War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3048

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3048 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

WSSTH ตอนที่ 3,048 : ชั้นบนสุดของหอตำรา
 
 
ตอนนี้เวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเข้ามาอยู่ในนิกายอมตะเป้าผู่
 
ตลอดช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ปกติแล้วเขาก็ฝึกฝนบ่มเพาะพลังในลานของเขา นอกจากนั้นก็ช่วยให้หวงเอ้อผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน
 
หลังผ่านไปครึ่งเดือน ด้วยมีเพลิงเทพโกลาหลคอยช่วยเหลือ ในที่สุดเขาก็ใช้ทรายประกายดาราที่ได้รับมาจากคลังสมบติของนิกายอมตะเป้าผู่จนหมด
 
และทำให้การผสานหลอมรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนของหวงเอ้อ สำเร็จลุล่วงไปแล้วราวๆ 6 ส่วน เหลืออีกแค่ 4 ส่วนเท่านั้น นางก็จะกลายเป็นจิตวิญญาณกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยสมบูรณ์!
 
ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาสามารถพบเจอวัตถุดิบที่คล้ายๆกับทรายประกายดารา เขาก็สามารถเร่งกระบวนการผสานหลอมรวมระหว่างหวงเอ้อกับกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนได้อีก ถึงตอนนั้นนางก็จะผสานรวมกับกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น!
 
และพอถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจะฟื้นคืนพลังอำนาจของอุปกรณ์เทพระดับสูงเท่านั้น แต่หวงเอ้อยังสามารถแยกตัวออกมาจากกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนและใช้ชีวิตเหมือนผู้คนทั่วไปได้อีกด้วย
 
หลังจากที่ทรายประกายดาราหมดลง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดบ่มเพาะพลังในลานต่อ แต่เลือกจะออกจากลานบนเกาะส่วนตัว ทั้งออกจากหุบเขาที่พักศิษย์ฝ่ายในกับศิษย์ที่แท้จริง มายังหอตำราฝ่ายในแห่งนี้
 
จุดประสงค์ก็คือมาหาวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาฝึกปรือที่ชั้นบนสุด
 
ถึงแม้ฟังดูอาจจะเหมือนโลภเกินกว่าจะกลืนได้หมด แต่เขาก็คิดจะเอาวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังทั้งหมดของนิกายอมตะเป้าผู่! ในเมื่อวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาทั้งหลายอยู่ในรูปแบบยันต์อมตะเก็บความทรงจำใช้ครั้งเดียวทิ้ง และมีให้เลือกมากมายแถมจะผลิตเมื่อไหร่ก็ได้ ไหนเลยเขาจะเกรงใจ?
 
‘คราวนี้ข้าจะเหมาวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังประจำนิกายอมตะเป้าผู่ไปให้เกลี้ยง…’
 
ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดด้วยใจตั้งมั่น ขณะก้าวอาดๆเข้าไปในหอตำรา
 
ขณะเดียวเขาก็บึ่งตรงไปยังชั้นบนสุดทันที
 
และเขาก็ถูกหยุดไว้ตามชั้นต่างๆ แน่นอนว่าเพียงแสดงป้ายศิษย์ที่แท้จริง เขาก็ผ่านมาได้ทันที
 
ในระหว่างกระบวนการดังกล่าว เหล่าผู้ที่คอยประจำตามชั้นต่างๆพอเห็นป้ายศิษย์ที่แท้จริงของเขา ต่างรู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นใคร จึงพยายามทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น
 
เรียกว่าหลังจากผ่านไปครึ่งเดือน เรื่องที่เขาได้กลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 10 อันเป็นตำแหน่งที่ว่างอยู่ ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วนิกายอมตะเป้าผู่แล้ว และเรื่องราวของเขาก็ถูกผู้คนรับทราบกันหมด
 
ตอนนี้ภายในนิกายอมตะเป้าผู่ เว้นเสียแต่ศิษย์ที่ปิดด่านบ่มเพาะมานาน กับศิษย์ที่ออกไปทำภารกิจนอกนิกาย แทบไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเขา
 
“เจ้าคือต้วนหลิงเทียนรึ? ร้ายกาจ ร้ายกาจ!”
 
ผู้ที่รับผิดชอบเฝ้าชั้นบนสุดเป็นชายชราแก่หง่อมเส้นผมขนคิ้วขาวโพลน ใบหน้าเหี่ยวย่นเผยให้รู้ว่าผ่านวันเวลามามากแล้ว
 
“ผู้อาวุโส”
 
ถึงแม้จะไม่ทราบฐานะและตัวตนของอีกฝ่าย แต่ต้วนหลิงเทียนก็ป้องมือประสานคารวะทักทายออกไปอย่างสุภาพ
 
“ประเสริฐ! ไม่เพียงมากพรสวรรค์และประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเยาว์ เจ้ายังนิสัยดีมีมารยาท…คนหนุ่มเช่นเจ้านับว่าหาได้ยากแล้วในยุคสมัยที่ผู้คนต่างก็ถือดีกันเช่นนี้”
 
ใบหน้าเหี่ยวย่นของชายชราคลี่ยิ้มสดใส แต่แลแล้วช่างขัดลูกตาผู้คนปานร่ำไห้
 
หลังยิ้มร่าเอ่ยชม ชายชราก็เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนอย่างตรงไปตรงมา “เจ้ามานี่…คิดหาวรยุทธ์อมตะ เวทย์พลังระดับราชา หรือเคล็ดอมตะไปบ่มเพาะกันเล่า?”
 
“เรียนอาวุโส…ข้ามาที่นี่เพราะคิดหาวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังไปฝึกปรือ”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
 
“เอาล่ะ”
 
ชายชราพยักหน้ารั ค่อยยถามเพิ่ม “ว่าแต่ เจ้าสนใจวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังแบบใด?”
 
“วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังแบบใดหรือ?”
 
ต้วนหลิงเทียยนสงสัยเล็กน้อย ด้วไม่คำว่า ‘แบบใด’ ที่ชายชราเอ่ยถามคืออะไร
 
“ก็…วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่เจ้าต้องการน่ะ เจ้าต้องการให้มันแฝงกฏอันใดไว้”
 
ชายชรากล่าวเสริม
 
“ข้าเอาทั้งหมดเลยไม่ได้รึ?”
 
ต้วนหลิงเทียนถามตาปริบๆ
 
บอกตรงๆจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่วันนี้ก็คือเหมาวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังประจำนิกายยอมตะเป้าผู่ไปทั้งหมด! ส่วนอันไหนใช้ได้ใช้ดี หรืออันไหนเหมาะสมนั้น เขาค่อยไปปรึกษากับเหล่าเทพธาตุในร่าง เรียกว่าเอามาก่อน ใช้ได้หรือไม่ได้ว่ากัน!!
 
เพราะสุดท้ายแล้วในนิกายอมตะเป้าผู่ ก็ต้องมีคนที่สามารถสร้างยันต์อมตะเก้บความทรงจำวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังเหล่านี้เป็นประจำอยู่แล้ว ให้เขาเอาไปหมดก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรต่อนิกายอมตะเป้าผู่มาก…
 
“เอาทั้งหมด!?”
 
ได้ยินคำถามดังก่าวของต้วนหลิงเทียน มุมปากชายชราถึงกับกระตุก เอ่ยถ่ามออกมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “นี่ผู้ใดเป่าหูเจ้ามาว่าสามารถเอาไปได้ทั้งหมด?”
 
“บอกข้ามา…ข้าจักไปหักขามันเดี๋ยวนี้!”
 
จากนั้นชายชราก็เอ่ยออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด
 
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดเลยว่าชายชราเบื้องหน้าจะของขึ้นแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มเจื่อนๆกล่าวไปว่า “อาวุโส ไม่มีใครบอกข้าหรอกว่าสามารถเอาไปได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครบอกข้าเหมือนกันว่าเอาไปทั้งหมดไม่ได้”
 
ต้วนหลิงเทียนยังจดจำได้ว่าซุนเหลียงเผิงเคยบอกเขาไว้ ว่าหากต้องการเคล็ดอมตะ วรยุทธ์อมตะ หรือเวทย์พลัง ก็สามารถไปรับได้ที่ชั้นบนสุด แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้บอกมาว่าเขาเอาไปได้เท่าไหร่ และไม่ได้บอกว่าเอาไปหมดไม่ได้
 
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียนใบหน้าหงุดหงิดของชายชราก็ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
 
“วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่อยู่ที่นี่ สำหรับศิษย์ที่แท้จริงแล้ว สามารถเลือกไปได้ก็แต่วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่มีกฏชนิดเดียวกันเท่านั้น…และนี่เป็นกฏข้อบังคับของนิกาอมตะเป้าผู่ตั้งแต่สมัยโบราณ”
 
“เหตผลที่ไฉนตั้งกฏข้อบังคับเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะบรรพชนทั้งหลายกลัวชนรุ่นหลังเป็นสิงโตปากกว้าง และสุดท้ายก็กลายเป็นกลืนคำใหญ่เกินกว่าจักเคี้ยวได้ไหว…”
 
“เช่นนั้นเจ้าที่คิดมาเลือกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังวันนี้ สามารถเลือกที่มันมีกฏชนิดเดียวเท่านั้น…แน่นอนว่าหากเป็นวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่มีกฏชนิดเดียวกัน เจ้าจะหยิบไปเท่าไหร่ก็ได้”
 
“แต่แน่นอนว่าเจ้ามิอาจเอากลับไปได้ ก่อนเจ้าจะออกไปจากที่นี่ เจ้าต้องใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำเหล่านั้นให้หมดก่อนเท่านั้น!”
 
ชายชรากล่าวออกมารวดเดียวจบคำ
 
ต้วนหลิงเทียนคลิ้มออกมาอย่างขื่นขม
 
เขาไม่คิดเลยว่านากยอมตะเป้าผู่มีกฏอะไรแบบนี้อยู่ด้วย
 
ต้องทราบด้วยว่าก่อนมา กระทั่งมาถึงที่นี่แล้วเขายังคิดไปด้วยใจตั้งมั่นว่า ‘พี่จะเอาไปให้หมด’ แม้จะใช้ไม่ได้ในตอนนี้แต่ก็เก็บไว้ใช้ภายหลัง หรือถ้าไม่ใช้จริงๆเอาไปให้ผู้อื่นหรือไม่ก็เอาไปขายไปแลกอะไรทำนองนั้น…
 
พอมาได้ยินคำพูดชายชราเบื้องหน้า เขาจึงรู้ว่าวันนี้เขาเลือกได้แค่วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่มีกฏชนิดเดียวเท่านั้น หากเขาเลือกธาตุดิน ก็ไม่อาจเลือกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังธาตุอื่นๆได้เลย
 
“ข้าได้ยินมาว่าบัดนี้เจ้าได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการแล้ว…เช่นนั้นข้าขอแนะนำให้เจ้าเลือกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังรดับราชาที่มีกฏแห่งดินแฝงเร้นอยู่”
 
“จักว่าไป นิกายอมตะเป้าผู่เราก็มีวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาธาตุดินรวมแล้ว 3 อย่าง…เป็นวรยุทธ์อมตะระดับราชา 1 กับเวทย์พลังระดับราชา 2”
 
ชายชรากล่าวสืบต่อ
 
“ผู้อาวุโส…ข้าขอลองดูวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาธาตุดินที่มีทั้งหมดก่อนได้ไหม ว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
 
“ย่อมได้”
 
ชายชราพยักหน้า
 
จากนั้นชายชราก็เดินนำเขาไปทันที และไม่นานนักต้วนหลิงเทียนก็มาถึงชั้นวางหนังสือที่มียันต์อมตะเก็บความทรงจำใช้ครั้งเดียวทิ้งของวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาธาตุดินทั้ง 3 อย่าง
 
และด้านหน้ายันต์อมตะใช้ครั้งเดียวทิ้ง ที่บันทึกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาธาตุดินเอาไว้ ก็มียันต์อมตะเก็บความทรงจำตั้งอยู่
 
“เจ้าใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่ตั้งอยู่ด้านหน้าดู เจ้าจักได้รู้ว่าวรุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังดังกล่าวเป็นแบบใด และมีแนวทางอันใด มีกฏอะไรแฝงเอาไว้บ้าง เรียกว่าเป็นข้อมูลให้เจ้าใช้ตัดสินใจเลือก”
 
ชายชราเอ่ยเตือน
 
หลังกล่าวจบคำ ชายชราก็ยืนอยู่ข้าๆ มองต้วนหลิงเทียนทดลองใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำเงียบๆ
 
“ดีจริงๆ”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็เริ่มแผ่สำนึกเทวะเข้าไปในยันต์อมตะเก็บความทรงจำชิ้นแรก จากนั้นข้อมูลจำนวนมากก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจเขา
 
“นี่คือเวทย์พลังระดับราชาที่เรียกว่า มังกรปฐพีหลีกลี้ ซึ่งแฝงเร้นไปด้วยความลึกซึ้ง ความหมายแห่งดิน กับคววามลึกซึ้ง เคลื่อนพิภพ”
 
“เคลื่อนพิภพ…เป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งดินประการเดียวที่เน้นความเร็วเป็นหลัก อย่างไรก็ตามความลึกซึ้งนี้หากสำเร็จเพียงขั้นตอนเบื้องต้น จักมิอาจใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพยามลอยอยู่กลางอากาศ และจุดเด่นของมันก็คือยามอยู่บนผืนดิน ใช้พลังเพียงเสี้ยวกลับบังเกิดผลลัพธ์มหาศาล คนกลับกลายเป็นว่องไวดั่งมังกรเปรียว!”
 
ต้วนหลิงเทียน้องก็เคยได้ยินปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเอ่ยถึงความลึกซึ้งประการต่างๆของกฏแห่งดินให้เขาฟังคร่าวๆแล้ว เขาจึงรู้ดีว่ากฏแห่งงดินนั้นมีจุดอ่อนในเรื่องการเคลื่อนไหวบางอย่าง
 
“หากเจ้าต้องการความลึกซึ้งที่หนุนเสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งดิน ถ้าเจ้ายังมิอาจฝึกฝนมันจนบรรลุขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ เจ้าจำต้องหลอกล่อศัตรูเข้าไปสู้ในสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยด้วย หาไม่แล้วมันจักไร้ประโยชน์ทันที!”
 
“ความลึกซึ้งที่เสริมความเร็วเป็นหลักของกฏแห่งดินนั้น มีเพียงแต่ต้องบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่เท่านั้น เจ้าถึงจักใช้มันได้ดั่งใจในอากาศ ตอนนั้นแม้จะไม่ได้สัมผัสผืนดินหยิบยืมพลังปพี แต่เขาก็สามารถหยิบยืมพลังของอณูธาตุดินในบรรยากาศได้ และมิได้แตกต่างจากตอนอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย”
 
นั่นคือคำพูดของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน
 
‘ลองดูอย่างอื่นก่อนแล้วกัน…’
 
ต้วนหลิงเทียนยถอนรั้งสำนึกเทวะออกมา จากนั้นก็เริ่มชำแรกเข้าไปตรวจสอบยันต์อมตะที่วางอยู่ด้านหน้าวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังระดับราชาอย่างอื่น ไม่นานข้อมูลของมันก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเขา
 
“นี่คือวรยุทธ์อมตะระดับราชาที่เรียกว่า ‘พันธนาการเขี้ยวกระชาก’ นอกจากจะมีความลึกซึ้งความหมายแห่งดินแล้ว ยังแฝงเร้นไปด้วยความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงของกฏแห่งดินอีกด้วย”
 
‘ให้ตายเถอะวรยุทธ์อมตะนี่มันไม่ได้แตกต่างจากคุกศิลาทมิฬที่ข้ามีเลย ต่างกันก็แค่การควบคุมพลังธาตุดินสร้างลูกกรงให้เป็นคมเขี้ยวแทน แต่แก่นแท้ของมันก็คือการควบคุมแรงโน้มถ่วงทำให้ศัตรูเสมือนถูกปั่นในวังวนคมเขี้ยว จนร่างถูกฉีกกระชากเท่านั้นเอง…’
 
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
 
ขณะเดียวกันความสนใจของต้วนหลิงเทียนก็ไปหยุดอยู่กับเวทย์พลังอย่างสุดท้าย “นี่เป็นเวทย์พลังระดับราชาที่เรียกว่า ชีพจรปฐพีสะท้าน นอกจากความลึกซึ้งความหมายแห่งดินแล้ว ยังมีความลึกซึ้ง สั่นสะเทือน”
 
ความลึกซึ้ง สั่นสะเทือน
 
ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายวับวาวขึ้นมา
 
เพราะเขาเคยได้ยินปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินพูดไว้ แม้ความลึกซึ้งแห่งดินส่วนใหญ่จะเน้นเสริมผู้ใช้ในแง่การป้องกัน แต่ก็ยังมีความลึกซึ้งที่เน้นจู่โจมเป็นหลัก!
 
และความลึกซึ้งที่มุ่งเน้นในการโจมตีเป็นหลักของงกฏแห่งดิน ก็คือความลึกซึ้ง ‘สั่นสะเทือน’ นั่นเอง
 
‘เวทย์พลังมหาชีพจรปฐพีสะท้านที่มีความลึกซึ้งสั่นสะเทือนนั้น สำหรับข้าแล้วมันน่าสนใจกว่ามังกรปฐพีหลีกลี้ที่แฝงความลึกซึ้ง เคลื่อนพิถพ ไว้มาก…และสามารถใช้งานจริงได้ทันที ไม่ต้องลำบากหาสภาพแวดล้อมเหมาะสมอะไร’
 
‘สำหรับวรยุทธ์อมตะ พันธนาการเขี้ยวกระชากนั้น ดันมีความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง ซึ่งจะไปซ้ำซ้อนกับคุกศิลาทมิฬที่ข้ามีอยู่…ถึงได้มันมาก็แค่มีรูปแบบการโจมตีเพิ่มขึ้นเท่านั้น ไม่ได้เพิ่มพลังให้ข้าอย่างมีนัยสำคัญอะไรเลย’
 
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกลำคอแห้งผากอยู่บ้าง
 
หากพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ถ้าเขาเลือกวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังระดับราชาธาตุดินทั้ง 3 จริงอยู่ที่มันจะทำให้เขาแค่มีความหลากหลายในการโจมตีเพิ่มขึ้น และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็สามารถช่วยให้เขาเข้าใจพวกมันในเวลาที่สั้นกว่าคนนอื่นหลายเท่า
 
อย่างไรก็ตามกล่าวกันตามตรงตอนนี้ความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่เขาเข้าใจก็มีแค่ความหมายแห่งดินเท่านั้น ต่อให้เขาจะเลือกละทิ้งกฏแห่งดินไปเลือกกฏอื่นๆก่อน ก็แทบจะไม่มีอะไรแตกต่างเลย
 
“ผู้อาวุโส แล้ววรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่มีกฏแห่งทองกับกฏแห่งไฟอยู่ตรงไหนหรือ ข้าขอลองดูพวกมันหน่อยได้ไหม?”
 
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามชาชรา
 
ตอนนี้เขาต้องการเพิ่มพูนพลังของตัวเองให้เร็วที่สุด เช่นนั้นจึงอยากรู้ว่าที่นิกายอมตะเป้าผู่แห่งนี้ มีวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาที่แฝงกฏแห่งทองหรือไฟกี่แบบไหนบ้าง เพราะทั้ง 2 กฏนี้เขามีทองเทพสุดลี้ลับกับเพลิงเทพโกลาหลที่สามารถช่วยให้เขาเข้าใจความหมายแห่งกฏได้แทบจะทันที และหากพวกมันมีความหลากหลายมากกว่ากฏแห่งดิน เขาก็จะเลือก 1 ใน 2 กฏนี้ที่มีประโยชน์ต่อตัวเขาสูงสุด!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด