War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3058

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3058 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

“อะไร!?”
 
ได้ยินคำพูดดังกล่าว แม้จะเป็นซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ที่ผ่านโลกมามาก ยังอดไม่ได้ที่จะต้องตกใจจนเสียอาการ
 
เรื่องที่มีคนจ้างวานนักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดมาฆ่าต้วนหลิงเทียน นับว่าทำให้มันตกใจจนเหงื่อเย็นชุ่มหลังแล้วจริงๆ…
 
พอเห็นต้วนหลิงเทียนยังกลับมาเล่าเรื่องราวได้ มันก็เข้าใจว่าสมควรมีใครปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือต้วนหลิงเทียนให้รอดพ้นหายนะได้ทันเวลา…
 
อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบกลับมาว่าเป็นคนฆ่านักฆ่าผู้นั้นด้วยตัวเอง!
 
เท่าที่มันรู้มาองค์กรกะโหลกเลือดนับเป็น 1 ใน 3 องค์กรมือสังหารระดับพระกาฬของแดนสวรรค์ใต้ ต่อให้เป็นนักฆ่าที่อ่อนด้อยที่สุดก็ยังเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด!
 
ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวไปในระดับหนึ่ง องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดก็ถือว่าเป็นขุมพลังระดับ 5! ย่อมไม่ขาดแคลนวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังแน่นอน!!
 
จึงพูดได้เลย ว่าถึงจะเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดขององค์กรกะโหลกโลหิต แต่ทั้งหมดล้วนเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดที่ร้ายกาจอย่างหาตัวจับยาก ล้วนเข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏหลายประการแล้วทั้งสิ้น! ไม่ใช่อะไรที่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของคฤหาสน์เฉวียนโยวจะเทียบได้เลย!!
 
“ต้วนหลิงเทียน…นี่เจ้าคงไม่ได้กำลังล้อข้าเล่นอยู่หรอกนะ?”
 
ซุนเหลียงเผิงมองต้วนหลิงเทียนไม่พูดไม่จาอยู่พักหนึ่ง ค่อยสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็เอ่ยถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
 
“ประมุข…ข้าไม่จำเป็นต้องล้อท่านเล่น”
 
ต้วนหลิงเทียนยักไหล่กล่าว
 
ขณะเดียวกันเพียงหนึ่งห้วงคิด สำนึกเทวะอันทรงพลังของเขาก็แผ่ไปปกคลุมทั่วร่างซุนเหลียงเผิง จงใจให้ซุนเหลียงเผิงสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันมหาศาลของเขา!
 
ซูว
 
แทบจะทันทีที่ถูกสำนึกเทวะอันทรงพลัของต้วนหลิงเทียนแผ่มาปกคลุม สีหน้าท่าทีซุนเหลียงเผิงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง
 
เพราะตอนนี้ตัวมันสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่กดดันบีบคั้นจิตใจ จนตัวมันรู้สึกเสมือนว่าตัวเองเป็นแค่เรือใบลำน้อยที่กำลังลอยคอท่ามกลางมหาสมุทรคุ้มคลั่ง ไม่อาจทำต่อต้านแข็งขืนใดๆ สามารถพลิกคว่ำอับปางได้ทุกเมื่อ!
 
“พะ..พลังวิญญาณนี่มัน…ราชาอมตะ 10 ทิศ!”
 
สำนึกเทวะอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณมหาศาลระดับนี้ทำให้ใจซุนเหลียงเผิงสั่นไหวเต้นไปไม่เป็นจังหวะ แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเผชิญหน้ากับสำนึกเทวะระดับนี้ เพราะมันเคยโดนสำนึกเทวะที่มีพลังอำนาจสะกดข่มระดับเดียวกันกดดันมาก่อนในอดีต
 
มันยังจดจำได้ ในตอนนั้นเป็นรองผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่แผ่สำนึกเทวะมากดดันมัน!
 
ในขณะที่ซุนเหลียงเผิงมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นตระหนกตกใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ ต้วนหลิงเทียนก็ถอนรั้งสำนึกเทวะกลับไปเรียบร้อยแล้ว
 
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสัมผัสได้ชัดเจน…
 
ว่าสำนึกเทวะน่ากลัวที่กดทับร่างมันเมื่อครู่ ได้ถอนรั้งกลับไปยังร่างต้วนหลิงเทียน!
 
“ต้วน…ต้วนหลิงเทียน เจ้าไฉนมีสำนึกเทวะทรงพลังงระดับนี้ได้!?”
 
ซุนเหลียงเผิงเอ่ยถามออกมาด้วความประหลาดใจ
 
“หากข้าบอกว่าตอนที่ข้าฆ่านักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือด สำนึกเทวะข้าทรงพลังกว่าในตอนนี้…ท่านประมุขคิดว่าไงเล่า?”
 
ต้วนหลิงเทียนมองจ้องซุนเหลียงเผิง กล่าวถาม
 
“ทรงพลังกว่าตอนนี้งั้นหรือ เช่นนั้นหมายคามว่าสำนึกเทวะก่อนหน้านี้ของเจ้า…ไม่ใช่ว่าจะเทียบได้กับสำนึกเทวะของจอมราชันอมตะแล้วหรือไร!?”
 
ยิ่งมาใบหน้าซุนเหลียงเผิงยิ่งฉายชัดถึงความประหลาดใจ และทันใดนั้นเองในใจมันคล้ายมีประกายยแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง ด้วยฉุดคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง  “เจ้า…เจ้าคงมิได้มีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทสิ้นเปลืองหรอกนะ?”
 
ถึงแม้จะมียันต์อมตะสายสนับสนุนที่ทรงพลังบางอย่าง สามารถช่วยให้ผู้ใช้ถือครองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดกระทั่งพลังวิญญาณอันเทียบกับขอบเขตจอมราชันอมตะได้ แต่ระยะเวลาแสดงผลก็ไม่นานนัก
 
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อระยะเวลาแสดงผลของยันต์อมตะสนับสนุนดังกล่าวหมดลง พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดไม่เว้นพลังวิญญาณก็จะหายไป ระดับพลังของผู้ใช้ก็จะหวนคืนสู่สภาพปกติทันที
 
อย่างไรก็ตาม หากเป็นอุปกรณ์อมตะประเภทสิ้นเปลืองล่ะก็ เรื่องราวมันจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่ว่าจะเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดหรือพลังวิญญาณก็ตาม มันสามารถกักเก็บไว้ในร่างผู้ใช้ ให้เลือกนำออกมาใช้ได้ตามใจชอบ
 
เมื่อใช้พลังดังกล่าว พลังที่กักเก็บไว้ในร่างกายก็จะค่อยๆหมดลง ระดับพลังเองก็จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
 
ดุจเดียวกับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้
 
สำนึกเทวะของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ บ่งบอกชัดว่าระดับพลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ หากกล่าวว่าก่อนหน้ามีระดับพลังวิญญาณเหนือกว่านี้ล่ะก็…เช่นนั้นหมายความว่าก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนก็ต้องถือครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะสถานเดียว!
 
สิ่งนี้เผยให้รู้ชัด ว่าเป็นต้วนหลิงเทียนใช้อุปกรณ์อมตะระดับบจอมราชันประเภทสิ้นเปลือง!
 
“ชัดเจนแล้วรึยัง?”
 
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
 
และพอเสียงย้อนถามเขาดังเข้าหูซุนเหลียงเผิง มันก็ทำให้ซุนเหลียงเผิงแน่นิ่งไปครู่หนึ่ง สิ่งนี้บ่งบอกว่าอีกฝ่ายเข้าใจกระจ่างแล้ว จากนั้นพักหนึ่งพอซุนเหลียงเผิงได้สติ ก็เร่งเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “ต้วนหลิงเทียน อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองนี่…เจ้าคงไม่ได้มาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณใช่ไหม?”
 
“ไม่ใช่”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ข้าได้มันมาจากที่อื่น”
 
“แล้วใช้ได้กี่ครั้งหรือ?”
 
ซุนเหลียงเผิงเอ่ยถามด้ยความสงสัย
 
พอเสียงของซุนเหลียงเผิงดังจบคำ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็จมลงทันที “ใช้ได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น…และตอนนี้ข้าก็กำลังใช้ครั้งสุดท้ายอยู่”
 
เขาไม่คิดจะบอกซุนเหลียงเผิงว่าอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองที่เขามียังสามารถใช้ได้อีกครั้งหนึ่ง เพราะใครจะไปรู้ว่าซุนเหลียงเผิงจะถูกความโลภเข้าครอบงำหรือไม่?
 
นี่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะอุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทสิ้นเปลืองมันยั่วยวนใจเกินไป กระทั่งผู้นำขุมกำลังระดับ 7 อย่างซุนเหลียงเผิงก็ยากจะห้ามใจได้ไหว!
 
เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งนี้ก็เสมือนทำให้ซุนเหลียงเผิงมีโอกาสถือครองพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั้งพลังวิญญาณขอบเขตจอมราชันอมตะได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
 
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว…เจ้าสมควรปรึกษาข้าเรื่องนี้แต่แรก ข้าย่อมสามารถซ่อนตัวลอบคุ้มครองเจ้าอย่างลับๆได้ อย่างไรเสียนักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดที่ถูกส่งมาฆ่าเจ้า ก็ไม่น่าจะมีด่านพลังสูงมากนัก หากข้าลอบติดตามเจ้าไปมันไม่อาจตรวจพบได้ด้วยซ้ำ!”
 
ซุนเหลียงเผิงได้แต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างขื่นขม เพราะมันรู้สึกว่าครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนฟุ่มเฟือยเกินไปแล้วจริงๆ ถึงกับใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองที่ใช้ได้ 2 ครั้งเท่านั้น
 
ยิ่งไปกว่านั้น การใช้ครั้งนี้ยังเป็นครั้งสุดท้ายอีก!
 
“ข้าไม่อาจเสี่ยงใดๆได้ เพราะหากคนที่จ้างนักฆ่านั่นมาเป็นคนของนิกายอมตะเป้าผู่ ขอเพียงมันคอยช่วยประสานนอกในให้ความช่วยเหลือนักฆ่านั่น พอตรวจพบว่าประมุขไม่อยู่แล้วแจ้งไป ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่นักฆ่านั่นมันจะเดาได้ว่าท่านลอบติดตามคุ้มครองข้าอยู่…”
 
ขณะกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็มองสบตาซุนเหลียงเผิงเขม็ง
 
ได้ยินคำพูดนี้ ทั้งเห็นแววตาที่มองจ้องมาของต้วนหลิงเทียน ซุนเหลียงเผิงก็หน้าเสียทันที “ต้วนหลิงเทียน เจ้าพูดมาแบบนี้…หรือเจ้าสงสัยว่าผู้ที่จ้างองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดให้ส่งนักฆ่ามาฆ่าเจ้า เป็นคนของนิกายอมตะเป้าผู่?”
 
“ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
 
“เจ้ามีหลักฐานยืนยันข้อสันนิษฐานของเจ้าหรือไม่?”
 
สองตาซุนเหลียงเผิงทอประกายเยียบเย็น หากผู้ที่จ้างวานนักฆ่ามาเป็นคนของนิกายอมตะเป้าผู่จริงๆ มันไม่มีทางปล่อยคนๆนั้นไว้แน่
 
“ไม่”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
 
“แล้วตั้งแต่ที่เจ้ามานิกายอมตะเป้าผู่เรา เจ้าเคยมีเรื่องขัดแย้งกับผู้ใดบ้าง?”
 
ซุนเหลียงเผิงเอ่ยถามออกมาอีกครั้ง
 
“เรื่องความขัดแย้งกับคนอื่นไม่มีแน่นอน แต่การมาของข้านั้น…กล่าวไปในระดับหนึ่ง สมควรไปขัดผลประโยชน์ของคนบางคนเข้า”
 
ต้วนหลิงเทียนหยยุดเล็กน้อย ค่อยกล่าวต่อว่า “ด้วยผลประโยชน์ดังกล่าว ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่มันจะเลือกจ้างนักฆ่ามากำจัดข้าให้พ้นทาง”
 
“ขัดผลประโยชน์?”
 
ซุนเหลียงเผิงงุนงงยกใหญ่ “เจ้าก็พึ่งมานิกายอมตะเป้าผู่ได้ไม่ทันไร ยังจะไปขัดผลประโยชน์ผู้ใดได้เล่า?”
 
“ศิษย์ที่แท้จริง”
 
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองจ้องซุนเหลียงเผิง กล่าวออกชัดถ้อยชัดคำ
 
พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ลูกตาซุนเหลียงเผิงก็หดเล็กลงทันใด จากนั้นก็เอ่ยออกมาตรงๆว่า “นับว่าเจ้าขัดผลประโยชน์ในเรื่องนี้จริงๆ…แต่ถึงเจ้าจักไม่มา ก็มีแค่ 3 คนเท่านั้นที่สามารถแข่งขันกันเพื่อชิงตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงได้”
 
“คนแรกเลยก็คือ เจิ้งหงอี้ ศิษย์สายตรงคนที่ 3 ของข้าเอง…หากแต่เกณฑ์ในการจ้างวานองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้นสูงมาก มันไม่มีทางติดต่อจ้างวานนักฆ่าให้มาฆ่าเจ้าได้แน่นอน”
 
“คนต่อไปก็คือหวังหง นางเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่นิกายอมตะเป้าผู่เรา…แต่กระนั้นนางก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะจ้างวานองค์กรมือสังหารอย่างกะโหลกเลือดได้”
 
“คนสุดท้ายก็คือจ้วงฝาน และคนผู้นี้มีความเป็นมาลึกลับนัก แม้แต่นิกายอมตะเป้าผู่ของเราก็มือาจสืบพบความเป็นมาของมันได้ ผู้อาวุโสใหญ่เองก็เคยคิดจะรับมันเป็นศิษย์ แต่สุดท้ายกลับถูกมันปฏิเสธ”
 
ซุนเหลียงเผิงกล่าว
 
“ความเป็นมาลึกลับ?”
 
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้ว “ถ้างั้นหมายความว่า…มีจ้วงฝานเพียงผู้เดียว ที่อาจจะจ้างนักฆ่าของอค์กรกะโหลกเลือดมาฆ่าข้าได้?”
 
“ก็ไม่เชิง…เพราะถึงจ้วงฝานผู้นั้นจะมีความเป็นมาลึกลับ หากแต่มันมิได้กระตือรือร้นจะช่วงชิงตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องนี้มันเทียบเจิ้งหงอี้ศิษย์ข้ากับหวังหงหลานสาวผู้อาวุโสใหญ่ไม่ได้เลย”
 
ซุนเหลียงเผิงกล่าว
 
พอกล่าวจบ ซุนเหลียงเผิงก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเสริมต่อว่า “แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้ว่าจ้วงฝานเสแสร้งแสดงทำทีเป็นไม่สนใจศิษย์ที่แท้จริงมาตลอด”
 
ขณะเดียวกันคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ ซุนเหลียงเผิงจึงหันไปพูดกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด เป็นหนึ่งในองค์กรมือสังหารระดับชั้นนำของแดนสวรรค์ใต้…และองค์กรมือสังหารชั้นนำ ปกติแล้วก่อนลงมือจัดการเป้าหมาย มักจะเรียกเก็บค่ามัดจำก่อน ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของราคาจ้างวานฆ่า…”
 
“หากคนที่จ้างนักฆ่าจากกะโหลกเลือดมาฆ่าเจ้าเป็น 1 ใน 3 ศิษย์ที่ข้าเอ่ยมาจริง เช่นนั้นมันก็จำต้องจ่ายค่ามัดจำครึ่งหนึ่ง และค่าจ้างที่องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเรียกเก็บ หากเป็นผลึกอมตะชั้นยอดก็สามารถจ่ายได้ แต่เขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเราอย่างดีก็มีแต่ผลึกอมตะระดับสูงเท่านั้น…”
 
พอซุนเหลียงเผิงกล่าวถึงจุดนี้มันก็หยุดลงครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยข้อสันนิษฐานออกมา “ข้าเดาว่า…หากเป็น 1 ใน 3 คนนั่นจ้างนักฆ่าจากกะโหลกเลือดมาฆ่าเจ้าจริง สิบในสิบสมควรเป็นอุปกรณ์อมตะ”
 
“เรียกว่าอย่างน้อยก็ต้องเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชา…หาไม่แล้วก็ต้องเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ผ่านการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะ!”
 
ซุนเหลียงเผิง
 
“อย่างดีก็เป็นเกราะอมตะระดับราชาที่ผ่านการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะสินะ? ชีวิตของข้ามีค่าขนาดนั้นเชียว?”
 
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
 
ถึงแม้ในตัวเขาจะมีอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ผ่านการขัดเกลาจากจอมราชันอมตะหลายชิ้น แต่อย่างไรก็ตามในสายตาของตัวตนระดับสูงๆ เขาก็ยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะคนหนึ่งเท่านั้น ชีวิตของเขาไม่สมควรมีค่าขนาดนั้นไม่ใช่รึไง?
 
“องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด จักอย่างไรก็เป็นองค์กรมือสังหารระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้ ราคาย่อมสูงกว่าองค์กรมือสังหารทั่วไปอยู่แล้ว…ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันต้องถ่อมาฆ่าเจ้าถึงที่นี่ ราคาก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก”
 
ซุนเหลียงเผิงกล่าวสืบต่อ
 
เห็นได้ชัดว่าซุนเหลียงเผิงเองก็รู้จักองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดไม่น้อย
 
“นี่เป็นแหวนพื้นที่ของนักฆ่า”
 
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้น เรียกแหวนพื้นที่ออกมาวงหนึ่ง ขณะเดียวกันเขาก็อาศัยหนึ่งห้วงคิด นำสิ่งของที่อยู่ในแหวนทั้งหมดออกมาทันทีดั่งเทกระจาด!
 
พริบตาลานด้านหน้าของที่พักซุนเหลียงเผิง ก็ปรากฏสิ่งของมากมายก่ายกอง เรียกว่ามองไปยังคล้ายกองขยะอยู่บ้าง
 
“ประมุขลองดู…ว่ามีอะไรคุ้นตาท่านบ้างรึเปล่า”
 
พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ซุนเหลียงเผิงก็ตอบสนองเรื่องราว จากนั้นก็เริ่มกวาดตามองไปยังสิ่งของที่กองอยู่บนพื้นเร็วไว
 
‘หืม?’
 
พอสายตาของซุนเหลียงเผิงมองไปตกยังของสิ่งหนึ่ง ลูกตาของมันก็หดเล็กลงทันที
 
แม้ลูกตามันจะหรี่ลงแค่เบาบางอย่างยากที่ใครจะมองเห็น แต่ต้วนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นอาการดังกล่าวชัดถนัดตา กระทั่งแม้ซุนเหลียงเผิงจะพยายามปกปิดโดยการเบนสายตาไปมองของชิ้นอื่นต่อทันที แต่ก็สายเกินไปแล้ว
 
“ประมุข…ดูเหมือนว่าท่านจะจดจำของบางอย่างได้สินะ”
 
ในขณะที่ซุนเหลียงเผิงเร่งมองไปยังของชิ้นอื่นด้วยความรู้สึกผิด ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
 
พร้อมกันนั้นเอง เขายกมือขึ้นโบกเบาๆคราหนึ่ง เกราะอมตะเรืองแสงสีเขียวอันเสมือนถักทอมาจากเถาวัลย์แก้ว ก็ค่อยๆลอยขึ้นมาจากพื้นทันที…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด