War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2465

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2465 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,465 : เค่อเอ๋อ!!
 
“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น?!”
 
ม่านหมอกที่เคยปกคลุมมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนเดิมทีมันก็สงบดี ทว่าตอนนี้มันกลับปั่นป่วนประหนึ่งลาวาที่กำลังเดือดพล่าน อีกทั้งยังแผ่กลิ่นอายยากอธิบายออกมา
 
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหยุดมองชมเรื่องราวเบื้องหน้า
 
ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว! ฟู่ว!
 

 
ทันใดนั้นเองเสียงดั่งสายลมแรงพัด พลันดังขึ้นจนคล้ายในม่านหมอกมีพายุเกิดขึ้น
 
ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนล้วนได้ยินเสียงลมแรงดังกล่าวทั้งสิ้น และไม่ทันที่จะได้ตอบสนองเรื่องราวใดๆ
 
อยู่ดีๆม่านหมอกเบื้องหน้าก็สลายหายไปบางส่วน!
 
มันพัดกระจายหายไปกับสายลม!
 
ไม่เพียงพัดม่านหมอกจนกระจัดกระจายหายไป ยังพัดมาตีปะทะใบหน้าต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่และจางยี่ที่อยู่ใกล้ๆอย่างจัง
 
จากนั้นก็กวาดผ่านออกไปโดยรอบ จนทำให้เสื้อผ้าของเหล่าเซียนอมตะเสเพลเริ่มกระพือโบกสะบัด
 
หลังสายลมสาดไปพักหนึ่งจึงค่อยสงบลง
 
“นั่นมัน…”
 
หลังจากที่ม่านหมอกและสายลมแรงเริ่มซาลงแล้ว ต้วนหลิงเทียนจึงได้เห็นว่า
 
อาณาบริเวณกว้างขวางที่ถูกม่านหมอกปกคลุม บัดนี้ค่อยๆเผยให้เห็นถึงสิ่งที่เคยถูกปกปิด!
 
ไม่ไกลเริ่มปรากฏเงาร่างลึกลับสิบกว่าร่างให้เห็นรางๆ
 
และเมื่อสายตาของต้วนหลิงเทียนกับพวกรวมถึงกลุ่มคนด้านหลัง เริ่มจับจ้องไปยังร่างที่ค่อยๆเผยตัวออกมาจากม่านหมอกตรงหน้า…
 
“เอ๋!? สำนึกเทวะข้าเหมือนจะส่งผ่านเข้าไปได้บางจุดแล้ว…หรืออาคมปิดกั้นพลังวิญญาณของมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนจะเริ่มสลายตัวไปแล้ว!?”
 
เซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งโพล่งอุทานออกมาดังลั่น ทำราวกับมันได้ค้นพบทวีปใหม่
 
ได้ยินคำอุทานดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ลองแผ่สำนึกเทวะของตัวเองออกไปทันที
 
ทันใดนั้นสำนึกเทวะเขาแต่เดิมที่ถูกปิดกั้นไว้โดยม่านหมอก เมื่อมันไม่มีม่านหมอกแล้วก็สามารถแผ่ขยายออกไปได้มีเพียงจุดที่หมอกยังอยู่เท่านั้นที่ส่งเข้าไปไม่ได้!
 
‘ม่านหมอกที่ปกคลุมอยู่สมควรเป็นหมอกอาคมปิดกั้นชนิดหนึ่ง…เมื่อมันสลายหายไปสำนึกเทวะข้าจึงไม่ถูกปิดกั้นอีก’
 
‘แต่เมื่ออาคมปิดกั้นมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนเริ่มสลายไปแบบนี้ก็หมายความว่า…มีคนได้รับมรดกของต้าหลัวจินเซียนไปแล้ว!’
 
คิดถึงจุดนี้หน้าของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนสีไปไม่น้อย
 
ถึงแม้เขาจะเคยคิดแล้ว ว่าเขาอาจจะมาไม่ทันเข้าร่วมช่วงชิงมรดกต้าหลัวจินเซียน
 
เพราะอย่างไรเขาก็ได้เสียเวลาไปมากโข ตอนที่ติดอยู่ในพระราชวังใต้ดิน
 
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะมีคิดแบบนั้นไว้บ้าง แต่ก็คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็นความจริงขึ้นมา!
 
มาตอนนี้เขาตระหนักได้แล้ว…
 
ผลลัพธ์เลวร้ายที่สุดที่เขาคิดไว้ มันกลับกลายเป็นความจริง…มรดกต้าหลัวจินเซียนถูกคนอื่นชิงตัดหน้ารับสืบทอดไปเรียบร้อย!
 
แต่ต้นจนจบเขาไม่มีโอกาสเข้าไปแข่งขันอะไรด้วยซ้ำ!
 
‘สารเลวเอ๊ย!’
 
สีหน้าต้วนหลิงเทียนตอนนี้ยิ่งมายิ่งอัปลักษณ์ปั้นยาก!
 
ขณะเดียวกันก็เริ่มบังเกิดความรู้สึกเสียใจขึ้นมา ที่ดันฆ่าเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นนั่นอย่างหมดจดให้มันไปสลายเกินไป ไม่ได้ทรมานมันให้เจ็บปวดก่อนตาย!
 
เพราะสุดท้ายแล้วเหตุผลที่ทำให้เขาพลาดมรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์ครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย ก็เพราะเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่าวิญญาณคบแน่นนั่น…มันลากถ่วงเขาไว้ถึง 2เดือน!
 
“ค่ายกลหมอกทั้งอาคมปิดกั้นเริ่มหายไปแล้วแบบนี้…หมายความว่ามีคนได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียนแล้วงั้นรึ!?”
 
เซียนอมตะเสเพลบางคนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
 
“มรดกต้าหลัวจินเซียน…มีผู้สืบทอดเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?!”
 
“ข้าหลงคิดว่าในเมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงที่นี่แล้วมรดกต้าหลัวจินเซียนต้องเป็นของมันแน่…แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะไม่ทันได้เข้าไปในมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนด้วยซ้ำ”
 
“น่าเสียดาย…น่าเสียดายที่ต้วนหลิงเทียนผู้นี้มาช้าเกินไป”
 

 
ท่ามกลางบทสนทนาของเหล่าเซียนอมตะ เริ่มปรากฏชื่อต้วนหลิงเทียนดังขึ้น และสายตาหลายต่อหลายคนยังเริ่มหันมองมาที่เขาด้วยสายตาเสียดาย
 
แน่นอนว่าในสายตาของบางคนไม่ได้มีวี่แววเสียดายดั่งปาก ยังเผยความสมใจราวกับยินดีที่ได้เห็นเขาผิดหวัง
 
สีหน้าต้วนหลิงเทียนยิ่งปั้นยากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบนินทาดังกล่าว
 
หากเขาไม่ได้มาช้าไป ด้วยพลังของเขาตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถแข่งขันเพื่อช่วงชิงมรดกต้าหลัวจินเซียนกับเขาได้เลย…
 
อนิจจาตอนนี้จะพูดอะไรก็สายเกินไป
 
เพราะเขามาช้าไป!
 
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…”
 
จังหวะนี้หานเฉวี่ยไน่ที่อยู่ห่างย่อมเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของต้วนหลิงเทียนดี จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเป็นห่วง กล่าวเรียกเบาๆ
 
“ข้าไม่เป็นไร”
 
เสียงเรียกของหานเฉวี่ยไน่ ได้ดึงสติที่เหม่อลอยของต้วนหลิงเทียนให้กลับมาแจ่มใสอีกครั้ง ใบหน้าปั้นยากของเขาเริ่มคลี่คลาย ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มจางๆ กล่าวพลางยักไหล่เบาๆ “เป็นข้ามาช้าเกินไปก็เท่านั้น…ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีวาสนากับมรดกต้าหลัวจินเซียนนี่ ช่างมันเถอะ”
 
แม้เมื่อครู่จะรู้สึกยากยอมรับอยู่บ้าง
 
แต่เมื่อกลับมามีสติแล้ว เขาก็สามารถปล่อยวางเรื่องราวได้ไม่ยาก
 
มาช้าไป? ไม่ได้รับมรดก?
 
ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้ว จะทุกข์ใจไปมันก็เท่านั้น แล้วจะคิดมากไปให้ได้อะไรขึ้นมา?
 
“ท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่า!!”
 
ทันใดนั้นเองปรากฏเสียง้รองเรียกดังขึ้นมาจากส่วนลึกของม่านหมอกที่กำลังจางหายเข้าหูทุกคน
 
ฟุ่บ!
 
จากนั้นทุกคนจึงได้เห็นว่า
 
เสียงเรียกไม่ทันขาดคำดี ก็มีร่างหนึ่งเหินออกมาจากม่านหมอกเบาบางที่กำลังจะหายไปในไม่ช้าด้วยความเร็วปานกระต่ายเปรียว
 
พริบตาก็ปรากฏตัวสู่สายตาของทุกคน
 
เป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างปานกลางใบหน้าแลดูไม่โดดเด่นอะไรมากมาย
 
พริบตามันก็ไปหยุดลงเบื้องหน้าเซียนอมตะเสเพลผู้หนึ่ง ก่อนที่จะโค้งคารวะด้วยความนอบน้อม
 
“เจ้าหนูที่พึ่งออกมาจากหมอกนั่น…เป็นผู้ที่รอดชีวิตจากมรดกต้าหลัวจินเซียนงั้นหรือ?”
 
ตอนนี้เองเซียนอมตะเสเพลบางคนอดไม่ได้ที่จะอุทานกล่าวออก
 
ทันใดนั้นสายตาของเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลาย ก็มองจ้องไปยังเงาร่างเลือนรางนับสิบหลังม่านหมอกที่ค่อยๆสลายตัวไปทันที
 
“ไม่รู้ว่าในบรรดาพวกนั้นจะมีศิษย์สำนักข้ารึเปล่า…”
 
ในขณะที่เซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งกล่าวพึมพำเบาๆ สองตามันก็จับจ้องไปยังร่างเลือนรางหลังม่านหมอกนับสิบๆ โดยหวังว่าจะพบเจอศิษย์ในสำนักของมัน
 
มรดกสถานต้าหลัวจินเซียนแม้มากโอกาสวาสนาแต่ก็มากอันตรายเช่นกัน
 
ครั้งสุดท้ายที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก จากบันทึกที่ส่งต่อกันมา เห็นว่าอัจฉริยะที่ได้หวนกลับออกมาจากมรดกสถานต้าหลัวจินเซียน ยังมีไม่ถึง 3 ส่วนด้วยซ้ำ…
 
ตอนนี้เหล่ากลุ่มเซียนอมตะเสเพลที่มาเฝ้ารออยู่ หลายคนนักที่มีลูกหลานหรือเหล่าศิษย์ที่เข้าไปช่วงชิงภายในมรดกสถานต้าหลัวจินเซียน ต่างก็หวังว่าทุกคนจะรอดกลับออกมาครบสามสิบสอง และได้เก็บเกี่ยวอะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง
 
สำหรับเรื่องสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียนนั้น เหล่าผู้ที่มาจากขุมพลังทั่วไปย่อมไม่กล้าคิดฝัน
 
ลูกหลานเหล่าศิษย์ของพวกมันพลังฝีมือฝีมือไม่ได้ร้ายกาจอะไรขนาดนั้น จึงรู้ดีว่ายากที่จะได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียน!
 
แน่นอนว่าเหล่าเซียนอมตะเสเพลบางคนรู้เรื่องนี้ดีจึงไม่กล้าคิดฝัน แต่เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มาจากขุมพลังใหญ่โตย่อมไม่คิดแบบนั้น….
 
เพราะตอนนี้ในบรรดาเซียนอมตะเสเพลที่รอคอยอยู่ มีมากหน้าหลายตานักที่มาจากขุมพลังระดับแนวหน้าของแต่ละมหาระนาบโลกียะ…
 
‘หวังว่าเจ้าหนูนั่นจักได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนมาครอง…อย่างไรพลังฝีมือมันก็เทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์…’
 
เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์คนหนึ่งลอบกล่าวอย่างวาดหวังในใจ
 
เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ผู้นี้มาจากระนาบฉีอวิ๋น และขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังมันก็เป็น 1 ในขุมพลังระดับสูงของระนาบฉีอวิ๋น ศักดิ์ศรีเทียบได้กับสำนักเทียนซือ ฮัวกั่วซาน และหมู่บ้านเกาเหล่าของระนาบเหยียนหวง!
 
เป็นธรรมดาว่าในบรรดาเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายไม่ได้มีมันคิดหวังในใจแบบนี้คนเดียว…
 
ตอนนี้มีเซียนอมตะเสเพลอยู่ 2-3 คนที่แม้พลังฝึกปรือจะปานกลางไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย แต่ศิษย์จากขุมพลังของพวกมันก็เข้าไปช่วงชิงด้านในนั้นเช่นกัน แต่พวกมันไม่มีไข่มุกวิญญาณของศิษย์อยู่กับตัว เพราะไข่มุกวิญญาณอะไรพวกนั้นจะอยู่กับเหล่าอาวุโสระดับสูงที่เป็นผู้นำชนชั้นเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ขึ้นไปเท่านั้น
 
เพียงแค่อาวุโสเหล่านั้นไม่ได้มาอยู่ที่นี่
 
แดนลับต่างสวรรค์กว้างใหญ่ไพศาลนัก ถึงแม้ว่าข่าวของมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนจะแพร่ออกไปแล้ว หากแต่ก็ไม่สามารถแพร่ไปทั่วแดนลับต่างสวรรค์ได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
 
ดังนั้นเซียนอมตะเสเพลหลายคนที่อยู่ห่างไกลจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามรดกสถานต้าหลัวจินเซียนปรากฏขึ้นแล้ว นับประสาอะไรกับตำแหน่งที่ตั้งของมรดกสถานต้าหลัวจินเซียน!
 
สำหรับเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มารวมตัวกันที่นี่ เป็นเพราะก่อนหน้าพวกมันอยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก พอได้รู้ว่ามีมรดกสถานต้าหลัวจินเซียนปรากฏขึ้น จึงรีบมาที่นี่ทันที
 
หลังจากที่พวกมันเร่งรุดมาถึงแล้ว ต่างก็พากันบดขยี้ป้ายหยกสื่อสารกันยกใหญ่
 
อย่างไรก็ตามด้วยลักษณะพิเศษของแดนลับต่างสวรรค์ ป้ายหยกสื่อสารของพวกมันก็มีขอบเขตติดต่ออันจำกัดนัก สามารถแจ้งเตือนให้แก้ผู้ที่อยู่ในวงรัศมีแคบๆอันเป็นละแวกนี้เท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะสามารถแจ้งให้ผู้ที่อยู่ไกลห่างได้ทราบทั้งหมด
 
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้…
 
จำนวนเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มารอคอยอยู่ที่นี่ มีไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วนของเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่เข้ามาด้วยซ้ำ!
 
“ไม่รู้ว่าพวกเทียนหวู่จะอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นด้วยรึเปล่า…”
 
ในขณะที่เหล่าเซียนอมตะเสเพลมองไปยังเงาร่างนับสิบๆหลังม่านหมอกบางๆที่เจียนสลายตัวไปจนหมด ต้วนหลิงเทียนเองก็มองจ้องไปไม่ต่าง ด้วยหวังว่าจะพบเฟิ่งเทียนหวู่และสหายคนอื่นๆท่ามกลางเงาร่างที่ว่า
 
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังมองสำรวจอยู่นั้น
 
“พี่สาวเค่อเอ๋อ!!”
 
เสียงอุทานทักของหานเฉวี่ยไน่พลันดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ทำให้ใจต้วนหลิงเทียนสะท้านไปทันใดร่างยังถึงกับสะดุ้งสะเทือนไปอย่างไม่รู้ตัว
 
“เค่อเอ๋อ!?”
 
“ไม่มีทาง!”
 
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินเสียงของหานเฉวี่ยไน่และคิดว่าเค่อเอ๋อไม่มีทางมาอยู่ที่นี่ได้…
 
เขาก็พบว่าจากไกลตาในจุดที่เขาไม่ทันสังเกต ปรากฏเงาร่าง 4 คนกำลังเหินมาทางเขา
 
ไม่นานนักร่างทั้ง 4 ก็ประจักษ์ชัดในสายตา
 
เค่อเอ๋อ!
 
ก่านหรูเยี่ยน พี่สาวเค่อเอ๋อ!
 
เฟิ่งเทียนหวู่!
 
มู่อีอี!
 
“คะ…เค่อเอ๋อ เข้ามาด้วยจริงๆ!?!”
 
พอได้เห็นเค่อเอ๋อ สีหน้าท่าทีสงบใจเย็นแต่เดิมของต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปมหันต์! แววตายังฉายชัดถึงความหวาดกลัวจับใจ!!
 
เขาไม่อาจไม่กลัว!
 
แดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้อันตรายถึงเพียงไหนตัวเขาไหนเลยจะไม่รู้ แล้วด้วยพลังฝึกปรือของเค่อเอ๋อต่อให้จะติดตามก่านหรูเยี่ยนมา แต่อีกฝ่ายก็สมควรเป็นแค่เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์เท่านั้น จะมีปัญญาสามารถอะไรดูแลคุ้มครองเค่อเอ๋อได้! กระทั่งตัวนางเองยัง 9 ตาย 1 รอดด้วยซ้ำ!!
 
ฟุ่บบ!!
 
ร่างต้วนหลิงเทียนไหววูบทันใด ก่อนที่พริบตาต่อมาจะแปรเปลี่ยนไปคล้ายกระสุนปืนใหญ่พุ่งไปต้อนรับการมาของสตรีทั้ง 4!
 
เมื่อสตรีทั้ง 4 หยุดร่างลงเพราะต้วนหลิงเทียนวูบมาปรากฏเบื้องหน้า ด้านต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้มองไปที่เค่อเอ๋อคนแรก หากแต่จับจ้องไปยังก่านหรูเยี่ยนที่ยิ้มร่าอยู่ข้างๆเค่อเอ๋อก่อนใคร
 
“ก่านหรูเยี่ยน!!”
 
สายตาที่ใช้มองก่านหรูเยี่ยนของต้วนหลิงเทียนมันช่างเย็นชานัก เสียงกล่าวยังห้วนแข็งใงอำมหิตถึงขีดสุด “ใครให้เจ้าพาเค่อเอ๋อเข้ามาในนี้!?”
 
“หากข้ารู้แต่แรกว่าเจ้าจะสะเออะพาเค่อเอ๋อเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์…ข้าคงไม่มีวันยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้เจ้า!!”
 
“เจ้าไม่รักชีวิตคิดรนหาที่ตายก็ช่างหัวเจ้า…แต่อย่าได้ลากเค่อเอ๋อเข้ามาเกี่ยว!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด