War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2535

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2535 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,535 : มนุษย์ต่างดาว
 
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของหลงเจิ้นกั๋ว ในใจต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสั่นไหว
 
ที่แท้หลังจากที่เขาถูกหักหลังจนตายไปแล้ว ครูฝึกหลงที่ขาดการติดต่อกับเขา ถึงกับจัดทีมสืบสวนพิเศษเพื่อตามหาเขา…
 
ต้องทราบด้วยว่าตอนนั้นเขาได้ออกจากหน่วยแล้ว ไม่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของครูฝึกหลงอีกต่อไป แล้วก็ไม่ได้เป็นญาติกันด้วยซ้ำ…
 
มีเพียงมิตรภาพระหว่างบุคคลเท่านั้น
 
“ครูฝึกหลง เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงที่ผมหายตัวไปเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนค่อนข้างอธิบายยาก แถมยังน่าเหลือเชื่ออีกด้วย… ”
 
ต้วนหลิงเทียนมองหลงเจิ้นกั๋วด้วยสายตาจริงจังกล่าวออกเสียงหนัก “มีบางเรื่องที่จะเชื่อได้ ก็ต่อเมื่อต้องเห็นกับตาตัวเองเท่านั้น”
 
“ไอ้หนู! ในน้ำเต้าขายยาอันใดก็อย่าลีลา รีบบอกมาเถอะหน่า!”
 
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หลงเจิ้นกั๋วรู้สึกอยากรู้ไม่น้อย กล่าวเร่งออกมาเสียงห้วน
 
“ครูฝึกหลง…ถ้างั้นรบกวนท่านกับอีก 10 คนข้างหลัง…ไปเที่ยวกับผมสักหน่อยแล้วกัน”
 
ได้ยินเสียงเร่งคล้ายขาดความอดทนของหลงเจิ้นกั๋ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดต่อความยาวสาวความยืดอีก พูดจบคำก็สะบัดมือเบาๆคราหนึ่ง เปล่งพลังไร้สภาพหอบหิ้วร่างหลงเจิ้นกั๋วและอีก 10 คนให้ลอยขึ้นไปในอากาศทันที
 
“บิน…บินแล้ว!!”
 
“นี่มัน…ทำได้ยังไงกัน? ไม่ใช่พลังลมนี่นา!?”
 
“เขาไม่ใช่แค่บินได้คนเดียวเท่านั้น…แต่ยังทำให้พวกเราทั้ง 11 คนบินไปพร้อมกับเขาได้ด้วย!?”
 

 
เนื่องจากต้วนหลิงเทียนอยากให้ทุกคนเห็นเรื่องราวชัดๆ ก็เลยไม่ได้เหินร่างขึ้นไปด้วยความเร็วมากมายอะไร
 
จึงทำให้หลงเจิ้นกั๋วกับอีก 10 ขุนพล ได้เห็นเรื่องราวชัดเจนว่าตอนนี้ทุกคนกำลังลอยสูงขึ้นจากพื้นโลกมากขึ้นทุกขณะ!
 
ฐานทัพใหญ่โตเริ่มกลายเป็นจุดเล็กๆในสายตา แถมไม่นานก็เริ่มเห็นขุนเขาแม่น้ำในมณฑล…ทั้งหมดค่อยๆห่างไกลออกไป! ทุกสิ่งหดเล็กลงเรื่อยๆ!!
 
จนในที่สุด ในสายตาของทุกคนก็ปรากฏเป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินที่แลดูงดงาม…
 
ยิ่งไปกว่านั้นดาวเคราะห์สีน้ำเงินแสนงดงามเบื้องหน้าก็ค่อยๆห่างไกลออกไป และหดเล็กลงเรื่อยๆในสายตา…
 
สุดท้ายจนเมื่อทุกคนแลเห็นดาวเคราะห์สีน้ำเงินมีขนาดไม่ต่างอะไรจากลูกบาส ร่างทั้งหมดก็หยุดค้างกลางห้วงอวกาศ!
 
และทุกคนก็ตระหนักได้ ว่าตอนนี้ตัวเองได้ลอยล่องอยู่ในห้วงอวกาศ โดยมีพลังที่มองไม่เห็นหนึ่งกำลังปกป้องคุ้มครองเอาไว้
 
คนทั้ง 11 คนไม่เว้นหลงเจิ้นกั๋วตอนนี้ บังเกิดความหวาดกลัวไม่น้อย ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวอะไรวุ่นวาย
 
และห่างไม่ไกลออกไป ต้วนหลิงเทียน ก็ลอยล่องอยู่ไม่ห่าง สองมือไพร่หลังสองตามองจ้องไปยังโลกที่ตอนนี้มีขนาดเท่าๆลูกบาสเก็ตบอลอย่างสงบ
 
“ทำเรื่องแบบนี้ได้…มันแทบจะเป็นพระเจ้าแล้วไม่ใช่รึไง?”
 
ครู่ต่อมาหลงเจิ้นกั๋วกับอีก 10 คนก็ค่อยๆรู้สึกตัว มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง นอกจากความตกตะลึง ก็เต็มไปด้วยความยำเกรง
 
เรื่องแบบนี้ ใช่อะไรที่มนุษย์จะทำได้ด้วยเหรอ?
 
“ไอ้หนู…หมาป่าโลหิต”
 
กระทั่งในใจของหลงเจิ้นกั๋วยังอดไม่ได้ที่จะแตกตื่น จะเรียกต้วนหลิงเทียนว่าไอ้หนูอีกครั้ง ก็รู้สึกไม่ค่อยจะถูกสักเท่าไหร่
 
เพราะตอนนี้ในสายตาของมันชายหนุ่มในชุดสีม่วง มีพลังน่ากลัวราวกับเทพเลยทีเดียว
 
เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวมันก็ตระหนักไดทันทีถึงความแตกต่างระหว่างมันกับอีกฝ่าย ถึงแม้จะรู้ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นคนที่มันเคยฝึกมากับมือ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับมันอย่างสิ้นเชิง…
 
“ครูฝึกหลง ผมก็ยังเป็นหมาป่าโลหิตคนเดิม…ระหว่างเราไม่ต้องเกรงใจหรอก”
 
ต้วนหลิงเทียนที่เห็นความอึกอักของหลงเจิ้นกั๋ว ก็ยิ้มกล่าวออกมาอย่างเป็นกันเอง “ครูฝึกอยากถามอะไรก็ถามมาเลย…ถึงตอนนี้ผมจะมีพลังน่าเหลือเชื่อแค่ไหน ผมก็ยังเป็นเด็กปั้นครูฝึกนั่นล่ะ”
 
“ไอ้หนู…คราวนี้เธอทำให้ฉันหัวใจแทบวายแล้วจริงๆ”
 
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หลงเจิ้นกั๋วก็ไม่คิดเกรงใจอีกต่อไป ปั้นหน้าเข้มกล่าวออกมาอย่างขึงขังทันที “นี่เธอไปทำอะไรมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมากันแน่? หายหน้าหายตาไปหลายปีพอกลับมาอีกทีทำไมกลายเป็นเทพไปแล้วล่ะ?”
 
ถึงแม้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา หลงเจิ้นกั๋วจะคิดถึงเรื่องนี้บ่อยครั้ง
 
ว่าหากทหารมือพระกาฬที่มันปั้นมาคนนี้ไม่ได้หายตัวไปอย่างลึกลับเสียก่อน ความสำเร็จต้องไม่น้อยกว่ามันแน่นอน
 
แต่มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าอีกฝ่ายไม่เพียงแต่มีความสำเร็จไม่น้อยกว่ามัน อีกฝ่ายยังกลายเป็นตัวตนที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของมันไปแล้ว!
 
วิธีที่อีกฝ่ายเผยให้เห็นตอนนี้ ไม่ต่างอะไรจากเซียนอมตะในตำนานโบราณ หรือเทพเจ้าที่คนพูดถึงเลย!
 
ส่วนด้าน 10 คนที่ติดตามมาด้วย ตอนนี้สายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนนั้นไม่เพียงแต่จะอึ้ง พวกมันยังเต็มไปด้วยความเคารพนับถือจับใจ!
 
พวกมันเองก็นับถือเลื่อมไสในผู้เข้มแข็ง!
 
และพลังที่ชายหนุ่มชุดม่วงเผยออกมาให้เห็นนั้นสุดที่พวกมันจะหยั่งถึงได้จริงๆ ทั้งชีวิตคงทำได้แค่แหงนมองเท่านั้น!
 
“สมแล้วที่เป็นหมาป่าโลหิตหลิงเทียน! ราชันทหารรับจ้างหลิงเทียน! สุดยอด!!”
 
ผู้หญิงในชุดสูทสีน้ำเงิน อันเป็นนักรบเหนือธรรมชาติธาตุลม ตอนนี้สายตาที่นางใช้มองไปยังต้วนหลิงเทียน ไม่ต่างอะไรจากสายตาสาวน้อยที่ใช้มองไอดอลขวัญใจประหนึ่งสามีแห่งชาติอย่างคลั่งไคล้!
 
ตอนนี้หลิงเทียนที่นางเคยนับถือในอดีต ได้กลายเป็นตัวตนที่นางศรัทธาไปแล้ว!
 
กล่าวได้ว่าในใจของนาง ต้วนหลิงเทียนมีฐานะไม่ต่างพระเจ้า! ไม่ยอมให้ใครลบหลู่เด็ดขาด!!
 
“ครูฝึกที่จริง…เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน ผมได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว”
 
ได้ยินคำถามของหลงเจิ้นกั๋ว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
 
“ว่าไงนะ!?”
 
ไม่ว่าจะหลงเจิ้นกั๋วหรืออีก 10 คนด้านหลัง พอได้ยินประโยคเกริ่นของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ ก็ต่างพากันอึ้งทั้งฉงนใจทั้งสิ้น
 
ผู้ชายคนนี้…พึ่งบอกว่าเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน ตัวเองถูกฆ่าตายไปแล้วงั้นเหรอ?
 
แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าพวกมันเป็นอะไรเล่า?
 
ผีเรอะ?!
 
“ไอ้หนูหมาป่าโลหิต…ล้อเล่นแบบนี้ไม่ขำมั้ง…”
 
หลงเจิ้นกั๋วกล่าวออกด้วยสีหน้าบึ้งตึง เพราะคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังพูดเล่น
 
ตลกเหรอ!
 
ถ้าชายหนุ่มเบื้องหน้าตายไปตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อน แล้วจะมายืนอยู่ตรงหน้าได้ยังไง?
 
“ครูฝึกหลง เรื่องนี้ผมไม่ได้พูดเล่นนะ…”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา จากนั้นภายใต้สายตาที่มองมาด้วยความสงสัยทั้งไม่เข้าใจของหลงเจิ้นกั๋วและคนอื่นๆ เขาก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวออกมา “เมื่อหลายสิบปีก่อน ผมถูกนายหน้าที่ผมไว้ใจหักหลัง มันขายผมให้คนของประเทศ R สุดท้ายผมก็ตายที่ประเทศ R…อย่างไรก็ตามผมกลับโชคดี เพราะถึงร่างกายผมจะตายไปแล้วแต่วิญญาณของผมกลับได้ล่องลอยไปถึงโลกอื่น…”
 
“โลกใบนั้นเป็นโลกที่ผู้เข้มแข็งเป็นใหญ่ ไม่เพียงมีผู้ฝึกยุทธ์ ยังมีผู้ฝึกตนที่ต่อต้านวิถีสวรรค์ ลิขิตชะตาตัวเองด้วยสองมือและพลัง แสวงหาความเป็นอมตะ…ผมที่โชคดีได้เกิดใหม่ที่นั่น ก็ได้ฝึกฝนและใช้ชีวิตที่นั่นตลอดหลายสิบปีที่ผ่าน! และผมก็พึ่งเดินทางออกจากโลกใบนั้นจนมาที่นี่…”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวเล่าเรื่องราวสำคัญๆออกไป
 
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเล่าว่า นายหน้าที่ทรยศหักหลัง และขายเขาให้ประเทศ R จนตายนั้น ก็คือ ตู้เวย ผู้นำองค์กรหัตถ์มาร หลงเจิ้นกั๋วและอีก 10คนด้านหลังก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
 
องค์กรหัตถ์มารนั้นเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับพวกมันได้!
 
และตู้เวย ยังเป็นศัตรูชั่วชีวิตของหลงเจิ้นกั๋ว ผู้นำองค์กรของพวกมัน!
 
กระทั่งหลงเจิ้นกั๋วยังบอกเองว่า ครั้งหน้าที่ต้องปะทะกับตู้เวย เกรงว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่คู่มือตู้เวยอีกต่อไป!
 
ดังนั้นตลอดช่วงที่ผ่านมา พวกมันรู้สึกกดดันอย่างยิ่งยวด…
 
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงรู้จักมวยจิตฉบับสมบูรณ์ได้…ที่แท้มันเคยเป็นนายหน้าให้เธอนี่เองเจ้าหนู แถมตำรามวยจิตฉบับสมบูรณ์ของมัน เธอยังเป็นคนคัดลอกให้ซะงั้น…”
 
หลงเจิ้นกั๋ว ตระหนักเรื่องราวได้ทันที
 
“รุ่นพี่หลิงเทียนครับ!”
 
ตอนนี้เองชายหนุ่มคนหนึ่ง ในบรรดาคนทั้ง 10 ด้านหลังหลงเจิ้นกั๋ว พลันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรงกล่าวว่า “ในเมื่อตอนนั้นตู้เวยมันกล้าหักหลังทำให้รุ่นพี่ต้องตาย…ถ้างั้นวันนี้รุ่นพี่ไปฆ่ามันให้ตายเพื่อล้างแค้นเลยเถอะ! กลับไปถึงโลกผมจะให้ทีมระบุตำแหน่งปัจจุบันมันทันที!!”
 
“ด้วยพลังของรุ่นพี่ตอนนี้ คิดฆ่ามันให้ตาย…ผมว่าคงง่ายเหมือนของเด็กเล่นใช่ไหมครับ?”
 
หลังจากที่ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยความคึกคักฮึกเหิมจบคำ คนอื่นๆก็พยักหน้าเห็นด้วย
 
“เจ้านั่นมันตายแล้วล่ะ”
 
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ กล่าวออกเสียงค่อย “เรื่องแรกที่ผมทำหลังกลับมาโลก ก็คือฆ่ามันเพื่อล้างแค้นนี้ล่ะ”
 
ขณะกล่าววถึงตรงนี้ ต้วนหลิงเทียนก็หยิบป้ายหยกขึ้นมาบดขยี้ทิ้งป้ายหนึ่ง
 
หลังจากนั้นไม่ทันไร ก็บังเกิดม่านแสงขึ้นกลางห้วงอวกาศ และเริ่มมีภาพเคลื่อนไหวฉายขึ้นให้หลงเจิ้นกั๋วและอีก 10 คนเห็นชัดถนัดตา
 
ภาพเรื่องราวในม่านแสงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ฉายมาถึงฉากเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนพาตู้เวยมาถึงดาวเคราะห์รกร้างว่างเปล่า อันมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าโลกถึง 5 เท่า…
 
ครู่ต่อมา หลงเจิ้นกั๋วกับทุกคนก็ได้เห็นฉากอันยากจะลืมเลือน…
 
ต้วนหลิงเทียนเพียงผลักฝ่ามือออกไปตามอำเภอใจ แต่กลับระเบิดดาวเคราะห์ที่ดูใหญ่กว่าโลกนั่นให้แหลกเป็นฝุ่นอวกาศได้อย่างง่ายดาย!
 
และหลังจากที่เห็นฉากทำลายล้างดังกล่าวว
 
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
 

 
หลงเจิ้นกั๋วและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ตอนนี้ทั้งหมดตื่นตระหนกตกใจถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก!
 
ถึงแม้เอาแค่เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพาพวกมันมาลอยล่องในห้วงอวกาศได้แบบนี้ จะทำให้พวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนมีพลังเหนือสามัญสำนึกไปแล้ว
 
แต่พวกมันก็ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่ากระทั่งดาวเคราะห์ที่ดูเหมือนจะใหญ่กว่าโลกขนาดนั้น ต้วนหลิงเทียนยังตบเปรี๊ยงเดียวบึ้ม!
 
นี่ไม่ได้หมายความว่า…
 
หากต้วนหลิงเทียนต้องการ ก็ตบโลกให้แตกได้ในฝ่ามือเดียวรึไง?!
 
“เอ่อ…ดาวเคราะห์นั่น…มันใหญ่กว่าโลกมากใช่ไหม?”
 
หลงเจิ้นกั๋วอดไม่ได้ที่จะหันไปมองถามต้วนหลิงเทียน
 
“ครับ”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวออกด้วยสีหน้าสงบ “เส้นผ่านศูนย์กลางของมันใหญ่กว่าโลก 5 เท่านิดๆ…”
 
พอได้ฟังหลงเจิ้นกั๋วกับทุกคนก็สะอึกไปเล็กน้อย
 
และหลังจากนั้น ทุกคนก็ได้เห็นว่าฉากเรื่องราวในม่านแสงได้ดำเนินมาถึงจุดจบแล้ว เป็นฉากที่ตู้เวยแข็งตายในห้วงอวกาศทั้งสุดท้ายยังแตกสลายเป็นละอองปลิวหายไปในห้วงอวกาศอันมืดมิด…
 
เรื่องนี้พวกมันไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีชีวิตรอดในห้วงอวกาศโดยไร้อุปกรณ์
 
“ถึงเจ้าตู้เวยนั่นมันจะตายไปแล้ว…แต่เท่าที่ฉันสืบมา ดูเหมือนมันจะได้ลอบติดตั้งระเบิดนิวเคลียไว้ทั่วทุกมุมโลก…เห็นว่าหากมันไม่ติดต่อไปหรือสัญญาณชีพดับไปครบ 30 วัน…ทหารเดนตายของมันจะทำการจุดชนวนระเบิดทั่วโลกทันที…”
 
พูดถึงจุดนี้หลงเจิ้นกั๋วก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตื่นตระหนก ค่อยถามต่อว่า “ไอ้หนู นี่เธอฆ่าตู้เวยไปนานแค่ไหนแล้ว?”
 
“10 กว่าวัน…”
 
หลังตอบกลับไป ต้วนหลิงเทียนที่เห็นหลงเจิ้นกั๋วชักสีหน้าแตกตื่นก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวพลางยิ้มกล่าวต่อว่า “แต่ครูฝึกหลงไม่ต้องเป็นห่วงนะ…ก่อนที่ผมจะไปหาครูฝึก ผมได้จัดการแก้ปัญหาเรื่องระเบิดนิวเคลียอะไรนั่นไปแล้วเรียบร้อย ตอนนี้ที่โลกไม่เหลือภัยคุกคามอะไรจากมันแล้วล่ะ”
 
“ดี! ดี! ดีมาก!!”
 
หลงเจิ้นกั๋วพอได้ฟังก็อดมได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หลังจากนั้นแผ่นหลังมันก็ยืดตรง ยกมือขึ้นทันทยหัตถ์ให้ต้วนหลิงเทียน “สหายหลิงเทียน ขอขอบคุณในทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเพื่อโลก!”
 
ขวับ! ขวับ! ขวับ!
 

 
ในขณะที่หลงเจิ้นกั๋วยืนตรงทำความเคารพอย่างทหาร ทั้งกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียนด้วยคำพูดเป็นทางการมากเคารพ อีก 10 คนด้านหลังก็ทำความเคารพต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทางแข็งขัน
 
ตอนนี้สายตาที่พวกมันใช้มองต้วนหลิงเทียนยิ่งมาก็ยิ่งร้อนแรงทั้งชื่นชมมากขึ้นเรื่อยๆ
 
“ครูฝึกหลง ผมในฐานะชาวโลกคนหนึ่ง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมต้องทำอยู่แล้ว”
 
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม
 
หลังกล่าวจบครู่หนึ่ง สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง เปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามออกมาว่า “ที่ผมมาหาครูฝึกหลงวันนี้ยังมีอีกเรื่อง เป็นเรื่องมนุษย์ต่างดาวที่นำอารยธรรมมามอบให้โลกเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน…จนโลกเกิดความเปลี่ยนแปลงดั่งผ่าน ห้วงแห่งการนิพพาน…”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด