War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2972

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2972 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

WSSTH ตอนที่ 2,972 : ยันต์อมตะแห่งกฏ
 
 
ถึงแม้งานประมูลที่ตระกูลราชวงศ์ของประเทศตันจี้จัดขึ้นจะเรียกว่า ‘งานประมูลของราชวงศ์’ แต่มันก็ไม่ได้จัดขึ้นในพระราชวังหลวงแต่อย่างไร
 
ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไร นั่นเพราะผู้ที่จะมาเข้าร่วมงานประมูลก็มีร้อยพ่อพันแม่ แถมเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยย ที่ตระกูลราชวงศ์จะปล่อยให้คนเหล่านั้นมีโอกาสเข้ามาในเขตพระราชวังงหลวง
 
และสถานที่จัดงานประมูลของตระกูลราชวศ์ตันจี้นั้น ก็ห่างออกไปจากเขตพระราชวังหลวงราวๆ 20 ลี้ อีกทั้งสถานที่ตระกูลราชวงศ์ตันจี้ใช้จัดประมูลนั้น ปกติแล้วก็มักเปิดให้ขุมกำลังต่างๆเช่าเพื่อจัดประมูล
 
ในประเทศตันจี้ ตระกูลราชวงศ์มักจะจัดงานประมูลขึ้นตามเลาที่กำหนดเอาไว้ และนั่นก็เกือบจะเป็นประเพณีของประเทศตันจี้ไปแล้ว
 
อีกทั้งเกณฑ์การเข้าร่วมงานประมูลที่ทางตระกูลราชวงศ์ตั้งไว้ก็สูงไม่ใช่น้อย หากเป็นผู้ที่ไม่อาจพิสูจน์ตัวตนหรือเป็นคนธรรมดาไร้ชื่อเสียง ก็จำต้องจ่ายผลึกอมตะจำนวนไม่น้อยเป็นค่าเข้าร่วม
 
สำหรับต้วนหลิงเทียนกับพวกที่มาในฐานะตัวแทนฮ่องเต้ฝูชิวเพื่อเข้าร่วมการประมูลของประเทศตันจี้ ย่อมนับเป็นอาคันตุกะทรงเกียรติของประเทศตันจี้ ยังถูกจัดให้เข้าสู่ห้องประมูลที่ดีที่สุดห้องหนึ่งของโรงประมูล
 
กระทั่งด้านนอกห้องประมูลห้องนี้ บริเวณเหนือหน้าต่างที่หันหน้าเข้าสู่เวทีประมูล ยังมีธงที่เขียนอักษร 3 ตัวอ่านว่า ‘ประเทศ ประเทศตั้นจี้’ อย่างสง่างามปานมังกรนกหงส์ ปักเอาไว้
 
เห็นได้ชัดว่าจงใจเปิดเผยฐานะและตัวตนของผู้ที่ใช้ห้องประมูลห้องนี้ ต่อผู้ที่เข้าร่วมงานประมูลอย่างชัดเจน
 
“ธงนั่นมัน…ห้องส่วนตัวของคนประเทศตงหมิง กับประเทศโม่หลุนงั้นเหรอ…”
 
ต้วนหลิงเทียนพอมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นหน้าต่างอีก 2 บานที่หันเข้าหาเวทีประมูลและอยู่ถัดไปจากเขาไม่ไกล มีธงที่เขียนอักษรปักไว้เหนือขอบหน้าต่างเด่นหรา
 
แต่ละธงมีอักขระ 3 ตัว ธงแรกอ่านได้ว่า ประเทศตงหมิง อีกธงอ่านได้ว่า ประเทศโม่หลุน
 
ขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่เข้าร่วมประมูลคนอื่นๆ ก็สังเกตเห็นหน้าต่างงห้อง 3 ตัวระดับสูงสุดมีธงปักบอกฐานะแขกที่เข้าใช้เอาไว้ชัดเจน
 
“ประเทศ ฝูชิว ตงหมิง โม่หลุน ก็มาด้วยหรือ…”
 
“ทั้งยังปักธงเด่นหราขนาดนั้น…ทั้ง 3 ไม่พ้นต้องตั้งใจมางานประมูลครั้งนี้โดยเฉพาะ!”
 
“ไอ้หยา ดูท่าครานี้งานประมูลของประเทศตันจี้สมควรมีสิ่งที่ทั้ง 3 ต้องการช่วงชิงแล้ว!”
 
“โชคดีที่ข้ายังไม่รีบกลับ…เดิมที่ก็แค่อยากมาร่วมชมดูสิ่งของในประมูลเพลินๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาได้ถูกที่ถูกเวลา มีโอกาสได้เห็นทั้ง 3 ประเทศแข่งประมูล!”
 
“สิ่งงของอันใดกก็ตามที่ทำให้ทั้ง 3 ประเทศมาถึงที่นี่ได้ ต้องมีค่าไม่ใช่ชั่วแน่!”
 

 
วาจาทำนองดังกล่าวเริ่มหลั่งไหลออกมาจากคนของขุมกำลังงระดับ 9 และระดับ 8 ที่มารวมตัวกันในเมืองหลวงของประเทศตันนจี้ เพื่อรอโอกาสฉกฉวยสถานการณ์หลังพบว่ามีกระบี่อมตะจอมราชันปรากฏขึ้นในเมืองหลวงของประเทศตันจี้
 
เหตุผลที่ไฉนคนเหล่านี้ยังรั้งอยู่ไม่กลับเหมือนราชาอมตะบางคน ก็เพราะคิดจะเข้าร่วมงานประมูลเพื่อชมดูความบันเทิง เพราะไหนๆก็ถ่อมาถึงที่นี่แล้วจะได้มาไม่เสียเที่ยว
 
เดิมทีพวกมันก็แค่เข้าร่วมเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
 
แต่ไม่คาดคิดเลย ว่างานประมูลที่ตระกูลราชวงศ์ตันจี้จัดขึ้นครั้งนี้ ดูเหมือนจะมีสมบัติบางอย่างนำเข้าประมูล และสมบัติที่ว่ายังทำให้ทั้ง 3 ประเทศเพื่อนบ้านเรือนเคียงอย่างประเทศฝูชิว โม่หลุน และตงหมิงถึงกับถูกดึงดูด!
 
นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาจากธงที่ปักไว้เหนือหน้าต่างห้องประมูลแต่ละหลัง เห็นได้ชัดว่าผู้มาล้วนเป็นตัวแทนฮ่องเต้ของแต่ละประเทศ!
 
กล่าวอีกอย่างได้ว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ประเทศตันจี้นำเข้าประมูลคราวนี้ มันได้ดึงดูดความสนใจฮ่องเต้ของทั้ง 3ประเทศ!
 
เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องราวนี้ คนของขุมกำลังงระดับ 9 และระดับ 8 ที่มาเข้าร่วมเพราะความสนุกๆก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าเสียงดัง
 
โดยเฉพาะคนจากขุมกำลังระดับ 8 ที่เตรียมพร้อมมาในระดับหนึ่ง ก็ตั้งใจว่าหากสิ่งของนั้นล้ำค่าจริง พวกมันจะเข้าร่วมประมูลแข่งขันเพื่อช่วงชิงสักครา!
 
สำหรับคนจากขุมกำลังระดับ 9 แม้พวกมันจะสำเหนียกถึงพลังอำนาจและความมั่งคั่งของตัวเองดีและคงรู้ว่ายากจะประมูลแข่งขันด้วยได้ แต่อย่างไรเสียพวกมันก็ตั้งหน้าตั้งตารอดูชมเรื่องราวนัก
 
“นี่พวกท่านไม่รู้หรือ ว่าที่ทั้ง 3 ประเทศมาเข้าร่วมประมูลด้วย มิได้มาชิงสิ่งของล้ำค่าอันใดอย่างที่พวกท่านคิด ก็แค่ทั้งหมดมาเพื่อ ‘ไส้เดือนฝอยทอง’ ที่เป็นวัตถุดิบยาหลักในการหลอมโอสถเฉียนจินเท่านั้น?”
 
และในขณะที่คนของขุมกำลังระดับ 8 และระดับ 9 กำลังคุยกันเรื่องนี้ด้วยความคาดหวัง บางคนที่เป็นคนของประเทศตันจี้ที่รู้เรื่องนี้ดี ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนออกมา
 
“หืม ไส้เดือนฝอยทองวัตถุดิบยาหลักสำหรับหลอมโอสถเฉียนจินรึ?”
 
และพอได้ยินคำเตือนจากคนพื้นที่ เหล่าคนของขุมกำลังงระดับ 8 ระดับ 9 ที่กำลังคึกคัก ก็ชักสีหน้าผิดหวังออกมาทันที
 
ถึงแม้ไส้เดือนฝอยทองจะถือว่าเป็นของหายาก แต่มันก็ไม่ได้ล้ำค่ามากมายอะไร
 
อีกทั้งต่อให้พวกมันได้ไส้เดือนฝอยทองไปจริง แต่ถ้าไร้ปรมาจารย์หอมโอสถฝีมือฉมัง ก็เกรงว่าคงยากจะหลอมโอสถเฉียนจินออกมาได้
 
เว้นเสียแต่ ท่านจะรู้จักมักคุ้นกับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชา และจ้างวานให้อีกฝ่ายช่วยหลอมให้!
 
ทว่าตัวตนระดับปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับราชานั้น กระทั่งในขุมกำลังระดับ 7 ก็ใช่ว่าจะมีอยู่ แล้วคนธรรมดาจะมีปัญญาไปรู้จักได้อย่างไร?
 
และหากให้ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางงหลอมโอสถเฉียนจิน กล่าวไปอัตราความสำเร็จของมันก็น้อยกว่า 1 ใน 100 ส่วนเสียอีก! เพราะโอสถอมตะระดับสูงพิเศษอย่างโอสถเฉียนจินนั้น มีการกล่าวขานถึงกันอย่างหนาหู ว่าในบรรดาปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนาง 100 คน อาจไม่มีแม้แต่คนเดียวที่หลอมมันขึ้นมาได้!!
 
ยิ่งปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงยิ่งแล้วใหญ่ ในหมื่นคนอาจไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถหลอมมันออกมาได้ด้วยซ้ำ
 
ดังนั้นสำหรับใครหลายๆคน ก็คิดว่าถึงจะได้ไส้เดือนฝอยทองมา แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด
 
“เสี่ยวเทียนเจ้ามั่นใจแน่นะว่าหากได้รับไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 มา เจ้าจักสามารถหลอมโอสถเฉียนจินได้สำเร็จ?”
 
ภายในห้องส่วนตัว หวงเหยี่ยนเฟยอดไม่ได้ที่จะหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยันความมั่นใจอีกครั้ง
 
“ลุงหวง ข้าไม่เคยพูดโอ้อวด”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบสั้นๆ
 
และคำตอบของเขา ก็เห็นได้ชัดว่ายืนยันความมั่นใจให้หวงเหยี่ยนเฟย…ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้เลย!
 
“เอาล่ะ! ลุงหวงจะเชื่อเจ้า!!”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับฟัง
 
หลังผ่านไปอีกสักพัก โถงประมูลก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คน มองจากาหน้าต่างออกไปก็เห็นหัวหงอกหัวดำนั่งเรียงกันสลอน
 
จากนั้นไม่นาน ในที่สุดงานประมูลของตระกูลราชวงศ์ตันจี้ก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
 
“แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ยินดีต้อนรับท่านทั้งหลายเข้าสู่งานประมูลของตระกูลราชวงศ์ตันจี้!”
 
ชายชรารูปร่างผ่ายผอมในชุดสีเทาผู้หนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลังเวทีประมูลออกมายืนกลางเวที สองตาของมันกวาดมองไปทั่วๆโถงประมูลพลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
 
‘ตาเฒ่านั่นไม่ธรรมดาจริงๆ’
 
ทันทีที่ชายชราก้าวออกมาปรากฏตัววกลางเวทีประมูล ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสไดว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา ‘มัน…สมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ’
 
“ท่านพ่อ ผู้เฒ่าคนนี้ท่าทางไม่ธรรมดายิ่ง”
 
จังหวะนี้กระทั่งหวงเจียหลงยังสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของอีกฝ่าย เพรราะชายชราผู้นี้ไม่ได้แลดูคึกคักและกระตือรือร้นเหมือนผู้ดำเนินการจัดงานประมูลทั่วๆไป
 
อีกฝ่ายยืนอยู่กลางเวทีด้วยสีหน้าสงบเฉยเมย ราวกับจะบอกว่า ‘ไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องซื้อ’
 
“ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว…นั่นคือตัวตนที่เป็นรองจากฮ่องเต้ตั้นจี้แค่คนเดียว ยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด!”
 
หวงเหยี่ยนเฟยกล่าวตอบ
 
ในฐานะฮ่องเต้ตันจี้แล้ว เป็นธรรมดาว่ารอบกายย่อมไม่ขาดตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไว้ใช้งาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีมากมายอะไร เพราะไม่ใช่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดทุกคนจะยินดีตกเป็นเบี้ยล่างและขายชีวิตให้กับฮ่องเต้ของประเทศระดับ 8…
 
“ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด?”
 
หวงเจียหลงสูดลมหายใจเข้าฟอดหนึ่ง
 
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้น สีหน้ายังคงแลดูสงบเฉยๆ เพราะเขาเองก็พอจะสัมผัสได้แต่แรก
 
เพราะสุดท้ายแล้วเขาเองก็เคยครอบครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด จวบจนพลังถดถอยลดหลั่นลงมาจนกลับเป็นปกติ กลิ่นอายเฉพาะของด่านพลังต่างๆเขาย่อมประสบพบเจอมากับตัว ย่อมไวต่อสัมผัสพลังพวกนี้
 
“การประมูลวันนี้ ข้าหวังว่าทุกท่านจะได้รับในสิ่งที่พวกท่านต้องการ”
 
ชายชราชุดเทาที่ยืนอยู่กลางเวที ยังคงกล่าวออกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ตอนนี้ เชิญทุกท่านพบกับสิ้นค้าชิ้นแรกที่จะนำขึ้นประมูลในงานประมูลของตระกูลราชวงศ์ประเทศตันจี้เราเลยเถอะ”
 
พอกล่าวจบคำ ชาชราชุดเทาก็โบกมือเบาๆในอากาศ จากนั้นก็ปรากฏยันต์อมตะสีม่วงแผ่นหนึ่งลอยล่องอยู่เบื้องหน้า
 
“นี่คือยันต์อมตะที่ราชาอมตะชนชั้นยอดฝีมือผู้หนึ่งที่เข้าถึงกฏแห่งสายฟ้า เข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นอย่าง ‘ระเบิดอัสนี’ ได้จารึกสลักพลังแห่งกฏลงไปในยันต์อมตะแผ่นนี้ จนเรียกว่า ยันต์ศรอัสนีปะทุ…เมื่อบดขยี้ใช้งานยันต์ศรอัสนีปะทุ ก็จะปรากฏศรอัสนีนับพันกระหน่ำโจมตีไปยังจุดที่เพ่งเล็ง และภายในรัศมีการทำลายล้าง 10 หมี่จากจุดที่ท่านเพ่งเล็ง หากด่านพลังต่ำกว่าขุนนางอมตะล้วนต้องตาย!”
 
ชายชราใช้พลังไร้สภาพแกว่งยันต์อมตะไปมาให้ทุกคนได้เห็นกันทั่วๆ “และในรัศมีทำลาย 100 หมี่ เว้นเสียแต่จะเป็นยอดเซียนอมตะมือดีที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ปกติแล้วหากเป็นยอดเซียนอมตะทั่วๆไป ก็ล้วนไร้ทางรอด…”
 
“อีกทั้งต่อให้เป็นขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดหรือขุนนางอมตะ 2 ยศ หากถูกยันต์ศรอัสนีปะทุเข้าจังๆ ก็อาจบาดเจ็บได้”
 
กล่าวถึงจุดนี้ ชายชราชุดเทาก็ว่ายตามองผ่านไปทั่วโถงประมูลอีกครั้ง “ยันต์อมตะศรอัสนีปะทุ มีราคาเริ่มต้นที่ 3,000 ผลึกอมตะระดับสูง…”
 
หากเป็นผู้ดำเนินการจัดการประมูลทั่วไปแล้ว ไม่พ้นต้องกล่าวอวดอ้างสรรพคุณจนน้ำไหลไฟดับ กล่าววาจาปลุกเร้าอารมณ์ เพื่อโน้มน้าวให้ทุกคนซื้อ…
 
แต่ทว่าหลังชายชรากล่าวเรื่องที่จำเป็นต้องกล่าวจบแล้ว มันก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
 
“3,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”
 
ทันทีที่ชายชราชุดเทากล่าวจบคำ ก็มีเสียงเสนอราคาดังขึ้น เป็นชายชราในชุดผ้าฝ้ายธรรมดาคนหนึ่งในโถงประมูล หลังกล่าวเปิดราคาแล้ว มันยังพึมพำกับตัวเบาๆอีกว่า “ยันต์ศรอัสนีปะทุนี่ไม่เลวเลย ให้เจ้าหลานจอมซนนั่นพกติดตัวไว้ก็คงคลายกังวลได้หลายส่วน…”
 
เห็นได้ชัดว่ากับตัววตนใต้ขอบเขตขุนนางอมตะแล้ว ยันต์อมตะศรอัสนีปะทุ นับว่าเป็นเครื่องรางคุ้มกันตัวชั้นเยี่ยม!
 
“มียันต์อมตะอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?”
 
ต้วนหลิงเทียนที่นั่งชมดูเรื่องราวในห้องส่ววนตัวแลดูประหลาดใจอยู่บ้าง “หากเข้าถึงพลังแห่งกฏแล้ว…ยังสามารถสลักจารึกพลังแห่งกฏลงยันต์อมตะแบบนี้ได้ด้วย?”
 
ถึงแม้ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนจะรู้มาบ้างแล้ว ว่ามียันต์อมตะประเภทจู่โจมที่ใช้เข่นฆ่าผู้อื่นอยู่ไม่น้อย
 
อย่างไรก็ตามันต์อมตะพวกนั้นที่เขารู้ ต่อหน้ากับยันต์อมตะศรอัสนีปะทุแล้ว พวกมันไม่ต่างอะไรจากซี่โครงไก่แม้แต่น้อย ด้อยกว่ายันต์อมตะศรอัสนีปะทุมาก!
(ซี่โครงไก่นี่…อารมณ์ประมาณว่าจะทิ้งก็เสียดาย แต่เก็บไว้ก็ไม่มีคนกิน )
 
เพราะหากบดขยี้ใช้งานยันต์อัสนีปะทุขึ้นมา ในรัศมีทำลาย 10 หมี่จากจุดที่เพ่งเล็ง ตัวตนที่อยู่ใต้ขอบเขตขุนนางอมตะล้วนต้องตาย!
 
นี่มันพลังทำลายน่ากลัวอันใด?
 
“ยันต์ศรอัสนีปะทุนี่ ถือได้ว่าเป็นยันต์อมตะแห่งกฏที่ค่อนข้างมีพลังอานุภาพต่ำในบรรดายันต์อมตะแห่งกฏทั่วไป…”
 
เสียงหวงเหยี่ยนเฟยดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
 
“ยันต์อมตะแห่งกฏ?”
 
หลังได้รับทราบจากหวงเหยี่ยนเฟยว่ายยันต์อมตะศรอัสนีปะทุนี้ ถูกเรียกว่ายันต์อมตะแห่งกฏ ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจอยู่บ้าง “เช่นนั้นยันต์อมตะแห่งกฏ…มียันต์ที่ฆ่าขุนนางอมตะหรือกระทั่งขอบเขตราชาได้หรือไม่?”
 
“มี!”
 
หวงเหยี่ยนเฟยพยักหน้า “ถึงแม้ว่ายันต์อมตะแห่งกฏที่สามารถฆ่าได้กระทั่งขอบเขตขุนนางอมตะจะมีค่าไม่น้อย แต่ก็ไม่นับว่าหายากสักเท่าไหร่…สำหรับยันต์อมตะแห่งกฏที่ฆ่าได้กระทั่งตัวตนระดับราชา ไม่ใช่อะไรที่เจ้าอยากได้ก็จะได้มาครองง่ายๆ”
 
“เพราะต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะ แต่ก็ต้องใช้เวลาและสิ้นเปลืองพลังไม่น้อยถึงจะจารึกสร้างยยันต์อมตะแห่งกฏที่สามารถฆ่าตัวตนขอบเขตราชาอมตะทั่วๆไปออกมาได้”
 
“สำหรับตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะนั้น โดยทั่วไปแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจารึกสร้างยันต์แห่งกฏที่มีพลังอานุภาพมากพอจะสังหารตัวตนระดับนี้ได้…เพราะต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด หากแต่พลังแห่งกฏที่สามารถสลักลงบนยันต์ใด้ ก็ยังถือว่ามีขีดจำกัดอยู่…”
 
หลังได้ยินคำพูดของหวงเหยี่ยนเฟย ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงพลังของยันต์อมตะแห่งกฏ
 
“ยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิอมตะ…สามารถสร้างยันต์อมตะแห่งกฏที่มีพลังเข่นฆ่าตัวตนขอบเขตราชาอมตะได้งั้นหรือ…”
 
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ทั่วร่างเสมือนมีไอเย็นขุมหนึ่งแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด