War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3032

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3032 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

WSSTH ตอนที่ 3,032 : ออกมากันหมด
 
 
‘เมิ่งชิวอี่ผู้นี้กลับเก็บคะแนนสะสมได้ถึง 31 แต้ม…นับว่ามากกว่าพี่เจียหลงเกือบครึ่ง’
 
หลังเมิ่งชิวอี่กลับออกมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะมองนางด้วยความแปลกใจ และยังแปลกใจไม่น้อยทีเดียว ‘ดูท่าในการประลองสวรรค์ใต้ตอนนั้น นางจะซุกซ่อนพลังฝีมือส่วนใหญ่เอาไว้’
 
31 แต้ม!
 
ในบรรดาผู้คนมากมายนับหมื่นที่เข้าไปเข่นฆ่าช่วงชิงกันในแดนสวรรค์ใต้ นับว่าเป็นคะแนนที่ไม่น้อยเลย ยังติดอยู่ใน 100 อันดับแรกด้วยซ้ำ!
 
“ต้วนหลิงเทียน ได้อันดับ 2?”
 
หลังเมิ่งชิวอวี่กลับออกมาได้สักพัก นางก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียน หลังเห็นรายชื่อผู้ที่ได้อันดับที่ 2 ในตารางจัดอันดับ ใบหน้างามยังฉายชัดถึงความประหลาดใจเป็นที่สุด
 
ถึงแม้ก่อนหนานี้นางจะรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ธรรมดา แต่นางก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนก็แค่ไม่ธรรมดาในขอบเขตประเทศฝูชิวหรือประเทศอื่นๆในดินแดนพันประเทศเท่านั้น
 
เขตปกครองของงคฤหาสน์เฉวียนโยวกว้างใหญ่ไพศาล มีประเทศอมตะระดับ 8 อย่างประเทศฝูชิวนับพัน นอกจากนั้นยังมีขุมกำลังงระดับ 8 ไม่เว้นตระกูลระดับ 8 อีกนับไม่ถ้วน ไม่ต้องกล่าวถึงขุมกำลังระดับ 7 ด้วยซ้ำ
 
ด้วยเหตุนี้นางจึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนคว้าอันดับ 2 มาได้จริงๆ กระทั่งยังตกใจจนตาลอยไปอยู่นานกว่าจะดึงสติกลับมาได้
 
“ทำได้ไงไม่รู้ รู้แต่ทำไปแล้ว?”
 
หวงเจียหลงนับว่าโดนวาจาประโคนี้ของต้วนหลิงเทียนทำเอาเหวอไปอีกรอบ จากนั้นพอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มุมปากก็กระตุกขึ้นมาตงิดๆ
 
มันต่อสู้ดินรนแทบวายปราณ กระทั่งข้ามผ่านหุบเหวแห่งความตายมาหลายครั้ง แต่ยังได้คะแนนสะสมมาเพียงแค่ 22 แต้ม…
 
แต่ต้วนหลิงเทียนกลับบอกว่าทำได้ไงไม่รู้ รู้แต่ทำไปแล้ว…ที่สำคัญคือนั่นมันตั้ง 286 คะแนน!
 
หวงเจียหลงนับว่าโดนความรู้สึกอ่อนด้อยทิ่มแทงจิตใจจนสาหัส ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาว่างเปล่าไปพักหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวถามเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่น้องต้วนท่านคิดไว้แล้วยัง ว่าจะเข้าร่วมกับขุมกำลังใด?”
 
“แต่ก่อนอื่นข้าขอแนะนำอะไรหน่อย…อย่าได้เข้าร่วมกับตระกูลจ่างซุนหรือตระกูลกงหยางจะดีกว่า…เพราะต่อให้เข้าไป พวกมันก็จะปฏิบัติกับท่านเหมือนแค่ทายาทสายตรงเท่านั้น ต่อให้ท่านคิดจะเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวภายหลัง พวกมันอย่างดีก็แคสนับสนุนไปพอประมาณ ขีดจำกัดการลงทุนนับว่าต่ำมาก”
 
“แต่กับนิกายยอมตะเป้าผู้ เหอฮวน และอวิ๋นไถนั้นต่างกัน ในระบบนิกายนั้นล้วนเต็มไปด้วยการแข่งขันและไม่ค่อยเลือกที่รักมักที่ชัง ใครโดดเด่นพวกมันก็พร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ ถึงตอนนั้นพวกมันต้องลงทุนกับท่านอย่างไม่เสียดายเพื่อส่งท่านเข้าคฤหาสน์เฉวียนโยวให้จงได้”
 
หวงเจียหลงกล่าว
 
“ข้าก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าเห็นด้วย อันที่จริงเรื่องที่หวงเจียยหลงเตือนนั้น เขาก็คิดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้ว จึงไม่ได้เก็บเอา 2 ตระกูลมาอยู่ในรายชื่อตัดสินใจเลือกเลย
 
“หรือ…น้องต้วนท่านไปอยู่นิกายอมตะเหอฮวนกับข้าดีไหม นิกายอมตะเหอฮวนไม่เพียงแต่มีตัวตนอันทรงพลังมากอำนาจอย่างประมุข 3 ปี้ไห่เท่านั้นนะ แต่ยังมีสาวกสตรีที่เป็นขาเตาคุณภาพดีให้บริการท่านอีกด้วย…”
 
หวงเจียหลงกล่าวถึงจุดนี้สองตามันก็เปล่งประกายวับวาวขึ้นมาปานดวงดารากลางฟ้ามค่ำคืน
 
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าขาเตาที่หวงเจียหลงเอ่ยถึงคืออะไร พวกนางไม่ใช่ขาเตาจริงๆ หากแต่เป็นสตรีที่งดงามและไม่ได้มีพรสวรรค์ในการฝึกปรือสูงมากมายอะไร ทว่าถูกนิกายอมตะเหอฮวนชุบเลี้ยงมาอย่างดี เพื่อทำหน้าที่เป็นคู่บ่มเพาะให้ศิษย์นิกายอมตะเหอฮวน…
 
เป็นธรรมดาว่า สตรีที่ถูกชุบเลี้ยงให้เป็นขาเตานั้น ล้วนมีแต่ผู้ที่สมัครใจทั้งสิ้น นิกายอมตะเหอฮวนไม่เคยไปบังคับข่มขู่หรือจับตัวใครมาทำหน้าที่นี้เลยยแม้แต่คนเดียว
 
เรียกว่าเรื่องนี้นิกายอมตะเหอฮวนกระทำได้อย่างโปร่งใส ไม่เคยบีบคั้นผู้ใดจริงๆ ทำให้แม้ชื่อเสียงของนิกายอมตะเหอฮวนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว เพราะเสมือนแหล่งมั่วสวาท แต่ก็ไม่มีใครมองว่านิกายอมตะเหอฮวนเป็นนิกายอมตะชั่วร้ายหรือนิกายฝ่ายอธรรม
 
“ข้าคิดว่าที่พี่เจียหลงอยากเข้านิกายอมตะหวนเฮอ สิบในสิบก็ไม่พ้นขาเตาที่ว่าใช่ไหม?”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงระอา
 
“เหอะๆ…”
 
ได้ยินคำกล่าวจี้ใจของต้วนหลิงเทียน หวงเจียหลงก็ได้แต่หัวเราะออกมาด้วยความละอายเล็กน้อยจากนั้นก็หันไปมองหวงเจียเชา พลางกล่าวแก้เขินออกมาว่า “ว่าแต่เจียเชา เจ้านับว่าโชคดีไม่น้อยเลยนะ! ไม่เพียงแต่จะรอดชีวิตกลั[ออกมาได้ ยังเก็บคะแนนสะสมได้ตั้ง 17 แต้ม”
 
ก่อนที่จะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ หวงเจียหลงก็รู้อยู่แล้ว่าด้านในนั้นอันตรายมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีอันตรายในรูปแบบไหนบ้าง
 
จนเมื่อมันรอดชีวิตกลับออกมาได้ จึงได้รับทราบถึงความอันตรายของแดนสวรรค์ใต้โบราณซึ้งถึงทรวง
 
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเคยคิดด้วยซ้ำ ว่าน้อง 5 ของมันอาจจะถูกผู้อื่นเข่นฆ่าไปแล้ว
 
“เป็นข้าโชคดีมากจริงๆ…หากไม่ได้น้องต้วนช่วยไว้ ป่านนี้ข้าคงนอนตัวเย็นอยู่ข้างใน ไม่ได้ออกมาแบบนี้แล้วล่ะ…”
 
หวงเจียเชากล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสำนึกบุญคุณ เพราะหากไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนมาช่วยมันได้ทันเวลา ป่านนี้มันคงตกตายไปแล้ว
 
“หือ!? เกิดเรื่องอะไรขึ้นรึ?”
 
หลังหวงเจียหลงได้รับทราบเรื่องราวจากหวงเจียเชา มันก็หันไปขอบคุณต้วนหลิงเทียนซ้ำอยู่หลายรอบ
 
ได้ยินคำขอบคุณซ้ำๆของหวงเจียหลง ในใจต้วนหลิงเทียนกลับรู้สึกแปลกประหลาดยังไงไม่รู้
 
เพราะถ้าเขาไม่ได้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีไปช่วยหวงเจียเชาเอาไว้ เพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่เขารู้เรื่องวังจอมราชันอมตะ ความทรงจำหลังจากนั้นก็เสมือนถูกกำหนดให้ลบเลือนหายไป…
 
ส่วนหวงเจียเชา ที่ไฉนจำได้ว่าเขาเป็นคนช่วยชีวิตนั้น เพราะอีกฝ่ายพึ่งมารับทราบเรื่องวังจอมราชันอมตะ หลังจากที่ถูกเขาช่วยเอาไว้แล้วนั่นเอง
 
และตั้งแต่วินาทีที่หวงเจียเชาได้รับฟังเรื่องวังจอมราชันอมตะจากเขา ความทรงจำตั้งแต่จุดนั้นของมันก็ถูกกำหนดให้หายไปเช่นกัน
 
“น้องต้วน…ท่านกับเจียเชาเสียความทรงจำไปงั้นเหรอ?”
 
พอได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนกับน้องชายได้สูญเสียความทรงจำที่อยู่ในแดนสวรรค์ใต้ไปบางส่วน หวงเจียหลงก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
 
ต้องทราบด้วยว่าตั้งแต่วินาทีแรกที่มันเข้าไปสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณ จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนกลับออกมา ทุกเรื่องราวมันล้วนจดจำได้ทุกประการ ไม่มีความทรงจำใดๆสูญหายไปทั้งสิ้น
 
“ใช่”
 
หวงเจียเชาพยักหน้า “ที่สำคัญนอกจากข้าแล้ว น้องต้วนกับผู้ที่ติดอันดับสูงๆในตาราง ยังถูกส่งตัวกลับออกมาก่อนใคร”
 
“และพวกเราก็จดจำไม่ได้เลยว่าอยู่ที่ไหนก่อนที่จะถูกส่งตัวออกมา”
 
เล่าถึงจุดนี้หวงเจียเชาก็คลี่ยิ้มขื่นขมออกมา เพราะมันเองก็ไม่รู้จริงๆว่าหลังจากต้วนหลิงเทียนช่วยชีวิตเอาไว้แล้ว เกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะมันจดจำเรื่องราวหลังจากนั้นไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็ถูกส่งตัวออกมาแล้ว
 
“แม้พวกเจ้าจะสูญเสียความทรงจำ…แต่มิใช่ว่าอาวุโสจ่างซุนฉงฉีได้กล่าวไว้แล้วรึ ว่าพวกเจ้าได้พบพานโชควาสนาที่ดีที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำมา…”
 
ตอนนี้เองชายชราที่ติดตามอยู่ข้างกายหูหลินอี้ฮ่องเต้ฝูชิว พลันเอ่ยออกมา “และวาสนาที่ดีที่สุดที่ว่า ก็ทำให้ผู้ที่สูญเสียความทรงจำมีโอกาสเข้าใจกฏแห่งเวลา!”
 
ชายชรากล่าวถึงตรงนี้ หูหลินอี้ก็กล่าวเสริมออกมาต่อว่า “แต่โอกาสที่ว่าก็น้อยนิดนัก…อย่างน้อยๆในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวของเรา ผู้ที่รอดกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนับหมื่นๆคนที่สูญเสียความทรงจำไป ข้าก็ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีใครจะเข้าใจกฏแห่งเวลาได้”
 
“ส่วนในเขตปกครองของคฤหาสน์ระดับ 6 อื่นๆ เมื่อหลายร้อยปีก่อนข้าเคยได้ยินว่า…มีบางคนที่สูญเสียความทรงจำหลังออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับบต่ำของที่นั่น สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งเวลา อย่างความหมายแห่งเวลาได้สำเร็จ”
 
เห็นได้ชัดว่าหูหลินอี้ ฮ่องเต้ฝูชิวก็รู้เรื่องนี้มาไม่น้อย
 
“ดังนั้นพวกเจ้าอย่าตั้งความหวังกับเรื่องกฏแห่งเวลาให้มาก…หากเข้าใจได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ก็นับเป็นเรื่องธรรมดา”
 
หูหลินอี้มองหวงเจียเชากับต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวแนะนำออกมา
 
ได้ยินดังนั้น ทั้งคู่ก็พยักหน้าเห็นด้วย
 
“ฝ่าบาทกล่าวถูกแล้ว กฏแห่งเวลา…อย่างไรก็คือ 1 ใน 4 กฏสูงสุดที่ว่ากันว่าลี้ลับยากหยั่งถึงที่สุด ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาทั่วไปจะเข้าถึงมันได้”
 
หวงเจียเชาก็พยักหน้ากล่าวออกมาอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของหูหลินอี้
 
‘แต่ข้ารู้สึกว่า…ข้าเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งอย่างความหมายแห่งเวลานิดๆ กระทั่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่วันหน้าข้าจะเข้าใจกฏแห่งเวลา’
 
ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองได้อะไรมา เขาเริ่มมองเห็นประตูสู่กฏแห่งเวลาแล้ว หากมีโอกาสดีๆ ไม่แน่เขาอาจจะเปิดประตูบานดังกล่าว และเข้าใจความหมายแห่งเวลาได้ทันที
 
ในเรื่องนี้ตัวเขาเอง ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยไม่น้อย
 
กฏแห่งเวลา จะอย่างไรก็คือ 1 ใน 4 กฏสูงสุด และยังเป็นกฏที่ทรงพลังที่สุด เหนือกว่า มิติ ชีวิตและความตายเสียอีก
 
ไม่ว่าใครก็อยากเข้าใจกฏอันทรงพลังเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
 
หลังเวลาผ่านไปอีกสักพัก ผู้คนก็เริ่มทยอยกันกลับออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
 

 
และหลังผ่านไปอีก 10 วัน เหล่าผู้ที่ยังรอดชีวิตในแดนสวรรค์ใต้โบราณ ก็กลับออกมากันหมดทุกคน ประตูบานเขื่องที่ลอยล่องอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าก็ปิดตัวลงโดยอัตโนมัติ และอันตรธานหายไปอีกครั้ง
 
“ตอนนี้ขอให้เหล่ายอดเซียนอมตะที่รอดชีวิตกลับออกกมาได้ ก้าวออกมารวมที่นี่ และนำป้ายหยกสะสมคะแนนของพวกเจ้าออกมาถือไว้ในมือให้เห็นเสีย”
 
จ่างซุนฉงฉี ก้าวออกมากล่าวคำเสียงดัง
 
จากนั้นต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ก็เริ่มเหินร่างไปรวมตามุจดที่กำหนด และหยิบป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาถือไว้ให้เห็นชัดๆ
 
ถึงแม้ว่าป้ายหยกสะสมคะแนนจะมีทั้งสิ้น 5 สี แลดูละลานตาอยู่บ้าง แต่เพียงมองไปปราดเดียวก็พบว่าผู้ที่รอดกลับออกมานั้น ถือป้ายหยกสีใดมมากที่สุด
 
“ฮ่าๆๆ…ขออภัยด้วยท่านทั้ง 4 แต่คราวนี้นิกายอมตะอวิ๋นไถของข้าเป็นผู้ชนะ”
 
เหิงฉานแห่งนิกายอมตะอวิ๋นไถหลังเหลือบมองป้ายหยกสะสมคะแนนในมือทุกคนปราดเดียว ก็ไม่ยากที่จะบอกได้ว่ามีสีประจำนิกายตัวเองมากที่สุด จึงหันไปมองปี้ไห่หมิงเฟิงและคนอื่นๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม กล่าวคำออกมาอย่างพึงพอใจ
 
ป้ายหยกสะสมคะแนนที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆถือนั้น ส่วนมากแล้วจะเป็นป้ายหยกสีทองกับสีเขียว อีก 3 สีมีแค่ประปรายเท่านั้น
 
และป้ายหยกสีทองที่มีจำนวนมากที่สุด ก็เป็นป้ายหยกที่นิกายอมตะอวิ๋นไถสร้างขึ้น
 
ทุกครั้งที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออก 3 นิกาย 2 ตระกูลมักจะเล่นพนันเล็กๆจนกลายเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง
 
เนื้อหาเกมเดิมพันที่ว่าก็คือ ผู้ที่รอดชีวิตออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำนั้น ถือป้ายหยกสีใดมากที่สุด ขุมกำลังที่เป็นคนสร้างป้ายหยกสีนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ
 
และนิกายที่พ่ายแพ้ทั้ง 4 ก็จำต้องมอบสิ่งของเดิมพันให้แก่นิกายที่เป็นเจ้าของป้ายหยกที่มีคนรอดกลับออกมาถือไว้มากที่สุด
 
“ฮึ่ม”
 
จางกวงเจิ้งพ่นลมสบถเสียงเย็น จากนั้นก็ยกมือขึ้นปรากฏแหวนพื้นที่วงหนึ่งค่อยโยนมันไปให้เหิงฉาน
 
กลับกันปี้ไห่หมิงเฟิงเพียงเรียกแหวนออกมาโยนออกไปส่งๆ ไม่คล้ายสนใจเรื่องที่แพ้เดิมเดิมพันครั้งนี้แต่อย่างใด
 
และที่จริงมันก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ต้องจ่ายเป็นของเดิมพันนั้น ทางนิกายเป็นผู้จัดเตรียม ไม่ใช่ของๆมัน…
 
ตอนนี้สิ่งที่มันกำลังสนใจมากที่สุดก็คือ
 
คราวนี้มันจะชักชวน 3 อันดับแรกที่โดดเด่นที่สุดนั่น กลับไปนิกายอมตะเหอฮวนของมันได้หรือไม่
 
สายตาของปี้ไห่หมิงเฟิงนั้นแม้จะมองไปทางหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียน และมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว แต่มันไม่ค่อยสนใจมู่หรงเซี่ยวเซี่ยวมากเท่าไหร่ มันสนใจต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นมากกว่า
 
“เจ้าคิดจะเข้าขุมกำลังใด?”
 
อยู่ๆก็มีเสียงผ่านพลังหนึ่งส่งตรงถึงหูต้วนหลิงเทียน ทำให้ต้วนหลิงเทียนหันมองไปทางซ้ายทันที
 
จึงพบว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ลอยร่างอยู่ทางนั้น กำลังมองมาที่เขา
 
“หืม? หรือเจ้าคิดจะเข้าร่วมขุมกำลังเดียวกันกับข้า?”
 
ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม
 
“ก็ใช่”
 
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นตอบ
 
“ทำไม”
 
ต้วนหลิงเทียนถามอีกรอบ
 
“ข้ากลัวเจ้าจะด่วนตาย แล้วทำให้พี่หญิงหวงเอ้อตกที่นั่งลำบาก”
 
เหตุผลของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นง่ายเพียงเท่านี้
 
หวงเอ้อนั้น เป็นอดีตจิตวิญญาณกระบี่เทพระดับสูงคู่กายพี่สาวแท้ๆของมัน และได้ละทิ้งกระบี่เทพเล่มนั้นออกมาแล้ว วิญญาณของนางเองก็ยังอยู่ในช่วงอ่อนแอเป็นที่สุด
 
และตอนนี้นางก็จำเป็นต้องพักฟื้นพลังในทะเลวิญญาณของต้วนหลิงเทียนก่อน เมื่อมีกำลังมากพอถึงจะเริ่มผสานหลอมรวมเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 สมบัติได้ หากต้วนหลิงเทียนดันมาตกตายก่อนที่นางจะผสานเข้ากับกระบี่หลิงหลง 7 สมบัติ นางก็ยากจะหนีความตายได้พ้นเช่นกัน! เพราะคนอื่นๆที่ไม่รู้ว่านางคืออะไรไม่พ้นต้องเลือกจะทำลายวิญญาณเช่นนางไว้ก่อน!!
 
ได้ฟังเหตุผลของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็พูดไม่ออกจริงๆ
 
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้หันไปพูดอะไรกับหลิงเจวี๋นอวิ๋นต่อทันที แต่เลือกจะคุยกับหวงเอ้อในทะเลวิญญาณของเขาแทน “หวงเอ้อ…ดูเหมือนเจ้านั่นจะห่วงใยเจ้ามาก”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด