วนหลิงเทียนก็สั่นไปไม่น้อย อย่างไรก็ตามเสี้ยวพริบตาต่อมา ร่างคนก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่า ราวกับสาบสูญไปในสวรรค์และโลก!
 
อย่างน้อยๆก็ไม่มีใครในที่นี้เห็นร่องรอยความเคลื่อนไหวใดๆของเขาเลย
 
ต่อให้จะเป็นนักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือด เหลิ่งเอี้ย ราชาอมตะ 9 ตำหนัก ที่ปะทุพลังสังหารจู่โจมเข้ามาเร็วรี่ ก็ไม่ทันได้เข้าใกล้ร่างต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนหายตัวไปแล้ว พาลให้หน้ามันเปลี่ยนสีไปอย่างแรง
 
“สักวัน ข้าจะเป็นฝ่ายไปเยือนองค์กรกะโหลกเลือดของเจ้าเอง…”
 
หลังจากร่างต้วนหลิงเทียนอันตรธานหายไปไม่ทันไร ก็แว่วเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ แม้น้ำเสียงจะฟังดูราบเรียบ แต่หากฟังให้ดีก็แฝงเร้นไปด้วยโทสะอันยากระงับไว้ในนั้น
 
“นี่มันอะไรกัน!?”
 
ร่างเหลิ่งเอี้ยที่จู่โจมเข้ามาด้วยสภาวะพลังอำมหิต จำต้องชะงักค้างกลางอากาศ หลังจากหันมองไปรอบๆแต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆ สีหน้ามันก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
 
จังหวะนี้ต่อให้มันจะมีความรู้สึกเฉื่อยชาเพียงใด แต่มันก็คาดเดาได้ว่า…ไม่พ้นต้วยหลิงเทียนต้องใช้ยันต์อมตะเสริมความเร็วอะไรบางอย่างแน่นอน! และพลังจากยันต์นั่น ก็ทำให้มันไม่อาจแลเห็นแม้แต่เงาของต้วนหลิงเทียน นับประสาอะไรกับจะไล่ตามให้ทัน!!
 
“ใต้เท้าเหลิ่งเอี้ย!”
 
ทันใดนั้นหวังเชียนจ้านที่ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยาก ก็ส่งเสียงผ่านพลังไปหาเหลิ่งเอี้ยด้วยความคับแค้น “มิพ้นซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ ต้องมอบยันต์หลบหนีเงาวายุที่ได้มาจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวในอดีตให้ต้วนหลิงเทียนไปเป็นแน่…หาไม่แล้วไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะหนีหายไปจากสายตาใต้เท้าเหลิ่งเอี้ยท่านได้!”
 
หวังเชียนจ้านเองก็ล่วงรู้เรื่องที่ซุนเหลียงเผิงมียันต์เงาวายุอยู่ในครอบครองเช่นกัน
 
ด้วยเหตุนี้พอเห็นต้วนหลิงเทียนหายตัวไปต่อหน้าต่อตามันแบบนี้ ก็ไม่ยากที่มันจะเชื่อมโยงไปถึงยันต์เงาวายุของซุนเหลียงเผิง
 
“ยันต์เงาวายุนั่นถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือจอมราชันอมตะ ทั้งไม่ได้มีแต่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของจอมราชันอมตะผู้นั้นอย่างเดียว ยังมีความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยบรรจุไว้…ที่สำคัญมันคือความลึกซึ้งกายสายลมกับลมกรด!”
 
“เท่าที่ข้ารู้มายันต์เงาวายุเมื่อครู่ สมควรมีระยะเวลาแสดงผลแค่เพียง 10 ลมหายใจเท่านั้น…อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นแค่ 10 ลมหายใจ แต่ก็มากพอให้ต้วนหลิงเทียนนั่นมันหายไปถึงไหนต่อไหนแล้ว! ใต้เท้าเหลิ่งเอี้ย ซุนเหลียงเผิงทำเช่นนี้เห็นชัดว่าคิดขัดขวางองค์กรกะโหลกเลือดของท่านถึงที่สุด!!”
 
หวังเชียนจ้านแต่เดิมคิดว่าวันนี้ต้องเป็นวันตายของต้วนหลิงเทียนแน่แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสามารถหลบหนีไปในห้วงเวลาคับขันได้หน้าตาเฉย…
 
ยิ่งไปกว่านั้น 9 ใน 10 ไม่พ้นเป็นซุนเหลียงเผิงมอบยันต์เงาวายุให้!
 
ด้วยเหตุนี้โทสะแค้นที่มันมีต่อต้วนหลิงเทียนก็ปันไปยังซุนเหลียงเผิงส่วนหนึ่ง เสียงที่ส่งผ่านพลังไปถึงเหลิ่งเอี้ยของมัน จึงแฝงจุดประสงค์ยั่วยุให้เข่นฆ่าซุนเหลียงเผิงทิ้งไปเสีย
 
“ความลึกซึ้งกายสายลมกับความลึกซึ้งลมกรดขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย…”
 
“กลิ่นอายที่คงค้างในอากาศ เป็นกลิ่นอายความลึกซึ้งของกฏแห่งมสองประการนั่นไม่ผิดจริงๆ…”
 
ได้ยินคำเตือนของหวังเชียนจ้าน เหลิ่งเอี้ยก็ตระหนักได้ทันทีว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงอันตรธานร่างหายไปต่อหน้าต่อตามันอย่างอัศจรรย์ได้ จากนั้นก็ยืนยันได้ไม่ยากว่าสมควรเป็นเพราะยันต์เงาวายุที่ซุนเหลียงเผิงมอบให้จริงๆ!
 
ขณะเดียวกันมันก็ตระหนักได้ชัดเจน
 
ว่าถึงแม้ผลของยันต์เงาวายุที่ว่าจะอยู่ได้แค่ 10 ลมหายใจ แต่ความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนได้รับ น่ากลัวจะทำให้อีกฝ่ายหนีไปถึงไหนต่อไหนแล้วแน่นอน…
 
“ซุนเหลียงเผิง!”
 
เหลิ่งเอี้ยที่เหินร้างค้างกลางหาว หันไปมองซุนเหลียงเผิงด้วยสายตาดุร้าย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน “เจ้าถึงกับมอบยันต์เงาวายุให้ต้วนหลิงเทียนนั่นแบบนี้…เจ้ามิเสียดายรึ!?”
 
“หืม?”
 
ซุนเหลียงเผิงอดขมวดคิ้วไม่ได้เมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของเหลิ่งเอี้ย อีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่ามันมอบยันต์เงาวายุให้ต้วนหลิงเทียน?
 
ทว่าปราดเดียวซุนเหลียงเผิงก็ฉุกคิดอะไรได้ออก จึงหันขวับไปยังหวังเชียนจ้านอาวุโสใหญ่นิกายอมตะเป้าผู่ทันที
 
มันรู้ได้ไม่ยาก ว่าไม่พ้นหวังเชียนจ้านต้องเอาเรื่องที่มันมียันต์เงาวายุบอกต่อเหลิ่งเอี้ยไปแล้วแน่นอน
 
หวังเชียนจ้านและอาวุโสคนอื่นๆล้วนรู้ดีว่ามันได้รับยันต์เงาวายุมาจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว อีกทั้งยังไม่ใช่ยันต์เงาวายุธรรมดาๆ แต่เป็นยันต์เงาวายุที่มีพลังอำนาจร้ายกาจถึงขั้นทำให้ผู้ใช้มีความเร็วเหนือจอมราชันอมตะทั่วๆไปด้วยซ้ำ
 
ซุนเหลียนเผิงมองหวังเชียนจ้านด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง ค่อยหันกลับไปมองเหลิ่งเอี้ย พลางเอ่ยออกเสียงเฉยว่า “ใต้เท้าเหลิ่ง ข้ามอบยันต์เงาวายุให้ต้วนหลิงเทียนแล้วจะอย่างไร?”
 
“ข้าคือประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ หรือจักมอบรางวัลอันใดให้ศิษย์ที่โดดเด่นมิได้เลย?”
 
ซุนเหลียงเผิงกล่าวจบคำ มุมปากก็เผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
 
ถึงแม้นักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดผู้นี้จะมีด่านพลังราชาอมตะ 9 ตำหนัก และร้ายกาจสุดที่มันจะรับมือได้ไหว แต่มันก็ไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าลงมือกับมันโดยง่าย เพราะไม่ว่าอย่างไรเบื้องหลังนิกายอมตะเป้าผู่มันก็คือคฤหาสน์เฉวียนโยว!
 
หากเรื่องที่มันถูกนักฆ่ากะโหลกเลือดสังหารแพร่กระจายออกไป ย่อมสร้างความตื่นตระหนกให้คฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น้อย!
 
หากกระทั่งผู้นำ 3 นิกาย 2 ตระกูลที่อยู่ใต้คฤหาสน์เฉวียนโยวยังตกตายใต้เงื้อมมือนักฆ่ากะโหลกเลือด เช่นนั้นคนอื่นๆจะรู้สึกปลอดภัยได้อย่างไร?
 
ถึงตอนนั้นคฤหาสน์เฉวียนโยวย่อมไม่ปล่อยปละละเลยเรื่องนี้แน่นอน วิธีจัดการที่ดีที่สุดก็คือตามล่าหาตัวนักฆ่าผู้ลงมือ จากนั้นก็ฆ่าทิ้งเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง!
 
มันก็เลยไม่กลัวนักฆ่ากะโหลกเลือดจะกล้าลงมือฆ่ามันแม้แต่น้อย
 
“ประเสริฐ! เจ้าประเสริฐนักซุนเหลียงเผิง!!”
 
เหลิ่งเอี้ยมองจ้องซุนเหลียงเผิงตาขวาง แต่ต่อให้มันมีโมโหมากเท่าไหร่ มันก็ไม่คิดลงมือทำอะไรซุนเหลียงเผิง เพราะกริ่งเกรงคฤหาสน์เฉวียนโยวที่อยู่เบื้องหลัง จากนั้นมันก็หันหลังจากไปทันที
 
และการจากไปคราวนี้ของมัน ก็ไม่ใช่การไปซ่อนตัวใกล้ๆนิกายอมตะเป้าผู่อีกต่อไป ทว่าเลือกที่จะย้อนกลับไปยังองค์กรกะโหลกเลือดทันที
 
เป้าหมายของมันจากไปแล้วแบบนี้ แถมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะกลับมาเมื่อไหร่ ทั้งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่ เช่นนั้นมันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่รอให้เสียเวลา เพราะเกิดเป้าหมายไม่ย้อนกลับมาจริงๆ มันจะเฝ้ารอไปทำเพื่อ…
 
“ไปแล้ว?”
 
หวังเชียนจ้านรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ที่เห็นเหลิ่งเอี้ยจากไปในลักษณะนี้
 
“หวังเชียนจ้าน!”
 
ในขณะที่หวังเชีนจ้านกำลังผิดหวัง ซุนเหลียงเผิงก็หันกลับมามองมันด้ววยสายตาเย็นชา “ถึงแม้ข้าไม่มีหลักฐานว่าเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับนักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดผู้นั้นหรือไม่…แต่วันนี้ข้าซุนเหลียงเผิงขอบอกให้เข้าทราบไว้เรื่องหนึ่ง  ข้ารังเกียจสวะที่ขายพวกพ้องมากที่สุด เช่นนั้นเจ้าจักไปเองหรือจะเลือกรั้งอยู่ต่อไปก็เรื่องของเจ้า แต่อย่าได้โทษข้าเสียเล่า หากว่าวันไหนข้าเกิดอารมณ์ไม่ดี นึกอยากจะฆ่าเจ้าทิ้งเพราะนึกสงสัยเรื่องนี้ขึ้นมา!”
 
กล่าวจบคำมุมปากของซุนเหลียงเผิงก็ยกยิ้มแสยะเหี้ยมเกรียม สองตาที่มองจ้องหวังเชียนจ้านยังฉายชัดถึงจิตฆ่าฟันอย่าไม่คิดจะกักเก็บ พาลให้หวังเชียนจ้านหวาดกลัวจนขนหัวลุก!
 
เท่าที่หวังเชียนจ้านรู้ ซุนเหลียงเผิงนั้น เป็นคนที่พูดแล้วทำแน่นอน!
 
ย้อนกลับไปในอดีต ที่ไฉนซุนเหลียงเผิงโดดเด่นขึ้นมาเหนือใคร และเอาชนะคู่แข่งมากมายจนกลายเป็นประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ได้ ก็ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นคนแน่วแน่เด็ดเดี่ยวหรือไร?
 
อีกฝ่ายไม่เคยปล่อยให้ใครที่กล้าต่อต้านรอดไปสักครั้ง ยิ่งคนทรยศยิ่งแล้วใหญ่!
 
“ในเมื่อต้วนหลิงเทียนก็ไปแล้ว เช่นนั้นนิกายอมตะเป้าผู่นี่ข้าก็ไม่คิดจะอยู่อีกต่อไป…”
 
ถึงแม้จะตกใจกลัวไม่น้อย แต่ภายนอกหวังเชียนจ้านยังทำเป็นเข้มอยู่ หลังกล่าววาจาตัดเยื่อใยจบ มันก็เหินร่างไปจากนิกายอมตะเป้าผู่ทันที
 
หากไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่ มันก็คงไม่รั้งอยู่นิกายอมตะเป้าผู่แต่แรก เพราะนิกายอมตะเป้าผู่ก็คือผู้ที่ตัดสินโทษประหารให้หลานสาวของมัน!
 

 
“เร็วจริงๆ!”
 
“นี่น่ะเหรอความเร็วของจอมราชันอมตะที่เข้าใจความลึกซึ้งกายสายลมกับลมกรดถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย?”
 
ในขณะที่หวังเชียนจ้านเดินทางออกจากนิกายอมตะเป้าผู่อย่างไม่คิดจะหวนกลับ ด้านต้วนหลิงเทียนที่ใช้ยันต์เงาวายุ หลังสร้างร่องรอยปลอมแล้ว ก็เร่งรุดมุ่งหน้าไปหาหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เมืองฝูซานตามนัดหมายทันที ขณะเดินทางยังอดไม่ได้ที่จะพึมพำด้วยความทึ่งอยู่บ้าง
 
แม้พลังของยันต์เงาวายุจะคงอยู่แค่ 10 ลมหายใจ แต่ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนได้สัมผัสถึงความเร็วอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขารู้สึกเสมือนตัวเบาราวขนนก กระทั่งยามเหินบินด้วยความเร็วเต็มที่ สองตาเขาก็ไม่อาจแลเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้เลย ทั้งหมดเสมือนเส้นแสงวิ่งสวนมาวูบวาบเท่านั้น
 
ความเร็วระดับนี้ ไม่ใช่อะไรที่เขาตอนถือครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดจะมีได้
 
“เมืองฝูซาน!”
 
หลังเหินร่างเดินทางได้ไม่นาน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เห็นสถานที่นัดพบกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น เป็นเมืองที่แลดูเก่าแก่โบราณ และมีขนาดใหญ่โตมากเมืองหนึ่ง….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด