War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2450

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2450 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,450 : ว่านโช่วเทียน!
 
แกรก แครก!
 

 
เสียงโลหะกระทบดังขึ้นแผ่วเบา เป็นเด็กหญิงตัวน้อยในชุดสีทองลองติดตั้งกรงเล็บเหล็กดู
 
ซุ่ม! ซู่ม! ปงงง!!
 

 
หลังจากนั้นเด็กหญิงตัวน้อยในชุดทองก็ลองจู่โจมความว่างเปล่าเบื้องหน้าอย่างดุดัน จนบังเกิดเสียงแหวกสายลมอันน่ากลัว ทั้งอากาศแตกระเบิดจนทิ้งร่องรอยไว้เป็นทาง!
 
แต่ยังเห็นได้ว่า…
 
แม้กรงเล็บจะทิ้งร่องรอยไว้ในอากาศ แต่ยังไม่ร้ายกาจถึงขั้นฉีกเปิดรอยแยกมิติได้
 
แต่ไม่ใช่เพราะเด็กหญิงตัวน้อยอ่อนแอหรือกรงเล็บเหล็กในมือไร้อำนาจอะไร ทั้งหมดเป็นเพาะพื้นที่ทั้งกฏเกณฑ์มิติของแดนลับต่างสวรรค์แข็งแกร่งเกินไป!
 
ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ ต่อให้เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ลงมือเต็มกำลัง ก็ไม่อาจฉีกเปิดความว่างเปล่าสร้างรอยแยกมิติอะไรได้
 
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
 

 
เสียงสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บดังขึ้น เป็นเหล่ารุ่นเยาว์ทั้งเซียนอมตะเสเพลรอบๆอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของเด็กหญิงตัวน้อย เพราะพลังอำนาจหลังนางใช้ออกด้วยกรงเล็บเหล็กนั่นชวนให้ขนลุกนัก…
 
เด็กหญิงตัวน้อยชุดทองนางนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเสี่ยวจินจากระนาบเซียนนั่นเอง
 
นอกจากนี้ยังเป็นอดีตหนูสวรรค์นัยน์ตาหยกที่ติดต้วนหลิงเทียนแจในกาลก่อน
 
เป็นธรรมดาว่าตอนนี้เสี่ยวจินไม่ใช่หนูสวรรค์นัยน์ตาหยกอีกแล้ว แต่ได้วิวัฒนาการเป็น ‘หนูกลืนสวรรค์เนตรสีชาด’ เป็นที่เรียบร้อย
 
ตอนนั้นแม้เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋จะพุ่งเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ในเวลาไล่เลี่ยกัน
 
หากาแต่หลังนางเข้ามาแล้วนางก็พบว่าไม่มีใครติดตามนางมาเลย นางมาปรากฏตัวเพียงลำพังในสถานที่แปลกตาแห่งหนึ่งในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ และหลังจากที่เดินทางไปสักพักนางก็ดึงดูดความสนใจของผู้ที่พบเจอไม่น้อย กระทั่งเหล่าผู้ที่คิดร้ายกับนางก็ถูกนางตบตายหมดทั้งสิ้น…
 
วันนี้นางมีโชคไม่น้อยที่บังเอิญได้ยินว่ามีสมบัติสถานระดับโลกอยู่แถวนี้
 
พอได้ยินข่าวลือดังกล่าวนางก็เร่งรุดมาที่นี่ทันที จึงได้พบว่า…
 
ในบรรดาผู้ที่กำลังช่วงชิงสิทธิ์ถือครองยอดสมบัติสวรรค์กันอยู่…
 
ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์! และเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ผู้นั้นก็สยบคนอื่นด้วยพลังฝึกปรือและเตรียมจะยึดครองกรงเล็บเหล็กนี้ไว้…เสี่ยวจินที่อยากได้เช่นกันเลยพุ่งไปตบเปรี๊ยงเดียว เซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ผู้นั้นก็ตัวแตกตาย ร่างยังสลายกลายเป็นละอองพลังหายไปในสวรรค์และโลกทันที
 
“มองไร! พวกเจ้าอยากได้กรงเล็บเหล็กในมือข้าหรือ…คิดจะแย่งของๆข้ากันอยู่ล่ะสิ!?”
 
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาร้อนแรงที่มองมาจากทั่วสารทิศ เสี่ยวจินที่กำลังลองอาวุธอย่างสนุกสนานก็หยุดลง ค่อยหยีตามองไปรอบกายด้วยรอยยิ้มแก้มตุ่ย ก่อนที่จะชูมือน้อยๆโบกกรงเล็บเหล็กไปมาพลางถามออก
 
เสี่ยวจินตอนนี้ช่างแลดูน่ารักน่าเอ็นดูคล้ายไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสรรพชีวิตนัก!
 
ทว่ารอยยิ้มแก้มตุ่ยของเสี่ยวจินในสายตาของผู้คนโดยรอบ ช่างไม่ต่างใดจากยิ้มของมารร้ายตัวน้อยแม้แต่นิดเดียว พวกมันเร่งส่ายหน้าหลบตากันเป็นแถบ ด้วยกลัวว่าหากยังจ้องต่อเดี๋ยวจะโดนดีเอา
 
“ฮัยยา น่าเบื่อจริง! ใจไม่สู้เลย…”
 
เมื่อเห็นว่าทุกคนได้แต่หนีหน้าหลบตา บ้างยังเร่งรุดเหินร่างจากไปทันที เสี่ยวจินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายจากนั้นนางก็ไม่คิดหยอกเย้าอะไรต่อ เพียงเก็บกรงเล็บเหล็กก่อนที่จะเหินร่างหายไปในพริบตา
 
แต่ต้นจนจบเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายเพียงหยุดยืนอยู่นิ่งๆมองแผ่นหลังน้อยๆของเสี่ยวจินจากไปจนลับตา ไม่มีความกล้าคิดลงมือช่วงชิงแม้แต่น้อย
 
“เอ๋!? พี่ใหญ่หลิงเทียน…ทุบตีเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์จนตายได้แล้ว!?”
 
ไม่นานเสี่ยวจินที่เดินทางไปทั่วอย่างไร้จุดหมายก็ได้รับทราบข่าวลือดังกล่าวจากผู้ที่บังเอิญเหินร่างผ่านมา
 
ถึงแม้หลายคนจะคิดว่านี่เป็นเพียงข่าวลือไร้มูลความจริง
 
อย่างไรก็ตามนางไม่คิดแบบนั้น
 
“ฮั้ย คิดว่าตอนนี้จะเก่งกว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้วซะอีก…แต่ไม่คิดเลยว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนจะเหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ไปแล้ว แถมฆ่ามันตายได้ในท่าเดียวอีก”
 
“แบบนี้หมายความว่าอย่างน้อยพี่ใหญ่ก็มีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แล้วสิ!”
 
เสี่ยวจินกล่าวพึมพำ
 
อย่างไรก็ตามนางไม่ได้อิจฉาหรืออะไรเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งเหนือกว่านาง จะมีก็แต่ความยินดีจากใจเท่านั้น
 
“พลังพี่ใหญ่หลิงเทียนเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แล้วหรือ?”
 
“พี่ใหญ่หลิงเทียน…ร้ายกาจขนาดนี้เชียว!”
 
ไม่นานหลังจากที่เสี่ยวจินได้รับข่าว ด้านเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็ได้รับข่าวเช่นกัน
 
และตอนนี้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็ได้เจอกันแล้ว
 
ทั้งคู่อย่างไรก็เป็นพี่น้องฝาแฝดกัน เมื่อพลังฝีมือสูงถึงระดับหนึ่งจึงมีความสามารถในการรับรู้ถึงสายเลือดเดียวกันได้แม้จะห่างกันไกลเพียงไหน
 
ถึงจะเป็นแดนลับต่างสวรรค์อันกว้างใหญ่ปานจะไร้ขอบเขต ทั้งคู่ก็สัมผัสได้ถึงตำแหน่งของอีกฝ่าย
 
เช่นนั้นจึงหากันเจอได้ไม่ยาก
 
และตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้ยินข่าวลือเรื่องพี่ใหญ่หลิงเทียนของพวกมัน
 
“ตั้งแต่ที่พี่ใหญ่ออกจากสมบัติสถานระดับสวรรค์…นั่นหมายความว่าในมือพี่ใหญ่ย่อมมีเบาะแสไปยังมรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์รอบนี้อยู่”
 
เรื่องนี้เสี่ยวเฮยก็เดาได้ไม่ยาก
 
“ถ้างั้นพวกเรารีบไปกันต่อเถอะ…ด้วยเบาะแสในสมบัติสถานระดับมนุษญ์ที่พวกเราได้มา หากไปต่อเรื่อยๆ ต้องได้เจอพี่ใหญ่หลิงเทียนแน่”
 
เสี่ยวไป๋มองเข็มทิศในมือด้วยสองตาเป็นประกาย จากนั้นค่อยเอ่ยชวนเสี่ยวเฮยก่อนที่จะเหินร่างออกไปทันที
 
เสี่ยวเฮยก็เร่งเหินร่างติดตามไปอย่างไม่รอช้า
 
……
 
ณ ว่านโช่วเทียน หนึ่งในเก้าเก้า 81 ระนาบเทวโลก
(ว่านโช่วเทียน = สวรรค์หมื่นสัตว์ร้าย)
 
ในสถานที่แห่งหนึ่งของว่านโช่วเทียน
 
ภายในห้องโองอันกว้างใหญ่ทั้งวิจิตงดงามราวโถงพระราชวัง ปรากฏร่างสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ โดยมีสตรีอีกนางนั่งอยู่ในเก้าอี้ถัดลงมา
 
ตอนนี้สตรีในชุดแดงที่มีรูปร่างหน้าตาชวนให้บุรุษเพศหลงใหลและนั่งถัดลงมาจากบัลลังก์ขั้นหนึ่งอยู่ๆก็ขมวดคิ้ว คล้ายสัมผัสได้ถึงเรื่องราวผิดท่าประการหนึ่ง
 
“หืม? มีอะไรหรือ?”
 
ต่างจากสตรีที่มีรูปร่างหน้าตาชวนให้หลงใหลเย้ายวนราวปีศาจชุดแดง สตรีที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มาในชุดสีคลุมสีเขียวอ่อน ผู้มีใบหน้าสวยสง่ามากราศีทั่วร่างยังให้ความรู้สึกสูงศักดิ์ยากจะกล่าว ช่างต่างจากสตรีชุดแดงราวคนละขั้ว
 
“ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกพี่หญิง…”
 
ได้ยินคำของสตรีชุดเขียวอ่อน สตรีชุดแดงแม้กล่าวปฏิเสธพลางส่ายหัวไปมา หากแต่ในสายตายังฉายความกังวลใจประการหนึ่ง
 
“หากไม่มีอะไรแล้วเจ้าจะทำหน้าแบบนี้เหรอ…มีอะไรก็ว่ามาเถอะ ใช่เรื่องเร่งด่วนหรือไม่?”
 
สตรีชุดเขียวอ่อนยิ้มถามออกมา และยามนางยิ้มช่างให้ความรู้สึกเสมือนมวลบุปผานานาพรรณพร้อมใจกันเบ่งบานนัก ยังชวนให้ผู้คนรู้สึกเสมือนมีสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านก็ไม่ปาน…
 
“มีสหายน้อย 3 คนหลังจากได้รับมรดกในบ่อโลหิตสืบทอดของพวกเราแล้ว แต่ไม่เพียงไม่ขึ้นมายังระนาบเทวโลกทันที…พวกมันกลับเข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์! ผู้ตรวจสอบจึงแจ้งให้ข้าไปรับพวกมันมาที่ว่านโช่วเทียน…”
 
สตรีชุดแดงกล่าวพลางมองไปยังสตรีชุดเขียวด้วยสีหน้าลังเล “แต่ข้าไม่ได้เจอพี่หญิงมาตั้งนาน…ข้าไม่อยากเดินทางตอนนี้นี่นา”
 
“เด็กโง่”
 
สตรีชุดเขียวส่ายหน้าไปมาด้วยรอยยิ้ม “น้องหญิงเจ้าไปทำธุระเถอะ รีบไปนำตัวพวกมันมาเสีย…ข้าเองก็อยากรู้นักว่าสหายน้อยตัวไหนทั้งๆที่ได้รับมรดกจากบ่อโลหิตสืบทอดแล้วไม่เพียงแต่ยังรั้งอยู่ในระนาบโลกียะ แต่ดันทะลึ่งเข้าไปช่วงชิงในแดนลับต่างสวรรค์แบบนี้”
 
โดยปกติแล้วสำหรับระนาบโลกียะนั้น อาศัยแค่มรดกที่ได้รับจากบ่อโลหิตสืบทอดก็เป็นอะไรที่สูงล้ำ สุดที่ผู้คนในระนาบโลกียะจะเทียบได้แล้ว ผู้ที่ได้รับจึงมักจะเลือกขึ้นสู่ระนาบเทวโลกทันที
 
เป็นธรรมดาว่ายังมีบางคนที่รั้งอยู่ในระนาบโลกียะต่อสักพัก เพื่อจัดการธุระปะปัง
 
อย่างไรก็ตาม มีน้อยคนนักที่ยังจะเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ทั้งๆที่ได้รับมรดกไปแล้ว…
 
ก่อนอื่นเลย เป็นเรื่องยากนักที่แดนลับต่างสวรรค์จะบังเอิญเปิดขึ้นในช่วงเวลานั้นพอดี
 
ประการที่สองก็คือผู้ที่ได้รับมรดกกในบ่อโลหิตสืบทอดแล้ว ปกติจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์เด็ดขาด!
 
เพราะตามกฏของแดนลับต่างสวรรค์นั้น ผู้ที่จะเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ได้ ต้องเป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับสืบทอดมรดกใดๆจากระนาบเทวโลกเท่านั้น
 
เหตุผลที่ในแดนลับต่างสวรรค์ตรากฏนี้ขึ้นมา เพราะต้าหลัวจินเซียนเจ้าของมรดกในแดนลับสวรรค์แต่ละรอบ ไม่อยากให้เกิดเรื่องได้รับมรดกสืบทอดซ้ำซ้อน จนเกี่ยวพันกับต้าหลัวจินเซียนคนอื่นกระทั่งมีสัมพันธ์กับระนาบเทวโลกอื่นๆ
 
และสหายน้อยที่สตรีชุดแดงกล่าวถึงก็คือพวก เสี่ยวจิน เสี่ยวเฮย และเสี่ยวไป๋นั่นเอง
 
หลังจากที่ทั้ง 3 ได้รับมรดกจากบ่อโลหิตสืบทอดแล้ว ก็เสมือนได้ถูกตีตราโดยผู้ที่หลอมกลั่นบ่อโลหิตสืบทอดดังกล่าว
 
ตามกฏแดนลับต่างสวรรค์แล้ว ในเมื่อท่านมีสังกัดแต่แรก ย่อมไม่อาจเข้ามาช่วงชิงอันใดจากผู้ที่ด้อยโอกาสได้อีก!
 
เพราะถ้าถูกพบเจอขึ้นมา ไม่เพียงจะถูกทำลายพลังบ่มเพาะและชับออกจากแดนลับต่างสวรรค์เท่านั้น เผลอๆยังจะถูกประหารให้เป็นเยี่ยงจะได้ไม่มีคนเอาอย่าง!!
 
แน่นอนว่ามีน้อยคนนักในระนาบโลกียะที่จะล่วงรู้กฏดังกล่าวของระนาบต่างสวรรค์
 
ดังนั้นตลอดหลายปีที่ผ่านก็ย่อมมีผู้ที่ได้รับมรดกมาก่อนแล้ว เข้าไปในแดนลับต่างสวรรค์โดยไม่รู้เรื่องมากมาย
 
ในบรรดาคนเหล่านั้น หลายคนก็ถูกพาตัวออกจากแดนลับต่างสวรรค์ เพื่อไปส่งยังกองกำลังเจ้าของมรดกที่พวกมันได้รับสืบทอดมาถึงระนาบเทวโลกต้นสังกัด บางคนก็ถูกผู้ตรวจสอบในแดนลับต่างสวรรค์ขับไล่ออกไป
 
บางคนดวงกุดเจอผู้ตรวจสอบดุร้ายเข้าหน่อยก็ถูกประหารทิ้งทันที
 
ด้วยความพิเศษของแดนลับต่างสวรรค์ ผู้ตรวจสอบที่ทำหน้าที่อยู่ในแดนลับต่างสวรรค์นั้น โดยมากแล้วจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์
 
หากตายในมือตัวตนดังกล่าวก็ยากที่จะไปร้องเรียนอะไรได้
 
เพราะไม่มีใครในขุมกำลังใดของระนาบเทวโลก จะกล้าตอแยตัวตนอย่างจักรพรรดิสวรรค์เพียงเพื่อผู้สืบทอดมรดกตัวเล็กๆที่ยังไม่มีคุณค่าอะไรมากมาย
 
ดังนั้นโดยปกติแล้ว หากพบว่าสหายน้อยที่ได้รับสืบทดมรดกขุมพลังของตัวเองเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์อย่างไม่รู้ความ คนในขุมกำลังเจ้าของมรดกจะต้องเร่งรุดไปรับตัวสหายน้อยไม่รู้ความเหล่านั้นมาก่อนที่จะถูกผู้ตรวจสอบพบเจอ
 
ตอนนี้สตรีชุดแดงก็พึ่งได้รับคำสั่งจากผู้ตรวจสอบคนหนึ่ง
 
ในสายตาของผู้คนจากระนาบโลกียะนั้น แดนลับต่างสวรรค์ไม่เพียงมีมรดกของต้าหลัวจินเซียน ยังมียอดสมบัติสวรรค์และเวทย์พลังทั้งวรยุทธ์เซียนอมตะดีงามมากมาย
 
ดังนั้นพวกมันจึงพากันคิดไปว่า
 
แดนลับต่างสวรรค์นั้นถูกเปิดออกโดยต้าหลัวจินเซียน…
 
แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น!
 
แดนลับต่างสวรรค์นั้นเดิมทีถูกสร้างขึ้นด้วยฝีมือของ จักรพรรดิสวรรค์ทั้ง 81 องค์ ตัวตนสูงสุดในบรรดา 81 ระนาบเทวโลกตั้งแต่โบราณ ยังอยู่ภายใต้การดูแลจัดการของจักรพรรดิสวรรค์ทั้ง 81 องค์โดยตรง
 
เป็นสถานที่ดั่งเวทีคัดเลือกให้เหล่าต้าหลัวจินเซียนทั้งหลายค้นหาผู้สืบทอด จะได้ไม่ต้องมาต่อยตีแย่งชิงผู้คนที่พึ่งขึ้นสู่แดนสวรรค์กันให้วุ่นวายราวนักเลง…
 
และเพื่อที่จะจัดการแดนลับต่างสวรรค์ให้เป็นระเบียบ ไม่ให้มีความเหลื่อมล้ำมากมาย จักรพรรดิสวรรค์แต่ละองค์ก็จะส่งตัวแทนของตัวเองไปทำหน้าที่ ‘ผู้ตรวจสอบ’ ที่จะคอยสอดส่องดูแลกฏระเบียบภายในแดนลับต่างสวรรค์
 
เป็นธรรมดาว่าผู้ตรวจสอบแต่ละคน ต้องรับผิดชอบดูแลแดนลับต่างสวรรค์นับพันๆแห่งด้วยตัวคนเดียว
 
ทั้งหมดเพราะมีแดนลับต่างสวรรค์มากมายเกินไป
 
“เช่นนั้นพวกเราไปด้วยกันเถอะพี่หญิง…ข้าเองก็ได้ยินรายงานมาว่าศักยภาพของสหายน้อยทั้ง 3 ที่รับมรดกของบ่อโลหิตสืบทอดครานี้ไปไม่เลวเลยทีเดียว พวกเราต้องรับพวกมันมาว่านโช่วเทียนให้ได้”
 
สตรีชุดแดงหันไปกล่าวชวนสตรีชุดเขียว
 
แม้ฟังแล้วสตรีชุดแดงคล้ายกล่าววาจากับสตรีชุดเขียวอ่อนอย่างเป็นกันเอง แต่ฟังจากน้ำเสียงของนางก็บอกได้ทันที
 
ว่านางเคารพนับถือสตรีชุดเขียวอ่อนเป็นอย่างมาก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด