War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3012

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3012 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

WSSTH ตอนที่ 3,012 : โทษที…
เกราะอมตะระดับราชา ที่ได้ผ่านการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะ 3 ชิ้น!
พอได้ฟังเสียงที่สมควรเป็นจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้กล่าวจบ ลูกตาของต้วนหลิงเทียนไม่เว้นคนอื่นๆก็ลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที
และครู่ต่อมา ท่ามกลางสายตาของทุกคน เหนือขึ้นไปด้านบน ก็ปรากฏชุดเกราะสีดำ 3 สนิท 3 ชิ้นผุดโผล่จากความว่างเปล่า มองไปประหนึ่งเป็นชุดเกราะของเทพปีศาจก็ไม่ปาน! นอกจากแสงสีดำที่เปล่งออกมาเรืองๆอย่างน่ากลัวแล้ว ยังมีเส้นสายอัสนีสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบตลอดเวลา!!
และทุกคราที่อัสนีสีม่วงแลบลั่นออกมา ความว่างเปล่าโดยรอบพลันสะท้านสะเทือน จากนั้นกลิ่นอายพลังลี้ลับหนึ่งก็เริ่มแผ่ซ่านปกคลุมไปในบรรยากาศ ให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆสัมผัสได้ชัดเจน
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆรู้สึกเสมือนตกลงสู่ก้นบึ้งของหุบเหวอันมืดมิด!
“นี่น่ะเหรอ เกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 ชิ้นที่จอมราชันอมตะใช้พลังห่อเลี้ยงขัดเกลาที่ว่า…”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนฉายแววลิงโลดออกมาทันใด ดวงตายังคล้ายมีเปลวเพลิงแห่งความปรารถนาลุกโชน!
เพราะอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ได้จอมราชันอมตะใช้พลังหล่อเลี้ยงขัดเกลานั้น มันย่อมทรงพลังสุดที่อุปกรณ์อมตะระดับราชาทั่วไปจะเทียบเทียมได้ ชุดเกราะก็เช่นกัน แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาเขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าเกราะอ่อนเกล็ดแดงอันเป็นเกราะอมตะระดับราชาของเขานั้น อ่อนดอยกว่าเกราะทั้ง 3 ชิ้นชัดเจน!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะคิดเปรียบเทียบพลังอำนาจของพวกมันกับเกราะที่เขามีในใจจบ เขาก็ได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไวดังขึ้น 8 สำเนียง พอมองไปก็เห็นว่าคนอื่นๆนอกจากเขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น บัดนี้….แต่ละคนพุ่งวาบไปเป็นเส้นแสง บึ่งตรงไปทางเกราะอมตะระดับราชาอันได้รับการหล่อเลี้ยงขัดเกลาด้วยยพลังจากจอมราชันอมตะทั้ง 3 ชิ้นที่ลอยล่องกลางหาวตาเป็นมัน!
เชวียจิงอวี่ก็เป็น 1 ใน 8 คนที่ว่าเช่นกัน
บางทีมันอาจจะมีเกราะอมตะระดับราชาไว้ในครอบครอง แต่ปกติแล้วเกราะอมตะระดับราชาที่มันมีก็แค่เกราะอมตะระดับราชาทั่วไป ไม่ได้มีจอมราชันอมตะมาใช้พลังขัดเกลาหล่อเลี้ยงอะไรทั้งสิ้น
อุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทศาสตราที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงด้วยพลังจากจอมราชันอมตะนั้นว่าล้ำค่าและหายากแล้ว แต่ชุดเกราะกลับหายากยิ่งกว่า กระทั่ง 3 นิกาย 2 ตระกูลยังแทบไม่มี เช่นนั้นจะนับประสาอะไรกับขุมกำลังอื่นๆ…
สำหรับผู้ฝึกตนอิสระแล้ว มีคนจำนวนนับได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว ที่ล่วงรู้กันว่าถือครองเกราะอมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะ
ด้วยเหตุนี้ มูลค่าของเกราะอมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงด้วพลังของจอมราชันอมตะสูงเพียงใด ก็พอจะทราบได้
ในเมื่อบัดนี้ปรากฏเกราะอมตะระดับราชาที่ว่าตั้งอยู่ 3 ชิ้นเบื้องหน้า ยังจะมีผู้ใดไม่บังเกิดความอยากได้อยากมี?
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

ทั้ง 8 ร่างที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนอากาศหมายช่วงชิงเกราะอมตะทั้ง 3 แต่ละคนล้วนระเบิดพลังออกมาอย่างดุร้าย ทุกร่างคนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก กระบวนท่าที่ซัดออกไปหมายช่วงชิงยังฉับไวปานอัสนีฟาดผ่า ท่าทางไม่ว่าใครก็อยากได้เกราะอมตะมาครองก่อนผู้อื่น
มีเพียงต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งแลดูไม่รีบไม่ร้อน
“ข้าอยากได้ตัวนึง…เป็นตัวซ้ายสุดนั่น”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
“อย่างเจ้ายังขาดเกราะอมตะระดับราชาไว้ใช้หรือ?”
คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้น
ในสายตาของเขา หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้มาจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ ในตัวไม่พ้นต้องมีอุปกรณ์เทพหรืออุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิในครอบครอง มาตอนนี้พอได้ยินอีกฝ่ายออกปากว่าอยากได้เกราะอมตะระดับราชาตัวหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ระดับราชาแต่เป็นระดับจอมราชันก็ยังทำให้เขาประหลาดใจอยู่ดี
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ก่าวออกมาเสียงเรียบ “ในตอนที่ข้าหลบหนีออกจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ แม้ข้าจะคว้าอุปกรณ์เทพติดมือมาบ้าง กระทั่งอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิก์มีไม่ขาด ที่สำคัญภายหลังเข้ามาในนี้ ข้าก็ได้รับอุปกรณ์อมตะระดับราชามาครองไม่น้อย…”
“แต่เจ้าคิดว่า…ข้าจะเอาอุปกรณ์เทพ ไม่ก็อุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ หรือแม้แต่อุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ข้าได้มาจากคนที่ข้าฆ่าออกมาใช้ได้ง่ายๆรึไร?”
กล่าวถึงจุดนี้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็หยีตามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง “ว่าไปสถานการณ์เจ้ายังจะต่างอะไรกับข้า หรือพอออกไปด้านนอกแล้ว เจ้ากล้าควักกระบี่เทพระดับสูงนั่นออกมาใช้ต่อหน้าผู้อื่นง่ายๆ? เกิด 3 นิกาย 2 ตระกูลรู้ว่าเจ้ามีของดีในมือ ให้เจ้าร้ายกาจและมากพรสวรรค์แค่ไหน หากเจ้าไม่คายของออกไปก็คงอยู่ยาก สุดท้ายไม่พ้นพวกมันได้รวมหัวกันฆ่าเจ้าปล้นของแน่นอน”
“อีกทั้งหลังเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ แม้ข้าจะเจออุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทศาสตราที่ผ่านการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะมาแล้ว แต่ข้าไม่เคยได้เกราะเลยสักชิ้น”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋น
“ก็นะ…”
หลังได้ฟังสถานการณ์ของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที
เหตุผลดังกล่าวของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้ว
อย่างตัวเขาเอง หากไม่อาจรับประกันได้ว่าจะสามารถฆ่าศัตรูได้แน่นอน และไร้มือที่สามลอบจับตาดูอยู่ เขาก็ไม่กล้าควักกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนออกมาฆ่าคนแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นหากมองตามสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าไม่ตกลงกันก่อน แล้วเกิดต้องประมือกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเพราะเรื่องชิงของกัน เกรงว่าโอกาสชนะของเขาคงน้อยนิดเต็มที เพราะอีกฝ่ายสมควรมีอุปกรณ์เทพ! และสมควรเป็นอุปกรณ์เทพที่มีจิตวิญญาณ!
จริงอยู่ที่เขายังมีโอกาสชนะ แต่ประเด็นคือเขาไม่คิดจะลงมือกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเพราะแย่งชิงของแม้แต่น้อย
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องอื่นใดให้มาก เอาแค่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นมอบจิตวิญญาณแรกกำเนิดของอุปกรณ์เทพระดับสูงให้เขาแบบนี้ ก็มากพอให้เขาซาบซึ้งน้ำใจของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแล้ว แม้กล่าวไปในระดับหนึ่งจะมีการทำข้อตกลงที่ได้ผลประโยชน์ร่วมกันก็เถอะ
“ถ้างั้นเกราะอมตะนั่นเจ้าก็เอาไปตัวนึง ส่วนอีก 2 ตัวที่เหลือเป็นของข้าแล้วกัน แต่เจ้าไม่คิดเอาเพิ่มแน่รึ?”
หลังพยักหน้ารับทราบ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเสียงเรียบ อย่างไรก็ตามฟังจากคำพูดของเขาได้เปิดเผยเจตนาชัดเจน ว่าเกราะอมตะระดับราชาที่เหลืออีก 2 เขาจะเอาหมด ไม่ได้เห็นหัวอีก 8 คนแม้แต่น้อย
“ไม่ล่ะ ข้าเก็บเอาไว้ใช้เองแค่ตัวเดียวก็พอ”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นยักไหล่พลางเอ่ยออกเสียงเรียบ
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกำลังคุยกันอย่างไม่รีบไม่ร้อน ด้าน 8 คนที่กระโจนร่างขึ้นไปช่วงชิ่งเกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 บัดนี้ก็ได้ปะทะพัวพันกันอีรุงตุงนัง การต่อสู้ยังแลดูดุเดือดไม่น้อย เรียกว่าแต่ละคนซัดกระบวนท่าออกมาอย่างไม่เกรงใจ ใครจะโดนมันก็ช่างเพราะบัดนี้ทุกคนล้วนเป็นศัตรู!
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนชมมองการปะทะกลางหาวได้สักพัก เขาก็สังเกตเห็นว่า…
ในระหว่างที่ทั้ง 8 กำลังรบติดพันกันนั้น หากใครส่อแววว่าจะฉวยโอกาสคว้าชิ้นปลามันไปก่อน จะกลายเป็นเป้าการโจมตีของคนที่เหลือทันที เพราะดูเหมือนจะไม่มีใครยอมให้ใครได้ครองเกราะอมตะระดับราชานั่นเป็นคนแรก!
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทั้ง 8 จึงเอาแต่รบติดพันกันเอง ไม่มีใครกล้าแตะเกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 ชิ้นเลย
และในการรบติดพันของทั้ง 8 ก็ยากจะหาตัวผู้แพ้ผู้ชนะ อีกทั้งต่างคนต่างก็ระวังตัวแจ จึงไม่อาจบอกได้ว่าเรื่องราวจะจบลงเมื่อใด
“หืม? ไฉนพวกเรามีกันแค่ 8 คนเล่า?”
และในบรรดาคนทั้ง 8 ที่ประมือกันกลางหาว ชายคนหนึ่งที่ฉากหลบออกมาเพื่อพักหายใจ ก็พึ่งจะรู้สึกถึงสถานการณ์โดยรอบ ส่วนอีก 7 คนที่เหลือก็ยังคงปะทะติดพันกันอยู่อย่างเอาเป็นเอาตายไม่ได้รู้เรื่องราวใดๆ
ปงงง!
จากนั้นมันก็เลือกที่จะถีบเท้าย่ำความว่างเปล่าฉากร่างหลบออกมาให้ห่างวงต่อสู้เป็นการชั่วคราว ค่อยก้มลงมามองเบื้องล่าง จึงพบว่ายังมี 2 คนที่ยังยืนอยู่บนพื้นและไม่ได้เคื่อนไหวลงมือใดๆเลยอยู่นาน ปานไม่ได้เห็นเกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 เป็นสำคัญ
“พวกเจ้าทั้งคู่…ไม่สนใจเกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 นั่นรึ?”
ผู้ที่ถอนตัวออกมาจากวงต่อสู้เป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง มันมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสักพัก สองตาก็ทอประกายเรืองขึ้นพลางเอ่ยถามออกไปเสียงดัง
เสียงของมันไม่เพียงดัง แต่ยังแฝงพลังบางส่วนเอาไว้ ทำให้ปลุกอีก 7 คนที่เหลือที่กำลังสู้กันให้ได้สติทันที จากนั้นแต่ละคนเพียงมองสบตากันสักพัก ก็พร้อมใจกันหยุดมือ ค่อยผละร่างออกจากกัน แล้วก้มลงไปมองต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
พอเห็นต้วนหลิงเทียน ร่าง 4 ใน 7 คนก็สะท้านไปทันใด
เพราะพวกมันตระหนักได้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ สมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการแล้ว เรียกว่าพลังฝีมือของอีกฝ่าย สูงกว่าพวกมันทุกคน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังป้องกันของอีกฝ่าย ทำให้พวกมันบังเกิดความสิ้นหวังจับใจแล้วจริงๆ!
พวกมันรู้ดีแก่ใจว่าอาศัยพลังป้องกันนรกนั่นของอีกฝ่าย ต่อให้พวกมันทุ่มเทพลังจู่โจมให้ตายก็ไม่ต่างใดจากเอาไข่ไปกระแทกหิน ไม่อาจทำร้ายได้แม้แต่ปลายผมของชายหนุ่มชุดม่วง เป็นพลังป้องกันที่ร้ายกาจถึงขนาดนั้น! อีกฝ่ายไม่พ้นเข้าใจความลึกซึ้งประการที่สองของกฏแห่งดินที่เน้นในแง่ป้องกันเป็นหลักแน่แท้!!
“เอ๋?”
ในขณะที่ทั้ง 4 มองจ้องต้วนหลิงเทียนนั้น ในแววตาทั้งท่าทีก็เผยยความหวั่นหวาดยำเกรงออกมาให้เห็นได้ชัด จนที่เหลืออีก 3 คนสังเกตเห็นได้แทบจะทันที
3 คนนี้ เป็น 3 คนที่ออกมาจากห้องโถงหลังสุด จึงไม่ได้เห็นการปะทะกันระหว่างต้วนหลิงเทียนกับร่างรวมจิตต่อสู้ทั้ง 7 ดังนั้นพวกมันจึงไม่รู้เลยว่าความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนร้ายกาจขนาดไหน…
“เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นร้ายกาจมากหรือ?”
“เจ้านั่นยังอายุไม่ถึงร้อยปี…จะแข็งแกร่งไปกว่าพวกเราจริงหรือ?”
2 ใน 3 คนเอ่ยถามออกมา พลางกวาดตามองไปยังร่างทั้ง 4 ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ชายวัยกลางคนที่ผละออกจากการต่อสู้ไปคนแรก
“มันแข็งแกร่งหรือไม่ พวกเจ้าก็ไปลองดูได้…”
ชายวัยกลางคนที่ถอนตัวออกมาคนแรกกล่าวตอบ พลางยกยิ้มแสยะที่มุมปาก
3 คนที่พึ่งออกมาจากห้องโถงหลังสุดนั้น พลังฝีมือพอๆกันกับมัน หากคิดจะต่อกรกับต้วนหลิงเทียนยังนับว่ายังห่างไกลนัก!
“ต้วนหลิงเทียน”
สุดท้ายก็เป็นชายชราคนหนึ่งที่ได้เห็นพลังของต้วนหลิงเทียน ออกตัวแทนทุกคน มันมองไปที่ต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวออกมาเสียงดัง “พลังฝีมือของเจ้าพวกเราที่เหลือล้วนรับทราบดีแล้ว…เอาเช่นนี้เป็นไร เกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 ที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะ เจ้าก็เลือกไปก่อนตัวหนึ่งเถอะ ส่วนอีก 2 ตัวที่เหลือให้พวกเรา 8 คนช่วงชิงกันเองดีหรือไม่?”
พอชายชราออกตัวกล่าวออกมาเช่นนี้ เว้นแต่ทั้ง 3 คนที่ไม่รู้ได้แต่ขมวดคิ้วย่นเป็นปม อีก 4 คนที่เหลือไม่เว้นเชวียจิงอวี่ ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว ต้วนหลิงเทียน เกราะอมตะระดับราชา 3 ตัวนี่ เจ้าเลือกไปก่อนเลย 1 ตัวเถอะ”
“ต้วนหลิงเทียน เชิญเจ้าเลือกก่อนเลย”
“ใช่ๆ อีก 2 ตัวที่เหลือพวกเราค่อยตัดสินกันเอง”

คนที่เหลือทั้ง 4 ไม่เว้นเชวียจิงอวี่เอ่ยออกมาเสียงดังฟังชัด
จังหวะนี้ ทั้ง 3 ที่พึ่งออกจากโถงมาภายหลังก็ตระหนักได้จากท่าทีของเชวียจิงอววี่และอีก 4 คนที่เหลือ ว่าต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ธรรมดา “หรือ…เจ้าหนุ่มชุดม่วงคนนั้น จะเข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏ 2 ประการแล้ว?”
“อาจเป็นได้…หาไม่แล้วทั้ง 4 คนทีมีพลังทัดเทียมกับพวกเรา ไหนเลยจะยอมสละเกราะอมตะระดับราชาให้มันเลือกไปก่อนตึวนึงง่ายๆ? สุดท้ายนี่ก็เป็นเกราะอมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะ!”
“คนที่พวกมันหวาดกลัว ข้าเกรงว่าพวกเราเองก็คงไม่ใช่คู่มือ…เช่นนั้นหากมันต้องการสักตัว ก็ให้มันไปก่อนเถอะ”
ไม่นานทั้ง 3 ก็เห็นพ้องต้องกันเหมือนคนอื่นๆ ตัดสินใจให้ต้วนหลิงเทียนเลือกเกราะอมตะไปก่อนตัวหนึ่ง
ครู่ต่อมาสายตาของทั้ง 8 ก็จับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง เฝ้ารอคำตอบของต้วนหลิงเทียนอย่างอดทน
ในสายตาของคน 3 คนที่พึ่งออกมาจากโถง ก็เชื่อว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้
ส่วนอีก 5 คนนั้นกังวลเล็กน้อย ด้วยกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะกลายเป็นสิงโตปากกว้าง เขมือบกลืนเกราะอมตะระดับราชาทั้ง 3 ในคำเดียว! ถึงตอนนั้นหากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกคน เกรงว่าพวกมันคงไม่อาจเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้แน่!!
แน่นอนว่าต่อให้ทุกคนร่วมมือกัน เต็มที่ก็คงทำได้แค่สู้เสมอกับต้วนหลิงเทียน แต่คิดจะเอาชนะหรือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายนั้น พวกมันมองไม่เห็นความเป็นไปได้ดังกล่าวเลย
และที่สำคัญเลยก็คือ การร่วมมือที่ว่า…ต้องอยู่บนพื้นฐานที่พวกมันร่วมมือกันได้อย่างสนิทใจ โดยที่ไม่อาจระแวงอีกฝ่ายได้เลย! หาไม่แล้วพวกมันไม่พ้นต้องถูกต้วนหลิงเทียนไล่เก็บทีละคนๆจนตายยกก๊วนแน่!!
ในเมื่อหัวใจสำคัญของการกลุ้มรุมนี้อยู่ที่ความเชื่อใจ แต่ในเมื่อพวกมันไม่ว่าใครก็ล้วนทำเพื่อผลประโยชน์ ไหนเลยจะเชื่อใจและไว้วางใจผู้อื่นได้โดยสมบูรณ์!
หมายความว่าเรื่องให้ร่วมมือกันกำราบต้วนหลิงเทียน ก็ไม่เห็นทางเป็นไปได้เช่นกัน!
“หนึ่งตัวเหรอ?”
ภายใต้สายตาที่มองมาอย่างร้อนแรงของทั้ง 8 คน ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆคลี่ยิ้มเฉยเมยออกมา พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบว่า “โทษที แต่เกราะอมตะระดับราชา 3 ตัวนี่…ข้าต้องการ 2!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด