War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2580

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2580 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,580 : เมืองเฉวี่ยโยว กองทัพมังกรเงิน!
 
 
ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหวังเวยกับชายในชุดเกราะสีเงินทั้ง 7 เป็นใคร นับประสาอะไรกับเรื่องที่ไฉนคนเหล่านี้ถึงคิดพาพวกเขาไปลงทะเบียนเข้าค่ายอะไรนั่น
 
เขาขึ้นมายังระนาบเทวโลกแห่งนี้ไม่ใช่เพื่อไปลงทะเบียนเข้าค่าย
 
เขาขึ้นมายังระนาบเทวโลกเพื่อสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะอันยอดเยี่ยม ยังเพื่อแสวงหาทรัพยากรหมายยกระดับพลังฝึกปรือให้ก้าวหน้าขึ้นโดยเร็วที่สุด จะได้มีกำลังมากพอไปยังดินแดนแห่งทวยเทพเพื่อช่วยเค่อเอ๋อและครอบครัวรวมถึงสหายในอีกหนึ่งพันปีหลังจากนี้…
 
“พวกเราคือสือฟูฉางแห่งกองทัพมังกรเงิน”
(สือฟูฉาง = นายสิบ)
 
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีเงินก็กล่าวตอบออกไปทันที
 
“กองทัพมังกรเงิน?”
 
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “พวกเจ้าเป็นทหารของกองทัพงั้นเหรอ?”
 
“ใช่”
 
ชายวัยกลางคนเกราะเงินพยักหน้า “กองทัพมังกรเงินของพวกเราเป็นกองทัพประจำเมือง ‘เฉวี่ยโยว’ และท่านผู้บัญชาการของพวกเราก็คือ 1 ใน 3 ยอดฝีมือ       ที่มีพลังรองจากท่านเจ้าเมืองเฉวี่ยโยว”
 
“เมืองเฉวี่ยโยว”
 
คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้น
 
“เมืองเฉวี่ยโยวเป็นเมืองเดียวที่มีในพื้นที่แถบนี้ของมณฑลจิ่วโยว…นอกจากเป็นเมืองไว้ให้เหล่าเซียนอมตะชนทั้งหลายพักอาศัยแล้ว เมืองเฉวี่ยโยวยังมีหน้าที่ดูแลสระกำเนิดเซียนอมตะ รวมถึงคอยรับเหล่าเซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ด้วย…”
 
ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีเงินกล่าวสืบต่อ “และสระกำเนิดเซียนอมตะที่เจ้าพึ่งขึ้นมาก็เป็นแค่หนึ่งในสระกำเนิดเซียนอมตะจำนวนมากของเมืองเฉวี่ยโยวเราเท่านั้น…และผู้ที่ขึ้นจากสระกำเนิดเซียนอมตะแห่งนี้ก็จะถูกจัดการดูแลโดยสือฟูฉางในกองทัพมังกรเงินอย่างพวกเรา…พวกเราแต่ละคนมีหน้าที่รับตัวพวกเจ้าจำนวน 100 คนไปลงทะเบียน”
 
“รับตัว?”
 
ได้ยินคำดังกล่าวอีกรอบ ต้วนหลิงเทียนก็ถามออกไปเสียงเรียบ “เมื่อครู่ข้าเหมือนจะได้ยินเรื่องนี้มาแล้ว…เห็นว่าพวกเจ้าจะรับตัวพวกเราไปลงทะเบียนเข้าค่ายอะไรสักอย่าง…หรือค่ายที่พวกเจ้าว่าก็คือค่ายของกองทัพมังกรเงิน?”
 
“ไม่ผิด”
 
ชายวัยกลางคนเกราะเงินพยักหน้า
 
“แล้วทำไมพวกเราต้องไปรายงานตัวอะไรที่ค่ายทัพมังกรเงินของพวกเจ้าด้วย?”
 
ต้วนหลิงเทียนหยีตา
 
“เพราะนี่เป็นกฏ…ผู้ที่ขึ้นมายังมณฑลจิ่วโยวจะต้องถูกนำตัวไปยังแต่ละค่ายของกองทัพที่รับผิดชอบพื้นที่ส่วนนั้น และทำงานใต้บังคับบัญชาของกองทัพตามเวลาที่กำหนด”
 
ชายวัยกลางคนเกราะเงินกล่าว “มีเพียงผู้ที่ทำงานรับใช้ครบพันปีแล้วเท่านั้น ถึงจะได้รับอิสรภาพ”
 
“รับใช้พันปี…ถึงจะเป็นไท?”
 
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันที อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มกล่าวเย้ยออกมาว่า “ช่างเป็นกฏที่ครอบงำผู้คนเสียจริง…ถึงขั้นบีบคั้นให้เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่เป็นขี้ข้าถึงหนึ่งพันปี!”
 
“แต่…”
 
ทันใดนั้นเองสายตาต้วนหลิงเทียนก็กวาดมองไปยังสือฟูฉางทั้ง 8 ของกองทัพมังกรเงินรวมถึงหวังเวย พลางกล่าวออกเสียงเรียบว่า “ถึงข้าจะเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์หน้าใหม่ที่พึ่งขึ้นมายังแดนสวรรค์…ทว่าอาศัยพลังระดับพวกเจ้าคิดจะบีบคั้นข้า เห็นทีคงยาก”
 
ในบรรดาสือฟูฉางทั้ง 8 ที่อยู่ที่นี่ ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเซียนอมตะสวรรค์จันทร์ครามทั้ง 2 …
 
และอาศัยเซียนอมตะสวรรค์จันทร์คราม 2 คนหากคิดจะหยุดเขา พวกมันต้องมีวรยุทธ์ทั้งเวทย์พลังที่มีระดับสูงหน่อย หาไม่แล้วคิดรั้งเขาไว้คงเป็นไปไม่ได้
 
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สีหน้าท่าทีของทั้ง 8 ก็เปลี่ยนไปเป็นบิดเบี้ยวทันที
 
แต่ทว่าทันใดนั้น พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล
 
“หากเป็นก่อนที่พวกเราจะมา อาศัยพวกมันจริงอยู่ที่คงยากจะหยุดเจ้าเอาไว้ได้…แต่ตอนนี้หากเจ้าคิดไปก็หาได้ง่ายดายเช่นกัน!”
 
ได้ยินเสียงดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนย่นคิ้วเล็กน้อย ค่อยหันไปมองทางต้นเสียงทันที
 
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนจึงได้เห็นว่า
 
ห่างออกไปไกลๆปรากฏร่าง 2 ร่างกำลังทะยานข้ามฟ้ามาด้วยความเร็ว และเพียงเวลาไม่นาน พวกมันก็ลุมาถึงเบื้องหน้าเขา
 
ร่างทั้ง 2 มาในชุดเกราะสีเงินเช่นกัน
 
หนึ่งเป็นชายหนุ่ม ส่วนอีกหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน
 
อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะมาในชุดเกราะสีเงินเหมือนกัน แต่สัญลักษณ์ที่เด่นหราทั้งทอประกายเรืองๆบนเกราะสีเงินของพวกมันนั้น กลับเป็นมังกร 2 หัว!
 
ต่างจากตราสัญลักษณ์บริเวณอกของชายในชุดเกราะเงินทั้ง 8 ที่เป็นมังกรหัวเดียว
 
เผยให้รู้ว่าฐานะของพวกมันทั้งคู่เหนือกว่าทั้ง 8!
 
“คารวะท่านไป่ฟูฉาง”
 
“คารวะท่านไป่ฟูฉาง”
(ไป่ฟูฉาง = นายร้อย)
 

 
สือฟูฉางในชุดเกราะเงินทั้ง 8 รวมถึงหวังเวย เร่งทำความเคารพชายวัยกลางคนและชายหนุ่มผู้มาใหม่ทันที
 
“ให้มันได้ยังงี้สิ…”
 
แรกมองต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาได้แล้วว่าทั้ง 2 ไม่ธรรมดาแน่นอน พอเห็นชายทั้ง 8 รวมถึงหวังเวยคารวะทักทายรวมถึงวาจาที่ใช้เรียกหาด้วยเคารพนั่น ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าเขาเดาถูก
 
ซัว! ซัว!
 
ขณะเดียวกันนั้น ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะ 2 สายที่แผ่จากร่างผู้มาใหม่ทั้ง 2 มาทางเขา ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่าไป่ฟูฉางผู้ที่มีตราสัญลักษณ์มังกรสองหัวบนเกราะคิดตรวจสอบพลังฝึกปรือของเขา
 
และหลังจากที่สัมผัสได้ว่าสำนึกเทวของทั้งคู่ ให้กลิ่นอายพลังวิญญาณในระดับเดียวกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ต้วนหลิงเทียนก็เลิกให้ความสนใจทันที
 
ล้อกันเล่นหรือไร
 
กระทั่งอำนาจจิตสังหารที่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เขายังไม่กลัว!
 
นับประสาอะไรกับแค่สำนึกเทวะที่แผ่ออกมาเพื่อตรวจสอบเฉยๆ?
 
สำนึกเทวะของไป่ฟูฉางทั้ง 2 พอชำแรกเข้าร่างต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ตรงดิ่งไปยังดวงจิตของต้วนหลิงเทียนทันที อนิจจามันไม่อาจหยั่งถึงอะไรได้เพราะถูกแสงลี้ลับที่เรืองออกมาจากชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ของต้วนหลิงเทียนดูดกลืนไปเกลี้ยง!
 
วูบ! วูบ!
 
สีหน้าท่าทีของไป่ฟูฉางทั้ง 2 เปลี่ยนไปทันใด!
 
“ยอดเยี่ยม!”
 
ไป่ฟูฉางในรูปลักษณ์ชายวัยกลางคนหยีตามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความชื่นชม
 
“เพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะจากระนาบโลกียะที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียน…เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงเช่นเจ้า กลับรู้ทักษะปกปิดอันเลิศล้ำเช่นนี้!”
 
ไป่ฟูฉางอีกคนที่เป็นชายหนุ่มก็กล่าวออกมาเช่นกัน สองตายังมองเพ่งต้วนหลิงเทียนเขม็ง
 
“อะไร? หรือที่ไป่ฟูฉางทั้ง 2 มา..เพราะคิดหยุดไม่ให้ข้าไป?”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปเสียงเรียบ
 
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจแล้วว่าไฉนชายในเกราะสีเงินทั้ง 8 ถึงได้ตอบคำถามของเขาก่อนหน้าอย่างดี แลดูให้ความร่วมมือนัก
 
ที่แท้พวกมันได้แจ้งไปหาไป่ฟูฉางทั้ง 2 แต่แรก
 
ส่วนที่ไฉนถึงให้ความร่วมมือและตอบคำถามเขาแต่โดยดี ก็แค่ถ่วงเวลารอให้ทั้ง 2 มาถึง…
 
อย่างไรก็ตาม พวกมันคิดจริงๆเหรอ…
 
ว่าอาศัยไป่ฟูฉาง 2 คนจะหยุดเขาไม่ให้ไปได้?
 
ไร้เดียงสา!
 
ต้องทราบด้วยว่าพลังที่เขาเผยออกจนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้ใกล้เคียงกับพลังสูงสุดของเขาเลย!
 
‘เดิมทีจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของข้าคือระดับวิญญาณ…แต่ตอนนี้…’
 
พอนึกถึงชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์ที่ไปลอยอยู่ข้างๆดวงจิตอย่างประหลาด ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความมั่นใจนัก
 
ตอนที่เขาอยู่ในระนาบโลกียะเขาก็มีคิดไว้แล้ว
 
เมื่อมาถึงระนาบเทวโลกแห่งนี้ ด้วยเวทย์พลังทั้งหมดรวมถึงเคล็ดพลังจากยอดใจกระบี่ มันอาจทำให้เขาสามารถต่อสู้ข้ามระดับได้อย่างน่าเหลือเชื่อ…
 
อย่างไรก็ตามหากเขาเจอผู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงๆ จนทำให้เขาลงมือซัดชิ้นส่วนโลหะแตกๆนั่นออกมาบังขวางทักษะวิญญาณของพวกมันไม่ทัน เขาอาจจะพลาดท่าเสียทีตกตายได้
 
ทว่าตอนนี้ชิ้นส่วนโลหะดังกล่าวกลับเข้าไปอยู่ข้างๆดวงจิตของเขาอย่างพิสดาร และคอยแผ่พลังลี้ลับมาคุ้มครองดวงจิตเขาเอาไว้ ก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจทันที
 
เพราะเรื่องนี้หมายความว่า
 
ตราบใดที่ทักษะวิญญาณใดๆก็ตาม ไม่มีพลังอำนาจร้ายกาจสุดที่ชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี่จะรับมือได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัว!
 
เพราะทักษะวิญญาณเหล่านั้นถูกกำหนดให้ไม่มีวันทำร้ายเขาได้!
 
ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ตามหากคิดใช้ทักษะวิญญาณเล่นงานเขา หรือแม้กระทั่งคิดใช้สำนึกเทวะแผ่มาสำรวจพลังฝึกปรือของเขา สิ่งแรกที่มันต้องทำคือเอาชนะพลังลี้ลับของชิ้นส่วนโลหะพิศวงชิ้นนี้ให้ได้เสียก่อน!
 
‘ต้องเป็นพลังวิญญาณของตัวตนระดับใดกันถึงจะสามารถเอาชนะพลังอำนาจลี้ลับของชิ้นส่วนโลหะนี่ได้…จากความสามารถในการกลืนกินพลังวิญญาณอันน่ากลัวนั่น ไม่ใช่ว่ากระทั่งพลังวิญญาณของต้าหลัวจินเซียนมันก็กลืนได้ง่ายๆหรอกหรือ?’
 
และพอนึกถึงต้นกำเนิดส่วนหนึ่งของชิ้นส่วนประหลาด อันเป็นป้ายหยกที่ได้มาจากอาสามของเค่อเอ๋อ เซี่ยเจี๋ย ผู้ทรงพลังจากดินแดนแห่งทวยเทพ ต้วนหลิงเทียนก็พออนุมานได้
 
‘บางที…เกรงว่าต่อให้เป็นทักษะวิญญาณจากตัวตนขอบเขตจักรพรรดิสวรรค์ หากคิดจะทำร้ายอะไรข้าก็คงทำไมได้กระมัง!’
 
นึกถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็สว่างวาบขึ้นมาทันที
 
แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นต้วนหลิงเทียนคาดคิดไปเองเท่านั้น
 
เพราะสุดท้ายแล้ว จนกว่าที่ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิสวรรค์จะลองแผ่สำนึกเทวะมาตรวจสอบเขา หรือใช้ทักษะวิญญาณเล่นงานเขาจริง เขาก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง
 
ชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี่จะมีพลังอำนาจหยุดยั้งกลืนกินพลังวิญญาณของจักรพรรดิสวรรค์หรือไม่ ก็ต้องดูกันหน้างาน!
 
‘เมื่อครู่ตอนข้าเล่นงานหวังเวย…13 กระบี่บงกชฟ้าข้าใช้ไปแค่ 7 กระบี่มันก็ไร้หนทางต่อต้านแล้ว หากข้าใช้ทั้ง 13 กระบี่ยังจะมีพลังทำลายเหนือกว่าตอนนั้นถึง 2 ขีดขั้น’
 
‘นอกจากนั้นข้ายังมีอุปกรณ์เทพอย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่ไม่สมประกอบอีกเล่ม ซึ่งพลังของมันก็เทียบได้กับยอดสมบัติสวรรค์ชั้นเลิศ…ถึงแม้ข้าจะยังไม่รู้ว่าพลังอำนาจของมันร้ายกาจแค่ไหน แต่สมควรเป็นอะไรที่ยอดสมบัติสวรรค์ทั่วไปเทียบไม่ได้!’
 
‘และถึงข้าจะไม่ใช่กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน…หากลงมือเต็มกำลังตอนนี้ พลังอำนาจก็สมควรเทียบได้กับ จินเซียนตะวันเขียวที่ไม่ใช้วรยุทธ์เวทย์พลังทั้งยอดสมบัติสวรรค์…’
 
‘หากข้าใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนพร้อมด้วยทุกสิ่งที่มี…พลังของข้าสมควรมากพอจะเทียบได้กับจินเซียนตะวันม่วงที่ไม่ได้ใช้อะไรเลย’
 
เพราะครั้งหนึ่งต้วนหลิงเทียนเคยเป็นเจ้าของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติซึ่งเป็นยอดสมบัติสวรรค์ชั้นเลิศที่เสียหาย เขาจึงรู้…
 
ว่าพลังของยอดสมบัติสวรรค์ชั้นเลิศนั้น เหนือกว่ายอดสมบัติสวรรค์ทั่วไปมาก!
 
ยอดสมบัติสวรรค์ทั่วๆไป ก็มากพอจะยกระดับพลังของผู้ใช้ให้เพิ่มขึ้นไปเป็นขั้นแล้ว…
 
นับประสาอะไรกับยอดสมบัติสวรรค์ชั้นเลิศ?
 
‘แต่เป็นธรรมดาว่าหากข้าต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับจินเซียนตะวันม่วงขึ้นมาจริงๆข้าได้ดับอนาถแน่…เพราะตัวตนระดับจินเซียนตะวันม่วง ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่มันจะไร้ทักษะใดๆ รวมถึงอาวุธเซียนอมตะ…’
 
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้เรื่องนี้ดีแก่ใจ
 
‘เผลอๆ…หากเป็นจินเซียนตะวันเขียวที่แม้จะเชี่ยวชาญวรยุทธ์เซียนอมตะทั้งเวทย์พลังธรรมดาๆ แต่มียอดสมบัติสวรรค์ทั่วไป ข้าก็อาจจะสู้ไม่ได้…’
 
‘วรยุทธ์เซียนอมตะ ทั้งเวทย์พลังจู่โจมทั่วไปในระนาบเทวโลกอย่างดีก็เพิ่มพูนระดับพลังให้ได้อย่างละขั้น ไหนจะยังมีเวทย์พลังสนับสนุนอีก นี่ก็เพิ่มพลังให้พวกมันได้อีกขั้น…’
 
‘นอกจากนี้หากยอดสมบัติสวรรค์ทั่วไปของมันไม่ขี้เหร่เกินไป ก็ต้องเพิ่มพูนพลังให้ได้อีกขั้นหนึ่ง…ถึงตอนนั้นแม้พลังอำนาจของจินเซียนตะวันเขียวผู้นั้น จะยังไม่อาจเทียบได้กับต้าหลัวจินเซียนที่ไม่ได้ใช้ทักษะและอาวุธใดๆ แต่ก็ต้องยังเหนือกว่าจินเซียนตะวันม่วงที่ไม่ได้ใช้อะไรเหมือนกันแน่นอน…’
 
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังไม่แน่ใจว่า กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจะเสริมพลังอำนาจให้เขาได้แค่ไหน เขาจึงไม่กล้ายืนยันระดับพลังของตัวเอง
 
ในสภาพดังกล่าวพลังความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้สมควรเทียบได้กับ จินเซียนตะวันเขียวเท่านั้น!
 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด